ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ด้วยพลังเทพ
          เกิดลมพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง  ต้นไม้โดยรอบพัดปลิวตามกระแสลมอันบ้าคลั่ง  หญ้าใหญ่น้อยหลุดออกมาเริงระบำภายใต้สายลมแห่งความวิบัติ  ใบไม้ทั่วบริเวณพุ่งเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าของโซล  แล้วพุ่งกระจายออกไปเป็นแปดเหลี่ยมโจมตีฟาลูในทุกทิศทาง  ฟาลูหลบได้เพียงหกทิศ  แต่ที่เหลือกลับโดนเข้าไปเต็ม ๆ  ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บมากนัก  แต่ก็สร้างความบอบช้ำได้มากพอควร
          “ ข้าไม่อยากใช้กำลังกับเจ้าหรอกนะ . . เจ้าเด็กน้อย  แต่ในเมื่อเจ้าไม่ยอมไปกับข้าโดยดี  ข้าก็จำเป็นต้องทำ ”
          ฟาลูชูมือสว่านขึ้นมา  ฝุ่นสีดำกระจายครอบบริเวณด้านหน้าของมัน  สายตาที่ขาวสลับกับเส้นเลือดสีแดงสอดส่ายออกมา  เผยให้เห็นเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใหม่  มีลักษณะเหมือนกบสีดำ  แต่ที่ขาด้านหลังเป็นเหมือนท่อเชื้อเพลิงสีดำแกมแดง  ไฟกลุ่มเล็กปะทุออกมาทางด้านหลัง  เปลวไฟสีน้ำเงินม่วงพุ่งบานออกในระนาบตัดกับท่อ  ส่งผลให้มันสามารถเคลื่อนที่พุ่งไปในอากาศได้  ปากของมันมีต่อมพิษสีส้มเข้มขนาดเล็กอยู่มากมาย  สามารถกำหนดขนาดและประเภทความรุนแรงของพิษตามนายของมันสั่ง  ผิวหนังเป็นเกล็ดราบเรียบอยู่บนผิวเปียกชุ่มน้ำพิษรอบตัว
          “ ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก  ไว้ไปถึง  Death  Zone  ก่อน  แล้วข้าจะทรมานเจ้าอย่างช้า ๆ  จนตาย  เอาล่ะ . . . ไปทำให้มันสลบเหมือนกับพวกเพื่อนของมัน ”
          กบตัวแรกพุ่งไปออกไป  จุดที่มันโจมตีจุดแรกคือที่บริเวณศรีษะของเด็กน้อย  มันพ่นพิษสีดำออกมาแล้วพ่นหมอกสีเทากระจายทั่วบริเวณ  โซลกระโดดขึ้นไปด้านข้างของต้นเมกหลบน้ำพิษ  แล้วพุ่งกิ่งไม้แหลมมาที่ตัวสัตว์ปีศาจ  กิ่งไม้ถูกหมอกสีเทาล้อมมัดไว้  พร้อม ๆ กับร่างสีดำเล็ก ๆ พุ่งโจมตีออกมาจากพื้นดินกระแทกข้อศอกด้านขวาของโซลอย่างจังจนโซลกระเด็นตกลงมา  มีน้ำเสียงแดงเข้มไหลออกมาจากบาดแผลไม่กว้างมากนัก  โซลกำลังคิดหาแผนการที่จะจัดการกับเจ้ากบปีศาจ  เจ้ากบตัวแรกพ่นพิษออกมาอีกครั้งแต่ทีนี้เป็นพิษสีส้มลอยหายไปในอากาศแล้วมาโผล่อยู่ที่ด้านบนของโซล  มันกำลังพุ่งลงมาหมายจะละลายผมของเด็กน้อยให้เหลือเพียงแค่กลุ่มควันจากการถูกเผา  ใบไม้ลอยมารองรับพิษนั่นจนเหลือเพียงแค่เส้นใยเท่านั้นเอง  กบอีกตัวพุ่งโจมตีด้วยวิธีเดิม  แต่คราวนี้มันพุ่งเป้าไปที่ข้อศอกด้านซ้าย  โซลรู้ทันกระโดดหลบไปที่พุ่มไม้ด้านขวา
