ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บันทึก Medularizฉบับที่ 1 สวัสดีบ้านใหม่
บันทึกที่ 1
สวัสดีบ้านใหม่
คุณเชื่อเรื่องฝันที่เป็นจริงหรือเปล่า ?
คุณเคยหลับแล้วฝันว่าได้ไปในดินแดนที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการและสิ่งที่เหลือเชื่อมารวมอยู่ด้วยกันหรือไม่ เคยคิดไหมว่าตนเองจะได้เจอกับอสุรกายที่น่ากลัวพร้อมบรรดาสัตว์ที่คุณเกรียดนักหนามารวมกันเป็นกองทัพ หมู่นางฟ้าแห่งจินตนาการ มีเพื่อนซื้เป็นตุ๊กตา และที่สำคัญคุณได้เป็นเจ้าหญิง ซึ่งแน่นอนในความฝันของหญิงสาวทุกคนย่อมอยากมีเจ้าชายที่แสนจะเพรียบพร้อม มาเคียงข้างเป็นแน่แท้
แต่ถ้าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เป็นแค่ความฝันล่ะ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกที่ทับซ้อนกับโลกที่เราอาศัยอยู่ เป็นดินแดนที่รอคุณอยู่ รอคุณเพื่อไปช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นรอดพ้นจากอะไรบ้างอย่างโดยตัวคุณเป็นคนดำเนินเรื่องราวทั้งหมดตัวละครเกิดจากความรักและความกลัวพร้อมทั้งจิตนาการของคุณเอง คุณเชื่อมั้ย?ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่โลกแห่งความเพ้อฝัน แต่.. เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นกับตัวฉัน
ฉันชื่อว่า อริส เบล์วตั้น ตอนนั้นฉันอายุได้ 11 ขวบ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงยุคสงครามเย็น เกิดเหตุการณ์มากมายในตอนนั้นแต่สำหรับเด็กน้อยตัวเล็กผมดำสนิทอย่างฉัน ฉันคิดแต่เรื่องที่ครอบครัวเรากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่เท่านั้น
บ้านใหม่ที่เราจะย้ายเข้าไปมาอยู่นั้นเป็นบ้านในชนบท แม็ตต์พ่อของฉันได้บ้านหลังนี้มาจากอดัมคุณปู่ของฉันที่ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่เพราะกลัวว่าบ้านจะโทรมรวมถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้พ่อต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกว่าปู่ได้เสียชีวิตไปเพราะอะไร พวกเขาอ้างว่าฉันยังเด็กไม่ควรรู้เรื่องนี้
“ บ้านใครเนี้ยสวยจังเลย! ” ภาพข้างหน้าฉันตอนนี้เป็นบ้านสองชั้นที่ใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวางสวยงามมาก
“ นี้คือบ้านของหลานไงจ๊ะ” มีชายชรามายืนข้างตัวฉันจับมือฉันแน่นเขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น สายตาที่อ่อนโยน น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก แต่บ้านหลังที่ฉันเห็นนี้คือบ้านของฉันจริงเหรอ ถ้าจริงก็ดีซินะ
ปี๊นนนนนนน!!!!!!!!! เสียงแตร์รถดังขึ้นพร้อมกับเสียงของพ่อ
“ ตื่นได้แล้วนางฟ้าของพ่อ เรามาถึงแล้ว ”
นี้ฉันหลับบนรถไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คนบนรถทั้งพ่อและแม่ต่างพากันหัวเราะฉัน ฉันค่อยๆเดินลงจากรถเก๋งสีดำ มีบ้านหลังโตตั้งอยู่ด้านหน้า บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นถึงแม้จะปล่อยทิ้งไว้นานแต่สภาพมันยังคงสวยมาก บ้านหลังนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง หน้าบ้านมีรูปปั้นนักรบและสาวสวยถูกผันไปด้วยไม้เลื้อยสีม่วงสลับสีเขียวดูสวยงามแกมสกปรก มีสระน้ำเก่าๆอยู่หลังบ้านขอบๆสระเต็มไปด้วยสาหร่ายสีเขียวเกาะเต็มไปหมดในสระยังคงมีน้ำอยู่ก้นสระเล็กน้อย บ้านหลังนี้ไม่มีรั้วล้อมรอบแต่อย่างใด มีเพียงพันธุ์ไม้ที่ถูกดัดและจัดเป็นพุ่มๆ กั้นให้เห็นว่าเป็นอาณาเขตของบ้านเท่านั้น บ้านหลังนี้เหมือนในความฝันของฉันมาก
“ อริส มาช่วยแม่ยกของไปเก็บในห้องทำงานแม่หน่อยซิลูก “ เสียงของเอรอนแม่ของฉันเรียกฉันให้เอากล่องสีดำใบหนึ่งใบใหญ่พอที่ถ้าถือไม่ดีก็สามารถทับเท้าฉันให้เจ็บได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านในมีหนังสือปกแข็งประมาณ 2-3 เล่มแต่ว่าแต่ละเล่มนั้นหนาประมาณ 5 นิ้วเลยทีเดียวฉันก็หวังว่ามันจะไม่หล่นมาก่อนถึงห้องทำงานแม่หรอกนะ
ในที่สุดฉันก็แบกกล่องนี้มาถึงโต๊ะทำงานแม่จนได้ คงไม่มีใครว่าหรอกนะถ้าฉันจะบ่นกับตัวเองซักหน่อย ห้องนี้เป็นห้องทำงานของแม่ฉัน แม่จำเป็นต้องมีห้องทำงานส่วนตัวเพราะแม่เป็นนักเขียนหนังสือแม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนี้ ดูเหมือนห้องนี้ก็น่าจะเป็นห้องทำงานของคุณปู่มาก่อนแน่ๆ ฉันสังเกตุเห็นผ้าสีขาวผืนใหญ่ดูเหมือนว่ามันกำลังคลุมอะไรบางอย่างอยู่เหมือนตู้ แต่มันใหญ่และสูงเกินกว่าจะเป็นตู้ไปได้ ฉันดึงผ้าสีขาวผืนใหญ่ออก ฝุ่นฟุ่งกระจายไปทั่วห้องผ้าโบกสบัดมาคลุมตัวฉันไว้มิด พอฉันมุดออกมาจากผ้าแล้วเงยหน้าขึ้นก็พบกับชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่มหึมามีหนังสือเป็นหลายพันเล่มถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบไม่มีฝุ่นเกาะเลยซักนิด
บนชั้นวางหนังสือมีหนังสือเก่าๆอยู่หลายเล่มแต่สภาพมันยังดูดีอยู่เลย คุณปู่คงรักหนังสือของท่านมาก ดูซิว่ามีหนังสือให้เราเอาไปอ่านได้บ้างหรือเปล่า แล้วฉันก็หยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่ามาดู แต่ก็มีแต่หนังสือที่ฉันอ่านไม่เข้าใจเลยซักเล่ม บ้างเล่มก็มีสูตรอะไรไม่รู้น่าปวดหัว ไม่เห็นมีหนังสือตลกหรือนิทานเลยแม้แต่เล่มเดียว
เอ๊ะ! นี้มันหนังสืออะไรเนี้ย ปกสวยมากเลย แต่ดูมันเก่ามากแถมมันต้องใช้กุญแจในการเปิดด้วย แล้วเราจะเอากุญแจจากที่ไหนล่ะ
โคร๊มมมมมม !!!!!! .......
