คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : A Drop of Tears Vol 6
Vol 6
แสงตะวันลับขอบฟ้า เวลาของราตรีกาลจึงได้ปรากฏขึ้น ที่สวนหน้าบ้านกว้างใหญ่สมบูรณ์ด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้หลายสีปลูกสลับกันไปเป็นระเบียบ มีน้ำพุหินอ่อนเล็กๆ ตั้งอยู่กลางสวนสีเขียวนั้น โคมไฟที่อยู่ตามสองข้างทางเดินเข้าตัวคฤหาสน์สีขาวเปิดแสงสว่างปรากฏให้เห็นเงาของสวนสวยที่ตกอยู่รัตติกาลให้ปรากฏเป็นเงาลางๆ ที่ขวางทางรัศมีแสงไฟ บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างทางเดินนั้น ถูกร่างสูงของ คิม คิบอม จับจ้องนั่งอยู่ ชายหนุ่มนั่งพิงพนัก จ้องมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนท้องฟ้าสีนิล
‘ถ้าแกไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณฉันละก็ แกต้องไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงหนูทงเฮคนไข้ของพี่แกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าแกทำได้ ทุกอย่างถือว่าเป็นโมฆะ’
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ ระบายความอึดอัดในใจ เพราะเงื่อนไขที่ผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลยองคิม....ยื่นให้ทำให้เขาต้องมานั่งมองท้องฟ้าที่คฤหาสน์หลังใหญ่ได้สามเดือนแล้ว แปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมรับเงื่อนไขนี้ ไม่เข้าใจตัวเอง....อาจเป็นเพราะไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณใครฟรีๆ โดยเฉพาะกับคนที่เกลียดชัง...
และเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนไข้ของพี่ชายหน้าสวย คิม ฮีซอล ที่เขาต้องให้การดูแลในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ คิม คิบอมก็ตระหนักถึงความอ่อนแอและความอ่อนไหวของชายหนุ่มร่างบาง ‘อี ทงเฮ’ ว่ามันหนักหนาขนาดไหน แค่เขาขึ้นเสียงดังเพียงนิดเดียวหรือต่อว่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ ร่างบางก็จะสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นสะท้านเหมือนคนจับไข้ ก้มหน้างุด น้ำตาหยดลงพร่างพรู...
คิม คิบอม เกลียดคนอ่อนแอ อ่อนไหว และเจ้าน้ำตาชนิดเข้ากระดูกดำ แค่คิดว่าจะต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับคนที่เกลียดจับจิตไปถึงหนึ่งปีเต็ม ไม่แคล้วว่าพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างเขาคงจะได้กรอกพาราแก้ปวดหัวจนหมดโรงพยาบาลแน่....
คิบอมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองไปที่ถนนหน้าบ้าน พลันนึกถึงวันแรกที่เขาเจอกับ อี ฮยอกแจ....
“นายเป็นใคร?” ฮยอกแจที่ก้าวลงรถสีดำคันหรูราคาหลายล้านที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์ พร้อมกับตัวเขาที่กลับมาจากการเดินเล่นระบายอารมณ์เซ็งจัดที่ถูกพี่ชายส่งมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงคนไข้ที่แสนอ่อนแอ และเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของผู้เป็นพ่อที่ให้การช่วยเหลือ...บุญคุณที่เขาไม่อยากจะได้รับจากผู้ชายที่เขาต้องเรียกว่า ’พ่อ’ นัก...
‘คงจะเป็นพี่ชายฝาแฝดที่ชื่อ ฮยอกแจสินะ ‘ตอนนั้นคิบอมบอกตัวเองในใจ นึกถึงคำพูดของซียอง แม่บ้านคนเก่าคนแก่ว่าคุณหนูทงเฮมีพี่ชายฝาแฝดด้วย นัยน์ตาคมพิจารณาใบหน้าขาวนั้น และบอกตัวเองอีกครั้งว่า สองคนนี้น่าจะเรียกว่าพี่น้องมากกว่าฝาแฝดเสียอีก เพราะใบหน้าไม่มีส่วนไหนเหมือนกันเลย คงเป็นแฝดคนล่ะฝา...