          ‘ คิดออกแล้ว ’  โซลนึก
          “ ฝนใบไม้  พัดวงจร ”  โซลตะโกนออกไป
          ใบไม้สายยาวพุ่งออกมาจากด้านข้างแล้วพุ่งตามเจ้ากบทั้งสองไป  เจ้ากบพุ่งหนีขึ้นไปทางด้านบน  เลี้ยวหลบไปทางซ้าย  ย้ายมาขวา  พุ่งกลับมาที่เดิมแล้วพุ่งกลับขึ้นไปอีก  ซึ่งใบไม้ก็พุ่งตามมันไปติด ๆ  จนมัดร่างทั้งสองไว้ได้  แต่แทนที่มันจะสิ้นฤทธิ์  เปลวไฟสีน้ำเงินม่วงกลับลุกท่วมร่างของมันเผาผลาญสายใบไม้จนแตกสลายออกไป 
          เจ้ากบทั้งสองหันกลับพุ่งตัวมากระแทกโซลอีกครั้ง  คราวนี้สร้างความบอบช้ำให้กับเขาเป็นอย่างมาก  มันพุ่งกลับมาแล้วพ่นพิษสีดำออกไป  พิษพุ่งมาที่โซล  คราวนี้ไม่มีทางหลบได้แน่เพราะโซลบาดเจ็บเกินไปมาก  แค่กำลังจะป้องกันตัวยังยากเกินไป 
          ‘ ขอโทษนะเพื่อน  ฉันทำได้แค่นี้จริง ๆ ’  โซลนึก
   
          ทันใดนั้นเอง  หลุมอากาศก็ดูดพิษสีดำเข้าไป  พลันมีแสงสีขาวนวลปรากฏออกมาด้านข้างทั้งสองของโซล  เป็นงาช้างคู่หนึ่ง  เปล่งแสงสีเหลืองอ่อนนวลออกมา  ด้านล่างแกะสลักเป็นรูปช้างเผือกท่าทางดุดัน  ด้านบนเป็นรูปใบไม้แผ่ออกไปทุกด้าน  สายใบไม้พันอยู่โดยรอบ  โซลเอื้อมมือไปจับงาช้าง  พละกำลังหลังไหลเข้ามาทั่วร่างพร้อมที่จะต่อสู้ฟาดฟันกับเจ้ากบปีศาจทั้งสองตัว  โซลพุ่งเข้าไปหาเจ้ากบทั้งสองฟาดงาช้างลงไปที่มัน  มันหลบพร้อมกับพ่นพิษออกมาทันทีที่โซลจะโจมตีกลับอีกครั้ง  ใบไม้จากพื้นดินพัดมาล้อมรอบกายของเด็กน้อยไว้  พิษของมันหลอมละลายใบไม้ลงมาทันที  โซลยังพุ่งตัวตามไปแล้วขว้างงาช้างออกไปที่พวกมัน  ทันทีที่กระทบกับผิวเปียกชุ่ม  ตัวมันก็แตกกระจายออก  พิษจากร่างกระจายไปโดยรอบหล่นลงบนพื้นหญ้า    พรากสิ่งมีชีวิตสีเขียวบริสุทธ์ให้กลับกลายเป็นซากสีเหลืองอ่อน  ‘ เหลืออีกหนึ่ง ’  งาช้างอีกข้างพุ่งไปอีกครั้ง  เจ้ากบพ่นพิษสีส้มต่อกรกับพลังของงาช้าง  พิษแตกสลายออกพุ่งกลับไปที่เจ้าของของมัน  เจ้ากบสิ้นฤทธิ์ในทันทีที่ผิวหนังมันกำลังละลายออกมาจากร่าง 
          โซลดีใจกำลังจะหันกลับไปหาเพื่อน  กลับถูกกระแทกเข้ากับที่ด้านหลังอย่างแรกจนเกือบหมดสติ  งาช้างหลุดออกจากมือทั้งสองข้าง  แล้วล้มลงไปบนกองหญ้าที่ตายแล้วจากพิษของกบปีศาจ
        ‘ เสร็จข้าล่ะทีนี้ ’  ฟาลูนึก
   
          หมอกควันสีเทารอบบริเวณคลายตัวออกราวกับถูกลมแรงพัดกระหน่ำ  แสงสีเขียวอ่อนสาดส่องออกมาจากช่องว่างแห่งอากาศ  อณูของแสงสว่างรวมตัวไขว้สอดกันเป็นสายธารประตูแห่งพนาไพร  แมลงส่งเสียงร้องรำไรภายใต้ขอบประตู  ณ  ช่องกลางแห่งเงาสีเขียว  เผยให้เห็นร่างอันงดงามแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนไพรสัณฑ์