โอ้ยยยย !!.. เจ็บก้นจัง ขาเก้าอี้ดันมาหักอะไรเอาตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าเก้าอี้มันจะเก่ามากเลยนะ เราแค่หันซ้ายหันขวานิดเดียวเองแท้ๆ ซี๊ดดด. อยากร้องไห้จังแต่เราดันล้มเองนี้ ไม่มีใครทำเราซักหน่อย ถ้าร้องไห้เดี๋ยวแม่ก็ต้องมา โดนหัวเราะเยาะแย่เลย ฉันได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ขำตัวเอง พอรู้สึกตัวว่าดีขึ้นฉันก็มองหาหนังสือเล่มนั้น หวังว่ามันคงจะไม่หล่นไปไหนไกลนะ แต่ในที่สุดฉันก็หามันไม่เจอ ไม่เป็นไรค่อยมาหาใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันอยากไปที่ห้องนอนของฉันเต็มทีแล้วล่ะ และยังมีที่อีกหลายห้องที่รอให้ฉันไปสำรวจในบ้านหลังนี้อีก
ฉันเริ่มออกเดินสำรวจภายในบริเวณบ้านโดยรอบ ก่อนอื่นต้องห้องนอนของฉันก่อน พอมาถึง ก็ต้องร้องว้าวววว.. ก็เพราะว่าห้องนี้ใหญ่อย่างกลับห้องรับแขกเลย แม่ให้คนมาจัดห้องให้เป็นสีชมพูทั่วทั้งห้อง เตียงนี้ก็นุ่มมาก เหมือนได้นอนบนปุยนุ่นเลย ชักเริ่มง่วงแล้วซิ ขอหลับซักตื่นแล้วค่อยไปสำรวจต่อที่อื่นก็ได้ว่ามั้ย? พอหัวถึงหมอนปั๊บฉันก็หลับเป็นตายทำไมห้องใหม่มันถึงทำให้ฉันง่วงได้ซะขนาดนี้นะ
“ อริส เรารอเธออยู่ ............ มาช่วยพวกเราด้วย มีเพียงเธอเท่านั้น” เสียงลึกลับดังผ่านสายลมแทรกอากาศมาหาฉัน
“ เสียงใครน่ะ ! รอฉันด้วย ..” แล้วที่นี้ที่ไหนทำไมมันมีแต่หมอกสีแดงอย่างนี้ล่ะ อย่ามาแกล้งกันนะฉันเริ่มกลัวแล้วนะรู้มั้ย
“ พวกคุณเป็นใครกันแล้วจะให้ฉันช่วยอะไรพวกคุณกันล่ะคะ” ฉันตะโกนไปทางเสียงนั้น แล้วฉันก็เดินตามเสียงนั้นผ่านกลุ่มหมอกสีแดง สีของมันแดงอย่างกับเลือด ฉันเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเจอรูปปั้น หญิงสาวตนหนึ่ง เธอดูเหมือนเจ้าหญิง บริเวณที่เธออยู่หมอกสีแดงโดนกั้นโดยพุ่มไม้ที่โค้งงอเหมือนกรงที่จองจำเจ้าหญิงไว้ สีหน้าของนางนั้นดูเศร้ามาก
“ เสียงของคุณหรือเปล่าคะ ? แล้วหนูสามารถช่วยคุณได้มั้ย ” ทำไมเมื่อฉันเห็นเจ้าหญิงแล้วฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันรู้จักนางรู้จักเป็นอย่างดีด้วย ฉันอยากจะช่วยเจ้าหญิงมาก แต่ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นโดยไม่มีสาเหต มากด้วย ฉันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปไกล้พุ่มไม้นั้น แต่อยู่ดีดีพุ่มไม้ก็หายไปพร้อมกับเจ้าหญิงก็ได้มลายกลายเป็นนกแล้วบินจากไปพร้อมกับพุ่มไม้ มีแสงจ้าเกิดขึ้นปรากฏห้องๆหนึ่งขึ้นต่อหน้าฉัน ฉันเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เพราะตอนนี้ฉันเริ่มเจ็บตรงหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว พอเข้ามาภายในห้องต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงภายในนี้ไม่มีหมอกควันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาชนิด ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น ทำไมในห้องนี้มันถึงได้ทำให้เรารู้สึกดีอย่างนี้
“ ไง ! ดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยเจ้าหญิงอริส ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้กลิ่นอะไรรักษาพระองค์ได้ แต่พระองค์ก็ชอบมันใช้มั้ย” เสียงของชายแปลกหน้า หน้าตาดูดุร้าย ตัวอ้วนเตี้ย โพล่ออกมาจากกำแพงห้อง เขาเป็นใครกันทำไมแต่งตัวคล้ายกุ๊กทำอาหาร แต่มีหูฟังชีพจรของหมอคล้องคอเขาอยู่ แต่น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะมาดีและต้องเป็นคนดีแน่ๆ
“ คุณเป็นใครคะ? คุณลุงเป็นเจ้าของห้องนี้หรอคะ แล้วที่นี้ที่ไหนคะ หนูมาที่นี้ได้อย่างไร อุ๊บบบบ!! ” เชอร์รี่สีแดงฉ่ำมาปรากฎอยู่ในปากฉันได้ไงกัน ฉันคงถามเยอะไป อยู่ดีดีก็มีเชอร์รี่มาอยู่ในปาก พอมองไปตรงด้านหน้าก็ปรากฎโต๊ะอาหารขนาดใหญ่มโหราฬ บนโต๊ะมีอาหารจัดวางไว้มากมาย สังเกตดีดี.. นี้มันอาหารที่ฉันชอบทุกอย่างเลยนี้!
