ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บันทึก Medularizฉบับที่2 รูปปั้นหิน
บันทึกMedulariz ฉบับที่ 2
ปริศนารูปปั้นหิน
“ แฮ่ก.ๆ ๆ ๆ...นี้ก็เย็นมากแล้ว เราเดินกันมาตั้งแต่เช้าแล้วนะครับนายท่าน แล้วที่สำคัญเราเดินกันมาไกลมากแล้วนะครับ ผมว่าตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกมาใหม่พรุ่งนี้ดีกว่าไหมครับ ...ท่านอดัม ” ฮีมิสส์พูดกับอดัมด้วยความเป็นห่วง
“ ฮีมิสส์! นายก็รู้ว่าเรามีเวลาไม่มากนัก เราต้องหามันให้เจอ เราสู้ค้นหาและเก็บส่วนผสมทุกอย่างจนครบขาดเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้นทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ อย่าบ่นให้มากนักเลย นายเอาแต่บ่นอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะหาเจอล่ะ เอ้า !อย่ามัวแต่บ่น เรามาช่วยกันหามันดีกว่า” อดัมหัวเราะแล้วหันไปหาสิ่งนั้นทันที
“ นายท่านคิดจริงๆหรือครับว่ามันมีจริง ถึงแม้มีจริงแล้วพอเราหามันเจอ มันจะได้ผลจริงๆ เราใช้เวลาในการหามันมาหลายปีแล้วนะครับ ” ฮีมิสส์หันมาพูดกับอดัมด้วยสีหน้ากังวลมาก
“ แน่นอน มันต้องได้ผลซิ ! ฉันใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหามัน มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันมีชีวิตต่อไปได้ อย่าท้อสิฮีมิสส์ ตอนนี้เราขาดเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นนะฮีมิสส์”
“ ครับนายท่าน ผมจะสู้เพื่อนายท่าน ไงเราก็สู้กันมาจนขั้นสุดท้ายล่ะ หากันต่อเถอะครับ ” ฮีมิสส์เอามืดออกมาทำสัญลักษณ์ไว้ตลอดทางที่เดินมา ฮีมิสส์ทำเพื่อจะได้เป็นเครื่องชี้ทางเพื่อไม่ให้หลงป่า
เปรี้ยง !!!!! แปะ... แปะ... แปะ.... ซ่า....................
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมสายฝนที่ตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ลมพายุโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างหนัก ต้นไม้ใบหญ้าในป่าโอนเอนไปมาดูหน้ากลัว ตอนนี้ท้องฟ้าดูมืดคลึ่มดำสนิทยิ่งทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูน่าขนลุกอย่างหน้าแปลกใจ
“ ฝนตก ! ตกได้ยังไงกัน ก่อนออกมาก็ตรวจสภาพอากาศแล้วนี้ วันนี้ไม่น่าจะมีฝนตกได้นะ” อดัมพูดด้วยสีหน้าที่แปลกใจมาก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อน และเขาก็ได้ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเข้าป่าทุกครั้ง มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่อดัมจะแสดงสีหน้าประหลาดใจได้มากเช่นนั้น
“ ถ้ำครับคุณท่าน นั้น! อยู่หลังน้ำตกเราเข้าไปหลบฝนกันก่อนดีกว่าครับ”
ทั้งสองวิ่งผ่านสายฝนเข้าไปในถ้ำเล็กๆที่อยู่ด้านหลังน้ำตกทั้นที ภายในนั้นอากาศเย็นเฉียบ อากาศอับชื้น แต่กลับมีกลิ่นหอมพัดมาเป็นระยะๆ
“ ฝนดูท่าแล้วน่าจะหยุดยากนะครับนายท่าน ถ้ำนี้น่าจะเป็นที่พักให้เราได้จนถึงเช้านะครับ ” ฮีมิสส์มองหน้าเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเขาเริ่มมองไปรอบๆบริเวณถ้ำใต้น้ำตก กลิ่นหอมนั้นได้ลอยมาอีกเป็นระรอบทำให้ทั้งสองสอดสายตาไปทางที่กลิ่นนั้นพัดมา อดัมสังเกตุเห็นแสงไฟส่องประกายสว่างออกมาจากช่องเล็กๆ ในถ้ำแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้าไปไกล้ๆ ก็ต้องตกใจในสิ่งที่เห็น
“ ฮะ.... ฮี....ฮีมิสส์ นั้น ! เห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม ”
“ หะ..เห็น ครับนายท่าน ดูมันซิครับมันสวยงามมากเลยครับ”
ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของคนทั้ง 2นั้น คือ ม้ายูนิคอร์นสีขาวตัวใหญ่ มีดวงตาดำสนิท กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นถ้ำ ขนสีขาวด้านบนตัวของยูนิคอร์นเมื่อส่องประกายออกมาจะกระทบกับละอองน้ำในถ้ำทำให้เมื่อเกิดการหักเหของแสงเกิดเป็นละอองสายรุ้งฟุ่งกระจายล้อมรอบตัวของมัน
“ ดูมันซิฮีมิสส์ ตัวมันใหญ่มาก ฉันไม่เคยเห็นสัตว์อะไรที่สวยขนาดนี้มาก่อน” อดัมเขยิบเข้ามาไกล้ๆมัน