          ร่างนั้นอยู่ในอาภรณ์สีเขียว  มีมงกุฎใบไม้ประดับอยู่บนศีรษะ  เสื้อคลุมลายช้างพลายสีน้ำตาลอ่อน  แถบสีดำรูปต้นเมกเย็บติดอยู่กับชายเสื้อด้านซ้าย  รายล้อมด้วยขนหญ้าพิษเปลีซ่อนเสียบอยู่ในช่องว่างฝีเย็บ  เข็มขัดสีเขียวมรกตแกะสลักเป็นใบไม้สามชนิดล้อมรอบ  กางเกงเป็นลายใบไม้สานสลับกันไปมา  พร้อมด้วยมุขสีเขียวอ่อนระยิบระยับในทุกช่องตาราง  หัตถ์ซ้ายถืองาช้างที่โซลใช้ในการต่อสู้  1  คู่  ส่วนหัตถ์ขวาถือสร้อยคล้องอัญมณีแห่งป่า  แกะสลักเป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมไว้สำหรับบรรจุอัญมณีแห่งเทพ  ซึ่งตอนนี้ได้ลอยเปล่งแสงมารวมตัวภายในสร้อยแห่งเทพแล้ว
          “ เจ้าปีศาจ  เจ้าบังอาจมากที่มาบุกรุกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งข้า  หนำซ้ำยังมาทำร้ายเด็กน้อยทั้ง  7  อีก  ข้าจะจัดการเจ้าให้ตายในดินแดนหญ้าพิษเปลีแห่งนี้ ” 
          พูดจบ  เทพแห่งป่าฟรอสก็พุ่งตรงมายังเจ้าฟาลู  งาช้างทั้งสองก็ลอยหายไปในสายลมแห่งอากาศ  ประกบหัตถ์ทั้งสองข้างไว้ด้วยกันแล้วแยกออก  ปรากฎเป็นก้อนใบไม้ก้อนมหึมาสีเขียวแก่กำลังหมุนรอบตัวเองอยู่  เส้นใยสีแดงเปล่งแสงออกมาสลับกับพื้นใบสีเขียวเข้ม  ฝุ่นผงหญ้าโรยตัวเป็นวง  หล่นลงมาตามเส้นทางแห่งการหมุน
          “ ด้วยอำนาจแห่งเทพ  กรงขังพายุใบไม้ ”
          ก้อนใบไม้พุ่งเข้าไปที่ตัวของฟาลูด้วยความเร็วดุจสายลมที่พัดทำลายความชั่วร้าย  เจ้าฟาลูหลบไม่ทันจึงโดนกระแทกอย่างแรงล้มลงไปบนพื้นดิน  ก้อนใบไม้ยังคงไม่จบการทำงานของมัน  มันแตกออกจากด้านบนลงไปถึงด้านล่างในระนาบ  8  ทิศ  เส้นใยสีแดงกำลังถักทอเป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้สีเขียวเข้มสร้างความแข็งแรงให้กับลูกกรง  แกนกลางของกรงทำจากต้นเหล็กสาซ์แข็งดุจหินและทนทานต่อการผุกกร่อนด้วยน้ำยางจากต้นไมรกาส  ด้านบนเป็นหลุมสีส้มแดงสลับกับเขียวเหลืองไว้คอยดูดอิทธิฤทธิ์แห่งมาร
          ลูกกรงเหล็กลอยไปที่เจ้าฟาลูอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว  แต่ด้วยความที่น้ำหนักอันมหาศาลบวกกับความรวดเร็วในระดับหนึ่งของเจ้าฟาลู  ทำให้มันรอดพ้นจากการถูกจับในครั้งนี้ได้  มันพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศเหนือลูกกรง  10  เมตร  พร้อมกับดึงผ้าสีดำที่ติดอยู่กับเนื้อของมันออกมา  เลือดแห่งปีศาจกระจายออกไปทั่วเป็นรูปวงกลม  ลอยเคว้งคว้างในอากาศแสนเบาราวกับฝุ่นละออง  