ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ิอาณาจักรแห่งเทพ

    ลำดับตอนที่ #13 : ขนหางจัสเมท

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 46


              เช้ารับอรุณวันใหม่มาถึงแล้ว  แสงสีเหลืองอ่อนผ่องออกมาระบายฟ้าเบื้องบน  หลายคนคงรักในบรรยากาศแห่งความเงียบเช่นนี้  แต่คงไม่ใช่กับโซล  เขาตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่สูญเสียคนที่รักไป  เขาเดินไปยังแผ่นดินที่รองรับศพพ่อและแม่ของเขาไว้  

              “ หลับให้สบายนะครับ  ผมจะแก้แค้นให้ ”  โซลบอก

              โซลใช้มือตัวเองขุดหลุมขนาดใหญ่  รอยน้ำตาไหลซึมลงไปบนพื้นดิน  ทุกครั้งที่ขุด  ความเคียดแค้นก็เพิ่มขึ้นมาในจิตใจของเขา  เลือดสีแดงปรากฏอยู่บนมือทั้งสองข้าง  ความเจ็บจากร่างกายคงไม่อาจเทียบความเจ็บในใจได้  เขาขุดต่อไปเรื่อย ๆ  แล้วนำศพพ่อและแม่ของเขาฝังไว้รวมกัน  เสร็จแล้วก็กลบดินให้เรียบร้อย  

              “ ผมไปก่อนนะครับ ”  เสียงเคล้าน้ำตาของเด็กหนุ่มน้อยอายุ  7  ปีบอกกับคนที่เขารักที่สุด



              “ 2  ปีมาแล้ว  ที่ผมรักษาความแค้นไว้ในใจจนก่อเจ้าปีศาจร้ายขึ้นมาในใจผม ”  โซลบอก

              “ เสียใจด้วยนะโซล ”  ซีโอลปลอบใจ

              “ ผมจะต้องจัดการมันให้ได้ ”

              “ แกจะทำอะไรข้าได้ ”

              “ ก็ลองดูแล้วกัน ”  

              โซลพุ่งตัวออกไป  ยกงาช้างทั้งคู่ขึ้นพร้อมกับจะฟาดลงไปบนอีกร่าง  แสงสีขาวนวลเปล่งออกมา  อานุภาพของมันย่อมทำลายปีศาจได้  

              “ แต่ข้าไม่ใช่ปีศาจ   ข้าก็คือเจ้านั่นแหละ ”  อีกเสียงตอบกลับมาพร้อมกับหลบไปทางด้านซ้าย  พุ่งสายใบไม้มากระแทกหลังของโซลแล้วมัดร่างนั้นเอาไว้

              “ ชีวิตแกก็มาได้เท่านี้แหละ ”

              สายน้ำพุ่งมาตัดใบไม้ที่มัดโซลออก  แล้วไอน้ำโดยรอบก็ม้วนตัวนำโซลที่ตอนนี้เป็นเพียงร่างแห่งแสงประกอบรวมกันกลับมาอยู่ข้าง ๆ ซีโอล

              “ หอกน้ำแข็ง ”  สายน้ำรวมตัวเป็นหอกน้ำแข็งพุ่งไปกระแทกอีกร่างหนึ่งอย่างจัง  ร่างนั้นทรุดลงกับพื้นดิน  น้ำเสียงแดงไหลออกมาจากปาก  ร่างนั้นลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะออกมา

              “ ข้ากับเพื่อนเจ้าเป็นร่างเดียวกัน  ข้าเจ็บมันก็เจ็บ ”

              ซีโอลหันไปดูโซลซึ่งตอนนี้ร่างนั้นบางจนเกือบจะล่องหนอยู่แล้ว  พลังในการมีชีวิตรอดเหลือน้อยลงเต็มที  ใบหน้าที่ตอนแรกยังมีสีขาวนวลให้เห็นตอนนี้กลับเลือนลางซีดเซียว  ร่างกายบางส่วนทะลุเป็นรู  นั่งล้มอยู่บนพื้นดิน

              “ โซล  เป็นยังไงบ้าง ”

              “ ไม่ . . . เป็น . . . ไร ”  น้ำเสียงสุดท้ายที่กล่าวออกมา  แล้วร่างนั้นก็ล้มสลบไปบนพื้นดิน

