ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วิหารบอสโกเลียม
          ระยะทางจากบ้านของเทพเมโทรไปยังโรงเรียนนั้นไม่ไกลนักสำหรับการเดินทางโดยรถม้าแห่งเทพ  แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นการเดินแทนคงต้องใช้เวลาราว ๆ  8  ชั่วโมง  บรรยากาศภายนอกของการเดินทางมีแต่เพียงสายลมและแสงสว่างเท่านั้น  ไม่มีสิ่งสวยงามสะดุดตาเลยแม้แต่น้อย  จึงยังความสงสัยมาสู่ซีโอล  แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร  เพราะในใจคิดเพียงว่า  เดี๋ยวก็คงถึงโรงเรียน  ค่อยไปถามเพื่อนหรือคุณครูก็ได้  เวลาก็ยังคงดำเนินผ่านไปเรื่อย ๆ  พร้อม ๆ กับการอดทนของซีโอลที่ลดลงไปอย่างต่อเนื่อง  ไม่มีเสียงพูดคุย  หัวเราะ  หรือเสียงแปลก ๆ ให้ได้ยินเลย  แต่แล้วกลับมีเสียงหนึ่งแทรกผ่านอากาศออกมา
          “ ทำไมมีแต่ความว่างเปล่าอย่างนี้ ”  ซีโอลพึมพำกับตัวเอง  โดยหวังว่าจะมีใครสักคนสนใจและตอบคำถามของเขา
          “ นี่คือช่องข้ามกาลเวลา ”  เทพีนีออนนาสตอบ  “ เจ้ามองออกไปโดยรอบอาจจะเห็นเป็นสิ่งว่างเปล่า  แต่ข้าอยากให้เจ้าดูนี่ ”  นางหยิบหน้ากากออกมา  1  อัน  เป็นหน้ากากสีขาวบริสุทธิ์  บริเวณรอบตามีขนของนกนางนวลประดับอยู่กับหอยมุขสีเงินเงางาม  “ ลองสวมดู  เจ้าอาจจะเห็นในสิ่งที่เจ้าต้องการบ้างก็ได้ ”
          ทันทีที่ซีโอลสวมหน้ากาก  ภาพของความวุ่นวายก็ปรากฏอยู่ตรงด้านหน้า  เสียงพูดคุยกันจอแจ  รถแห่งเทพที่วิ่งไปบนเส้นทางของตนเอง  ร้านค้ามากมายตั้งอยู่ข้างทาง  หรือแม้กระทั่งคนทำงานทั่วไป ภาพเหล่านี้ซีโอลมองไม่เห็นในทีแรก แต่กลับปรากฏต่อหน้าของเขาเมื่อใส่หน้ากากนี้
          “ หน้ากากรอเวลา ”  เทพีเอ่ยขึ้น  “  เจ้าคงแปลกใจสินะ  แท้จริงแล้วพวกเราทุกคนมองเห็นภาพทั้งสองข้างทางชัดเจนแม้จะไม่ต้องใส่หน้ากากนั่น  แต่เจ้ายังเล็กเกินไป  สายตาจึงไม่สามารถแยกระยะเวลาที่แตกต่างออกจากความเร็วที่หมุนไปได้  ไว้เจ้าโตกว่านี้  เจ้าก็จะมีการมองที่ดีขึ้น  ตอนนั้นเจ้าก็คงไม่ต้องใช้หน้ากากนี้หรอก ”
          ซีโอลถอดหน้ากากออกเพราะเขาคิดว่า  เขาอยู่เงียบ ๆ บนรถแห่งเทพคันนี้ดีกว่าที่จะเห็นความวุ่นวายภายนอก  รถก็แล่นไปเรื่อย  จนในที่สุดก็หยุดลง  ณ  หน้าวิหารแห่งหนึ่ง
          ที่แห่งนี้มีชื่อว่า  วิหารบอสโกเลียม  เป็นสถานที่ให้ความรู้เพียงแห่งเดียวในโลกของเทพ  ภายนอกของวิหารนั้น  ล้อมรอบด้วยกำแพงที่ทำจากแก้วรายล้อมอยู่ทุกทิศทาง  ไม่สามารถวัดขนาดของความยาวได้  ทางด้านหน้ามีน้ำพุแห่งฝน  น้ำจากน้ำพุนี้จะกลายเป็นฝนตกลงไปให้ราษฎรได้เพาะปลูก  ด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นสวนขนาดใหญ่ไว้ให้พวกเด็กได้วิ่งเล่น  และเป็นที่คอยประลองฝีมือในวิชาเรียนการต่อสู้  ถัดจากน้ำพุไปด้านหลังเป็นวิหารขนาดใหญ่  ภายนอกประดับด้วยหยกสีเขียวอ่อนทั้งหลัง  มีเสาค้ำยันทำจากหินกล้าพร้อมด้วยเพชรน้ำงามรายรอบ  ประตูทางเข้าทำจากไม้สักชั้นดี  ภายในแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ  เพื่อให้คนที่จะมาสมัครเรียนเลือกเรียนในด้านที่สนใจ