“ นี้มันยูนิคอร์นนี้ฮีมิสส์! ตามตำนานมันเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ลงไปในยุคสมัยของโนอาร์แล้วไม่ใช่หรอ ” อดัมเดินเข้าไปยืนข้างๆ ยูนิคอร์นตัวนั้นอย่างสนอกสนใจมาก เจ้าม้ายูนิคอร์นคงเกิดอาการตกใจ มันพยายามลุกขึ้น แต่.. อดัมก็ได้สังเกตเห็นว่าเจ้ายูนิคอร์นตัวนี้มันมีเลือดไหลออกมาอย่างมาก มันกำลังเจ็บปวด ! เลือดของมันมีสีเขียวมรกตไหลออกมาไม่ยอมหยุด นอกจากนั้นเขายังสังเกตเห็นว่าเขาของยูนิคอร์นที่อยู่บนหัวตรงกลางหน้าผากนั้นเริ่มกลายเป็นสีแดงกล่ำ เหมือนเลือดคน
“ เจ้านาย !!! ดูนี้ซิครับ มันมีลูกด้วยครับ ” ฮีมิสส์ชี้ให้อดัมดูหลังก้อนหินที่เจ้ายูนิคอร์นน้อยหลบอยู่
“ ไหนดูซิ ! กลิ่นหอมที่เราได้กลิ่นมาจากเจ้าตัวเล็กนี้ซินะ แม่มันเลือดไหลออกมามากกขณะคลอดเจ้าตัวเล็กนี้แน่ๆ ” ฮีมิสส์อุ้มมันขึ้น อดัมรีบมองไปในอ้อมแขนของฮีมิสส์ทันที เขาก็เห็นลูกยูนิคอร์นตัวหนึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่ ใช่!.มันปลอดภัย แถบดูมันแข็งแรงมากด้วย มันมีลำตัวสีขาวสะอาด ตาสีฟ้าใส ปีกของเจ้ายูนิคอร์นน้อยนั้นแปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนกับเขาที่หัวของมันเปล่งประกายเป็นสีชมพูอ่อนๆระยิบระยับเหมือนมีเพรชประดับอยู่โดยรอบเช่นกัน
“ เราต้องช่วยแม่มันก่อนนะฮีมิสส์ ในกระเป๋ามีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ หยิบมันออกมาให้ฉันห้ามเลือดมันก่อนเร็ว ”
ทั้ง 2 ได้พยายามช่วยชีวิตแม่ของยูนิคอร์นน้อยไว้อย่างเต็มที่ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หนึ่งชีวิตเกิดใหม่ แต่ทำให้อีกหนึ่งชีวิตต้องจากโลกนี้ไป เมื่อเขาที่อยู่บนหัวของแม่ยูนิคอร์นน้อยเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำ มันก็ได้เสียชีวิตร่างกายของมันก็กลับกลายเป็นรูปปั้นหินโดยทันที ตามตำนานของยูนิคอร์น ยูนิคอร์นสามารถตั้งท้องนานถึงเป็นเวลา9ปี แล้วจึงคลอดลูกออกมา เมื่อใดที่คลอดลูกยูนิคอร์นตัวแม่จะต้องเสียชีวิตไป จะต้องกลายเป็นรูปปั้นหินไปในที่สุด
“ นายท่าน !!! เจ้ายูนิคอร์นน้อยเริ่มมีอาการแปลกๆครับ ตัวมันสั่นมากเลยครับ แถมมันยังเอาแต่วิ่งไปที่หินเอาเขาบนหัวมันทิ่มไปที่รูปปั้นหินแม่ของมันใหญ่เลยครับ เหมือนมันกำลังปลุกให้แม่มันมีชีวิตต่อไปนะครับ ”
“ ก็คงเป็นสัญชาตญาณของความผูกผันของแม่กับลูก แม่มันตายมันคงเสียใจมาก ฮีมิสส์! ฉันว่าจะเอามันไปเลี้ยง นายว่าดีไหม ”
“ เป็นความคิดที่ดีครับนายท่าน ” ฮีมิสส์มองไปที่เจ้าลูกยูนิคอร์นน้อยเขาของมันเริ่มเปลี่ยนสี “ นายท่าน ! สังเกตที่เขาของมันซิครับ ดูมันหมองๆ นะครับ ”
“ ฉันว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ฮีมิสส์ออกไปดูซิว่าตอนนี้ฝนหยุดแล้วหรือยัง เราต้องรีบกลับบ้านกันแล้วล่ะ ”
ฮีมิสส์วิ่งไปหน้าปากถ้ำทันทีหลังได้รับคำสั่ง ฝนหยุดตกแล้วแต่ตอนนี้ดึกมากมากซะจนไม่สามารถมองเห็นทางได้เลย
“ นายท่านครับฝนหยุดตกแล้วครับ แต่เราคงต้องพักที่นี้ซักคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเดินทางกลับบ้านดีกว่าครับ เพราะนี้ก็มืดจนมองไม่เห็นแล้ว”
“ ฮิมิสส์แล้วเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้ล่ะ ดูมันอาการไม่ค่อยดีเลยฉันกลัวว่าเราจะช่วยมันไม่ได้อีก เหมือนแม่ของมัน เอาเถอะ ... ฉันได้แต่ขออย่าให้มันเป็นอะไรไปเลยนะ” อดัมสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยคุ้มครองเพื่อไม่ให้เจ้ายูนิคอร์นน้อยเป็นอะไรไป
ถึงแม้จะไม่ได้กลับบ้านในคืนนี้ แต่ทั้ง 2 ก็ไม่ได้นอนเลยแต่อย่างใด ต่างช่วยกันดูแลเจ้ายูนิคอร์นตัวน้อยอย่างประคบประหนม เพราะกลัวว่ามันจะทำลายตัวเองอีก อดัมนั้งกอดยูนิคอร์นน้อยแล้วคอยสังเกตอาการของมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้อดัมเริ่มรู้สึกรักและผูกพันกับเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้มาก
……รุ่งเช้า…….
