ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ิอาณาจักรแห่งเทพ

    ลำดับตอนที่ #9 : เหลือสองคน

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 46


              ทั้งหมดวิ่งตามกันไปเรื่อย ๆ และเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติตามมา  สภาพภูมิประเทศทั้งสองข้างทางไม่แตกต่างไปจากป่าทะเลทรายมากนัก  มีเพียงเม็ดดินและผืนทรายโรยตัวอยู่บนหน้าดินเท่านั้น  ไม่มีไม้ยืนต้นหรือพุ่มไม้ใดก่อตัวขึ้นมา  ทางเดินเหมือนปูให้เดินตามไปติดกับดักที่ทำไว้แล้ว  เวลาล่วงเลยไปนาน  ทั้งหมดก็ยังคงวิ่งต่อไป  ความรู้สึกเมื่อยล้าและอ่อนเพลียกลับกลายมาเป็นศัตรูสำคัญที่พวกเขาจะต้องรีบกำจัดออกไปโดยเร็ว  ในที่สุดพวกเด็กก็มาถึงสถานที่ที่โจนาสกำลังเจรจากับกลุ่มโกนาส  สถานที่แห่งนี้ต่างจากที่เพิ่งผ่านมาโดยสิ้นเชิง  มีแมกไม้ขึ้นหนารกทึบ  ทางเดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้แห้งและใบที่ร่วงโรยราลงมา  ยิ่งเดินลึกเข้าไป  แสงแดดจากภายนอกก็ส่องผ่านเข้ามาได้น้อยลงจนเกือบเหมือนคืนเดือนมืดทั้งที่ยังอยู่ในช่วงเช้าของวัน  ความรู้สึกวุ่นวายสับสนได้เข้ามาแทนที่  ใจหนึ่งก็อยากจะช่วยเพื่อน  แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง  ความกลัวกลับก่อตัวเพิ่มขึ้นมาในหัวสมองอย่างที่ทุกคนไม่รู้ตัว

              “ เราถึงแล้ว ”  เกอเลตบอกกับทุกคน

              แท่นประกอบพิธีกรรมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนช่องด้านหน้าของพวกเด็ก ๆ  พื้นด้านล่างปกคลุมไปด้วยหญ้าพิษเปลี  พิษของมันสามารถทำลายผิวหนังของสัตว์ทุกชนิดที่ย่างกรายผ่านมันไปได้  ฐานด้านล่างมีดอกไม้สีชมพูเข้ม  เกสรสีเหลืองอ่อน  ประดับโดยรอบ  นั่นคือดอกโคเดกราส  เป็นดอกไม้แห่งความหวังของนักเดินป่า  ผู้ที่ได้กินดอกไม้ชนิดนี้  พวกความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าจะหายออกไปเป็นปลิดทิ้ง  รอบแท่นพิธีกรรมมีการแกะสลักเป็นรูปของบ้านเรือนและการดำรงชีวิตทั่วไปในป่า  ด้านบนของแท่นมีอัญมณีชิ้นหนึ่งที่ทำให้พวกเด็กต้องตกตะลึง

              อัญมณีสีเขียว  เป็นอัญมณีประจำเทพแห่งป่าฟรอส  ภายนอกแกะสลักเป็นป่าไม้ขนาดใหญ่  มีตัวอักษร  I  อยู่ภายใน  ใบไม้หล่นลงมาจากกิ่งซึ่งปกคลุมด้านบนของอัญมณี  แสงสีเขียวนวลได้สะท้อนออกมาโดยรอบ  ทำให้หมู่มวลไม้บริเวณรอบนั้นเคลื่อนไหวกันอย่างปกติ  ไม่มีพลังของความโกรธแห่งต้นไม้แผ่ออกมา  นอกจากนั้นต้นไม้กลับร้องเพลงประสานเสียงกันไพเราะจับใจเด็กน้อยทุกคน  จนกระทั่งมีเสียงทำลายความสุขแทรกขึ้นมา

              “ ไง . . . อยากได้เข็มกลัดก็เข้ามาเอาซิ ”

              “ อย่าทำให้ข้าโมโหไปมากกว่านี้นะ ”  โจนาสพูดออกไปแววตาโกรธอย่างมาก

              “ อย่างแกมีปัญญาทำไรพวกเราได้ ”  มอลเย้ยหยัน

              “ แผ่นดินที่ข้ายืนอยู่  จงเป็นมิตรแห่งข้า  ทำลาย . . . ”

