ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ิอาณาจักรแห่งเทพ

    ลำดับตอนที่ #12 : เรื่องในอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 46


              สายน้ำสีฟ้าอ่อนพุ่งตรงออกไปหวังจะรองรับร่างนั้น  แต่กลับไม่เป็นดังคิด  สายน้ำพุ่งแตกออก  สายน้ำกระเด็นเห็นเป็นรูปแผ่นกระจกขนาดเล็กมากมายก่อตัวรวมกัน  ทันใดนั้นเอง  กระจกอากาศเปล่งแสงออกมา  ปรากฏเป็นกล่องแก้วขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างหนึ่งไว้อยู่ภายใน  ด้วยสายลมพัดวนอยู่รอบกายคอยพยุงร่างไม่ให้ตกลงบนพื้นดิน

              กระจกอากาศแตกออก  พุ่งเศษแหลมมายังผู้ซึ่งต่อกรกับอำนาจแห่งมัน  อานุภาพแห่งความรุนแรงแผ่กระทบทั่วตัวของซีโอล  ความเร็วดุจสายลมพุ่งตวัดผ่านร่างเด็กน้อยออกไป  ตามมาด้วยเข็มพรากชีวิตนับร้อยชิ้น   เด็กน้อยตั้งสติอีกครั้งหลังจากตกอยู่ในพะวังแห่งพลังอันยิ่งใหญ่  พร้อมกับลอยตัวออกไปตั้งหลัก  ร่ายมนต์ที่คิดว่าจะรับมือพลังนั้นได้

              “ ปราการม่านน้ำ ”

              สายน้ำรอบตัวรวมกันสร้างเป็นปราการขนาดใหญ่  ความหนาของมันย่อมสยบกับพลังต่อกรระดับต่ำได้  แต่ตอนนี้  พลังมหาศาลกำลังถาโถมโจมตีเข้ามา  ม่านปราการลดลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับจำนวนเข็มพรากชีวิตที่น้อยลง  ระรอกคลื่นสุดท้ายกำลังจะจบสิ้นลง  การตัดสินใจในครั้งสุดท้ายของผู้ครองอัญมณีเทพ  คือการใช้พลังแห่งอัญมณี

              “ ด้วยอำนาจแห่งอัญมณีเทพ  ม่านน้ำพลิกผัน ”

              ปราการม่านน้ำคลายตัวออกเป็นช่องโหว่คอยรับเข็มพรากชีวิต  ทันทีที่เข็มผ่านเข้ามา  สายน้ำจากทางด้านบนจะดักจับมันเอาไว้  แล้วสายน้ำด้านล่างจะพุ่งตัวออกมาด้วยความแรงกระแทกเข็มให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ  ไม่มีสิ่งใดสามารถหลุดออกมาทำร้ายซีโอลผู้ซึ่งครอบครองอัญมณีแห่งเทพได้   ภาพการต่อสู้จบสิ้นลง  สิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าเป็นเด็กหนุ่มที่ซีโอลรู้จักดีแต่มีสิ่งที่ผิดปกติออกได้  นั่นคือ  อานุภาพความเคียดแค้นที่แผ่ออกมาจากสายตาทั้งสองข้าง

              “ โซล ”  ซีโอลตะโกนออกไป

              “ ข้าไม่ใช่เพื่อนของแก ”  อีกเสียงตอบกลับมา

              ร่างนั้นไม่ต่างอะไรจากเพื่อนของเขาเลย  แต่ทำไม  การตอบกลับมาจากเพื่อนที่เขารัก  กลับเป็นเหมือนการตอบกลับของศัตรูที่ยาวนาน

              “ พลังแห่งข้า  ข้าได้พลังนั้นมาครอบครองแล้ว  ต่อไปข้าจะฆ่าทุกคน  และฆ่าคนที่มันเคยทำร้ายข้า ”  เสียงนั้นพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหัวเราะราวกับปีศาจ

              “ แกเป็นใคร  แกไม่ใช่โซลแน่ ”  ซีโอลถาม

              “ ข้าคืออีกตัวตนที่อยู่ในร่างของเพื่อนแก   ตอนนี้ข้ามีอำนาจเหนือมันแล้ว  ต่อไปนี้  แกจะไม่มีวันได้เห็นเพื่อนของแกอีก ”

              “ ว่าไงนะ ”  ซีโอลตกใจกับคำตอบประโยคสุดท้าย

              “ ไม่มีวันได้เห็นโซลอีก ”  ซีโอลพึมพำออกมา  แล้วตะโกนถาม

              “ แกหมายความว่าไง ”

