ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #5 : A Drop of Tears Vol 5

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 52


    Vol 5



    ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ชเว  ซีวอนนั่งอยู่ข้างเตียงนอนเนื้อนุ่มภายในห้องนอนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในห้องทำงานของประธานกรรมการบริหารโรงแรมเอเชียแกรนด์  สถานที่ที่เขาจำยอมต้องกลับมาอีกครั้งเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน  นึกกร่นด่าตัวเองในใจถึงความซุ่มซ่ามที่เผลอไปทำมือถือตกเสียได้  และทันทีที่ก้าวเข้ามา....เขาก็เห็นร่างบอบบางของฮยอกแจนอนฟุบอยู่กับพื้นไม่ได้สติข้างโต๊ะทำงาน  ชายหนุ่มเมินหน้าหนี  นึกสมน้ำหน้าและสะใจลึกๆ ที่เห็นคนแบบนั้นล้มลงไปได้ จะได้เข้าใจความรู้สึกของความอ่อนแอว่ามันเป็นยังไง...


    ขาเรียวยาวที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักกึก  เมื่อวูบหนึ่งมโนภาพเก่าๆ ของความทรงจำบางอย่าง ก็ผุดแวบออกมาในหัว...เขาหันเสี้ยวหน้ากลับมามอง  มือเรียวกำเข้าหากันแน่น  สะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งขึ้นมา 



    ....กว่าจะรู้ตัวอีกที อี  ฮยอกแจก็อยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว...



    ................................



    สายตาคมจ้องมองใบหน้าขาวที่นอนหนุนหมอนสีเข้ม  เปลือกตาบางปิดลง  ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท  ชายหนุ่มนั่งพิจารณาอยู่อย่างเงียบๆ

     
    “เวลานายหลับ ดูเป็นคนละคนกับเวลานายตื่นเลยนะ ฮยอกแจ” 


    ปลายนิ้วเรียวยาวเอื้อมเกลี่ยปอยผมที่ตกปรกแก้มขาวนั้นออกไปให้พ้น  เพียงเพื่อที่ตนจะได้มองดวงหน้ายามหลับได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  โดยไม่สามารถตอบคำถามในใจของตนได้ว่าเหตุใดจึงทำเช่นนี้   หรืออาจจะเป็นเพราะอยากจะเห็นความไร้เดียงสาประหนึ่งเด็กตัวเล็กๆ นั้นเท่านั้น


    ผ้านวมเนื้อนุ่มถูกดึงขึ้นคลุมให้ถึงหน้าอก  เลขาอี  ซองมินจัดการเรื่องเอกสารให้แทนเจ้านายที่นอนป่วยอยู่ด้านนอก  โชคดีที่วันนี้ไม่มีประชุม....


    ‘ไม่แปลกหรอกครับ ที่จะล้มลงไปอย่างนี้’ ซีวอนนั่งนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่ออกมาจากปากของอี ซองมิน ทันทีที่เห็นฮยอกแจหมดสติ สายตากลมแป๋วราวกับกระต่ายตัวน้อยทอดมองร่างของผู้เป็นนายที่นอนเหยียดยาวใต้ผ้าห่มสีเข้ม 


    เจ้าตัวถอนหายใจเบาๆ 


    ‘ไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้ ก็ถือว่าดีแล้วนะครับ สองสามวันที่ผ่านมาก็ดื่มแค่กาแฟ ผมเอาอาหารกลางวันมาให้ก็ไม่ยอมทาน ไม่รู้ว่ากลับบ้านได้ทานข้าวบ้างหรือเปล่า? แถมยังโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก ผมเองก็จนปัญญาที่จะพูด  จะห้าม คุณก็รู้ว่าคุณฮยอกแจดื้อขนาดไหน อีกอย่างเขาไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้เสียด้วย คุณฮยอกแจบอกว่ามันน่ารำคาญ  เขามักจะชอบพูดว่า เขาดูแลตัวเองได้’


    ซีวอนมองใบหน้าของฮยอกแจ  พลางครุ่นคิดว่าถ้าเขาไม่เผลอลืมมือถือจนต้องแวะมา  ร่างตรงหน้าเขาจะเป็นอย่างไรหนอ  บางทีคงนอนอยู่อย่างนั้นจนกว่าซองมินหรือใครจะเข้ามาพบเสียกระมั่ง....เขาถอนหายใจเฮือก  ลูบศีรษะสีดำสนิทของร่างบางอย่างลืมตัว 

     
    “นี้เหรอ ดูแลตัวเองได้ นายไม่เคยใส่ใจตัวเอง ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยจริงๆ”