          “ ถึงแล้ว  เราจะพาเจ้าเข้าไปแล้วกัน ”
          ประตูวิหารเปิดออก  ความสว่างที่เกิดจากพลอยหลากสีสะท้อนกับแสงออกมา  ทำให้ซีโอลถึงขนาดต้องหลับตาไปสักพักหนึ่ง
          “ ยินดีต้อนรับสู่วิหารบอสโกเลียม  เทพีนีออนนาส ”
          “ ยินดีที่ได้พบ  เทพโปรดารอน ”
          เทพโปรดารอนปรากฏตัวในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าเข้ม  บริเวณหัวเข่าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา  มีการปักดิ้นสีทองและเหลืองเข้มเป็นรูปวิหารบอสโกเลียม  ชายกางเกงเป็นรูปงูขนาดใหญ่ขดตัวอยู่ภายใน  เสื้อคลุมตัวนอกเย็บแบบไขว้ไปมาเหมือนลายจักสาน  ส่วนเสื้อตัวในเป็นสีฟ้าอ่อน  เข็มขัดเป็นสีดำกำมะหยี่  เหน็บกระบี่สีเขียวแก่เอาไว้
          “ ภายในวิหารแบ่งออกเป็น  7  ห้อง  แต่ละห้องจะเป็นการเรียนรู้ในวิชาที่แตกต่างกันออกไป  ทั้ง  7  ห้องนั้น นักเรียนจะสามารถเลือกเข้าเรียนได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น  ซีโอลเจ้าต้องการเรียนห้องไหน ”
          “ ให้ข้าตัดสินใจเองหรือครับ ”  ซีโอลถามเทพีนีออนนาส
          “ ถูกต้อง  เรามีหน้าที่พาเจ้ามา  แต่เจ้ามีหน้าที่ตัดสินใจเลือกเอง ”  เทพีกล่าว
          ซีโอลมองไปรอบ ๆ  ในแต่ละห้องจะมีป้ายติดด้านหน้าต่างกันออกไป
          ‘ เพลิงผลาญอัคคี ’  ‘ วารีโกรธา ’  ‘ พนาพิโรธดุ ’  ‘ วายุคำรามฟ้า ’  ‘ ภูผาทลายสิ้น ’  ‘ ดินสะเทือนพสุธา ’  ‘ สายฟ้าฟาดคำแหง ’
          “ ผมเลือกเรียนวารีโกรธาครับ ”
          “ งั้นเจ้าเข้าไปในห้องประชุมได้แล้ว ”
          ภายในห้องประชุมมีแต่เสียงเด็กรุ่นคราวเดียวกันคุยส่งเสียงดังออกมา  มีโต๊ะเป็นแนวยาวทั้งหมด  7  แนว  และมุ่งลงไปสู่ด้านหน้าอีก  10  แนว  เหลือที่ว่างอยู่เพียงที่เดียวเท่านั้นที่ซีโอลสามารถจะนั่งได้ และก็เป็นตำแหน่งของห้องวารีโกรธาเสียด้วย
          “ ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคน  โต๊ะที่นักเรียนนั่งนั้นจะประกอบไปด้วย  7  ที่นั่งซึ่งพวกเธอทั้งเจ็ดจะต้องเรียนด้วยกัน  โดยที่แต่ละคนจะเรียนในแต่ละสาขาที่ตนเลือก  ทุกคนจะต้องผ่านเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด ไม่อย่างนั้นจะถือว่านักเรียนในกลุ่มนั้นทั้งหมดไม่จบจากโรงเรียนแห่งนี้ ”  เสียงเทพโปรดารอนกล่าว