              “ เผยตัวตนของแกมาดีกว่า   ข้ารู้ว่าแกยังไม่ตาย ”  เสียงคนในร่างโซลตะโกนออกมา



              แผ่นกระดาษสีขาวเปล่งแสงออกมา  ลมรอบแผ่นก่อตัวรวมกันเป็นร่างของเด็กน้อย  ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกได้เด่นชัดว่าเป็นใคร  ลักษณะที่เห็นจากภายนอก  เป็นเพียงร่างเด็กน้อยตัวสูงเท่า ๆ กับซีโอล  แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และระบุได้แน่นอนว่านั่นคือโซล  คืองาช้างคู่หนึ่ง  ที่เปล่งแสงสีขาวนวลออกมา  

              “ โซล ”  ซีโอลหันไปพูดกับลมที่ก่อตัวเป็นร่างเด็กน้อย

              “ ใช่แล้ว . . . ซีโอล ”  อีกเสียงตอบกลับมา

              “ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ ”

              “ มันเป็นอีกตัวตนที่ก่อตัวขึ้นมาตอนยังเด็ก  มันเป็นเรื่องเศร้าที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาเลย ”



              ณ  บริเวณหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างวาสโซและเมลาดูก้า  กลางวันก็ดำเนินไปตามปกติ  ร้านค้าเรียงรายตามถนน  ผู้คนร้องเรียกตะโกนหาลูกค้า  เวลาช่วงวันก็ผ่านเลยไปอย่างเร็ว  แสงสว่างจากฟ้าเบื้องบนถูกพ่นด้วยสีดำและความสว่างเปล่งประกายออกมาจากดวงดาว

              เสียงหนึ่งตัดผ่านราตรีเบื้องบนลงมา

              “ บรรยากาศแห่งค่ำคืนยามราตรี  จะต้องถูกแต้มสีด้วยเลือดสีแดงเข้ม  เหล่ามวลมารบริวารแห่งข้า  จงมุ่งทำลายล้างให้ราบเป็นสุสานแห่งเหล่าปวงชน ”

              เสียงร้องแห่งหายนะจากหมู่มารพุ่งออกมา  อีกไม่นานก็กลายเป็นเสียงปนระหว่างคนที่หวาดกลัวกับหมู่มวลมารที่บ้าคลั่ง   เลือดสีแดงสาดกระจายเต็มทั่วท้องถนน  บ้านหลายหลังกลับกลายเป็นสุสานฝังศพเพียงชั่วข้ามคืน  บางหลังถูกเผาทำลาย  บางหลังก็ถูกอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์หายวับไปกับตา  

              ครอบครัวของโซลก็เช่นกัน  ต้องอพยพหนีตายออกมา  ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้  ทางหนีเพียงทางเดียวคือทางด้านหน้าของบ้าน  ซึ่งแน่นอน  นั่นคือที่ที่เหล่าฝูงปีศาจคอยฆ่าทุกชีวิตที่ผ่านออกมา

              พ่อของโซลเดินไปที่ด้านข้างของบ้าน  หยิบสายสร้อยสีขาวมาผูกให้กับโซล  

              “ เก็บไว้นะลูก   มันจะคอยปกป้องเจ้าเอง ”

              พ่อของโซลผูกสายสร้อยให้พร้อมกับตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วตัดสินใจเอ่ยออกมา

              “ อย่ายอมแพ้   เราทุกคนต้องรอด ”



              สภาพท้องถนนที่เต็มไปด้วยเลือด  ชาวบ้านที่วิ่งหนีจากคมมีดและคมดาบ  หมู่มารลอยอยู่บนฟ้า  และเมฆสีดำปกคลุมแสงสว่างจากดาวจนมิด  เป็นภาพที่น่าสยดสยองที่สุดเท่าที่โซลเคยเห็นมา  ทั้งสามวิ่งออกพร้อมกับมุ่งขึ้นสู่ทิศทางด้านซ้าย  ‘ ป่าใหญ่คงจะช่วยคุ้มครองได้ ’  พ่อของโซลนึก

              ทั้งสามวิ่งไปเรื่อย ๆ  เสียงกรีดร้องจากการทำร้ายยังคงก้องอยู่ในหัวของโซล  ผู้คนต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน  เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระแทกเข้าที่หลังของโซล  โซลล้มลงแล้วมองกลับไป  เด็กคนนั้นมีสภาพแย่กว่าโซลอย่างมาก  หน้าตาดำเปื้อนโคลนจากตอนล้ม  สายน้ำสีขาวไหลออกมาจากตาทั้งคู่

              “ ไปด้วยกันนะ ”  โซลบอกเด็กหนุ่ม

              ทั้งหมดกำลังวิ่งหนีตาย  คนเริ่มน้อยลงแล้วเพราะทางที่วิ่งออกมามีเพียง  50 – 60  คนเท่านั้น  ส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ภายในวงล้อมแห่งปีศาจ  ที่รอดมาได้ก็ต่างหาที่หลบในพุ่มไม้  ต่างคนก็ต่างรอ  รอการหายไปของปีศาจ  รอรุ่งอรุณรับวันใหม่ที่ตามมา  ทุกคนปลอดภัยอยู่ในความมืดมิดแห่งป่าใหญ่ได้ไม่นาน  เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นอีกครั้ง