“ ทานให้อร่อยนะครับ” พอชายแปลกหน้าพูดจบเขาก็จะเดินกลับเข้าไปในกำแพงที่เขาออกมาก่อนหน้านี้
“ เดี๋ยวก่อนซิ ” ฉันรีบวิ่งไปดักไม่ให้เขาไปไหนจะไปได้ไงเรายังไม่รู้เรื่องไรเลยนะ
“ ผมไม่มีหน้าที่ที่จะเล่าอะไรให้เจ้าหญิงฟังได้ครับ มีหน้าที่แค่มารักษาและทำให้เจ้าหญิงมีความสุขที่สุดก็เท่านั้น” ชายแปลกหน้าพยายามจะไปแต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก ฉันเดินไปขวางหน้าเขาแล้วถามว่า
“ แล้วคุณลุงเป็นใครหรอคะ แล้วทำไมต้องเรียกหนูว่าเจ้าหญิงด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากเล่าหรือบอกอะไรก็ไม่เป็นไรแต่บอกชื่อคุณลุงมาได้มั้ยคะ”
“ ผมชื่อ ฮีมิสส์ ครับ” พอชายแปลกหน้าบอกชื่อเสร็จเขาก็หายตัวผ่านไปในกำแพงทันที ฉันพยายามเดินตามไปแต่....
“ โอ้ยยยย..” ฉันไม่สามารถเดินผ่านกำแพงนั้นไปได้ แล้วเขาหายเข้าไปในนั้นได้ยังไงกัน ตอนนี้ก็เหลือแต่ฉันกับอาหารเต็มโต๊ะและความงุนงงต่อไปว่าที่นี้มันคือที่ไหนแล้วที่สำคัญคือ …
แล้วฉันจะกลับออกจากที่นี้อย่างไร ใจหนึ่งก็กลัวเพราะไม่รู้ว่าที่นี้มันที่ไหนแต่ใจหนึ่งก็อย่างว่าล่ะนะด้านหน้ามีแต่อาหารโปรดเต็มโต๊ะถ้าเราไม่ชิมมันซักนิดซักหน่อยก็เสียดายแย่เลย ฉันเดินไปนั้งที่เก้าอี้หัวโต๊ะขนาดของมันโตกว่าตัวฉันมากมันทำด้วยทองเหลืองอร่าม ฉันเริ่มที่ช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ตรงหน้าก่อน รสชาติของมันหอมหวานมันส์อร่อยมีกลิ่นหอมหวนยวนใจ ในเนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองคำเล็กๆผสมอยู่ด้วย รสชาติของมันเป็นช๊อคโกแลตที่ฉันคิดว่าไม่เคยมีใครเคยกินที่ไหนมาก่อนแน่ๆ เพียงพริบตาเดียวฉันก็กินมันจนหมด แต่เป็นเรื่องแปลกที่ฉันกลับไม่รู้สึกอิ่มเลยแม้แต่น้อย ฉันยังสามารถกินอะไรได้อีกหลายอย่าง จากนั้นฉันก็กินต่อไปเรื่อยๆยิ่งกินมากแต่ก็ไม่อิ่ม เหมือนพอกินไปแล้วอาหารที่กินเข้าไปก็หายไป อาหารมันทำให้ฉันแค่รับรู้รสชาติของมันเท่านั้นโดยไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม
หมดโต๊ะเลย!!.. ฉันกินเข้าไปได้ยังไงกันเนี้ย ฉันยังกินอะไรได้อีกหลายอย่างเลยนะเนี้ย ถ้าเอามาอีกชุดฉันก็ยังกินไหวอีกนะ ฉันสงสัยมากว่าฉันกินเข้าไปแล้วตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปมันหายไปอยู่ที่ไหนหมดนะ แต่เมื่อกินอาหารจนหมดฉันเริ่มเดินสำรวจภายในห้องนี้ทันที ภายในห้องนี้เป็นห้องที่สวยมาก ฉันเดินมาที่หน้ากระจกเก่าบานหนึ่งดูมันสวยงามมาก มันถูกแขวนอยู่บนกำแพงห้อง ฉันเอื้อมมือไปแตะที่กระจกบานนั้น
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
..........................
มีเสียงดังมากดังออกมา มันดังมากจนฉันทนไม่ไหวฉันหลับตาปี๋ เอามือทั้งสองข้างมาปิดหูไว้แน่น ฉันรู้สึกป่วดหัว กลิ่นหอมในห้องตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรฉันได้เลยแม้แต่น้อย
ฉันกรี๊ดลั่นห้อง แล้วฉันก็สดุ่งตื่นขึ้นมา แต่น่าแปลกที่ว่า .........
ห้องครัว.! ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน? พอฉันตื่นขึ้นร่างของฉันที่ตอนแรกหลับอยู่บนที่นอนนุ่มๆบนห้องนอน แต่กลับมาตื่นอยู่ในห้องครัวได้อย่างไร
“ ไง! รู้สึกดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยล่ะครับคุณหนู ” ชายคนนั้นพูดเหมือนในฝันเราเลยนี้ เขาจริงๆหรอเขามีตัวตนจริงๆหรอ ฉันอึ้งมาก พูดและทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนี้ ฉันได้แต่นึกเรื่องในความฝันว่านี้มันเรื่องอะไรกันแน่
“อ้าว...เป็นอะไรไปหละครับคุณหนู หิวมากจนมานอนรอผมในห้องครัวเลยหรอนี้ ” ชายคนนั้นพูดกับฉันด้วยสีหน้าขบขัน
“ คุณลุงชื่อ ฮีมิสส์ หรือเปล่าคะ”
“ ใช่ครับ รู้จักลุงด้วยหรอ ลุงเป็นพ่อบ้านที่บ้านหลังนี้ครับ แม่คุณหนูคงเล่าเรื่องลุงให้ฟังแล้วซินะ ถ้าต้องการขนมหรืออยากกินอะไรพิเศษก็บอกได้นะครับคุณหนูอริส ” ฮีมิสส์หรอ ชื่อเดียวกับชายคนนั้นเลย หน้าตาก็เหมือน นี้เราฝันถึงเขาก่อนจะได้เจอเขาจริงๆหรอเนี้ย หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงเต้นไม่เป็นจัวหวะแล้วในตอนนี้
“ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ...แล้ว... คุณลุงฮีมิสส์ อยู่ที่นี้มานานแล้วหรือยังคะ ” ฉันอยากรู้ว่าลุงฮีมิสส์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้แล้วลุงฮีมิสส์รู้จักชื่อฉันได้อย่างไรกัน
“ ลุงฮีมิสส์รู้ชื่อหนูด้วยหรอคะ”
“ ก็ จะไม่รู้ได้ไงล่ะลุงอยู่ที่นี้มานานแล้วนะ คนในครอบครัวนี้ลุงก็ต้องรู้ชื่อทุกคนล่ะครับ ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยสีหน้าตกใจ ทำให้ฉันเองยังรู้สึกข้องใจอยู่ดี???