          “ อีก  30  นาทีจะเป็นการเริ่มเรียนวิชาแรกในแต่ละสาขา  ช่วงนี้ก็ในนักเรียนทำความรู้จักเพื่อนในกลุ่มกันไปก่อนแล้วกัน ”  อาจารย์โนมากล่าวเสริม
          ทุกคนที่นั่งอยู่แถวเดียวกันกับซีโอลไม่มีใครกล่าวทักทายหรือพูดจากันเลย  ต่างคนก็ต่างมองไปด้านหน้าด้วยกันทั้งนั้น  เพียงเพื่อจะมองว่าอาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น  เวลาผ่านไป  10  นาทีแล้ว  ต่างคงก็ยังคงไม่ยอมทักทายกันอีก  จนซีโอลต้องเริ่มก่อน
          “ ผมชื่อซีโอลครับ  เรียนวารีโกรธา  แล้วพวกนายล่ะเรียนอะไรกัน ”
          “ เกอเลต  เรียนภูผาทลายสิ้น ”
          “ ผม  ลอสกันดา  เรียนสายฟ้าฟาดรามคำแหง ”
          “ โซล  เรียนพนาพิโรธดุ ”
          “ เอส  เรียนวายุคำรามฟ้า ”
          “ แล้วพวกนายอีกสองคนล่ะ  เรียนอะไรกัน ”  ซีโอลถามเมื่อเห็นเขาทั้งสองเงียบ
          “ ข้าจำเป็นต้องบอกกับเด็กอย่างพวกแกด้วยเหรอ ”  เด็กหนุ่มที่นั่งริมสุดตอบกลับมา
          “ ใช่  ต่างคนต่างเรียนให้ดีก็พอแล้ว  อย่าทำให้มีปัญหาขึ้นมาก็แล้วกัน ”  เด็กหนุ่มอีกคนพูดเสริมขึ้นมา 
          ‘ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเจอเพื่อนแบบนี้ ’  ซีโอลนึกในใจ
          “ ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องไปเข้าห้องเรียนกันแล้ว  ขอ . . . ” 
          ตูม . . . ตูม . . . ตูม . . .
          ยังไม่ทันที่อาจารย์โนมาจะกล่าวจบ  กลับมีเสียงระเบิดออกมาทางด้านข้างของห้องประชุม  3  ครั้ง  เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่น่ากลัว  ดวงตาสีแดงเพลิง  มีดวงไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งลุกไหม้อยู่ภายใน  เนื้อหนังของมันเป็นตุ่มเป็นก้อนสีดำสลับกับสีแดงเลือดหมู  แขนและขาอันมหึมาที่เมื่อฟาดลงไปบนสิ่งใดก็ยากที่จะต่อกรกับพลังอันมหาศาลนี้ได้  บนหางของมันยังมีก้อนเวทมนตร์สีเทาแห่งปีศาจ  พร้อมด้วยหมอกแห่งความมืดปกคลุมอยู่
          “ ฆ่า . . . ฆ่า . . . ”  มันคำรามออกมา
          ไม่ให้ทุกคนได้ทันตั้งตัว  สัตว์ประหลาดยักษ์เวนกอมาก็เริ่มภารกิจของมัน  หมอกแห่งความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วห้องประชุม  อากาศภายในก็เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง
          “ ด้วยอำนาจแห่งเทพ  แดนเทพศักดิ์สิทธิ์จงปรากฏ ”  เทพโปรดารอนร่ายมนต์ 