              “ พวกเจ้าต้องตาย   ป่าใหญ่แห่งนี้จะเป็นหลุมฝังศพแห่งพวกเจ้า ”

              ภารกิจของมารเสร็จไปหนึ่งส่วนแล้ว  ภาพคนล้มตายเป็นเหมือนยาบำรุงกำลังให้กับปีศาจ  ความฮึกเหิมและความบ้าคลั่งทำให้มันมุ่งเข้าสู่ป่าใหญ่  เสียงหวีดร้องจากความทุกข์ทรมานและความหวาดกลัวแทรกผ่านความมืดมิดออกมา  ทั้งสี่ยังคงปลอดภัย  แต่พ่อของโซลรู้ดีว่า  อีกไม่นานคงถึงเวลาของพวกเขา  จึงพูดกับโซลว่า

              “ จำไว้นะโซล  พวกปีศาจมันทำร้ายเรา  วันหนึ่งถ้าเราสามารถทำลายมันได้  จงทำ ”

              “ ครับ ”  โซลตอบ

        

              เสียงแหวกพุ่มไม้จากทางด้านข้างดังขึ้นมา  ร่างสีดำกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้  สัมผัสวิเศษแห่งมารสามารถรับรู้ความหวาดกลัวของคนผู้นั้นได้  มันกำลังพุ่งตรงเข้ามา  ในที่สุดมันก็พบกับร่างทั้งสี่

              “ ตาย . . . ”  มันคำรามออกมา

              พ่อของโซลขว้างเศษกิ่งไม้ที่แตกหักไปหาปีศาจ  อีกสามคนวิ่งหลบไปคนละทิศ

              “ ตายซะ ”  ปีศาจคำรามออกมาอีกครั้ง  พร้อมยกโซ่เหล็กแหลมปลายยาวฟาดลงบนร่างพ่อของโซล  แขนข้างซ้ายถูกตัดออกไป   มันยกโซ่เหล็กขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เป้าหมายของมันคือจะฟาดลงบนหัว  แม่ของโซลเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้ามารับการโจมตี  ร่างของทั้งคู่ถูกฟันขาดสองท่อน  เลือดกระเด็นเปื้อนใบไม้และพื้นดิน  เด็กหนุ่มอีกคนหวาดกลัวร้องเสียงดังออกมา  ปีศาจพุ่งโซ่เหล็กไปมัดตัว  โยนขึ้นไปบนฟ้าแล้วพุ่งเหล็กแหลมทะลุเสียบร่างนั้นกลางอากาศ  

              โซลยังคงหลบอยู่หลังพุ่มไม้   ความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่ความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว  เขาจะต้องรอดเพื่อสักวันหนึ่ง  เขาจะได้แก้แค้นให้พ่อและแม่ของเขา  

              ‘ ฉันจะฆ่าแก  ไอ้ปีศาจร้าย ’  โซลนึกในใจ

              โซลยังคงหลบอยู่ที่เดิม  เขารู้ดีว่าถึงจะออกไปสู้ตอนนี้  จุดปลายท้ายสุดของการกระทำนั้นคือความตาย  ดังนั้น  เขาจะต้องอยู่นิ่ง ๆ  อย่างสงบและไม่ทำให้เจ้าปีศาจรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้  ด้วยการที่เขามีแต่ความหวังที่จะรอดและความเคียดแค้น  เจ้าปีศาจจึงไม่สามารถหาตัวเขาพบได้  เพราะสัมผัสวิเศษแห่งมารสามารถจับได้แค่เพียงความหวาดกลัวเท่านั้น

              เวลาแห่งค่ำคืนอันยาวนานยังคงผ่านพ้นไป  โซลรอคอยที่จะพบกับสันติสุขอีกครั้ง  ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่เยือกเย็น  โดดเดี่ยว  และเศร้ามากที่สุด  ความหวาดกลัวเริ่มกลับเข้ามาอยู่อีกครั้ง  ตอนนี้เหล่ามารได้จากออกไปแล้ว  ทิ้งไว้แต่เพียงซากความเสียหายและรอยน้ำตาแห้ง ๆ ของโซล  ความง่วงกลายมาเป็นศัตรูสำคัญสำหรับเขาตอนนี้  

              “ เทพแห่งป่าใหญ่  ท่านจงช่วยคุ้มครองข้าด้วยเถิด ”  โซลกล่าวน้ำเสียงสุดท้ายก่อนจะล้มลงบนแผ่นดินอันอบอุ่นแห่งพนาไพร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×