“ ลุงอยู่ที่นี้มาตั้งแต่สมัยคุณท่านอดัมยังอยู่จนตอนนี้ท่านได้จากไปแล้วแต่ลุงรักและยังมีหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้อีกมากเลยลุงขอทำงานต่อที่นี้ครับ คุณหนูคงไม่ว่าอะไรนะครับ ”
“ หนูจะไปว่าอะไรคุณลุงได้ล่ะคะ แต่ว่า....แล้วหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้คืออะไรหรือคะ ” ฉันว่าลุงฮีมิสส์ต้องมีความลับอะไรซักอย่างซ้อนอยู่แน่ๆ
“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คุณหนูอย่าสนใจเลย คงหิวมากเลยซินะเดี๋ยวลุงเอาขนมมาให้กินลองท้องก่อนดีกว่า รอแป๊บนะครับ ” ลุงฮีมิสส์ไม่ยอมบอกและหันหลังเดินไปเปิดตู้เย็นทันที
“ เอาช๊อคโกแลตไหม” ลุงฮีมิสส์ยิบช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ออกมาจากตู้เย็นแล้วยื้นมาให้ฉัน
“ ขอบคุณมากค่ะ .... อุ๊บ! ” !!!! ให้ตายซิ นี้มันรสชาติแบบเดียวกันกับที่ฉันได้กินในความฝันเลย ทั้งรูปทรงที่ใหญ่ รวมถึงกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ และรสชาติที่หวานมันส์รสชาติแบบนี้ล่ะที่ฉันได้กินในตอนนั้นฉันไม่มีวันลืมรสของมันได้แน่ๆฉันแน่ใจ ฉันจ้องไปที่แท่งช๊อคโกแลตที่ถืออยู่ด้วยความประหลาดใจ ฉันอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ มันต้องใช้แน่ๆดูนี้ซิ เนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองเล็กๆ ผสมอยู่ด้วยนี้มันอะไรกันเนี้ย หรือนี้ ฉะ...ฉันกลับมาฝันอีกแล้วหรอ ฉันกัดที่มือตัวเองอย่างแรก
“ อุ๊ยยย...ก็เจ็บนี้หนา นี้เราไม่ได้ฝันไปแต่สิ่งที่เราฝันมันกลับกลายมาเป็นความจริงไปได้ยังไงกันเนี่ย”
“ เป็นอะไรไปล่ะคุณหนู ตกใจในสูตรลับของลุงล่ะสิถ้า นี้เป็นช๊อคโกแลตที่ลุงคิดสูตรขึ้นเองเลยนะคุณท่านอดัมท่านชอบมาก ” ลุงฮีมิสส์ยิ้มด้วยความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง ตอนนี้ฉันเริ่มจะสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องทั้งหมด ทำไมความฝันของฉันนั้นสามารถเกิดขึ้นจริง เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งแรกด้วยมันต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ๆ
“ อ้าว ! เจอกันแล้วเหรอลูกรู้จักลุงฮีมิสส์หรือยังเขาจะมาอยู่กับเราที่นี้ด้วยนะ เขาเป็นพ่อบ้านที่นี้น่ะลูก”
“คะแม่... เรารู้จักกันแล้วค่ะ ” รู้จักกันก่อนที่จะเจอกันซะอีก แม่และพ่อของฉันเดินเข้ามาในห้องครัวเพื่อมาสำรวจความเรียบร้อยภายในตัวบ้าน
“ คุณฮีมิสส์ครับ เดี๋ยวทำอาหารเสร็จแล้วช่วยไปที่สนามหลังบ้านหน่อยนะครับ ผมจะเอารูปปั้นข้างหลังบ้านออก พอดีจัดสวนหน้าบ้านเสร็จแล้วคิดว่าจะย้ายมันไปไว้ในสวนหน้าบ้านน่ะครับ ”
“ รูปปั้นที่อยู่ในสวนดอกกุหลาบหรือเปล่าครับ !!! ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจมาก จนทำให้ฉันพาลตกใจไปด้วย
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ ???? ”
“ คะ..คือ รูปปั้นนั้น คุณท่านอดัมไม่อนุญาติให้ใครไปยุ่งกับมันน่ะครับไม่ให้ใครไปเคลื่อนที่หรือทำอะไรกับมันโดยเด็ดขาด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ ปลูกดอกกุหลาบไว้ในบริเวณนั้นเสมออย่าให้ขาดน่ะครับ” ลุงฮีมิสส์ห้ามไม่ให้พ่อของฉันทำอะไรกับรูปปั้นหินนั้นโดยเด็ดขาด นี้ก็คงเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สำคัญในบ้านหลังนี้ของลุงฮีมิสส์ซินะ แต่รูปปั้นนั้น มันคือรูปปั้นของอะไรกันล่ะถึงมีความสำคัญกับคุณปู่อดัมมากขนาดนั้น
“ แล้วรูปปั้นนั้น...มันคือรูปปั้นอะไรหรอคะ” ฉันถามลุงฮีมิสส์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้าบวกกับความสงสัยเล็กน้อย ลุงฮีมิสส์ตอบว่า
“ มันคือ... รูปปั้นของแซร์ร่า ”
สวัสดีบ้านใหม่
คุณเชื่อเรื่องฝันที่เป็นจริงหรือเปล่า ?