              “ ฉันจะพานายกลับบ้าน ”  ซีโอลบอก

              “ ไม่มีทาง ”  ใบไม้พุ่งออกมากระแทกหลังของซีโอล  เขายังพยุงตัวอยู่ได้แล้วหันกลับไปจ้องหน้าอีกร่างหนึ่ง

              “ อย่าทำให้ข้าโมโหไปมากกว่านี้นะ ”

              “ ถ้าแกทำอะไรข้า  ความเจ็บปวดมันก็ส่งผลถึงเพื่อนแกด้วย  อย่าลืมซิ ”

              ซีโอลคิดหาวิธีการโต้ตอบกลับไปไม่ได้  เขาจึงทำได้แค่เพียงป้องกันเท่านั้น  บางครั้งหอกใบไม้ก็เฉียดผ่านไหล่ออกไป  เลือกสีแดงเข้มซึมผ่านออกมา  วิธีเดียวที่จะหลบพ้นได้คือการต่อสู้กลับเท่านั้น

              ‘ แต่โซลต้องเจ็บด้วย ’  ซีโอลนึก  ‘ ต้องลองเสี่ยงดู ’

              “ ม่านกำบัง ”  ซีโอลพุ่งตัวออกไป  หันหน้ามุ่งสู่บ้านตัวเอง  การโจมตีของหอกใบไม้ไม่สามารถทำอะไรเข้าได้  เพราะมีม่านกำบัง  แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป  พายุใบไม้โจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง  ม่านกำบังถูกทำลายลงแล้ว  

              “ ฉันจะต้องพานายไปให้ได้ ”  ซีโอลตะโกนออกมา

              สายลมแห่งการโจมตีได้ทำให้ขนสีขาวเส้นหนึ่งลอยออกมาจากบริเวณเข็มขัดของซีโอล  นั่นคือขนหางจัสเมท  ขนเส้นนั้นก่อให้เกิดพายุขนาดใหญ่   ยามที่มันหมุนวนไปที่แห่งใดมันจะกลายเป็นโล่กำบังให้กับผู้ใช้ได้  แต่ถ้าขนกลับทิศขึ้นมา  หายนะก็จะกลับมาสู่ผู้ใช้เอง

              ขนหางจัสเมทหมุนจากขวาไปซ้าย  นั่นคือโชคของซีโอล  กำแพงพายุเป็นเหมือนเกราะกำบังให้กับเขา  ในไม่กี่นาทีต่อมาร่างนกยูบาสไพรก็มาอยู่ด้านหน้าของซีโอล  มันกระพือปีกสร้างพายุขนาดใหญ่ขึ้นกำบังร่างของซีโอลไว้  แล้วบินไปรับซีโอลซึ่งตอนนี้เกือบจะหมดสติจากความเจ็บปวดของบาดแผล

              “ ขอบใจมาก . . . จัส . . . เมท ”  ซีโอลสลบลงบนหลังของจัสเมทพร้อมกับร่างของโซล

        

              แสงสาดส่องเข้ามาในตาของซีโอล  ทำให้เขาต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง  อีกสักพักเขาจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาดู  หลังคาไม้สีดำที่เขาคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของดอกลาสเชอร์  ทำให้เขารู้ทันทีว่า  นี่คือบ้านของเทพเมโทร

              “ ตื่นแล้วหรือ  หลานรัก ”  เทพเมโทรถาม

              “ ครับ . . . แล้ว ”

              “ โซลอยู่นี่แล้ว ”  เทพเมโทรชี้ไปทางด้านขวาของเขา  

              โซลตอนนี้ดูแข็งแรงขึ้น  เทพลาลอสกับเทพเมโทรช่วยกันให้พลังกับเขา  แต่ตอนนี้เขายังคงนอนอยู่บนเตียง  เพราะเขาต้องพักฟื้นเรียกพลังกลับคืนมา

              “ พวกตาทั้งสองรู้เรื่องหมดแล้ว ”  เทพลาลอสกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามา

              “ นี่คือบทพิสูจน์ผู้ครอบครองอัญมณีแห่งเทพ . . . ซีโอล  โซลจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง  ถ้าเขาเหมาะสมจะเป็นผู้ครอบครองอัญมณี  เขาจะต้องแก้ปัญหาได้ ”

              “ ครับ ”  ซีโอลตอบ  “ ผมสลบมากี่วันแล้วครับ ”

              “ 3  วัน ”  เทพเมโทรตอบ

              “ แล้วเรื่องเรียน ”