          พื้นห้องประชุมได้เปลี่ยนจากพื้นสีน้ำตาลเข้มเป็นสีทอง  เขตแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเริ่มขยายอาณาเขตจากตรงกลางออกไปทั่วทุกมุมห้อง  เหนือขึ้นไปด้านบนมีขอบเขตแห่งเวทปรากฏอยู่  มีลักษณะเป็นวงแหวนซ้อนกัน  2  วง  ช่องระหว่างวงแหวนมีอักษรโบราณสลักอยู่  ขอบด้านเหนือมีอักษรนูนขึ้นมา  ‘ บัญญัติแห่งเทพขอมอบ ’  ด้านล่างมีอักษรยุบลงไป  ‘ ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ปราบมาร ’  ภายในมีก้อนกลมสีรุ้ง  สลักรายรอบด้วยหยดน้ำสีชมพูหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา
          “ ทุกคนจงออกไปยังสวนแห่งสันติสุข ”  อาจารย์โนมาประกาศบอกทุกคน
          เด็กทุกคนต่างวิ่งออกไปในทางออกโซนทางด้านตะวันออกที่ซึ่งขอบเขตแห่งเทพปกคลุมอยู่  สัตว์ประหลาดก็พุ่งเข็มแห่งความตายมาทางขอบเขตแห่งเทพ  ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้เกิดรอยร้าวบนอาณาเขตได้  แต่เทพโปรดารอนและเทพีนีออนนาสต่างรู้ดีว่า  อาณาเขตแห่งเทพจะบางลงเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็จะไม่สามารถกั้นพลังทำลายของเวนกอมาได้
          “ รีบออกไปโดยเร็ว ”  เทพโปรดารอนตะโกนผ่านกลุ่มเด็กออกไป
          เวนกอมาพุ่งหางมาทำลายขอบเขตแห่งเทพอย่างไม่หยุดยั้ง  ขอบเขตก็บางลงเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็แตกออก  เวนกอมาไม่รอช้าพุ่งเข็มแห่งความตายมายังพวกเด็กกลุ่มสุดท้ายที่กำลังจะวิ่งออกไป  ‘ ตาย ’  เวนกอมานึกในใจ  แต่มันกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด  มีสายน้ำพุ่งเข้ามากั้นไว้พร้อมกับบังคับทิศทางของเข็มให้พุ่งกลับไปยังหน้าของเวนกอมา  ในท้ายที่สุดหลุมอากาศสีเทาก็ดูดสายน้ำและเข็มพิษเข้าไป
          “ ใครบังอาจมาลองดีกับข้า ”  เวนกอมาตะโกนออกมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ  เห็นชายชุดเสื้อคลุมสี้ฟ้าเข้ม  หญิงสาวชุดสีเหลือง  และเด็กน้อยชุดสีฟ้า  สายตาของมันจ้องไปที่อัญมณีสีฟ้าที่เปล่งแสงออกมา
          “ เด็กน้อย  ชีวิตเจ้าคงมาแค่นี้แหละ ”  เวนกอมาพูดพร้อมจู่โจมโดยใช้หาง  ซีโอลหลบเข้าไปด้านหลังของที่นั่งด้านขวาของเทพโปรดารอน  มีแสงสีเหลืองเปล่งออกมาจากสร้อยคล้องคอผ่านบ่าของเทพีนีออนนาส  เทพีฟาดสร้อยลงไปบนหางของเวนกอมาก่อนที่มันจะโจมตีใส่ซีโอล  หางสีดำของมันแยกออกจากร่าง  นำความเจ็บปวดผ่านทั่วร่าง  มันโกรธจัดระเบิดลูกไฟในดวงตาของมันหมายจะเผาร่างเทพีให้ไหม้เกรียมไม่ให้เหลือแม้กระทั่งกระดูก  แต่แล้วมันก็ต้องสิ้นฤทธิ์เพราะโดนอาคมแห่งเทพที่เทพโปรดารอนเนรมิตขึ้น  มัดรอบตัวจนร่างมันถูกเผาไหม้ด้วยไฟที่มันก่อขึ้นมาเอง
          “ ซีโอล  สิ่งที่เจ้ากระทำนั้นควรค่าแก่การยอมรับแห่งวีรบุรุษ  แต่บางครั้งอาจนำมาซึ่งหายนะแห่งเจ้าก็เป็นได้นะ ”  เทพโปรดารอนกล่าวแก่ซีโอล
          “ ผมจะจำไว้ครับ ”  ซีโอลตอบกลับมา