ร่างบางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตามีแววเยือกเย็น สอดแทรกความไม่ไว้วางใจ ท่าทางยืนก็ดูจะเอาเรื่องไม่น้อย คิ้วเรียวขมวดกันให้ยุ่ง คิบอมนึกขำสายตาคู่นั้น มันช่างแตกต่างจากสายตาผู้เป็นน้องชายลิบลับ....
“ฉันคิม คิบอม ถูกส่งมาเพื่อดูแลน้องชายตามคำสั่งของคุณหมอคิม ฮีซอล” คำตอบของคิบอม ทำเอาฮยอกต้องหัวเราะเสียงขึ้นจมูก สีหน้าหวานฉาบแววความเบื่อหน่ายกับประโยคเหล่านั้นเต็มทน
“ทงเฮนี้ดีเนอะ มีแต่คนรัก มีแต่คนอยากดูแลเอาใจใส่กันทั้งนั้น ขอบอกไว้ก่อนนะ คิม คิบอม ฉันไม่มีค่าจ้างให้หรอก เพราะฉันไม่ได้เป็นคนจ้างนายมา ห้ามมาเรียกร้องเอาเสียล่ะ”
“ไม่เป็นไร เพราะฉันก็ไม่ได้เต็มใจอยากจะมาดูแลนัก”
เขาพูดออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจ ก้าวเดินขึ้นไปในตัวบ้าน แล้วจู่ๆ ก็หันหลังกลับมามองคิบอมที่เดินตาม...ฮยอกแจขยับเข้ามาใกล้ ริมฝีปากที่เรียบตึงขยับเป็นคำพูดว่า...
“ฉันหวังว่านายคงจะทำหน้าของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วกัน แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม”
คิบอมมองตามร่างบางที่เดินเข้าบ้าน น้ำเสียงเย็นชากับท่าทีที่เฉยเมยนั้นช่างขัดกับประโยคคำพูดยิ่งนัก
คิบอมยิ้มขำให้กับตนเอง ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ วินาทีแรกที่สบตากัน เหมือนมีกระแสไฟแล่นกระจายไปทั่วร่าง ดวงตาเรียวเล็กเหมือนมีเวทมนต์สะกดให้คนมองต้องมนต์แล้วหลงเข้าไปในนั้น จิตใจที่มั่นคงเกิดอาการหวั่นไหวให้กับคนที่เพิ่งจะพบหน้าได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ...
“ดูท่าทางฉันจะสนใจนายขึ้นมาเสียแล้วสิ อี ฮยอกแจ”
บรืน!!!!
เสียงแล่นเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง คิบอมหันไปมองอย่างรวดเร็ว ก็เห็นหน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามแล่นเข้ามา ริมฝีปากบางจุดยิ้มออกมาอย่างชื่นมื่น มองตามรถสีดำคันหรูราคาหลายล้านจอดลงหน้าคฤหาสน์และดับเครื่องสนิท
พร้อมกัน ประตูทางฝั่งคนขับก็เปิดออก ร่างโปร่งระหงส์ผอมบางในชุดสูทสีเข้มราคาแพง ผมยาวสีดำขลับ ใบหน้าเรียวหวานขาวสะอาด ตัดกับริมฝีปากอิ่มแดงสด ดวงตาเรียวเล็กสีดำใต้ขนตาเป็นแพงอน คิ้วเรียวดกได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ก้าวเดินออกมา
“เอารถฉันไปเก็บด้วย”
ฮยอกแจโยนกุญแจรถให้กับดงโฮคนขับรถที่วิ่งตามมา ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่จะจัดการนำรถไปเก็บในโรงรถตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย ร่างบางหันกลับมาก็พบใบหน้าของคิม คิบอมที่ก้าวเข้ามาหา
“นายออกมาทำอะไรหน้าบ้านฉัน?” ฮยอกแจถามเสียงห้วนจัด สายตามีแววเยือกเย็นหรี่มองชายหนุ่มเล็กน้อย สีหน้าเรียบตึง คิบอมถอนหายใจ
“ฉันออกมาเดินเล่น” เขาบอก ลอบมองใบหน้าหวานของฮยอกแจ มันขาวซีดจนน่าตกใจ คิบอมใจหายวาบขึ้นมา มือเรียวเผลอยกประคองใบหน้าเรียวนั้นขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ อย่างลืมตัว ถามเสียงห่วงหาอาทร
“นาย หน้าซีดมากเลย เป็นอะไร?”