ท้องฟ้าสดใสสายรุ้งทอดยาวมาหน้าปากถ้ำ แสงแดดอ่อนๆส่องสว่างเข้ามาในตัวถ้ำอย่างช้าๆ
“ ฮ้าววว....เช้าแล้ว เราเริ่มมองเห็นทางเดินแล้ว ฮีมิสส์เราออกเดินทางกลับบ้านกันเลยดีกว่า ดูซิเจ้ายูนิคอร์นน้อยยังหลับปุ๋ยอยู่เลย ”
ทั้ง 2 พายูนิคอร์นน้อยเดินออกจากถ้ำโดยทันที พวกเขาได้เดินกลับไปตามทางที่ฮีมิสส์ได้ทำสัญลักษ์เอาไว้ การออกป่าในครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งสิ่งที่ต้องทำ และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองได้แต่เงียบแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบเดินไปให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด
ไม่ช้า พวกเขาก็เดินมาถึงบ้านในที่สุด เวลาผ่านมาแค่คืนเดียวกับช่วงเวลาที่ไม่นานมากนัก เจ้ายูนิคอร์นน้อยได้ตัวโตและใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ ฮีมิสส์ว่าเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีล่ะ ”
“ ชื่อ.... พอลร่าไงครับเจ้านาย เพราะมันเป็นตัวเมีย ชื่อก็ต้องให้ดูเป็นตัวเมียหน่อยว่าดีไหมครับ ”
“ พอลร่า เหรอ... ฉันว่ามันก็ดีนะ ” อดัมมองไปที่ยูนิคอร์นน้อย เอามือลูบไปที่ลำตัวของมัน
“ ว่าไง ยูนิคอร์นน้อยชอบไหม ฉันจะเรียกเจ้าว่า พอลร่านะ ” เจ้ายูนิคอร์นน้อยทำท่าทางเหมือนไม่ชอบชื่อนี้เอาซะเลย มันสายหน้าไปมาเหมือนฟังอดัมรู้เรื่อง
“ มันคงไม่ชอบชื่อนี้นะฮีมิสส์ เอาคิดใหม่ซิ! ”
“ งั้น เอาชื่อว่า แซร์ร่ามูนมั้ยครับ ผมว่าลำตัวมันมีแสงส่องประกายอยู่ตลอดเวลาเหมือนดวงจันทร์นะครับ ดีมั้ย? ”
“ ฉันว่าชื่อนี้ก็ดีนะ แต่...มันยาวไปมั้ย? เอางี้ล่ะกัน เราเรียกมันว่าแซร์ร่าเฉยๆดีกว่านะ ชอบมั้ยแซร์ร่า ”
“ ดูเหมือนมันจะชอบชื่อนี้นะ ดูมันซิกางปีกกระพือใหญ่เลย ” เจ้าแซร์ร่าท่าทางดีใจกับชื่อใหม่นี้ มันกระโดดไปมา ดูเหมือนว่ามันจะลืมเรื่องแม่มันไปแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้เหมือนว่ามันจะคิดว่าอดัมเป็นแม่ของมันไปซะแล้ว
ตั้งแต่เจ้าแซร์ร่ายูนิคอร์นตัวน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ อดัมดูจะมีความสุขมากเข้าทิ้งการทุกอย่างวันๆเอาแต่เล่นและดูแลเจ้าแซร์ร่าซึ่งเจ้าแซร์ร่าเองก็โตขึ้นทุกวัน จน...กระทั้งวันหนึ่ง
“ นายท่านครับ.... อยู่ไหนครับ? นายท่าน... ” ฮีมิสส์ออกตามหาอดัมทุกซอกทุกมุมของบ้าน ก็ไม่เจอทำให้ฮีมิสส์กังวลมาก
เพร้ง!!! มีเสียงดังมาจากหลังบ้าน
“ ใครน่ะ ? ใครอยู่ตรงนั้น ” ฮีมิสส์ได้ยินเสียงกระถางต้นไม้แตก เขาจึงรีบเดินออกไปดูทันที
“ ชะ..ช่วยด้วย ชะ...ชะ...ช่วย ฉันด้วย ฮีมิสส์ ” ชายที่อยู่ตรงหน้าฮีมิสส์คืออดัม ร่างของเขาสลบอยู่บนพื้น ฮีมิสส์เห็นดังนั้นจึงรีบนำร่างของอดัมเข้าบ้านทันที
“ คุณท่านครับ ! คุณท่าน ! เป็นอะไรไปครับ ” ฮีมิสส์เอายาดมมาให้อดัมเพื่อหวังว่าอดัมคงฟื้นในไม่ช้า
“ อืออออ ....”