              มีสายน้ำพุ่งลงมาที่ร่างของโจนาส  จนทำให้เขาถึงกับทรุดลงไป  พวกเด็กทั้ง  6  ทนไม่ได้กับการกระทำอันป่าเถื่อนของโกนาส  จึงพุ่งตัวออกมาจากพุ่มไม้

              “ มันจะมากไปแล้วนะ . . . เจ้าโกนาส ”  ซีโอลตะโกนออกไป

              “ ข้าจะทำเรื่องให้สนุกกว่านี้อีก ”

              ว่าแล้วโกนาสก็หยิบเข็มกลัดของโจนาสจากมือกอนเดสแล้วโยนลงไปบนหญ้าพิษเปลี

              “ พวกแกไม่มีวันเข้าไปในนั้นได้หรอก  นี่เป็นหญ้าพิษเปลี  ถ้ารักเพื่อนมากก็เข้าไปเอาดูสิ  รับรองพวกแกจะไม่มีวันได้กลับออกมาแน่  เอาล่ะ . . พวกเรากลับกันได้แล้ว  ปล่อยให้พวกเด็กฝึกหัดมันจัดการกันเอง ”  พูดจบพวกโกนาสก็เดินออกกันไป  พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยที่ได้ชำระแค้น

              “ พวกนายกลับกันไปดีกว่า  ไม่มีเข็มกลัดก็ไปขออาจารย์ใหม่ได้  โดนทำโทษนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก ”  โจนาสระบายความรู้สึกออกมา

              “ มันไม่มีทาง ”  โซลตอบ  “ ฉันเรียนวิชาพนาพิโรธดุ  นี่มันเขตแดนของฉัน  เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง ”



              ท้องฟ้าเบื้องบนได้เปลี่ยนจากสีฟ้าครามอ่อนมาเป็นสีเทา  หมู่เมฆเริ่มรวมตัวกันเป็นก้อนมหึมายักษ์  สายลมเริ่มพัดแรงมากขึ้นเปิดเป็นช่องว่างแห่งสายลมพร้อมที่จะดูดทุกสรรพสิ่งเข้าไปทำลายในนั้น  มีสายฟ้าฟาดลงมาบนพื้นดิน  ปรากฏเป็นร่างของกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ยืนด้วยขาทั้งสองข้าง  ส่วนที่เป็นแขนทั้งสองเป็นรูปสว่านสีเงินหมุนวนด้วยพลังแห่งการทำลาย  ขาด้านขวามีเชือกสีน้ำตาลเข้มมัดอยู่โดยรอบ  ขาด้านซ้ายมีผ้าสีดำเย็บติดอยู่กับเนื้อของมัน  นอแหลมสีเลือดนกติดอยู่บนส่วนบนสุดของหัว  เป็นศูนย์รวมพลังทั้งหมดแห่งมัน  

              พอร่างนี้ปรากฏแก่สายตาของเด็กทั้งหมด  ต่างตกตะลึงงันอยู่ในพะวงแห่งความหวาดกลัว  ไม่เว้นแม้กระทั่งซีโอล  ถึงเขาจะมีอัญมณีแห่งเทพประจำตัว  แต่การเผชิญหน้ากับปีศาจโดยปราศจากเทพผู้ยิ่งใหญ่  ย่อมนำความสับสนมาให้แก่เขา

              “ พวกเจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก  มาหาข้านี่  ข้าจะพาไปยังสวนสนุกแห่งอื่น ”  

              เด็กทั้ง  7  ต่างมองหน้ากัน  โดยไม่มีใครกล้าที่จะเปิดปากเอ่ยเสียงใด ๆ ออกมา

              “ มาเถอะ . . . ไม่ต้องกลัวข้า ”  เจ้าปีศาจร้ายเดินตรงเข้ามา  “ ข้าคือฟาลู  สมุนของเทพดายโซลา  ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่เทพ  พวกเจ้ามากับข้าสิ  แล้วพวกเจ้าจะมีความสุขตลอดไป ”