คุณเคยหลับแล้วฝันว่าได้ไปในดินแดนที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการและสิ่งที่เหลือเชื่อมารวมอยู่ด้วยกันหรือไม่ เคยคิดไหมว่าตนเองจะได้เจอกับอสุรกายที่น่ากลัวพร้อมบรรดาสัตว์ที่คุณเกรียดนักหนามารวมกันเป็นกองทัพ หมู่นางฟ้าแห่งจินตนาการ มีเพื่อนซื้เป็นตุ๊กตา และที่สำคัญคุณได้เป็นเจ้าหญิง ซึ่งแน่นอนในความฝันของหญิงสาวทุกคนย่อมอยากมีเจ้าชายที่แสนจะเพรียบพร้อม มาเคียงข้างเป็นแน่แท้
แต่ถ้าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เป็นแค่ความฝันล่ะ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกที่ทับซ้อนกับโลกที่เราอาศัยอยู่ เป็นดินแดนที่รอคุณอยู่ รอคุณเพื่อไปช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นรอดพ้นจากอะไรบ้างอย่างโดยตัวคุณเป็นคนดำเนินเรื่องราวทั้งหมดตัวละครเกิดจากความรักและความกลัวพร้อมทั้งจิตนาการของคุณเอง คุณเชื่อมั้ย?ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่โลกแห่งความเพ้อฝัน แต่.. เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นกับตัวฉัน
ฉันชื่อว่า อริส เบล์วตั้น ตอนนั้นฉันอายุได้ 11 ขวบ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงยุคสงครามเย็น เกิดเหตุการณ์มากมายในตอนนั้นแต่สำหรับเด็กน้อยตัวเล็กผมดำสนิทอย่างฉัน ฉันคิดแต่เรื่องที่ครอบครัวเรากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่เท่านั้น
บ้านใหม่ที่เราจะย้ายเข้าไปมาอยู่นั้นเป็นบ้านในชนบท แม็ตต์พ่อของฉันได้บ้านหลังนี้มาจากอดัมคุณปู่ของฉันที่ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่เพราะกลัวว่าบ้านจะโทรมรวมถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้พ่อต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกว่าปู่ได้เสียชีวิตไปเพราะอะไร พวกเขาอ้างว่าฉันยังเด็กไม่ควรรู้เรื่องนี้
“ บ้านใครเนี้ยสวยจังเลย! ” ภาพข้างหน้าฉันตอนนี้เป็นบ้านสองชั้นที่ใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวางสวยงามมาก
“ นี้คือบ้านของหลานไงจ๊ะ” มีชายชรามายืนข้างตัวฉันจับมือฉันแน่นเขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น สายตาที่อ่อนโยน น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก แต่บ้านหลังที่ฉันเห็นนี้คือบ้านของฉันจริงเหรอ ถ้าจริงก็ดีซินะ
ปี๊นนนนนนน!!!!!!!!! เสียงแตร์รถดังขึ้นพร้อมกับเสียงของพ่อ
“ ตื่นได้แล้วนางฟ้าของพ่อ เรามาถึงแล้ว ”
นี้ฉันหลับบนรถไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คนบนรถทั้งพ่อและแม่ต่างพากันหัวเราะฉัน ฉันค่อยๆเดินลงจากรถเก๋งสีดำ มีบ้านหลังโตตั้งอยู่ด้านหน้า บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นถึงแม้จะปล่อยทิ้งไว้นานแต่สภาพมันยังคงสวยมาก บ้านหลังนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง หน้าบ้านมีรูปปั้นนักรบและสาวสวยถูกผันไปด้วยไม้เลื้อยสีม่วงสลับสีเขียวดูสวยงามแกมสกปรก มีสระน้ำเก่าๆอยู่หลังบ้านขอบๆสระเต็มไปด้วยสาหร่ายสีเขียวเกาะเต็มไปหมดในสระยังคงมีน้ำอยู่ก้นสระเล็กน้อย บ้านหลังนี้ไม่มีรั้วล้อมรอบแต่อย่างใด มีเพียงพันธุ์ไม้ที่ถูกดัดและจัดเป็นพุ่มๆ กั้นให้เห็นว่าเป็นอาณาเขตของบ้านเท่านั้น บ้านหลังนี้เหมือนในความฝันของฉันมาก
“ อริส มาช่วยแม่ยกของไปเก็บในห้องทำงานแม่หน่อยซิลูก “ เสียงของเอรอนแม่ของฉันเรียกฉันให้เอากล่องสีดำใบหนึ่งใบใหญ่พอที่ถ้าถือไม่ดีก็สามารถทับเท้าฉันให้เจ็บได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านในมีหนังสือปกแข็งประมาณ 2-3 เล่มแต่ว่าแต่ละเล่มนั้นหนาประมาณ 5 นิ้วเลยทีเดียวฉันก็หวังว่ามันจะไม่หล่นมาก่อนถึงห้องทำงานแม่หรอกนะ
ในที่สุดฉันก็แบกกล่องนี้มาถึงโต๊ะทำงานแม่จนได้ คงไม่มีใครว่าหรอกนะถ้าฉันจะบ่นกับตัวเองซักหน่อย ห้องนี้เป็นห้องทำงานของแม่ฉัน แม่จำเป็นต้องมีห้องทำงานส่วนตัวเพราะแม่เป็นนักเขียนหนังสือแม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนี้ ดูเหมือนห้องนี้ก็น่าจะเป็นห้องทำงานของคุณปู่มาก่อนแน่ๆ ฉันสังเกตุเห็นผ้าสีขาวผืนใหญ่ดูเหมือนว่ามันกำลังคลุมอะไรบางอย่างอยู่เหมือนตู้ แต่มันใหญ่และสูงเกินกว่าจะเป็นตู้ไปได้ ฉันดึงผ้าสีขาวผืนใหญ่ออก ฝุ่นฟุ่งกระจายไปทั่วห้องผ้าโบกสบัดมาคลุมตัวฉันไว้มิด พอฉันมุดออกมาจากผ้าแล้วเงยหน้าขึ้นก็พบกับชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่มหึมามีหนังสือเป็นหลายพันเล่มถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบไม่มีฝุ่นเกาะเลยซักนิด
บนชั้นวางหนังสือมีหนังสือเก่าๆอยู่หลายเล่มแต่สภาพมันยังดูดีอยู่เลย คุณปู่คงรักหนังสือของท่านมาก ดูซิว่ามีหนังสือให้เราเอาไปอ่านได้บ้างหรือเปล่า แล้วฉันก็หยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่ามาดู แต่ก็มีแต่หนังสือที่ฉันอ่านไม่เข้าใจเลยซักเล่ม บ้างเล่มก็มีสูตรอะไรไม่รู้น่าปวดหัว ไม่เห็นมีหนังสือตลกหรือนิทานเลยแม้แต่เล่มเดียว
เอ๊ะ! นี้มันหนังสืออะไรเนี้ย ปกสวยมากเลย แต่ดูมันเก่ามากแถมมันต้องใช้กุญแจในการเปิดด้วย แล้วเราจะเอากุญแจจากที่ไหนล่ะ
โคร๊มมมมมม !!!!!! .......