“ คุณท่านฟื้นแล้ว! ผมนึกว่าจะต้องเสียท่านไปซะแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ท่านหายไปไหนมาครับ แล้วแซร์ร่าล่ะครับท่าน ”
“ ฮีมิสส์ นายยังจำตำราชุบชีวิตเล่มนั้น ที่เราตั้งใจทำตามทุกขั้นตอนเพื่อสกัดยาชุบชีวิตได้หรือเปล่า ”
“ จำได้ครับท่านอดัม ”
“ มันเป็นตำราที่ฉันตั้งใจจะใช้ในการชุบชีวิตตัวเองเมื่อฉันตาย เพราะฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 5 ปี เราช่วยกันพยายามค้นหาทุกส่วนผสมจากทุกหนทุกแห่ง จนถึงส่วนผสมอย่างสุดท้าย ซึ่งเราสองคนก็ออกตามหามาหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าส่วนผสมอย่างสุดท้ายอยู่ที่ไหน ฉันจึงออกป่าอีกครั้งเพื่อค้นหามัน ฉันขี่เจ้าแซร์ร่าบินไปในถ้ำแห่งหนึ่งแห่งหนึ่ง มันอยู่หลังเชิงเขาฝังนู้น พอเข้าไปในถ้ำฉันพบหีบใบหนึ่ง ฉันคิดว่า สิ่งนั้นมันต้องอยู่ในหีบนี้แน่ๆ พอฉันเปิดหีบออก ฉันกับแซร์ร่าก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลับไป พอรู้สึกตัวก็ไม่รู้ว่าไปโผล่ที่ไหน ที่นั้นทุกอย่างถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะขาวไปหมด ฉันออกเดินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับแซร์ร่า ที่นั้นหนาวมากจนแซร์ร่าไม่สามารถที่จะบินได้ แต่พอเราเดินไปได้ซักพักใหญ่น้ำแข็งนั้นก็ค่อยๆละลาย แล้วก็กลายเป็นพื้นทะเลทรายทันที นายรู้ไหมว่าช่วงเวลาที่ฉันอาศัยอยู่นั้นมันยาวนานเหลือเกิน จนวันหนึ่งฉันกับแซร์ร่าออกเดินหาอาหาร ฉันก็ได้พบกับสิ่งนั้นที่เราเฝ้าค้นหามานานหลายปีมันอยู่ที่นั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เก็บมันมา มีอสุรกายตนหนึ่งมันเข้าโจมตีแซร์ร่าอย่างหนักจนบาดเจ็บมาก ตอนนั้นฉันหันไปเห็นกระจกเก่าบานหนึ่งหวังว่าจะเอามันมาเป็นอุปกรณ์ในการช่วยแซร์ร่าในการต่อสู้กับเจ้าอสูรตนนั้น แต่พอฉันแค่สัมผัสมัน ฉันก็เหมือนถูกดูดเขามาอยู่ในถ้ำหลังเชิงเขาอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหนื่อยมากจนฉันหมดแรงสลบลงไปบนพื้นทันที พอรู้สึกตัวขึ้น ฉันก็ไม่เห็นแซร์ร่า มันไม่ได้กลับมาพร้อมกับฉัน ฉันจึงจะกลับไปที่นั้นอีกครั้ง ฉันพยายามไปที่หีบใบนั้นอีกรอบ แต่.. หีบนั้นถูกเปิดออกแล้ว ทำให้ไม่สามารถที่จะกลับไปได้อีก ฉันทำอะไรไม่ถูกจึงเดินกลับมาบ้านหวังว่าจะหาหนทางกลับไปที่นั้นได้อีกครั้งเพื่อช่วยแซร์ร่า เพราะฉันแท้ๆเลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องบาดเจ็บ แล้วติดอยู่ที่นั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ”
“ คืนนี้ผมว่าท่านอดัมนอนพักให้เต็มที่ก่อนเถอะครับ แล้วพอท่านอาการดีขึ้นเราค่อยออกตามหาแซร์ร่าก็ยังไม่สายนะครับท่าน ผมว่ามันต้องไม่เป็นอะไรหรอกครับ เชื่อผม ”
“ ขอบใจมากนะฮีมิสส์ นายไปพักผ่อนเถอะไม่ต้องห่วงฉัน ”
คืนนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างราบรื่นดี แต่ขณะที่ฮีมิสส์หลับแต่อดัมไม่หลับเขาเอาแต่คิดหาวิธีที่จะกลับไปช่วยแซร์ร่า คืนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปที่นั้นอีก แล้วหนีออกจากบ้านโดยทันที
..... เช้ารุ่งขึ้น .....
ฮีมิสส์เดินเข้ามาในห้องอดัมเพื่อหวังว่าจะมาดูแลในเช้านี้ แต่เขาก็ต้องเสียใจที่ไม่เห็นอดัมอยู่ในห้องแล้ว เขาได้แต่มองไปรอบๆห้อง แล้วคิดจะออกไปตามหาอดัมโดยที่ว่า ไม่ว่าอะไรมาขวางก็ไม่อยู่ เขาตัดสินใจออกไปที่ถ้ำหลังเชิงเขาในป่าที่อดัมเล่าให้ฟังทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นในถ้ำนั้นคือ รูปปั้นหิน !