    พูดจบ  ภาพในอดีตก็ลอยเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง 


    ตอนปีสอง....ในมหาวิทยาลัยคยองฮี  ในระหว่างที่กำลังเรียนอยู่....จู่ๆ ร่างผอมบางของฮยอกแจก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น  ท่ามกลางสายตาของเพื่อนนักศึกษาร่วมสาขาบริหาร คณะวิทยาการจัดการนับสิบในห้องเรียน  รวมถึงเขาด้วย สร้างความตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก  ที่เห็นคนเข็มแข็ง เย็นชาอย่างอี  ฮยอกแจล้มหมดสติลงไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ซึ่งสาเหตุในการหมดสติในครั้งนั้น  เนื่องมาจากการพักผ่อนและการรับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ รวมถึงความเครียดที่สั่งสมมานาน  


    และนั้นทำให้เขาได้รู้ว่า  บนบ่าเล็กๆ คู่นั้นกำลังแบกรับภาระการเป็นประธานบริหารโรงแรมเอเชียแกรนด์ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวไว้  เพราะผู้เป็นพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์....ทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่
    จบปริญญาเสียด้วยซ้ำ 


    แต่ฮยอกแจ ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือท้อแท้ออกมาให้ใครเห็น  เหมือนไม่ต้องการให้ใครมานึกเวทนาสงสารตน...



    ‘ฉันยืนด้วยขาของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยช่วยพยุงหรอก ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น’



    นั่นเป็นคำพูดที่เขามักจะได้ยินบ่อยๆ หากพลั้งปากเอ่ยถามร่างบางออกไปด้วยความเป็นห่วง  ยามเห็นสีหน้านั้นซีดเซียวอ่อนระโหยโรยแรง...


    ร่างสูงยกแขนเรียวเล็กนั้นขึ้นมา  น่าใจหายไม่ว่าจะจับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก  ผิวที่ปกติก็ขาวอยู่แล้วกลับขาวซีดลงไปอีกจนแลดูไม่มีชีวิตชีวา....ซีวอนพลิกข้อมือไปมา เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นิ้วเรียวมีแต่เงากระดูก 
     

    “นายควรจะพักผ่อนบ้าง อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมกินข้าวกินปลาเหมือนเมื่อก่อนสิ ฮยอกแจ...”


    กระแสเสียงที่กล่าวออกมาช่างอ่อนโยนไร้ความกระด้างแข็งกร้าว แววตาฉาบแววความห่วงใยเป็นล้นพ้น  ผิดกับทุกครั้งที่เจอะเจอ....ซึ่งตัวซีวอนเองก็ไม่เข้าใจจิตใจของตนในตอนนี้  ว่าทำไมถึงได้รู้สึกห่วงคนที่เขาประกาศกร้าวตัดขาดความเป็นเพื่อนยิ่งนัก...



    ....หรือเป็นเพราะ  ความรู้สึกเหล่านั้นได้หวนย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง...



    ฝ่ามือเรียวลูบไล้ใบหน้าขาวซีดที่หลับใหลไม่ได้สติมาพักใหญ่แล้วแผ่วเบา คล้ายจะฝากความอบอุ่นและความหวังดีให้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจที่ไม่รู้ว่าล่องลอยไปไหน  น่าเสียดายที่คนได้รับไม่มีโอกาสเห็นหรือสัมผัสในสิ่งที่ตนปราณนามานาน  



    นับตั้งแต่วันนั้น....วันที่แววตาของความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง  



    ................



    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่ดังลอดเข้ามาเล่นเอาซีวอนสะดุ้งหลุดจากภวังค์ของตน  และนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  ซีวอนหัวเราะหึๆ นึกตำหนิตัวเองทีเผลอให้ความรู้สึกเก่าๆ มาครอบงำจิตใจ...เขาผละมือออกจากร่างบอบบาง  ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงานของฮยอกแจ  มือเรียวเอื้อมหาเครื่องมือสื่อสารที่สั่นส่งเสียงครื้นๆ อยู่บนโต๊ะนั้นอย่างบ้าครั่ง  แต่สัญญาณก็ตัดเสียก่อน


    ซีวอนจ้องมองโทรศัพท์มือถือแบบพับตรงหน้า   ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาไว้ในอุ้งมือ.... มือถือเครื่องนี้  ฮยอกแจหวงมันมาก  ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง  แม้แต่เขาที่เป็นถึงเพื่อน ‘เคย’ สนิทก็ตาม ราวกับมันซ่อนสมบัติอันล้ำค่าไว้อย่างนั้นแหละ 


    ด้วยความอยากรู้สั่งการให้ปลายนิ้วเปิดฝาพับขึ้น  มันค่อยๆ ดันขึ้นอย่างช้าๆ  เสี้ยววินาทีก่อนที่จะซีวอนจะเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน  เครื่องมือสื่อสารขนาดพกพาก็ถูกมือเล็กๆ กระชากออกไปเสียก่อน  ซีวอนหันหลังกลับไปมอง  ก็พบใบหน้าขาวซีดเซียวไร้เลือดฝาดของอี  ฮยอกแจอยู่ตรงหน้า  แววตาที่แดงระเรื่อนิดๆ ตวัดมองคนสูงกว่า โกรธเคือง.. 