              “ ไม่ต้องเป็นห่วง  ตาบอกเทพโปรดารอนแล้ว  อืม . . . ตาบอกเรื่องโซลแล้วด้วย ”

              “ เรามีโอกาสจะช่วยเขาไหมครับ ”  ซีโอลถาม

              “ มี ”  เทพลาลอสเว้นไว้ช่วงหนึ่ง  “ แต่ . . . ”

              “ แต่อะไรครับ ”

              “ โซลอาจจะตายไปพร้อมกับอีกร่างด้วย  เพราะเขาทั้งคู่เชื่อมโยงกันอยู่  ถ้าอีกร่างตาย  มันก็เป็นไปได้ว่า  โซลก็อาจจะตายไปด้วยเหมือนกัน ”

              “ ผมขอลองเสี่ยงครับ ”  อีกเสียงตอบกลับมา

              โซลพยายามยืดตัวเองขึ้นมา  ตอนนี้เขายังคงอิดโรยอยู่เหมือนเดิม  พลังชีวิตของเขาน้อยลงไปเรื่อย ๆ  เขาสามารถอยู่ได้อีกไม่เกิน  3  วัน  ร่างแห่งแสงต้องกลับเขาร่างเดิมก่อนที่แสงจะแตกสลายออกไป

              “ ผมมีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นาน   ผมรู้ดี   ถ้าผมสามารถกำจัดปีศาจในร่างผมออกไปได้  ผมก็ขอยอมทำครับ ”

              “ ตาช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ”  พูดเสร็จ  เทพลาลอสก็มอบงาช้างให้คู่หนึ่ง

              “ งาช้างสามารถตัดทำลายมารได้  เจ้าจงจำไว้  เงาแห่งอดีต  ถ้าเป็นมาร  งาช้างก็ตัดได้ ”

              “ ครับ ”  โซลตอบ



              การต่อสู้จะเริ่มขึ้นในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น  โซลรู้ดีว่า  อีกตัวตนหนึ่งต้องมาหาเขาที่โรงเรียนแน่นอน  เพราะถ้าโซลไม่ได้กลับเข้าร่าง  ทั้งมันและโซลจะต้องตายไปพร้อมกัน  ดังนั้นมันจึงต้องมาฆ่าเขาก่อนเป็นแน่  ถ้ามันสามารถกำจัดเขาได้  มันก็จะได้เป็นผู้ครอบครองร่างอย่างแท้จริง

              คืนนั้นโซลยังหลับอยู่บนเตียงภายใต้ร่มเงาคุ้มกันแห่งบ้านเทพเมโทร  ถึงกระนั้นก็ตาม  ความรู้สึกหวาดกลัวและความรู้สึกสับสนกลับเพิ่มขึ้นมา

              ‘ ฉันจะจัดการมันได้ไหม ’  โซลนึกอย่างซ้ำไปซ้ำมา

        

              ด้านนอกของบ้าน  มีเงาดำ ๆ ปรากฏบนหลังพุ่มไม้  ร่างน่าเกลียดน่ากลัวจนทำให้ฝูงสัตว์ต่างสั่นตัววิ่งหนีจากไป  ไม่มีสิ่งใดกล้าที่จะเข้าไปวุ่นวายหรือต่อกรกับอำนาจมืดแห่งมัน  มันแสยะยิ้มออกมา  พร้อมกับเดินลากขาข้างซ้ายที่ตอนนี้เป็นเหมือนซากไม้ไร้ชีวิต  มุ่งเข้าสู่ความมืดมิดแห่งรัตติกาล  

              ดวงจันทร์ทอแสงสีนวลลงมาแล้ว  ไอแห่งความอบอุ่นจะช่วยคุ้มครองเด็กน้อยให้รอดพ้นจากอันตราย  สายลมที่พัดระเรื่อยไป  เสียงแมลงสีปีกแข่งขันรำไรอยู่ภายนอก  หมอกสีเทาเริ่มย้ายตัวมาบดบังรัศมีแห่งดารา  อีกไม่นาน  แสงสีฟ้าแห่งการเริ่มต้นครั้งสุดท้ายคงจะปรากฏ

              ‘ ฉันจะจัดการมันได้ไหม ’  โซลนึกอีกครั้ง

              ‘ งาช้างคู่นี้  ต้องจัดการเหล่ามวลมารได้แน่ ’  โซลมองไปที่งาช้าง  แล้วผ็อยหลับไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×