เมื่อฮีมิสส์เข้าไปไกล้ๆ รูปปั้นหิน สิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับกลายเป็น แซร์ร่า ! แต่ฮีมิสส์ก็ไม่พบอดัมแต่อย่างใด มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า
ปริศนารูปปั้นหิน
“ แฮ่ก.ๆ ๆ ๆ...นี้ก็เย็นมากแล้ว เราเดินกันมาตั้งแต่เช้าแล้วนะครับนายท่าน แล้วที่สำคัญเราเดินกันมาไกลมากแล้วนะครับ ผมว่าตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกมาใหม่พรุ่งนี้ดีกว่าไหมครับ ...ท่านอดัม ” ฮีมิสส์พูดกับอดัมด้วยความเป็นห่วง
“ ฮีมิสส์! นายก็รู้ว่าเรามีเวลาไม่มากนัก เราต้องหามันให้เจอ เราสู้ค้นหาและเก็บส่วนผสมทุกอย่างจนครบขาดเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้นทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ อย่าบ่นให้มากนักเลย นายเอาแต่บ่นอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะหาเจอล่ะ เอ้า !อย่ามัวแต่บ่น เรามาช่วยกันหามันดีกว่า” อดัมหัวเราะแล้วหันไปหาสิ่งนั้นทันที
“ นายท่านคิดจริงๆหรือครับว่ามันมีจริง ถึงแม้มีจริงแล้วพอเราหามันเจอ มันจะได้ผลจริงๆ เราใช้เวลาในการหามันมาหลายปีแล้วนะครับ ” ฮีมิสส์หันมาพูดกับอดัมด้วยสีหน้ากังวลมาก
“ แน่นอน มันต้องได้ผลซิ ! ฉันใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหามัน มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันมีชีวิตต่อไปได้ อย่าท้อสิฮีมิสส์ ตอนนี้เราขาดเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นนะฮีมิสส์”
“ ครับนายท่าน ผมจะสู้เพื่อนายท่าน ไงเราก็สู้กันมาจนขั้นสุดท้ายล่ะ หากันต่อเถอะครับ ” ฮีมิสส์เอามืดออกมาทำสัญลักษณ์ไว้ตลอดทางที่เดินมา ฮีมิสส์ทำเพื่อจะได้เป็นเครื่องชี้ทางเพื่อไม่ให้หลงป่า
เปรี้ยง !!!!! แปะ... แปะ... แปะ.... ซ่า....................
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมสายฝนที่ตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ลมพายุโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างหนัก ต้นไม้ใบหญ้าในป่าโอนเอนไปมาดูหน้ากลัว ตอนนี้ท้องฟ้าดูมืดคลึ่มดำสนิทยิ่งทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูน่าขนลุกอย่างหน้าแปลกใจ
“ ฝนตก ! ตกได้ยังไงกัน ก่อนออกมาก็ตรวจสภาพอากาศแล้วนี้ วันนี้ไม่น่าจะมีฝนตกได้นะ” อดัมพูดด้วยสีหน้าที่แปลกใจมาก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อน และเขาก็ได้ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเข้าป่าทุกครั้ง มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่อดัมจะแสดงสีหน้าประหลาดใจได้มากเช่นนั้น
“ ถ้ำครับคุณท่าน นั้น! อยู่หลังน้ำตกเราเข้าไปหลบฝนกันก่อนดีกว่าครับ”
ทั้งสองวิ่งผ่านสายฝนเข้าไปในถ้ำเล็กๆที่อยู่ด้านหลังน้ำตกทั้นที ภายในนั้นอากาศเย็นเฉียบ อากาศอับชื้น แต่กลับมีกลิ่นหอมพัดมาเป็นระยะๆ
“ ฝนดูท่าแล้วน่าจะหยุดยากนะครับนายท่าน ถ้ำนี้น่าจะเป็นที่พักให้เราได้จนถึงเช้านะครับ ” ฮีมิสส์มองหน้าเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเขาเริ่มมองไปรอบๆบริเวณถ้ำใต้น้ำตก กลิ่นหอมนั้นได้ลอยมาอีกเป็นระรอบทำให้ทั้งสองสอดสายตาไปทางที่กลิ่นนั้นพัดมา อดัมสังเกตุเห็นแสงไฟส่องประกายสว่างออกมาจากช่องเล็กๆ ในถ้ำแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้าไปไกล้ๆ ก็ต้องตกใจในสิ่งที่เห็น
“ ฮะ.... ฮี....ฮีมิสส์ นั้น ! เห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม ”
“ หะ..เห็น ครับนายท่าน ดูมันซิครับมันสวยงามมากเลยครับ”
ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของคนทั้ง 2นั้น คือ ม้ายูนิคอร์นสีขาวตัวใหญ่ มีดวงตาดำสนิท กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นถ้ำ ขนสีขาวด้านบนตัวของยูนิคอร์นเมื่อส่องประกายออกมาจะกระทบกับละอองน้ำในถ้ำทำให้เมื่อเกิดการหักเหของแสงเกิดเป็นละอองสายรุ้งฟุ่งกระจายล้อมรอบตัวของมัน