              ฟาลูเดินเข้ามาหาพวกเด็กอย่างช้า ๆ  แต่แฝงไว้ด้วยแววตาอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตาของมัน  พวกเด็กก้าวถอยหลังออกมาเรื่อย ๆ จากอย่างช้าจนกลายเป็นวิ่งถอยหลังเลยด้วยซ้ำ  ในที่สุด  ทั้ง  7  ก็วิ่งหันหลังหนีสุดชีวิต  โดยไม่มีใครสนใจถึงเข็มกลัดโรงเรียนของโจนาสเลย  พวกเด็กต่างวิ่งต่อไป  ยิ่งวิ่งก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างจากจุดหมายออกไปมากขึ้นทุกที  มองซ้ายมองขวาก็มีเพียงไม้เลื้อยผ่านกิ่งขนาดใหญ่ของต้นเมก  และหยดน้ำผ่านใบไม้เมกลงมา   ทันใดนั้นนกฝูงหนึ่งก็บินออกมาจากรังของมันราวกับถูกรังควานจากศัตรูที่แกร่งกล้า  ร่างอมนุษย์สีดำพุ่งทะยานออกมาผ่านศีรษะของเด็กทั้ง  7  ไปยังด้านหลัง

              “ พวกเจ้าจะไปกับข้าอย่างเป็นสุขหรือไปในร่างอันไร้ชีวิต ”  แววตาโกรธยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

              “ แกจะพาพวกเราไปไหน ”  โซลกลั้นใจถามคำถาม

              “ เดี๋ยวพวกแกก็คงรู้ ”  พูดเสร็จ  เจ้าฟาลูก็พุ่งมาทางพวกเด็กพร้อมกับเอามือไปกำเชือกที่อยู่ทางด้านขวาของมันออกมา  ขว้างไปที่กลุ่มเด็กทั้ง  7  เชือกคลายเกลียวออกเป็นวงล้อมรอบพวกเด็กไว้ทั้ง  4  ด้าน  กลายเป็นอาณาเขตแห่งมารปกคลุมเหล่าเด็กน้อย  จากนั้นมันก็เริ่มหดตัวเล็กลงมาเรื่อย ๆ

              “ เราคงต้องสู้แล้วแหละ ”  ซีโอลเตือนสติทุกคน

              ในตอนนี้  เด็กทั้ง  7  ที่มีแต่ความหวาดกลัวอยู่ภายใน  กลับตั้งสติและเริ่มต่อสู้อย่างจริงจัง  ทั้งหมดแยกออกไปในคนละทิศ  อาณาเขตแห่งมารก็เปลี่ยนรูปร่าง  เส้นเชือกที่ตอนแรกขดเป็นวงขนาดใหญ่  กลับแตกออกเป็น  7  เส้น  ล้อมรอบเด็กทั้ง  7  เอาไว้คนละวง  พร้อม ๆ กับหดตัวอย่างเร็วมัดเด็กทั้ง  7  เอาไว้  พวกเด็กต่างใช้วิชาม่านกำบังที่ทุกคนทำได้บังตัวเองเอาไว้จากอาณาเขตแห่งมาร  พลังของเด็กทั้งหมดลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ  จนในที่สุดเส้นเชือกก็มัดลำตัวของเอส  เกอเลต  ลอสกันดา  โจนาสและลุนโคสเอาไว้ได้  เด็กทั้ง  5  หมดสติลงในทันที  เหลือเพียงแต่ซีโอลที่ตอนนี้มีไอน้ำในอากาศล้อมรอบตัวเขาอยู่  กับโซลที่มีใบไม้ปกคลุมอยู่เช่นกัน  ทั้งไอน้ำและใบไม้แตกออกทำลายอาณาเขตแห่งมารจนสิ้นซาก

              “ แกทำอะไรพวกเพื่อนของเรา ”  โซลตะโกนถาม

              “ รักเพื่อนจริงนะ  แต่ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกมันยังไม่ตายเพียงแค่โดนผงหลับแห่งดอกเฟอราส  แต่พวกมันคงไม่มีโอกาสได้ตื่นแล้วแหละ  เพราะข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด ”

              “ ทำไมแกต้องฆ่าพวกเราด้วย ”  โซลถามต่อ

              “ เด็กอีก  5  คนเป็นเพียงเด็กธรรมดาเท่านั้น  ไม่เหมือนแกอีก  2  คน  ซึ่งเป็นเด็กที่มีพลังพิเศษสามารถทำลายอาณาเขตแห่งมารได้  แต่เดี๋ยวแกคนใดคนหนึ่งก็คงต้องตายด้วยน้ำมือของข้าอยู่ดี  มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องไปปราสาทมฤตยูกับข้า ”