เลือดสีแดงค่อย ๆ กลายเป็นสีเลือดนกเข้ม  แล้วเจ้าฟาลูก็ขว้างผ้าสีดำสนิทผ่านวงกลมเลือดแห่งมารที่มันทำไว้  ผ้าสีดำกลายเป็นผืนขนาดใหญ่ขึ้น  มีตราหัวกะโหลกไขว้สีขาวขนาดยักษ์อยู่ตรงกลางผ้า  ตัวอักษรสีแดงเข้มสลักเป็นอักษรที่มารด้วยกันที่จะรู้    งูพิษสีน้ำเงินสลักอยู่ด้านบน  สายตาจับจ้องไปยังพญากาตัวใหญ่ที่สลักอยู่ด้านล่าง  และที่ชายขอบผ้ามีตัวปาเตอร์โผล่ออกมา
          ปาเตอร์เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก  แต่อานุภาพการทำลายของมันสูงกว่าสัตว์ทั่วไปเป็นอย่างมาก  ลักษณะภายนอกของมันเป็นเหมือนกับกิ้งก่ายักษ์  แต่มีส่วนที่ต่างกันหลายส่วน  คือ  บริเวณรอบหัวของมันมีเกล็ดที่เกิดจากซากสัตว์ที่ตายทับถมจากการรุมกัดในฝูง  เป็นซากหินปูนก่อตัวขึ้นมา  ผิวหนังส่วนกลางยืดหยุ่นได้ราวกับสายน้ำแต่เหนียวข้นมากกว่าน้ำลายของสัตว์มีพิษ  หางของมันเป็นเส้นเรียวยาว  ปลายสุดเป็นก้อนกลมสีน้ำเงินเข้ม  บรรจุท่อน้ำกรดไว้ป้องกันตัวอยู่ภายใน  ขาทั้งสี่แข็งแรงและเป็นต่อมเก็บน้ำไว้ใช้ในถิ่นทุรกันดาร
          เจ้าปาเตอร์ทั้งฝูงพุ่งเข้าไปกัดกรงเหล็กของต้นสาซ์  น้ำลายของมันไม่สามารถละลายน้ำยางจากต้นไมรกาสได้  มันจึงดูดน้ำกรดจากหางของมันขึ้นมา  น้ำกรดของมันค่อย ๆ ละลายน้ำยางที่ปกคลุมอยู่  ต่อด้วยการละลายความเป็นเหล็กของต้นสาซ์  แผ่นเหล็กบางลงเรื่อย ๆ  จากที่มีขนาดหนาเท่ากับลำต้นของต้นเมกกลับกำลังจะกลายเป็นเพียงกิ่งไม้ที่แตกหักไร้การดูแล  เทพแห่งป่าฟรอสจึงร่ายมนต์ต่ออีกครั้ง
          “ พิษหญ้าเปลี ”
          “ ข้าไม่อยากใช้กำลังกับเจ้าหรอกนะ . . เจ้าเด็กน้อย  แต่ในเมื่อเจ้าไม่ยอมไปกับข้าโดยดี  ข้าก็จำเป็นต้องทำ ”
          ฟาลูชูมือสว่านขึ้นมา  ฝุ่นสีดำกระจายครอบบริเวณด้านหน้าของมัน  สายตาที่ขาวสลับกับเส้นเลือดสีแดงสอดส่ายออกมา  เผยให้เห็นเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใหม่  มีลักษณะเหมือนกบสีดำ  แต่ที่ขาด้านหลังเป็นเหมือนท่อเชื้อเพลิงสีดำแกมแดง  ไฟกลุ่มเล็กปะทุออกมาทางด้านหลัง  เปลวไฟสีน้ำเงินม่วงพุ่งบานออกในระนาบตัดกับท่อ  ส่งผลให้มันสามารถเคลื่อนที่พุ่งไปในอากาศได้  ปากของมันมีต่อมพิษสีส้มเข้มขนาดเล็กอยู่มากมาย  สามารถกำหนดขนาดและประเภทความรุนแรงของพิษตามนายของมันสั่ง  ผิวหนังเป็นเกล็ดราบเรียบอยู่บนผิวเปียกชุ่มน้ำพิษรอบตัว
          “ ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก  ไว้ไปถึง  Death  Zone  ก่อน  แล้วข้าจะทรมานเจ้าอย่างช้า ๆ  จนตาย  เอาล่ะ . . . ไปทำให้มันสลบเหมือนกับพวกเพื่อนของมัน ”