“ ดูมันซิฮีมิสส์ ตัวมันใหญ่มาก ฉันไม่เคยเห็นสัตว์อะไรที่สวยขนาดนี้มาก่อน” อดัมเขยิบเข้ามาไกล้ๆมัน
“ นี้มันยูนิคอร์นนี้ฮีมิสส์! ตามตำนานมันเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ลงไปในยุคสมัยของโนอาร์แล้วไม่ใช่หรอ ” อดัมเดินเข้าไปยืนข้างๆ ยูนิคอร์นตัวนั้นอย่างสนอกสนใจมาก เจ้าม้ายูนิคอร์นคงเกิดอาการตกใจ มันพยายามลุกขึ้น แต่.. อดัมก็ได้สังเกตเห็นว่าเจ้ายูนิคอร์นตัวนี้มันมีเลือดไหลออกมาอย่างมาก มันกำลังเจ็บปวด ! เลือดของมันมีสีเขียวมรกตไหลออกมาไม่ยอมหยุด นอกจากนั้นเขายังสังเกตเห็นว่าเขาของยูนิคอร์นที่อยู่บนหัวตรงกลางหน้าผากนั้นเริ่มกลายเป็นสีแดงกล่ำ เหมือนเลือดคน
“ เจ้านาย !!! ดูนี้ซิครับ มันมีลูกด้วยครับ ” ฮีมิสส์ชี้ให้อดัมดูหลังก้อนหินที่เจ้ายูนิคอร์นน้อยหลบอยู่
“ ไหนดูซิ ! กลิ่นหอมที่เราได้กลิ่นมาจากเจ้าตัวเล็กนี้ซินะ แม่มันเลือดไหลออกมามากกขณะคลอดเจ้าตัวเล็กนี้แน่ๆ ” ฮีมิสส์อุ้มมันขึ้น อดัมรีบมองไปในอ้อมแขนของฮีมิสส์ทันที เขาก็เห็นลูกยูนิคอร์นตัวหนึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่ ใช่!.มันปลอดภัย แถบดูมันแข็งแรงมากด้วย มันมีลำตัวสีขาวสะอาด ตาสีฟ้าใส ปีกของเจ้ายูนิคอร์นน้อยนั้นแปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนกับเขาที่หัวของมันเปล่งประกายเป็นสีชมพูอ่อนๆระยิบระยับเหมือนมีเพรชประดับอยู่โดยรอบเช่นกัน
“ เราต้องช่วยแม่มันก่อนนะฮีมิสส์ ในกระเป๋ามีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ หยิบมันออกมาให้ฉันห้ามเลือดมันก่อนเร็ว ”
ทั้ง 2 ได้พยายามช่วยชีวิตแม่ของยูนิคอร์นน้อยไว้อย่างเต็มที่ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หนึ่งชีวิตเกิดใหม่ แต่ทำให้อีกหนึ่งชีวิตต้องจากโลกนี้ไป เมื่อเขาที่อยู่บนหัวของแม่ยูนิคอร์นน้อยเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำ มันก็ได้เสียชีวิตร่างกายของมันก็กลับกลายเป็นรูปปั้นหินโดยทันที ตามตำนานของยูนิคอร์น ยูนิคอร์นสามารถตั้งท้องนานถึงเป็นเวลา9ปี แล้วจึงคลอดลูกออกมา เมื่อใดที่คลอดลูกยูนิคอร์นตัวแม่จะต้องเสียชีวิตไป จะต้องกลายเป็นรูปปั้นหินไปในที่สุด
“ นายท่าน !!! เจ้ายูนิคอร์นน้อยเริ่มมีอาการแปลกๆครับ ตัวมันสั่นมากเลยครับ แถมมันยังเอาแต่วิ่งไปที่หินเอาเขาบนหัวมันทิ่มไปที่รูปปั้นหินแม่ของมันใหญ่เลยครับ เหมือนมันกำลังปลุกให้แม่มันมีชีวิตต่อไปนะครับ ”
“ ก็คงเป็นสัญชาตญาณของความผูกผันของแม่กับลูก แม่มันตายมันคงเสียใจมาก ฮีมิสส์! ฉันว่าจะเอามันไปเลี้ยง นายว่าดีไหม ”
“ เป็นความคิดที่ดีครับนายท่าน ” ฮีมิสส์มองไปที่เจ้าลูกยูนิคอร์นน้อยเขาของมันเริ่มเปลี่ยนสี “ นายท่าน ! สังเกตที่เขาของมันซิครับ ดูมันหมองๆ นะครับ ”
“ ฉันว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ฮีมิสส์ออกไปดูซิว่าตอนนี้ฝนหยุดแล้วหรือยัง เราต้องรีบกลับบ้านกันแล้วล่ะ ”
ฮีมิสส์วิ่งไปหน้าปากถ้ำทันทีหลังได้รับคำสั่ง ฝนหยุดตกแล้วแต่ตอนนี้ดึกมากมากซะจนไม่สามารถมองเห็นทางได้เลย
“ นายท่านครับฝนหยุดตกแล้วครับ แต่เราคงต้องพักที่นี้ซักคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเดินทางกลับบ้านดีกว่าครับ เพราะนี้ก็มืดจนมองไม่เห็นแล้ว”
“ ฮิมิสส์แล้วเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้ล่ะ ดูมันอาการไม่ค่อยดีเลยฉันกลัวว่าเราจะช่วยมันไม่ได้อีก เหมือนแม่ของมัน เอาเถอะ ... ฉันได้แต่ขออย่าให้มันเป็นอะไรไปเลยนะ” อดัมสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยคุ้มครองเพื่อไม่ให้เจ้ายูนิคอร์นน้อยเป็นอะไรไป
ถึงแม้จะไม่ได้กลับบ้านในคืนนี้ แต่ทั้ง 2 ก็ไม่ได้นอนเลยแต่อย่างใด ต่างช่วยกันดูแลเจ้ายูนิคอร์นตัวน้อยอย่างประคบประหนม เพราะกลัวว่ามันจะทำลายตัวเองอีก อดัมนั้งกอดยูนิคอร์นน้อยแล้วคอยสังเกตอาการของมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้อดัมเริ่มรู้สึกรักและผูกพันกับเจ้ายูนิคอร์นน้อยตัวนี้มาก
……รุ่งเช้า…….