          หลังจากนั้นอาจารย์โนมาจึงประกาศให้เด็กทุกคน  แยกย้ายกันไปเรียนในแต่ละห้องของตัวเอง  โดยไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เด็ก ๆ ต่างจับกลุ่มสนทนากัน  แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะถามอาจารย์หรือค้นหาเบาะแสกันเองเลย  จนในที่สุดต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียน  โดยที่จะต้องมาพบกันอีกครั้งในตอนเย็นก่อนกลับบ้าน
          “ ทำไมมีแต่ความว่างเปล่าอย่างนี้ ”  ซีโอลพึมพำกับตัวเอง  โดยหวังว่าจะมีใครสักคนสนใจและตอบคำถามของเขา
          “ นี่คือช่องข้ามกาลเวลา ”  เทพีนีออนนาสตอบ  “ เจ้ามองออกไปโดยรอบอาจจะเห็นเป็นสิ่งว่างเปล่า  แต่ข้าอยากให้เจ้าดูนี่ ”  นางหยิบหน้ากากออกมา  1  อัน  เป็นหน้ากากสีขาวบริสุทธิ์  บริเวณรอบตามีขนของนกนางนวลประดับอยู่กับหอยมุขสีเงินเงางาม  “ ลองสวมดู  เจ้าอาจจะเห็นในสิ่งที่เจ้าต้องการบ้างก็ได้ ”
          ทันทีที่ซีโอลสวมหน้ากาก  ภาพของความวุ่นวายก็ปรากฏอยู่ตรงด้านหน้า  เสียงพูดคุยกันจอแจ  รถแห่งเทพที่วิ่งไปบนเส้นทางของตนเอง  ร้านค้ามากมายตั้งอยู่ข้างทาง  หรือแม้กระทั่งคนทำงานทั่วไป ภาพเหล่านี้ซีโอลมองไม่เห็นในทีแรก แต่กลับปรากฏต่อหน้าของเขาเมื่อใส่หน้ากากนี้
          “ หน้ากากรอเวลา ”  เทพีเอ่ยขึ้น  “  เจ้าคงแปลกใจสินะ  แท้จริงแล้วพวกเราทุกคนมองเห็นภาพทั้งสองข้างทางชัดเจนแม้จะไม่ต้องใส่หน้ากากนั่น  แต่เจ้ายังเล็กเกินไป  สายตาจึงไม่สามารถแยกระยะเวลาที่แตกต่างออกจากความเร็วที่หมุนไปได้  ไว้เจ้าโตกว่านี้  เจ้าก็จะมีการมองที่ดีขึ้น  ตอนนั้นเจ้าก็คงไม่ต้องใช้หน้ากากนี้หรอก ”
          ซีโอลถอดหน้ากากออกเพราะเขาคิดว่า  เขาอยู่เงียบ ๆ บนรถแห่งเทพคันนี้ดีกว่าที่จะเห็นความวุ่นวายภายนอก  รถก็แล่นไปเรื่อย  จนในที่สุดก็หยุดลง  ณ  หน้าวิหารแห่งหนึ่ง
          ที่แห่งนี้มีชื่อว่า  วิหารบอสโกเลียม  เป็นสถานที่ให้ความรู้เพียงแห่งเดียวในโลกของเทพ  ภายนอกของวิหารนั้น  ล้อมรอบด้วยกำแพงที่ทำจากแก้วรายล้อมอยู่ทุกทิศทาง  ไม่สามารถวัดขนาดของความยาวได้  ทางด้านหน้ามีน้ำพุแห่งฝน  น้ำจากน้ำพุนี้จะกลายเป็นฝนตกลงไปให้ราษฎรได้เพาะปลูก  ด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นสวนขนาดใหญ่ไว้ให้พวกเด็กได้วิ่งเล่น  และเป็นที่คอยประลองฝีมือในวิชาเรียนการต่อสู้  ถัดจากน้ำพุไปด้านหลังเป็นวิหารขนาดใหญ่  ภายนอกประดับด้วยหยกสีเขียวอ่อนทั้งหลัง  มีเสาค้ำยันทำจากหินกล้าพร้อมด้วยเพชรน้ำงามรายรอบ  ประตูทางเข้าทำจากไม้สักชั้นดี  ภายในแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ  เพื่อให้คนที่จะมาสมัครเรียนเลือกเรียนในด้านที่สนใจ
          “ ถึงแล้ว  เราจะพาเจ้าเข้าไปแล้วกัน ”