อี ฮยอกแจปัดมือใหญ่นั้นออกอย่างไร้เยื่อใย ขุ่นเคือง เขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเวทนา ร่างบางจ้องมองคิบอมตาเขม็ง ชายหนุ่มผู้หวังดีถึงกับผงะเล็กน้อย
“ไม่ต้องมายุ่ง!!!”
ร่างบางหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังตัวบ้าน คิบอมมองตามร่างของฮยอกแจในชุดสูทสีเข้มจนลับสายตาไป แล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกครั้ง ยกมือคลึงขมับ เหนื่อยและท้อใจกับความเฉยชาของฮยอกแจ ร่างบางยังคงรักษาตัวรักษาใจไว้ดั้งเดิมเช่นวันแรกที่รู้จักกัน ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมเปิดช่องว่างในใจให้เขาก้าวเข้าไปได้เลย...
...............
..........................
..................................
เสื้อสูทตัวนอกสีเข้มถูกเหวี่ยงพาดลงแบบส่งๆ บนเก้าอี้ เน็คไทรูดลงมาครึ่งหนึ่ง กระดุมของเสื้อเชิ้ตสีดำเม็ดบนถูกปลดออกสองเม็ด เผยให้เห็นแผ่นอกขาวนวลเนียน ฮยอกแจเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบชุดนอนออกมา พลันสายตาก็เหลือบไปมองกระจกบานใหญ่ที่ฝังติดประตูตู้อีกฝั่ง มันส่องสะท้อนให้เขาเห็นรอยแดงจุดใหญ่ที่เด่นชัดบนต้นคอ
ร่างบางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มือเรียวสัมผัสรอยนั้นแผ่วเบา ความเจ็บและจุกก่อตัวข้างในอก เมื่อนึกถึงคำพูดของคนที่ฝากร่องรอยที่รุนแรงนี้ไว้ เพียงแค่นั้นก็น้ำตาซึม
“จูบ สำหรับนายไม่ได้มีความหมายว่ารัก มันก็คือบทลงโทษของความเกลียดชังต่างหาก ลี ฮยอกแจ”
“ฉันเกลียดนาย”
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น เรียกให้ฝ่ามือเรียวของฮยอกแจต้องรีบยกขึ้นปาดใต้ดวงตาเป็นการด่วน สูดลมหายใจแรงๆ พร้อมปั้นหน้าเคร่งขรึม เขาหันไปมองก็เห็นว่าคนที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูก่อนก็คือ น้องชายฝาแฝดของตน อี ทงเฮ...
ทงเฮที่วันนี้อยู่ในชุดนอนสีฟ้าลายปลาการ์ตูนดูน่ารักเหมือนเด็กๆ ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูนั้น สีหน้าลอกแลกและมีความหวาดกลัวนิดๆ มือเรียวกำลังถือถาดไม้ที่มีถ้วยเซรามิกสีขาวและแก้วน้ำใบโต กลิ่นหอมของข้าวต้มไก่ลอยฟุ้งออกมาพร้อมควันสีขาวอ้อยอิ่ง....