          กบตัวแรกพุ่งไปออกไป  จุดที่มันโจมตีจุดแรกคือที่บริเวณศรีษะของเด็กน้อย  มันพ่นพิษสีดำออกมาแล้วพ่นหมอกสีเทากระจายทั่วบริเวณ  โซลกระโดดขึ้นไปด้านข้างของต้นเมกหลบน้ำพิษ  แล้วพุ่งกิ่งไม้แหลมมาที่ตัวสัตว์ปีศาจ  กิ่งไม้ถูกหมอกสีเทาล้อมมัดไว้  พร้อม ๆ กับร่างสีดำเล็ก ๆ พุ่งโจมตีออกมาจากพื้นดินกระแทกข้อศอกด้านขวาของโซลอย่างจังจนโซลกระเด็นตกลงมา  มีน้ำเสียงแดงเข้มไหลออกมาจากบาดแผลไม่กว้างมากนัก  โซลกำลังคิดหาแผนการที่จะจัดการกับเจ้ากบปีศาจ  เจ้ากบตัวแรกพ่นพิษออกมาอีกครั้งแต่ทีนี้เป็นพิษสีส้มลอยหายไปในอากาศแล้วมาโผล่อยู่ที่ด้านบนของโซล  มันกำลังพุ่งลงมาหมายจะละลายผมของเด็กน้อยให้เหลือเพียงแค่กลุ่มควันจากการถูกเผา  ใบไม้ลอยมารองรับพิษนั่นจนเหลือเพียงแค่เส้นใยเท่านั้นเอง  กบอีกตัวพุ่งโจมตีด้วยวิธีเดิม  แต่คราวนี้มันพุ่งเป้าไปที่ข้อศอกด้านซ้าย  โซลรู้ทันกระโดดหลบไปที่พุ่มไม้ด้านขวา
          ‘ คิดออกแล้ว ’  โซลนึก
          “ ฝนใบไม้  พัดวงจร ”  โซลตะโกนออกไป
          ใบไม้สายยาวพุ่งออกมาจากด้านข้างแล้วพุ่งตามเจ้ากบทั้งสองไป  เจ้ากบพุ่งหนีขึ้นไปทางด้านบน  เลี้ยวหลบไปทางซ้าย  ย้ายมาขวา  พุ่งกลับมาที่เดิมแล้วพุ่งกลับขึ้นไปอีก  ซึ่งใบไม้ก็พุ่งตามมันไปติด ๆ  จนมัดร่างทั้งสองไว้ได้  แต่แทนที่มันจะสิ้นฤทธิ์  เปลวไฟสีน้ำเงินม่วงกลับลุกท่วมร่างของมันเผาผลาญสายใบไม้จนแตกสลายออกไป 
          เจ้ากบทั้งสองหันกลับพุ่งตัวมากระแทกโซลอีกครั้ง  คราวนี้สร้างความบอบช้ำให้กับเขาเป็นอย่างมาก  มันพุ่งกลับมาแล้วพ่นพิษสีดำออกไป  พิษพุ่งมาที่โซล  คราวนี้ไม่มีทางหลบได้แน่เพราะโซลบาดเจ็บเกินไปมาก  แค่กำลังจะป้องกันตัวยังยากเกินไป 
          ‘ ขอโทษนะเพื่อน  ฉันทำได้แค่นี้จริง ๆ ’  โซลนึก
   
          ทันใดนั้นเอง  หลุมอากาศก็ดูดพิษสีดำเข้าไป  พลันมีแสงสีขาวนวลปรากฏออกมาด้านข้างทั้งสองของโซล  เป็นงาช้างคู่หนึ่ง  เปล่งแสงสีเหลืองอ่อนนวลออกมา  ด้านล่างแกะสลักเป็นรูปช้างเผือกท่าทางดุดัน  ด้านบนเป็นรูปใบไม้แผ่ออกไปทุกด้าน  สายใบไม้พันอยู่โดยรอบ  โซลเอื้อมมือไปจับงาช้าง  พละกำลังหลังไหลเข้ามาทั่วร่างพร้อมที่จะต่อสู้ฟาดฟันกับเจ้ากบปีศาจทั้งสองตัว  โซลพุ่งเข้าไปหาเจ้ากบทั้งสองฟาดงาช้างลงไปที่มัน  มันหลบพร้อมกับพ่นพิษออกมาทันทีที่โซลจะโจมตีกลับอีกครั้ง  ใบไม้จากพื้นดินพัดมาล้อมรอบกายของเด็กน้อยไว้  พิษของมันหลอมละลายใบไม้ลงมาทันที  โซลยังพุ่งตัวตามไปแล้วขว้างงาช้างออกไปที่พวกมัน  ทันทีที่กระทบกับผิวเปียกชุ่ม  ตัวมันก็แตกกระจายออก  พิษจากร่างกระจายไปโดยรอบหล่นลงบนพื้นหญ้า    พรากสิ่งมีชีวิตสีเขียวบริสุทธ์ให้กลับกลายเป็นซากสีเหลืองอ่อน  ‘ เหลืออีกหนึ่ง ’  งาช้างอีกข้างพุ่งไปอีกครั้ง  เจ้ากบพ่นพิษสีส้มต่อกรกับพลังของงาช้าง  พิษแตกสลายออกพุ่งกลับไปที่เจ้าของของมัน  เจ้ากบสิ้นฤทธิ์ในทันทีที่ผิวหนังมันกำลังละลายออกมาจากร่าง 