              ฟาลูพุ่งตัวเข้าไปที่เด็กทั้ง  5  คนที่ล้มหมดสติอยู่  สว่านด้านข้างขวาหมุนด้วยความเร็วมากพอที่จะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ ได้  ก่อนจะถึงเด็กทั้ง  5  กลับมีหอกน้ำแข็งพุ่งมาหมายจะเสียบหลังของเจ้าปีศาจ  ฟาลูหลบทันหันกลับมายังซีโอล  มันไม่เสียเวลาที่จะคิด  พุ่งร่างของมันโจมตีซีโอลทันที  ซีโอลกระโดดหลบหายไปในอากาศ  และแล้วก็มีไอน้ำแข็งพุ่งมาจากทุกทิศทางทะลุร่างของฟาลูออกไป  แต่ความเจ็บนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าฟาลูเสียพลังไปมากมายนัก  มันมองไปรอบ ๆ  สำรวจไปเรื่อย ๆ  แล้วมันก็พุ่งตัวไปด้านขวาของมัน  พุ่งเชือกไปมัดร่างหนึ่งในอากาศ  ร่างนั้นคือซีโอล

              “ เด็กน้อย  เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก ”  พูดเสร็จ  ฟาลูก็เตะเข้าที่ท้องของซีโอลอย่างจัง  จนทำให้ซีโอลกระเด็นกลับไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่หมดสติกันอยู่  ซีโอลยังไม่ยอมแพ้หยิบสร้อยคล้องคอของเทพีนีออนาสออกมา

              “ ด้วยอำนาจแห่งเทพี  จงมอบพลังในการลอยแก่ข้าด้วย ”

              ซีโอลชูสร้อยคล้องคอขึ้น  แสงสีส้มเปล่งแสงสว่างออกมา  ที่เท้าของซีโอลมีกลุ่มควันสีเหลืองอ่อน ๆ รวมตัวกันเข้าทำให้ซีโอลสามารถลอยไปในอากาศได้

              “ ลองสู้กันอีกสักครั้งแล้วกัน ”  

              ซีโอลพุ่งตัวเขาไปหาเจ้าฟาลูแล้วหายวับไปในอากาศอีกครั้ง   คราวนี้ซีโอลเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าปกติมากเพราะด้วยพลังแห่งเทพี  เจ้าฟาลูล้มลงกับพื้นด้วยโดนอำนาจแห่งสร้อยฟาดลงมา  มันลุกขึ้นอีกครั้งแล้วหายตัวไปในอากาศเช่นเดียวกัน  มันไปโผล่อยู่ที่กลุ่มเด็กอีก  5  คน  

              “ เจ้าเด็กน้อย  ถ้าเจ้ายังไม่ออกมา  เพื่อนเจ้าแหลกเป็นผุยผงแน่ ”  ฟาลูพูดพร้อมกับหมุนสว่างจ่อไปที่คอของเกอเลต

              “ อย่านะ ”  ซีโอลปรากฏตัวขึ้น

              เชือกพุ่งออกมาจากสี่ทิศมัดซีโอลเอาไว้  ซีโอลรู้ตัวแล้วว่าตัวเองติดกับดักของมัน  ร่างที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงร่างจำลองของปีศาจ  คุณตาทั้งสองเคยบอกไว้ว่า  สมุนของเทพมารจะมีพลังในการเนรมิตสิ่งรอบตัวได้  แต่เขาไม่มีพลังมากพอจึงแยกความแตกต่างออกไม่ได้

              “ เจ้าไม่ต้องหลับก็ได้  เพราะเจ้าไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับข้าแล้ว  แต่จะพูดให้ถูก  แม้แต่จะทำลายเชือกนี้  เจ้ายังทำไม่ได้เลย ”  ฟาลูพูดพร้อมแสยะยิ้ม  

              “ ทีนี้ก็เหลือเจ้าคนเดียว ”  ฟาลูพุ่งกลับมาหาโซล   เด็กหนุ่มตั้งสติพร้อมกับกล่าว

              “ เทพแห่งป่าฟรอสจงมอบพลังแก่ข้าด้วย  พายุใบไม้โจมตีมารให้สิ้น ” โซลตะโกนออกไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×