“มีธุระอะไร อีกอย่างเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้ ไม่มีมารยาท” ฮยอกแจพูดขึ้นเสียงหงุดหงิดและเย็นชา รูดเน็คไทออกพาดไว้กับเสื้อนอก ทงเฮเม้มริมฝีปากแน่น สะอึกกับคำพูดของพี่ชายที่จงใจว่ากล่าว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนฮยอกแจไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้ วาบหัวใจ....ร่างบางก้มหน้านิ่ง รวบรวมความกล้ายกใหญ่ กลืนน้ำลงคออันแห้งผากแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบาหวิวว่า
“ทงเฮเอาข้าวต้มมาให้พี่ฮยอกแจฮะ เมื่อกี้พี่ซองมินโทรมาบอกว่าพี่ฮยอกแจยังไม่ได้ทานข้าวเย็น”
ฮยอกแจถอนหายใจยาว นึกสถบว่าเลขาของตนเบาๆ “แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ อี ซองมิน”
“ถ้างั้นเดี๋ยวทงเฮวางไว้บนเตียงให้นะฮะ”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ทงเฮจึงพูดขึ้นตัดบท ร่างบางค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามา จรดฝีเท้าให้เบาที่สุด...กลัวเจ้าของห้องจะนึกรำคาญแล้วไล่เขาออกไปอีก...มือเรียวที่ประคองถาดสั่นเทา ได้ยินเสียงแก้วกับชามกระทบกันดังกึกๆ แต่ก่อนที่มันจะถูกวางลงบนเตียงสีเข้ม ถาดไม้ในมือบางที่สั่นเทาก็ถูกฉกฉวยออกไป ฮยอกแจคว้ามันมาถือไว้เอง
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง มือสั่นขนาดนี้เกิดมันหกรดที่นอนฉัน เดี๋ยวมดได้พากันแห่มาตอม พาลจะทำให้ฉันนอนไม่ได้พอดี”
ทงเฮเงยหน้ามองสบสายตาคู่นั้นที่เหมือนจะอ่อนแสงลง มือเรียวที่ดึงถาดออกจากมือตนก็นุ่มนวลไม่รุนแรง คำพูดประชดประชันนั้นก็เช่นกัน ก่อนที่จะไปสะดุดกับรอยแดงๆ จุดใหญ่ที่ต้นคอของผู้เป็นพี่ชาย ร่างบางชะงักกึก สำรวจด้วยสายตาก็นึกตกใจกลัว เพราะรอยนั้นเป็นสีแดงช้ำจนเกือบจะเป็นกลายเป็นสีม่วง ไม่ต้องคิดเลยว่าคนที่โดนจะรู้สึกเจ็บขนาดไหน...
“พี่ฮยอกแจ”
“มีอะไร?” คนเป็นพี่ถามเสียงห้วนจัด
“พี่ฮยอกแจนี้มันรอยอะไรนะฮะ ช้ำดูน่ากลัวจัง พี่ฮยอกแจไปโดนอะไรมาฮะ?”
ฮยอกแจรีบยกมือขึ้นมาปกปิดรอยแดง ๆ ที่ลำคอของตนไว้ ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะจุดยิ้มพรายออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ปลายนิ้วเรียวเชิดคางมนของน้องชายที่ยังตีสีหน้างงๆ อยู่ พร้อมทั้งโน้มตัวไปข้างหน้า กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูนิ่มนั้น
“ถ้าอยากรู้ว่านี้รอยอะไร ก็ไปถามชเว ซีวอน พ่อองค์รักษ์ที่แสนดีของนายเองสิ ทงเฮ”
.............
..........................
...................................
รถสีฟ้าขนาดกะทัดรัดแล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์ยามสายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ซีวอนเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับถุงขนมจำนวนหนึ่งที่บางครั้งเขาจะแวะเอามาฝากซียองและคนอื่นๆ สาวใช้นางหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดบ้านยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ชายหนุ่มแขกคนประจำของที่นี้
“สวัสดีค่ะ คุณซีวอน วันนี้มาแต่วันเลยนะค่ะ” เธอกล่าวทักทายคุ้นเคย ซีวอนยิ้มอวดรอยบุ๋มที่แก้ม ยื่นถุงขนมให้เธอ
“พอดีวันนี้เป็นวันหยุดนะครับ เอ่อนี้ ผมซื้อมาฝากทุกคนนะครับ เจ้านี้อร่อย”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“แล้วทงเฮล่ะครับ?” ซีวอนถมหาคนที่ทำให้เขาต้องแวะเวียนมาที่คฤหาสน์ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง สอดสายตามองไปทั่ว สาวใช้ยิ้มอย่างรู้จุดประสงค์ที่แท้จริง
“คุณหนูทงเฮอยู่ที่ศาลาสวนข้างบ้านค่ะ “
......................
“ทงเฮ!!!”