ท้องฟ้าสดใสสายรุ้งทอดยาวมาหน้าปากถ้ำ แสงแดดอ่อนๆส่องสว่างเข้ามาในตัวถ้ำอย่างช้าๆ
“ ฮ้าววว....เช้าแล้ว เราเริ่มมองเห็นทางเดินแล้ว ฮีมิสส์เราออกเดินทางกลับบ้านกันเลยดีกว่า ดูซิเจ้ายูนิคอร์นน้อยยังหลับปุ๋ยอยู่เลย ”
ทั้ง 2 พายูนิคอร์นน้อยเดินออกจากถ้ำโดยทันที พวกเขาได้เดินกลับไปตามทางที่ฮีมิสส์ได้ทำสัญลักษ์เอาไว้ การออกป่าในครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งสิ่งที่ต้องทำ และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองได้แต่เงียบแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบเดินไปให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด
ไม่ช้า พวกเขาก็เดินมาถึงบ้านในที่สุด เวลาผ่านมาแค่คืนเดียวกับช่วงเวลาที่ไม่นานมากนัก เจ้ายูนิคอร์นน้อยได้ตัวโตและใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ ฮีมิสส์ว่าเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีล่ะ ”
“ ชื่อ.... พอลร่าไงครับเจ้านาย เพราะมันเป็นตัวเมีย ชื่อก็ต้องให้ดูเป็นตัวเมียหน่อยว่าดีไหมครับ ”
“ พอลร่า เหรอ... ฉันว่ามันก็ดีนะ ” อดัมมองไปที่ยูนิคอร์นน้อย เอามือลูบไปที่ลำตัวของมัน
“ ว่าไง ยูนิคอร์นน้อยชอบไหม ฉันจะเรียกเจ้าว่า พอลร่านะ ” เจ้ายูนิคอร์นน้อยทำท่าทางเหมือนไม่ชอบชื่อนี้เอาซะเลย มันสายหน้าไปมาเหมือนฟังอดัมรู้เรื่อง
“ มันคงไม่ชอบชื่อนี้นะฮีมิสส์ เอาคิดใหม่ซิ! ”
“ งั้น เอาชื่อว่า แซร์ร่ามูนมั้ยครับ ผมว่าลำตัวมันมีแสงส่องประกายอยู่ตลอดเวลาเหมือนดวงจันทร์นะครับ ดีมั้ย? ”
“ ฉันว่าชื่อนี้ก็ดีนะ แต่...มันยาวไปมั้ย? เอางี้ล่ะกัน เราเรียกมันว่าแซร์ร่าเฉยๆดีกว่านะ ชอบมั้ยแซร์ร่า ”
“ ดูเหมือนมันจะชอบชื่อนี้นะ ดูมันซิกางปีกกระพือใหญ่เลย ” เจ้าแซร์ร่าท่าทางดีใจกับชื่อใหม่นี้ มันกระโดดไปมา ดูเหมือนว่ามันจะลืมเรื่องแม่มันไปแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้เหมือนว่ามันจะคิดว่าอดัมเป็นแม่ของมันไปซะแล้ว
ตั้งแต่เจ้าแซร์ร่ายูนิคอร์นตัวน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ อดัมดูจะมีความสุขมากเข้าทิ้งการทุกอย่างวันๆเอาแต่เล่นและดูแลเจ้าแซร์ร่าซึ่งเจ้าแซร์ร่าเองก็โตขึ้นทุกวัน จน...กระทั้งวันหนึ่ง
“ นายท่านครับ.... อยู่ไหนครับ? นายท่าน... ” ฮีมิสส์ออกตามหาอดัมทุกซอกทุกมุมของบ้าน ก็ไม่เจอทำให้ฮีมิสส์กังวลมาก
เพร้ง!!! มีเสียงดังมาจากหลังบ้าน
“ ใครน่ะ ? ใครอยู่ตรงนั้น ” ฮีมิสส์ได้ยินเสียงกระถางต้นไม้แตก เขาจึงรีบเดินออกไปดูทันที
“ ชะ..ช่วยด้วย ชะ...ชะ...ช่วย ฉันด้วย ฮีมิสส์ ” ชายที่อยู่ตรงหน้าฮีมิสส์คืออดัม ร่างของเขาสลบอยู่บนพื้น ฮีมิสส์เห็นดังนั้นจึงรีบนำร่างของอดัมเข้าบ้านทันที
“ คุณท่านครับ ! คุณท่าน ! เป็นอะไรไปครับ ” ฮีมิสส์เอายาดมมาให้อดัมเพื่อหวังว่าอดัมคงฟื้นในไม่ช้า
“ อืออออ ....”