          ประตูวิหารเปิดออก  ความสว่างที่เกิดจากพลอยหลากสีสะท้อนกับแสงออกมา  ทำให้ซีโอลถึงขนาดต้องหลับตาไปสักพักหนึ่ง
          “ ยินดีต้อนรับสู่วิหารบอสโกเลียม  เทพีนีออนนาส ”
          “ ยินดีที่ได้พบ  เทพโปรดารอน ”
          เทพโปรดารอนปรากฏตัวในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าเข้ม  บริเวณหัวเข่าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา  มีการปักดิ้นสีทองและเหลืองเข้มเป็นรูปวิหารบอสโกเลียม  ชายกางเกงเป็นรูปงูขนาดใหญ่ขดตัวอยู่ภายใน  เสื้อคลุมตัวนอกเย็บแบบไขว้ไปมาเหมือนลายจักสาน  ส่วนเสื้อตัวในเป็นสีฟ้าอ่อน  เข็มขัดเป็นสีดำกำมะหยี่  เหน็บกระบี่สีเขียวแก่เอาไว้
          “ ภายในวิหารแบ่งออกเป็น  7  ห้อง  แต่ละห้องจะเป็นการเรียนรู้ในวิชาที่แตกต่างกันออกไป  ทั้ง  7  ห้องนั้น นักเรียนจะสามารถเลือกเข้าเรียนได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น  ซีโอลเจ้าต้องการเรียนห้องไหน ”
          “ ให้ข้าตัดสินใจเองหรือครับ ”  ซีโอลถามเทพีนีออนนาส
          “ ถูกต้อง  เรามีหน้าที่พาเจ้ามา  แต่เจ้ามีหน้าที่ตัดสินใจเลือกเอง ”  เทพีกล่าว
          ซีโอลมองไปรอบ ๆ  ในแต่ละห้องจะมีป้ายติดด้านหน้าต่างกันออกไป
          ‘ เพลิงผลาญอัคคี ’  ‘ วารีโกรธา ’  ‘ พนาพิโรธดุ ’  ‘ วายุคำรามฟ้า ’  ‘ ภูผาทลายสิ้น ’  ‘ ดินสะเทือนพสุธา ’  ‘ สายฟ้าฟาดคำแหง ’
          “ ผมเลือกเรียนวารีโกรธาครับ ”
          “ งั้นเจ้าเข้าไปในห้องประชุมได้แล้ว ”
          ภายในห้องประชุมมีแต่เสียงเด็กรุ่นคราวเดียวกันคุยส่งเสียงดังออกมา  มีโต๊ะเป็นแนวยาวทั้งหมด  7  แนว  และมุ่งลงไปสู่ด้านหน้าอีก  10  แนว  เหลือที่ว่างอยู่เพียงที่เดียวเท่านั้นที่ซีโอลสามารถจะนั่งได้ และก็เป็นตำแหน่งของห้องวารีโกรธาเสียด้วย
          “ ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคน  โต๊ะที่นักเรียนนั่งนั้นจะประกอบไปด้วย  7  ที่นั่งซึ่งพวกเธอทั้งเจ็ดจะต้องเรียนด้วยกัน  โดยที่แต่ละคนจะเรียนในแต่ละสาขาที่ตนเลือก  ทุกคนจะต้องผ่านเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด ไม่อย่างนั้นจะถือว่านักเรียนในกลุ่มนั้นทั้งหมดไม่จบจากโรงเรียนแห่งนี้ ”  เสียงเทพโปรดารอนกล่าว
          “ อีก  30  นาทีจะเป็นการเริ่มเรียนวิชาแรกในแต่ละสาขา  ช่วงนี้ก็ในนักเรียนทำความรู้จักเพื่อนในกลุ่มกันไปก่อนแล้วกัน ”  อาจารย์โนมากล่าวเสริม
          ทุกคนที่นั่งอยู่แถวเดียวกันกับซีโอลไม่มีใครกล่าวทักทายหรือพูดจากันเลย  ต่างคนก็ต่างมองไปด้านหน้าด้วยกันทั้งนั้น  เพียงเพื่อจะมองว่าอาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น  เวลาผ่านไป  10  นาทีแล้ว  ต่างคงก็ยังคงไม่ยอมทักทายกันอีก  จนซีโอลต้องเริ่มก่อน