ซีวอนตะโกนเรียกคนที่นั่งอยู่ในศาลาสีขาวทรงโดมหลังเล็กๆ ร่ายล้อมด้วยเต็มไปด้วยช่อสีม่วงของดอกไลแลค กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามสายลมที่พัดมา ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาร่างเล็กๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สลักลายลายชดช้อย ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วฉีกยิ้มหวานปนเท่ห์ให้
“ทำนั่งอะไรตรงนี้ทงเฮ แล้วทานข้าวเช้ากับยาหรือยัง?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย ทงเฮเหลือบสายขึ้นมาบุรุษที่นั่งอยู่ฟังตรงข้ามแล้วก็นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไรออกมา ซีวอนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีเย็นชาแบบนั้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนึกสงสัย
“ไม่สบายหรือ สีหน้าดูไม่ดีเลย?”
เอื้อมมือจะไปแตะหน้าผากมนนั้น แต่ก็ถูกปัดออกเสียกระเด็น ซีวอนนิ่งอึ่งไปชั่วขณะด้วยความตกใจ ทงเฮคนน่ารักและอ่อนหวานไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้กับเขาแม้แต่น้อย...เกิดอะไรขึ้น?
ร่างบางจ้องมองซีวอนด้วยแววตาของความโกรธแค้น แล้วโพล่งออกมาเสียงดังว่า
“ซีวอนใจร้าย!!! ทำไมต้องทำร้ายพี่ฮยอกแจรุนแรงขนาดนั้นด้วย!!!!”
คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจทั้งคำพูดและท่าทีที่ทงเฮแสดงออกมาแม้แต่น้อย งุนงงสับสนระคนตกใจและแปลกใจเป็นอย่างเป็นอย่างมาก ที่เห็นคนอ่อนแอ ใจเย็นและร่าเริงสดใสอย่าง อี ทงเฮ ฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้...
“เราไปทำอะไร?”
ทงเฮหงุดหงิดขึ้นมาฉับพลันที่เห็นสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนนั่น ความครุกกรุ่นไต่ระดับไปจนถึงขีดสุด ร่างบางผุดลงขึ้นยืนเต็มความสูง ตวาดเสียงแข็ง
“ทงเฮรู้ว่าซีวอนเกลียดพี่ฮยอกแจขนาดไหน แต่ทำไมต้องบีบคอพี่ฮยอกแจจนเป็นรอยเขียวช้ำขนาดนี้!!”
“รอยช้ำที่คอ?”
ซีวอนทวนคำ คิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากันจนพันยุ่งไปหมด นึกถึงรอยที่คอของฮยอกแจตามที่ทงเฮพูดขึ้น แล้วก็สะดุดกึก หัวใจแทบจะหยุดเต้น เมื่อหวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องประธานบริหารของโรงแรมแกรนด์เอเซีย ในวันที่เขาไปทำงานถ่ายภาพ...ร่องรอยที่เขาฝากฝังไว้ที่ซอกคอขาวจากแรงโทสะและความเกลียดชัง หรือความลุ่มหลงกันแน่..
ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ฮยอกแจใช้มันเล่นงานเขาให้จนมุม...จงใจทำให้ทงเฮโกรธเกลียดชังเขา ...ร้ายกาจ...ชายหนุ่มกำหมัดแน่น คิดแล้วก็พาลโกรธไปถึงตัวต้นเหตุ อี ฮยอกแจ...
“ทงเฮ ...ฟังนะ..ความจริงแล้ว...เรา...เรา...”
ชายหนุ่มตะกุกตะกักพูดแทบไม่เป็นประโยค ลิ้นพันกันชั่วคราว คิดหาคำแก้ตัวไม่ออก คำพูดที่เตรียมจะหลุดออกมาถูกกลืนหาเข้าไปในลำคอ ซีวอนจึงตัดสินใจนิ่งเงียบ หรุบเปลือกตาลงต่ำ และนั่นก็เหมือนเชื้อเพลิงที่ถูกเติมลงไปในกองเพลิงพิโรธให้โหมกระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้น
ดวงตากลมหวานนั้นวาวโรจน์และสั่นระริก...โกรธ....โกรธเหลือเกินที่เพื่อนสนิทที่เขารักและไว้ใจที่สุดทำร้ายพี่ชายที่รักของเขาเสียจนเกิดบาดแผล...ริมฝีปากบางเม้มสนิท น้ำตาร่วงพรูออกมาจากหน่วยตาร้อนผ่าว...