“ คุณท่านฟื้นแล้ว! ผมนึกว่าจะต้องเสียท่านไปซะแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ท่านหายไปไหนมาครับ แล้วแซร์ร่าล่ะครับท่าน ”
“ ฮีมิสส์ นายยังจำตำราชุบชีวิตเล่มนั้น ที่เราตั้งใจทำตามทุกขั้นตอนเพื่อสกัดยาชุบชีวิตได้หรือเปล่า ”
“ จำได้ครับท่านอดัม ”
“ มันเป็นตำราที่ฉันตั้งใจจะใช้ในการชุบชีวิตตัวเองเมื่อฉันตาย เพราะฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 5 ปี เราช่วยกันพยายามค้นหาทุกส่วนผสมจากทุกหนทุกแห่ง จนถึงส่วนผสมอย่างสุดท้าย ซึ่งเราสองคนก็ออกตามหามาหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าส่วนผสมอย่างสุดท้ายอยู่ที่ไหน ฉันจึงออกป่าอีกครั้งเพื่อค้นหามัน ฉันขี่เจ้าแซร์ร่าบินไปในถ้ำแห่งหนึ่งแห่งหนึ่ง มันอยู่หลังเชิงเขาฝังนู้น พอเข้าไปในถ้ำฉันพบหีบใบหนึ่ง ฉันคิดว่า สิ่งนั้นมันต้องอยู่ในหีบนี้แน่ๆ พอฉันเปิดหีบออก ฉันกับแซร์ร่าก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลับไป พอรู้สึกตัวก็ไม่รู้ว่าไปโผล่ที่ไหน ที่นั้นทุกอย่างถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะขาวไปหมด ฉันออกเดินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับแซร์ร่า ที่นั้นหนาวมากจนแซร์ร่าไม่สามารถที่จะบินได้ แต่พอเราเดินไปได้ซักพักใหญ่น้ำแข็งนั้นก็ค่อยๆละลาย แล้วก็กลายเป็นพื้นทะเลทรายทันที นายรู้ไหมว่าช่วงเวลาที่ฉันอาศัยอยู่นั้นมันยาวนานเหลือเกิน จนวันหนึ่งฉันกับแซร์ร่าออกเดินหาอาหาร ฉันก็ได้พบกับสิ่งนั้นที่เราเฝ้าค้นหามานานหลายปีมันอยู่ที่นั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เก็บมันมา มีอสุรกายตนหนึ่งมันเข้าโจมตีแซร์ร่าอย่างหนักจนบาดเจ็บมาก ตอนนั้นฉันหันไปเห็นกระจกเก่าบานหนึ่งหวังว่าจะเอามันมาเป็นอุปกรณ์ในการช่วยแซร์ร่าในการต่อสู้กับเจ้าอสูรตนนั้น แต่พอฉันแค่สัมผัสมัน ฉันก็เหมือนถูกดูดเขามาอยู่ในถ้ำหลังเชิงเขาอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหนื่อยมากจนฉันหมดแรงสลบลงไปบนพื้นทันที พอรู้สึกตัวขึ้น ฉันก็ไม่เห็นแซร์ร่า มันไม่ได้กลับมาพร้อมกับฉัน ฉันจึงจะกลับไปที่นั้นอีกครั้ง ฉันพยายามไปที่หีบใบนั้นอีกรอบ แต่.. หีบนั้นถูกเปิดออกแล้ว ทำให้ไม่สามารถที่จะกลับไปได้อีก ฉันทำอะไรไม่ถูกจึงเดินกลับมาบ้านหวังว่าจะหาหนทางกลับไปที่นั้นได้อีกครั้งเพื่อช่วยแซร์ร่า เพราะฉันแท้ๆเลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องบาดเจ็บ แล้วติดอยู่ที่นั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ”
“ คืนนี้ผมว่าท่านอดัมนอนพักให้เต็มที่ก่อนเถอะครับ แล้วพอท่านอาการดีขึ้นเราค่อยออกตามหาแซร์ร่าก็ยังไม่สายนะครับท่าน ผมว่ามันต้องไม่เป็นอะไรหรอกครับ เชื่อผม ”
“ ขอบใจมากนะฮีมิสส์ นายไปพักผ่อนเถอะไม่ต้องห่วงฉัน ”
คืนนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างราบรื่นดี แต่ขณะที่ฮีมิสส์หลับแต่อดัมไม่หลับเขาเอาแต่คิดหาวิธีที่จะกลับไปช่วยแซร์ร่า คืนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปที่นั้นอีก แล้วหนีออกจากบ้านโดยทันที
..... เช้ารุ่งขึ้น .....
ฮีมิสส์เดินเข้ามาในห้องอดัมเพื่อหวังว่าจะมาดูแลในเช้านี้ แต่เขาก็ต้องเสียใจที่ไม่เห็นอดัมอยู่ในห้องแล้ว เขาได้แต่มองไปรอบๆห้อง แล้วคิดจะออกไปตามหาอดัมโดยที่ว่า ไม่ว่าอะไรมาขวางก็ไม่อยู่ เขาตัดสินใจออกไปที่ถ้ำหลังเชิงเขาในป่าที่อดัมเล่าให้ฟังทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นในถ้ำนั้นคือ รูปปั้นหิน !
เมื่อฮีมิสส์เข้าไปไกล้ๆ รูปปั้นหิน สิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับกลายเป็น แซร์ร่า ! แต่ฮีมิสส์ก็ไม่พบอดัมแต่อย่างใด มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น