          โซลดีใจกำลังจะหันกลับไปหาเพื่อน  กลับถูกกระแทกเข้ากับที่ด้านหลังอย่างแรกจนเกือบหมดสติ  งาช้างหลุดออกจากมือทั้งสองข้าง  แล้วล้มลงไปบนกองหญ้าที่ตายแล้วจากพิษของกบปีศาจ
        ‘ เสร็จข้าล่ะทีนี้ ’  ฟาลูนึก
   
          หมอกควันสีเทารอบบริเวณคลายตัวออกราวกับถูกลมแรงพัดกระหน่ำ  แสงสีเขียวอ่อนสาดส่องออกมาจากช่องว่างแห่งอากาศ  อณูของแสงสว่างรวมตัวไขว้สอดกันเป็นสายธารประตูแห่งพนาไพร  แมลงส่งเสียงร้องรำไรภายใต้ขอบประตู  ณ  ช่องกลางแห่งเงาสีเขียว  เผยให้เห็นร่างอันงดงามแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนไพรสัณฑ์
          ร่างนั้นอยู่ในอาภรณ์สีเขียว  มีมงกุฎใบไม้ประดับอยู่บนศีรษะ  เสื้อคลุมลายช้างพลายสีน้ำตาลอ่อน  แถบสีดำรูปต้นเมกเย็บติดอยู่กับชายเสื้อด้านซ้าย  รายล้อมด้วยขนหญ้าพิษเปลีซ่อนเสียบอยู่ในช่องว่างฝีเย็บ  เข็มขัดสีเขียวมรกตแกะสลักเป็นใบไม้สามชนิดล้อมรอบ  กางเกงเป็นลายใบไม้สานสลับกันไปมา  พร้อมด้วยมุขสีเขียวอ่อนระยิบระยับในทุกช่องตาราง  หัตถ์ซ้ายถืองาช้างที่โซลใช้ในการต่อสู้  1  คู่  ส่วนหัตถ์ขวาถือสร้อยคล้องอัญมณีแห่งป่า  แกะสลักเป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมไว้สำหรับบรรจุอัญมณีแห่งเทพ  ซึ่งตอนนี้ได้ลอยเปล่งแสงมารวมตัวภายในสร้อยแห่งเทพแล้ว
          “ เจ้าปีศาจ  เจ้าบังอาจมากที่มาบุกรุกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งข้า  หนำซ้ำยังมาทำร้ายเด็กน้อยทั้ง  7  อีก  ข้าจะจัดการเจ้าให้ตายในดินแดนหญ้าพิษเปลีแห่งนี้ ” 
          พูดจบ  เทพแห่งป่าฟรอสก็พุ่งตรงมายังเจ้าฟาลู  งาช้างทั้งสองก็ลอยหายไปในสายลมแห่งอากาศ  ประกบหัตถ์ทั้งสองข้างไว้ด้วยกันแล้วแยกออก  ปรากฎเป็นก้อนใบไม้ก้อนมหึมาสีเขียวแก่กำลังหมุนรอบตัวเองอยู่  เส้นใยสีแดงเปล่งแสงออกมาสลับกับพื้นใบสีเขียวเข้ม  ฝุ่นผงหญ้าโรยตัวเป็นวง  หล่นลงมาตามเส้นทางแห่งการหมุน
          “ ด้วยอำนาจแห่งเทพ  กรงขังพายุใบไม้ ”