โอ้ยยยย !!.. เจ็บก้นจัง ขาเก้าอี้ดันมาหักอะไรเอาตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าเก้าอี้มันจะเก่ามากเลยนะ เราแค่หันซ้ายหันขวานิดเดียวเองแท้ๆ ซี๊ดดด. อยากร้องไห้จังแต่เราดันล้มเองนี้ ไม่มีใครทำเราซักหน่อย ถ้าร้องไห้เดี๋ยวแม่ก็ต้องมา โดนหัวเราะเยาะแย่เลย ฉันได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ขำตัวเอง พอรู้สึกตัวว่าดีขึ้นฉันก็มองหาหนังสือเล่มนั้น หวังว่ามันคงจะไม่หล่นไปไหนไกลนะ แต่ในที่สุดฉันก็หามันไม่เจอ ไม่เป็นไรค่อยมาหาใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันอยากไปที่ห้องนอนของฉันเต็มทีแล้วล่ะ และยังมีที่อีกหลายห้องที่รอให้ฉันไปสำรวจในบ้านหลังนี้อีก
ฉันเริ่มออกเดินสำรวจภายในบริเวณบ้านโดยรอบ ก่อนอื่นต้องห้องนอนของฉันก่อน พอมาถึง ก็ต้องร้องว้าวววว.. ก็เพราะว่าห้องนี้ใหญ่อย่างกลับห้องรับแขกเลย แม่ให้คนมาจัดห้องให้เป็นสีชมพูทั่วทั้งห้อง เตียงนี้ก็นุ่มมาก เหมือนได้นอนบนปุยนุ่นเลย ชักเริ่มง่วงแล้วซิ ขอหลับซักตื่นแล้วค่อยไปสำรวจต่อที่อื่นก็ได้ว่ามั้ย? พอหัวถึงหมอนปั๊บฉันก็หลับเป็นตายทำไมห้องใหม่มันถึงทำให้ฉันง่วงได้ซะขนาดนี้นะ
“ อริส เรารอเธออยู่ ............ มาช่วยพวกเราด้วย มีเพียงเธอเท่านั้น” เสียงลึกลับดังผ่านสายลมแทรกอากาศมาหาฉัน
“ เสียงใครน่ะ ! รอฉันด้วย ..” แล้วที่นี้ที่ไหนทำไมมันมีแต่หมอกสีแดงอย่างนี้ล่ะ อย่ามาแกล้งกันนะฉันเริ่มกลัวแล้วนะรู้มั้ย
“ พวกคุณเป็นใครกันแล้วจะให้ฉันช่วยอะไรพวกคุณกันล่ะคะ” ฉันตะโกนไปทางเสียงนั้น แล้วฉันก็เดินตามเสียงนั้นผ่านกลุ่มหมอกสีแดง สีของมันแดงอย่างกับเลือด ฉันเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเจอรูปปั้น หญิงสาวตนหนึ่ง เธอดูเหมือนเจ้าหญิง บริเวณที่เธออยู่หมอกสีแดงโดนกั้นโดยพุ่มไม้ที่โค้งงอเหมือนกรงที่จองจำเจ้าหญิงไว้ สีหน้าของนางนั้นดูเศร้ามาก
“ เสียงของคุณหรือเปล่าคะ ? แล้วหนูสามารถช่วยคุณได้มั้ย ” ทำไมเมื่อฉันเห็นเจ้าหญิงแล้วฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันรู้จักนางรู้จักเป็นอย่างดีด้วย ฉันอยากจะช่วยเจ้าหญิงมาก แต่ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นโดยไม่มีสาเหต มากด้วย ฉันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปไกล้พุ่มไม้นั้น แต่อยู่ดีดีพุ่มไม้ก็หายไปพร้อมกับเจ้าหญิงก็ได้มลายกลายเป็นนกแล้วบินจากไปพร้อมกับพุ่มไม้ มีแสงจ้าเกิดขึ้นปรากฏห้องๆหนึ่งขึ้นต่อหน้าฉัน ฉันเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เพราะตอนนี้ฉันเริ่มเจ็บตรงหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว พอเข้ามาภายในห้องต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงภายในนี้ไม่มีหมอกควันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาชนิด ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น ทำไมในห้องนี้มันถึงได้ทำให้เรารู้สึกดีอย่างนี้
“ ไง ! ดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยเจ้าหญิงอริส ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้กลิ่นอะไรรักษาพระองค์ได้ แต่พระองค์ก็ชอบมันใช้มั้ย” เสียงของชายแปลกหน้า หน้าตาดูดุร้าย ตัวอ้วนเตี้ย โพล่ออกมาจากกำแพงห้อง เขาเป็นใครกันทำไมแต่งตัวคล้ายกุ๊กทำอาหาร แต่มีหูฟังชีพจรของหมอคล้องคอเขาอยู่ แต่น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะมาดีและต้องเป็นคนดีแน่ๆ
“ คุณเป็นใครคะ? คุณลุงเป็นเจ้าของห้องนี้หรอคะ แล้วที่นี้ที่ไหนคะ หนูมาที่นี้ได้อย่างไร อุ๊บบบบ!! ” เชอร์รี่สีแดงฉ่ำมาปรากฎอยู่ในปากฉันได้ไงกัน ฉันคงถามเยอะไป อยู่ดีดีก็มีเชอร์รี่มาอยู่ในปาก พอมองไปตรงด้านหน้าก็ปรากฎโต๊ะอาหารขนาดใหญ่มโหราฬ บนโต๊ะมีอาหารจัดวางไว้มากมาย สังเกตดีดี.. นี้มันอาหารที่ฉันชอบทุกอย่างเลยนี้!