          “ ผมชื่อซีโอลครับ  เรียนวารีโกรธา  แล้วพวกนายล่ะเรียนอะไรกัน ”
          “ เกอเลต  เรียนภูผาทลายสิ้น ”
          “ ผม  ลอสกันดา  เรียนสายฟ้าฟาดรามคำแหง ”
          “ โซล  เรียนพนาพิโรธดุ ”
          “ เอส  เรียนวายุคำรามฟ้า ”
          “ แล้วพวกนายอีกสองคนล่ะ  เรียนอะไรกัน ”  ซีโอลถามเมื่อเห็นเขาทั้งสองเงียบ
          “ ข้าจำเป็นต้องบอกกับเด็กอย่างพวกแกด้วยเหรอ ”  เด็กหนุ่มที่นั่งริมสุดตอบกลับมา
          “ ใช่  ต่างคนต่างเรียนให้ดีก็พอแล้ว  อย่าทำให้มีปัญหาขึ้นมาก็แล้วกัน ”  เด็กหนุ่มอีกคนพูดเสริมขึ้นมา 
          ‘ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเจอเพื่อนแบบนี้ ’  ซีโอลนึกในใจ
          “ ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องไปเข้าห้องเรียนกันแล้ว  ขอ . . . ” 
          ตูม . . . ตูม . . . ตูม . . .
          ยังไม่ทันที่อาจารย์โนมาจะกล่าวจบ  กลับมีเสียงระเบิดออกมาทางด้านข้างของห้องประชุม  3  ครั้ง  เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่น่ากลัว  ดวงตาสีแดงเพลิง  มีดวงไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งลุกไหม้อยู่ภายใน  เนื้อหนังของมันเป็นตุ่มเป็นก้อนสีดำสลับกับสีแดงเลือดหมู  แขนและขาอันมหึมาที่เมื่อฟาดลงไปบนสิ่งใดก็ยากที่จะต่อกรกับพลังอันมหาศาลนี้ได้  บนหางของมันยังมีก้อนเวทมนตร์สีเทาแห่งปีศาจ  พร้อมด้วยหมอกแห่งความมืดปกคลุมอยู่
          “ ฆ่า . . . ฆ่า . . . ”  มันคำรามออกมา
          ไม่ให้ทุกคนได้ทันตั้งตัว  สัตว์ประหลาดยักษ์เวนกอมาก็เริ่มภารกิจของมัน  หมอกแห่งความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วห้องประชุม  อากาศภายในก็เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง
          “ ด้วยอำนาจแห่งเทพ  แดนเทพศักดิ์สิทธิ์จงปรากฏ ”  เทพโปรดารอนร่ายมนต์ 
          พื้นห้องประชุมได้เปลี่ยนจากพื้นสีน้ำตาลเข้มเป็นสีทอง  เขตแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเริ่มขยายอาณาเขตจากตรงกลางออกไปทั่วทุกมุมห้อง  เหนือขึ้นไปด้านบนมีขอบเขตแห่งเวทปรากฏอยู่  มีลักษณะเป็นวงแหวนซ้อนกัน  2  วง  ช่องระหว่างวงแหวนมีอักษรโบราณสลักอยู่  ขอบด้านเหนือมีอักษรนูนขึ้นมา  ‘ บัญญัติแห่งเทพขอมอบ ’  ด้านล่างมีอักษรยุบลงไป  ‘ ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ปราบมาร ’  ภายในมีก้อนกลมสีรุ้ง  สลักรายรอบด้วยหยดน้ำสีชมพูหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา
          “ ทุกคนจงออกไปยังสวนแห่งสันติสุข ”  อาจารย์โนมาประกาศบอกทุกคน