          ก้อนใบไม้พุ่งเข้าไปที่ตัวของฟาลูด้วยความเร็วดุจสายลมที่พัดทำลายความชั่วร้าย  เจ้าฟาลูหลบไม่ทันจึงโดนกระแทกอย่างแรงล้มลงไปบนพื้นดิน  ก้อนใบไม้ยังคงไม่จบการทำงานของมัน  มันแตกออกจากด้านบนลงไปถึงด้านล่างในระนาบ  8  ทิศ  เส้นใยสีแดงกำลังถักทอเป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้สีเขียวเข้มสร้างความแข็งแรงให้กับลูกกรง  แกนกลางของกรงทำจากต้นเหล็กสาซ์แข็งดุจหินและทนทานต่อการผุกกร่อนด้วยน้ำยางจากต้นไมรกาส  ด้านบนเป็นหลุมสีส้มแดงสลับกับเขียวเหลืองไว้คอยดูดอิทธิฤทธิ์แห่งมาร
          ลูกกรงเหล็กลอยไปที่เจ้าฟาลูอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว  แต่ด้วยความที่น้ำหนักอันมหาศาลบวกกับความรวดเร็วในระดับหนึ่งของเจ้าฟาลู  ทำให้มันรอดพ้นจากการถูกจับในครั้งนี้ได้  มันพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศเหนือลูกกรง  10  เมตร  พร้อมกับดึงผ้าสีดำที่ติดอยู่กับเนื้อของมันออกมา  เลือดแห่งปีศาจกระจายออกไปทั่วเป็นรูปวงกลม  ลอยเคว้งคว้างในอากาศแสนเบาราวกับฝุ่นละออง  เลือดสีแดงค่อย ๆ กลายเป็นสีเลือดนกเข้ม  แล้วเจ้าฟาลูก็ขว้างผ้าสีดำสนิทผ่านวงกลมเลือดแห่งมารที่มันทำไว้  ผ้าสีดำกลายเป็นผืนขนาดใหญ่ขึ้น  มีตราหัวกะโหลกไขว้สีขาวขนาดยักษ์อยู่ตรงกลางผ้า  ตัวอักษรสีแดงเข้มสลักเป็นอักษรที่มารด้วยกันที่จะรู้    งูพิษสีน้ำเงินสลักอยู่ด้านบน  สายตาจับจ้องไปยังพญากาตัวใหญ่ที่สลักอยู่ด้านล่าง  และที่ชายขอบผ้ามีตัวปาเตอร์โผล่ออกมา
          ปาเตอร์เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก  แต่อานุภาพการทำลายของมันสูงกว่าสัตว์ทั่วไปเป็นอย่างมาก  ลักษณะภายนอกของมันเป็นเหมือนกับกิ้งก่ายักษ์  แต่มีส่วนที่ต่างกันหลายส่วน  คือ  บริเวณรอบหัวของมันมีเกล็ดที่เกิดจากซากสัตว์ที่ตายทับถมจากการรุมกัดในฝูง  เป็นซากหินปูนก่อตัวขึ้นมา  ผิวหนังส่วนกลางยืดหยุ่นได้ราวกับสายน้ำแต่เหนียวข้นมากกว่าน้ำลายของสัตว์มีพิษ  หางของมันเป็นเส้นเรียวยาว  ปลายสุดเป็นก้อนกลมสีน้ำเงินเข้ม  บรรจุท่อน้ำกรดไว้ป้องกันตัวอยู่ภายใน  ขาทั้งสี่แข็งแรงและเป็นต่อมเก็บน้ำไว้ใช้ในถิ่นทุรกันดาร
          เจ้าปาเตอร์ทั้งฝูงพุ่งเข้าไปกัดกรงเหล็กของต้นสาซ์  น้ำลายของมันไม่สามารถละลายน้ำยางจากต้นไมรกาสได้  มันจึงดูดน้ำกรดจากหางของมันขึ้นมา  น้ำกรดของมันค่อย ๆ ละลายน้ำยางที่ปกคลุมอยู่  ต่อด้วยการละลายความเป็นเหล็กของต้นสาซ์  แผ่นเหล็กบางลงเรื่อย ๆ  จากที่มีขนาดหนาเท่ากับลำต้นของต้นเมกกลับกำลังจะกลายเป็นเพียงกิ่งไม้ที่แตกหักไร้การดูแล  เทพแห่งป่าฟรอสจึงร่ายมนต์ต่ออีกครั้ง
          “ พิษหญ้าเปลี ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น