“อึก...คนใจร้าย ทงเฮเกลียดซีวอนที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลย!!!!!”
สิ้นเสียงตะโกนลั่นประหนึ่งคนขาดสติ ร่างบอบางของทงเฮก็สะบัดปราดเข้าไปในตัวบ้าน ซีวอนรีบลุกขึ้น กระวีกระวาดวิ่งตามร่างบางไป
“ทงเฮ เดี๋ยวก่อน ทงเฮ!!!
..............
....................
..............................
“ทงเฮ เราอธิบายเรื่องนี้ได้นะ”
ซีวอนคว้าแขนเพรียวบางผายผอมไว้ได้ทันก่อนที่อีกคนจะวิ่งหนีขึ้นบันไดบ้าน ทงเฮหลิ่วสายตามองมือที่คว้าแขนเขาไว้ ร่างบางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม อาจเป็นเพราะกลัวร่างบางเจ็บหรือไม่มีเรี่ยวแรงจะจับก็ไม่รู้ ทำให้ทงเฮหลุดพ้นได้อย่างง่ายดาย ร่างบางจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มของซีวอนด้วยนัยน์ตาขุ่นเคือง แก้มขาวใสเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า เจ็บปวดในใจลึกๆ ที่เห็นน้ำตาของทงเฮที่เกิดขึ้นจากฝีมือของเขา...
“ทงเฮไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ทงเฮเกลียดคนใจร้าย เกลียดคนใจร้ายที่สุด!!อึก!!”
อาการหอบที่เป็นกำเริบขึ้นฉับพลัน ทงเฮทรุดลงไปนั่งกุมคอเสื้อของตนพลางส่งเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรง ทรมาน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามใบหน้าเรียวนวลเป็นจำนวนมาก ซีวอนหน้าตื่น เขาถลันไปประคองร่างบอบบางนั้น แต่ก็ถูกมือเรียวนั้นปัดออกมาอย่างไม่ใยดี
“อย่า...มา...อึก...จับ...ตัว...ทงเฮนะ...ป้าซียอง!!!!”
ร่างบางออกแรงตะโกนเรียกแม่บ้านประจำคฤหาสน์ ไม่ถึงอึดใจร่างอวบอ้วนของหญิงสาวในชุดเมดสีน้ำเงินก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว เธออุทานด้วยความตกใจ แล้วรีบไปประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกและหอบอย่างรุนแรง สีหน้าร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น? เสียงดังไปถึงข้างนอก”
สุ่มเสียงทุ้มดังขึ้นที่ประตูคฤหาสน์ ในเวลาต่อมาก็ปรากฏเรือนร่างของคิม คิบอมเดินเข้ามา ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเพิ่งกลับมาจากการทำธุระส่วนตัวข้างนอก เขาหันไปมองสบตากับซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างที่หอบหายใจ สองสายตาประสานกันโดยไม่ตั้งใจ คิบอมขมวดคิ้ว แววตาฉาบความแปลกใจที่เห็นซีวอนเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ทงเฮหายใจแรงๆ อยู่ในอ้อมแขนของซียอง...เกิดอะไรขึ้น?
แต่ความคิดเหล่านั้นก็หลุดลอยไป เพราะเสียงเรียกร้อนรนกระวนกระวายของซียองดังขึ้น...
“คุณหนูทงเฮอาการกำเริบค่ะ คุณคิบอม“
“อีกแล้วเหรอนี้?”