“ ทานให้อร่อยนะครับ” พอชายแปลกหน้าพูดจบเขาก็จะเดินกลับเข้าไปในกำแพงที่เขาออกมาก่อนหน้านี้
“ เดี๋ยวก่อนซิ ” ฉันรีบวิ่งไปดักไม่ให้เขาไปไหนจะไปได้ไงเรายังไม่รู้เรื่องไรเลยนะ
“ ผมไม่มีหน้าที่ที่จะเล่าอะไรให้เจ้าหญิงฟังได้ครับ มีหน้าที่แค่มารักษาและทำให้เจ้าหญิงมีความสุขที่สุดก็เท่านั้น” ชายแปลกหน้าพยายามจะไปแต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก ฉันเดินไปขวางหน้าเขาแล้วถามว่า
“ แล้วคุณลุงเป็นใครหรอคะ แล้วทำไมต้องเรียกหนูว่าเจ้าหญิงด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากเล่าหรือบอกอะไรก็ไม่เป็นไรแต่บอกชื่อคุณลุงมาได้มั้ยคะ”
“ ผมชื่อ ฮีมิสส์ ครับ” พอชายแปลกหน้าบอกชื่อเสร็จเขาก็หายตัวผ่านไปในกำแพงทันที ฉันพยายามเดินตามไปแต่....
“ โอ้ยยยย..” ฉันไม่สามารถเดินผ่านกำแพงนั้นไปได้ แล้วเขาหายเข้าไปในนั้นได้ยังไงกัน ตอนนี้ก็เหลือแต่ฉันกับอาหารเต็มโต๊ะและความงุนงงต่อไปว่าที่นี้มันคือที่ไหนแล้วที่สำคัญคือ …
แล้วฉันจะกลับออกจากที่นี้อย่างไร ใจหนึ่งก็กลัวเพราะไม่รู้ว่าที่นี้มันที่ไหนแต่ใจหนึ่งก็อย่างว่าล่ะนะด้านหน้ามีแต่อาหารโปรดเต็มโต๊ะถ้าเราไม่ชิมมันซักนิดซักหน่อยก็เสียดายแย่เลย ฉันเดินไปนั้งที่เก้าอี้หัวโต๊ะขนาดของมันโตกว่าตัวฉันมากมันทำด้วยทองเหลืองอร่าม ฉันเริ่มที่ช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ตรงหน้าก่อน รสชาติของมันหอมหวานมันส์อร่อยมีกลิ่นหอมหวนยวนใจ ในเนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองคำเล็กๆผสมอยู่ด้วย รสชาติของมันเป็นช๊อคโกแลตที่ฉันคิดว่าไม่เคยมีใครเคยกินที่ไหนมาก่อนแน่ๆ เพียงพริบตาเดียวฉันก็กินมันจนหมด แต่เป็นเรื่องแปลกที่ฉันกลับไม่รู้สึกอิ่มเลยแม้แต่น้อย ฉันยังสามารถกินอะไรได้อีกหลายอย่าง จากนั้นฉันก็กินต่อไปเรื่อยๆยิ่งกินมากแต่ก็ไม่อิ่ม เหมือนพอกินไปแล้วอาหารที่กินเข้าไปก็หายไป อาหารมันทำให้ฉันแค่รับรู้รสชาติของมันเท่านั้นโดยไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม
หมดโต๊ะเลย!!.. ฉันกินเข้าไปได้ยังไงกันเนี้ย ฉันยังกินอะไรได้อีกหลายอย่างเลยนะเนี้ย ถ้าเอามาอีกชุดฉันก็ยังกินไหวอีกนะ ฉันสงสัยมากว่าฉันกินเข้าไปแล้วตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปมันหายไปอยู่ที่ไหนหมดนะ แต่เมื่อกินอาหารจนหมดฉันเริ่มเดินสำรวจภายในห้องนี้ทันที ภายในห้องนี้เป็นห้องที่สวยมาก ฉันเดินมาที่หน้ากระจกเก่าบานหนึ่งดูมันสวยงามมาก มันถูกแขวนอยู่บนกำแพงห้อง ฉันเอื้อมมือไปแตะที่กระจกบานนั้น
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
..........................
มีเสียงดังมากดังออกมา มันดังมากจนฉันทนไม่ไหวฉันหลับตาปี๋ เอามือทั้งสองข้างมาปิดหูไว้แน่น ฉันรู้สึกป่วดหัว กลิ่นหอมในห้องตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรฉันได้เลยแม้แต่น้อย
ฉันกรี๊ดลั่นห้อง แล้วฉันก็สดุ่งตื่นขึ้นมา แต่น่าแปลกที่ว่า .........
ห้องครัว.! ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน? พอฉันตื่นขึ้นร่างของฉันที่ตอนแรกหลับอยู่บนที่นอนนุ่มๆบนห้องนอน แต่กลับมาตื่นอยู่ในห้องครัวได้อย่างไร
“ ไง! รู้สึกดีขึ้นมากเลยใช้มั้ยล่ะครับคุณหนู ” ชายคนนั้นพูดเหมือนในฝันเราเลยนี้ เขาจริงๆหรอเขามีตัวตนจริงๆหรอ ฉันอึ้งมาก พูดและทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนี้ ฉันได้แต่นึกเรื่องในความฝันว่านี้มันเรื่องอะไรกันแน่
“อ้าว...เป็นอะไรไปหละครับคุณหนู หิวมากจนมานอนรอผมในห้องครัวเลยหรอนี้ ” ชายคนนั้นพูดกับฉันด้วยสีหน้าขบขัน
“ คุณลุงชื่อ ฮีมิสส์ หรือเปล่าคะ”
“ ใช่ครับ รู้จักลุงด้วยหรอ ลุงเป็นพ่อบ้านที่บ้านหลังนี้ครับ แม่คุณหนูคงเล่าเรื่องลุงให้ฟังแล้วซินะ ถ้าต้องการขนมหรืออยากกินอะไรพิเศษก็บอกได้นะครับคุณหนูอริส ” ฮีมิสส์หรอ ชื่อเดียวกับชายคนนั้นเลย หน้าตาก็เหมือน นี้เราฝันถึงเขาก่อนจะได้เจอเขาจริงๆหรอเนี้ย หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงเต้นไม่เป็นจัวหวะแล้วในตอนนี้
“ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ...แล้ว... คุณลุงฮีมิสส์ อยู่ที่นี้มานานแล้วหรือยังคะ ” ฉันอยากรู้ว่าลุงฮีมิสส์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้แล้วลุงฮีมิสส์รู้จักชื่อฉันได้อย่างไรกัน
“ ลุงฮีมิสส์รู้ชื่อหนูด้วยหรอคะ”
“ ก็ จะไม่รู้ได้ไงล่ะลุงอยู่ที่นี้มานานแล้วนะ คนในครอบครัวนี้ลุงก็ต้องรู้ชื่อทุกคนล่ะครับ ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยสีหน้าตกใจ ทำให้ฉันเองยังรู้สึกข้องใจอยู่ดี???