          เด็กทุกคนต่างวิ่งออกไปในทางออกโซนทางด้านตะวันออกที่ซึ่งขอบเขตแห่งเทพปกคลุมอยู่  สัตว์ประหลาดก็พุ่งเข็มแห่งความตายมาทางขอบเขตแห่งเทพ  ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้เกิดรอยร้าวบนอาณาเขตได้  แต่เทพโปรดารอนและเทพีนีออนนาสต่างรู้ดีว่า  อาณาเขตแห่งเทพจะบางลงเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็จะไม่สามารถกั้นพลังทำลายของเวนกอมาได้
          “ รีบออกไปโดยเร็ว ”  เทพโปรดารอนตะโกนผ่านกลุ่มเด็กออกไป
          เวนกอมาพุ่งหางมาทำลายขอบเขตแห่งเทพอย่างไม่หยุดยั้ง  ขอบเขตก็บางลงเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็แตกออก  เวนกอมาไม่รอช้าพุ่งเข็มแห่งความตายมายังพวกเด็กกลุ่มสุดท้ายที่กำลังจะวิ่งออกไป  ‘ ตาย ’  เวนกอมานึกในใจ  แต่มันกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด  มีสายน้ำพุ่งเข้ามากั้นไว้พร้อมกับบังคับทิศทางของเข็มให้พุ่งกลับไปยังหน้าของเวนกอมา  ในท้ายที่สุดหลุมอากาศสีเทาก็ดูดสายน้ำและเข็มพิษเข้าไป
          “ ใครบังอาจมาลองดีกับข้า ”  เวนกอมาตะโกนออกมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ  เห็นชายชุดเสื้อคลุมสี้ฟ้าเข้ม  หญิงสาวชุดสีเหลือง  และเด็กน้อยชุดสีฟ้า  สายตาของมันจ้องไปที่อัญมณีสีฟ้าที่เปล่งแสงออกมา
          “ เด็กน้อย  ชีวิตเจ้าคงมาแค่นี้แหละ ”  เวนกอมาพูดพร้อมจู่โจมโดยใช้หาง  ซีโอลหลบเข้าไปด้านหลังของที่นั่งด้านขวาของเทพโปรดารอน  มีแสงสีเหลืองเปล่งออกมาจากสร้อยคล้องคอผ่านบ่าของเทพีนีออนนาส  เทพีฟาดสร้อยลงไปบนหางของเวนกอมาก่อนที่มันจะโจมตีใส่ซีโอล  หางสีดำของมันแยกออกจากร่าง  นำความเจ็บปวดผ่านทั่วร่าง  มันโกรธจัดระเบิดลูกไฟในดวงตาของมันหมายจะเผาร่างเทพีให้ไหม้เกรียมไม่ให้เหลือแม้กระทั่งกระดูก  แต่แล้วมันก็ต้องสิ้นฤทธิ์เพราะโดนอาคมแห่งเทพที่เทพโปรดารอนเนรมิตขึ้น  มัดรอบตัวจนร่างมันถูกเผาไหม้ด้วยไฟที่มันก่อขึ้นมาเอง
          “ ซีโอล  สิ่งที่เจ้ากระทำนั้นควรค่าแก่การยอมรับแห่งวีรบุรุษ  แต่บางครั้งอาจนำมาซึ่งหายนะแห่งเจ้าก็เป็นได้นะ ”  เทพโปรดารอนกล่าวแก่ซีโอล
          “ ผมจะจำไว้ครับ ”  ซีโอลตอบกลับมา
          หลังจากนั้นอาจารย์โนมาจึงประกาศให้เด็กทุกคน  แยกย้ายกันไปเรียนในแต่ละห้องของตัวเอง  โดยไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เด็ก ๆ ต่างจับกลุ่มสนทนากัน  แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะถามอาจารย์หรือค้นหาเบาะแสกันเองเลย  จนในที่สุดต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียน  โดยที่จะต้องมาพบกันอีกครั้งในตอนเย็นก่อนกลับบ้าน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น