คิม คิบอมพูดพลางถอนหายใจยาว สีหน้าเรียบเฉยระคนเบื่อหน่าย ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้น เขาหยิบยาในกระเป๋าเสื้อของร่างเล็กออกมา ฉีดยาสีขาวในกระป๋องสีน้ำเงินเข้าสู่ปากบางๆ จนกระทั่งเสียงหอบหยุดลงไปพร้อมสติของคนป่วย ซีวอนได้แต่ยืนมอง เขาไม่สามารถเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้เหมือนทุกครั้ง ปล่อยให้คิบอมจัดการดูแลทงเฮแทน มือเรียวกำแน่นจนกระดูกปูดออกมา
คิบอมออกแรงช้อนร่างบางของทงเฮที่หมดสติไปแล้วขึ้นในอ้อมแขน ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเจ้าตัวโดยมีซียองตามมาติดๆ
“รู้สึกว่าองค์รักษ์จะทำให้องค์หญิงแสนงามทรงพิโรธขึ้นมาเสียแล้วสิ...ท่าทางงานนี้องค์รักษ์ที่แสนดีจะถูกเกลียดซะแล้วกระมั่ง”
เสียงทักที่ดังออกมาจากมุมบ้านเรียกศีรษะสีดำของชเว ซีวอนให้หันควบไปมองเจ้าของเสียง สีหน้าตึงฉับพลัน ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมาจับที่ใบหน้าจนแดงกร่ำ ฮยอกแจกอดอก ร่างบางวันนี้อยู่ในชุดไปรเวทแบบสบายๆ เสื้อคอกว้างสีเข้มกับกางเกงขายาวสีดำ จงใจเปิดเผยรอยแดงช้ำที่คอ....ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่ามุมปากได้รูปนั้นกดเป็นรอยยิ้มเยาะ ความโกรธและรังเกียจปะทุหนักขึ้น
ฮยอกแจหัวเราะหึๆ ส่งยิ้มหวานระรื่นมายังความเกรี้ยวกราดขุ่นมัวของซีวอน ร่างบางเดินตรงเข้าไปหา เอื้อมมือมาจับแขนแกร่ง พูดเสียงอ่อนหวาน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คุณชายชเว ซีวอน ไม่น่ารักเลยนะครับ ฉันก็เห็นใจนายเหมือนกันนะที่โดนโกรธขนาดนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายอยากโง่ทิ้งหลักฐานไว้เล่นงานตัวเองล่ะ หึ ขุดหลุมฝังตัวชัดๆ ที่นี้รู้หรือยังล่ะคุณชาย ไม่ว่ายังไงทงเฮก็ยังรักฉันมากกว่านาย...”
ใบหน้ายังคงระรื่น ฮยอกแจเอียงคอลงเล็กน้อยยั่วยวน กระตุ้นอารมณ์โมโหของซีวอน ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขากระชากต้นแขนนั่นเต็มแรง ดวงตาคมลุกวาวเอาเรื่อง ฮยอกแจกระตุกยิ้มมุมปาก นิ้วเรียวขาวกลมมนวางทาบริมฝีปากหยักสีส้มอมชมพู
“อย่าคิดที่จะทำร้ายฉัน ถ้าไม่อยากให้ทงเฮโกรธและเกลียดนายไปตลอดชีวิต”
ร่างบางพูดขึ้นอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า เล่นเอาชายหนุ่มงันไป จำนนต่อคำขู่ จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็แสดงให้ซีวอนรู้ซึ้งถึงความโกรธที่เกิดจากความรักพี่ของทงเฮว่ามีมากขนาดไหน เพียงแค่เห็นรอยช้ำที่ต้นคอฮยอกแจเท่านั้น ..ถ้ามากกว่านี้ล่ะ ทงเฮก็คงจะเกลียดเขาอย่างที่ฮยอกแจพูดเป็นแน่...แล้วความอดทน ความดีที่เพียรพยายามมาตลอดถึงหนึ่งปีก็คงจะจบกัน ซีวอนจะเสี่ยงให้มันพังทลายลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบอย่างนั้นหรือ...
“นายทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆ ที่นายก็รู้ว่าฉันรักทงเฮ” ซีวอนถาม ไม่เข้าใจ ฮยอกแจยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มที่เคลือบความปวดร้าว...ถ้อยคำที่ทำให้หัวใจมันเจ็บเจียนตาย
“ทำไมนะเหรอ เพราะฉันอยากให้ทงเฮเกลียดนายยังไงล่ะ?”
“เพราะอะไร!!! นายทำมันเพื่ออะไร ทำไมนายถึงอยากให้ทงเฮเกลียดฉัน ตอบมาซิ!!! ฮยอกแจ!!!!”
มือแกร่งเขย่าร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน ตะคอกถามฉุนเฉียว ฮยอกแจนิ่งเงียบ เม้มปากแน่น..และนั่นยิ่งทำให้นายหนุ่มที่ต้องการคำตอบโมโหควันออกหู เลือดขึ้นหน้า เขาเขย่าร่างบางแรงขึ้น
“ตอบฉันมาสิ!!! ฮยอกแจ ตอบมาว่าทำไม!!!!”