“ ลุงอยู่ที่นี้มาตั้งแต่สมัยคุณท่านอดัมยังอยู่จนตอนนี้ท่านได้จากไปแล้วแต่ลุงรักและยังมีหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้อีกมากเลยลุงขอทำงานต่อที่นี้ครับ คุณหนูคงไม่ว่าอะไรนะครับ ”
“ หนูจะไปว่าอะไรคุณลุงได้ล่ะคะ แต่ว่า....แล้วหน้าที่ที่ต้องทำในบ้านหลังนี้คืออะไรหรือคะ ” ฉันว่าลุงฮีมิสส์ต้องมีความลับอะไรซักอย่างซ้อนอยู่แน่ๆ
“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คุณหนูอย่าสนใจเลย คงหิวมากเลยซินะเดี๋ยวลุงเอาขนมมาให้กินลองท้องก่อนดีกว่า รอแป๊บนะครับ ” ลุงฮีมิสส์ไม่ยอมบอกและหันหลังเดินไปเปิดตู้เย็นทันที
“ เอาช๊อคโกแลตไหม” ลุงฮีมิสส์ยิบช๊อคโกแลตแท่งใหญ่ออกมาจากตู้เย็นแล้วยื้นมาให้ฉัน
“ ขอบคุณมากค่ะ .... อุ๊บ! ” !!!! ให้ตายซิ นี้มันรสชาติแบบเดียวกันกับที่ฉันได้กินในความฝันเลย ทั้งรูปทรงที่ใหญ่ รวมถึงกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ และรสชาติที่หวานมันส์รสชาติแบบนี้ล่ะที่ฉันได้กินในตอนนั้นฉันไม่มีวันลืมรสของมันได้แน่ๆฉันแน่ใจ ฉันจ้องไปที่แท่งช๊อคโกแลตที่ถืออยู่ด้วยความประหลาดใจ ฉันอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ มันต้องใช้แน่ๆดูนี้ซิ เนื้อช๊อคโกแลตมีผงทองเล็กๆ ผสมอยู่ด้วยนี้มันอะไรกันเนี้ย หรือนี้ ฉะ...ฉันกลับมาฝันอีกแล้วหรอ ฉันกัดที่มือตัวเองอย่างแรก
“ อุ๊ยยย...ก็เจ็บนี้หนา นี้เราไม่ได้ฝันไปแต่สิ่งที่เราฝันมันกลับกลายมาเป็นความจริงไปได้ยังไงกันเนี่ย”
“ เป็นอะไรไปล่ะคุณหนู ตกใจในสูตรลับของลุงล่ะสิถ้า นี้เป็นช๊อคโกแลตที่ลุงคิดสูตรขึ้นเองเลยนะคุณท่านอดัมท่านชอบมาก ” ลุงฮีมิสส์ยิ้มด้วยความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง ตอนนี้ฉันเริ่มจะสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องทั้งหมด ทำไมความฝันของฉันนั้นสามารถเกิดขึ้นจริง เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งแรกด้วยมันต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ๆ
“ อ้าว ! เจอกันแล้วเหรอลูกรู้จักลุงฮีมิสส์หรือยังเขาจะมาอยู่กับเราที่นี้ด้วยนะ เขาเป็นพ่อบ้านที่นี้น่ะลูก”
“คะแม่... เรารู้จักกันแล้วค่ะ ” รู้จักกันก่อนที่จะเจอกันซะอีก แม่และพ่อของฉันเดินเข้ามาในห้องครัวเพื่อมาสำรวจความเรียบร้อยภายในตัวบ้าน
“ คุณฮีมิสส์ครับ เดี๋ยวทำอาหารเสร็จแล้วช่วยไปที่สนามหลังบ้านหน่อยนะครับ ผมจะเอารูปปั้นข้างหลังบ้านออก พอดีจัดสวนหน้าบ้านเสร็จแล้วคิดว่าจะย้ายมันไปไว้ในสวนหน้าบ้านน่ะครับ ”
“ รูปปั้นที่อยู่ในสวนดอกกุหลาบหรือเปล่าครับ !!! ” ลุงฮีมิสส์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจมาก จนทำให้ฉันพาลตกใจไปด้วย
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ ???? ”
“ คะ..คือ รูปปั้นนั้น คุณท่านอดัมไม่อนุญาติให้ใครไปยุ่งกับมันน่ะครับไม่ให้ใครไปเคลื่อนที่หรือทำอะไรกับมันโดยเด็ดขาด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ ปลูกดอกกุหลาบไว้ในบริเวณนั้นเสมออย่าให้ขาดน่ะครับ” ลุงฮีมิสส์ห้ามไม่ให้พ่อของฉันทำอะไรกับรูปปั้นหินนั้นโดยเด็ดขาด นี้ก็คงเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สำคัญในบ้านหลังนี้ของลุงฮีมิสส์ซินะ แต่รูปปั้นนั้น มันคือรูปปั้นของอะไรกันล่ะถึงมีความสำคัญกับคุณปู่อดัมมากขนาดนั้น
“ แล้วรูปปั้นนั้น...มันคือรูปปั้นอะไรหรอคะ” ฉันถามลุงฮีมิสส์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้าบวกกับความสงสัยเล็กน้อย ลุงฮีมิสส์ตอบว่า
“ มันคือ... รูปปั้นของแซร์ร่า ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น