“ฉันหมั่นไส้ อยากให้ทงเฮเกลียดนาย นายจะได้รู้รสชาติของการถูกเกลียดว่ามันเป็นยังไง ก็แค่นั้น”
ฮยอกแจบอกด้วยเสียงอันดังฟังชัดและหนักแน่น คล้ายจะต้องการบอกความรู้สึกบางอย่างที่เก็บซ่อนมานานในก้นบึ้งให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความหมายที่แฝงมา...คำพูดประโยคที่เจือนความเจ็บปวดแสนสาหัสกับคนพูดไม่น้อย เหมือนเข็มสะกิดแทงใจดำ ขมขื่นและเจ็บเหลือเกินกับคำพูดที่ต้องฝืนออกไป กลับมาย้อนทำร้ายตัวเองแทน หัวใจบีบรัดแน่น ก้อนสะอึกแล่นขึ้นมาจุกในลำคอ...น้ำตาพาลจะไหลจนต้องเชิดหน้าขึ้นสูง สะกดกลั้นความอ่อนไหว...
แต่น่าเสียดายคนฟังไม่อาจจะรับรู้ละอองความรู้สึกที่บางเบาเหล่านั้น มันจึงลอยหายเข้าไปในอากาศอย่างไร้ค่า...
“เหตุผลเพียงแค่นี้นะเหรอ นายถึงกับลงทุนใช้รอยนั้นเป็นเครื่องมือทำให้ทงเฮเกลียดฉัน”
“........”
“จำไว้!! อี ฮยอกแจ ไม่ว่าทงเฮจะเกลียดฉันขนาดไหน ฉันก็ไม่มีวันหยุดรักเขา เข้าใจไหม!!!!”
ร่างบางถูกมือใหญ่เหวี่ยงอย่างไม่ใคร่จะนุ่มนวลนัก ฮยอกแจทรุดลงไปไถลกับพื้นหินอ่อนของบ้าน แรงกระแทกที่รุนแรงทำให้ข้อศอกขาวเกิดรอยแผลถลอก ฟันขาวถูกขบเข้าหากันแน่น ซีวอนหันหลังกลับ แต่ไม่วายหันกลับมาส่งสายตาอาฆาตให้ฮยอกแจแวบหนึ่ง แค้นเคือง... เพียงเวลาไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นและในวินาทีต่อมารถยนต์คันเล็กก็แล่นออกจากคฤหาสน์ตระกูลอี....
ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วคฤหาสน์สีขาวหลังงามแห่งนี้ สาวใช้สองคนที่พากันยืนมองต่างแยกย้ายไปทำงานที่ตนรับผิดชอบ ไม่มีใครเดินเข้ามาหาถามไถ่หรือช่วยเหลือ ทุกคนต่างถอยหนี หวาดกลัวอารมณ์ของคุณหนูคนโตว่าจะพาลอาละวาดใส่....จนสุดท้ายก็เหลือเพียง อี ฮยอกแจที่นั่งอยู่เพียงลำพัง...
ร่างบางจุดยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง เคยชินเสียแล้วกับการต้องอยู่คนเดียวโดดเดียวแบบนี้ ฮยอกแจก้มลงมองพื้น ปล่อยใจให้เหม่อลอย หน่วยตาร้อนผ่าว ดวงตาแดงเรื่อ...
‘ไม่ว่าทงเฮจะเกลียดฉันขนาดไหน ฉันก็ไม่มีวันหยุดรักเขา’
ฮยอกแจไม่รู้ตัวว่าน้ำใสๆ และร้อนผ่าวได้พากันร่วงเผาะลงมาตามร่องแก้มตั้งแต่เมื่อไร ร่างบางวาดรอยยิ้มมุมปากให้กับตัวเอง พึมพัมเบาๆ เสียงราบเรียบแต่ขมขื่นเป็นที่สุด
“นั่นสินะ ต่อให้ถูกเกลียดขนาดไหน ก็ไม่มีวันที่ฉันจะหยุดรักนายได้สักที ซีวอน”
............
....................
..............................
ความคิดเห็น