    “นายจะทำอะไร มาแอบดูของคนอื่นแบบนี้ ไม่มีมารยาท!!!” เสียงหวานตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเก็บมือถือเครื่องนั้นให้พ้นสายตาที่จับจ้องมาของร่างสูง ซีวอนจ้องมองคนปากเก่งที่กำลังส่งสายตากลมขู่เขาฟ่อๆ ราวกับแมวตัวเล็กๆ สีหน้าหวานยังคงซีดเซียวอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ซีวอนระบายลมหายใจน้อยๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจแววตาถมึงทึงคู่นั้น 


     
    “รู้สึกตัวแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง ปวดหัวหรือเปล่า?” ซีวอนเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย พลางยกมือขึ้นอังหน้าผากมนเบาๆ แม้ภายในใจจะพร่ำบอกว่าเกลียดชังคนตรงหน้าขนาดไหน แต่ลึกๆ เขาเองก็ยังคงห่วงใยเพื่อนคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง 


    ฮยอกแจสะดุ้งให้กับสัมผัสอันอ่อนโยนและแผ่วเบาราวกับขนนก เขาตวัดสายตาขึ้นมอง แปลกใจกับสัมผัสนั้น สายตาที่มองมาของร่างสูงก็ไม่ได้มีแววกระด้างจงเกลียดจงชังอย่างที่ผ่านมา 


    ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ถวิลหาความรู้สึกนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อนึกถึงอีกคนที่คงได้รับเหมือนกัน ความรู้สึกนั้นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังทันควัน  มือเรียวปัดมือที่วางทาบหน้าผากของตนออก แล้วก้าวออกห่าง  ตีสีหน้าเฉยชา


    “ห่วงผิดคนหรือเปล่า คุณชายชเว ซีวอน ฉันอี ฮยอกแจ ไม่ใช่อี ทงเฮ!!!!”


    คำพูดประโยคนี้ทำเอาซีวอนฉุนกึกขึ้นมาทันที 


    “หยุดพาดพิงถึงคนอื่นได้ไหม!!! ฉันไม่เข้าใจ นายจะตั้งแง่รังเกียจทงเฮอะไรนักหนา ทั้งๆ ที่เหมือนก่อนนายสองคนก็ออกจะรักกันดี เป็นพี่น้องที่รักกันมาก“


    ฮยอกแจแค่นยิ้มมองใบหน้าของ ‘อดีต’ เพื่อนสนิท 


    “มันก็แค่ภาพลวงตา ที่หลอกให้คนโง่ๆ อย่างนายหลงเชื่อไง” 


    เหมือนผ่าฟ้าเปรี้ยงที่กลางใจ  ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ  ก่อนที่จะยิ้มเยาะให้กับตัวเอง 


    “งั้นเหรอ หึ ฉันไม่น่าหลงหวังดีเป็นห่วงนายแม้แต่น้อย คนอย่างนายไม่ตายง่ายๆ หรอก”


    “แน่นอน ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงทงเฮที่แสนอ่อนแอของนายนิ ที่โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็กระเซาะกระแซะไม่มีแรง คนที่ไม่ทำอะไรนอกจากจะนั่งร้องไห้ทำตัวให้ไร้ประโยชน์ไปวันๆ ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไมให้รกโลก”


    “ฮยอกแจ!!!!” ซีวอนคำรามเสียงเรียก มือเรียวกระชากต้นแขนเพรียวเข้ามาหาเต็มแรง ฮยอกแจถึงกับเซตัวปลิวเข้าไปตกอยู่ในวงแขนของปีศาจร้าย... 


    ”ถอนคำพูดของนายเดี๋ยวนี้!!!!”


    “ไม่!!!” 


    “อี ฮยอกแจ!!! อย่าให้ฉันหมดความอดทน ไม่งั้นฉันจะไม่ปราณีนายแม้แต่นิดเดียว!!!”


    ริมฝีปากบางอิ่มกระตุกยิ้มเยือกเย็นไม่ผิดแผกจากดวงตา  ไร้ท่าทีขลาดเขลา 


    “ทำไม นายคิดว่าฉันจะกลัวนายอีกหรือไง? อยากจะทำอะไรกับฉันก็เอาเลย !! แต่ฉันจะบอกอะไรให้เพื่อนายจะได้ตาหูตาสว่างสักทีเอาบุญ  ไม่มีวันที่ทงเฮจะมองนายหรอก ต่อให้นายทำดีกับเขาแค่ไหนก็ตาม เพราะอะไรรู้ไหม? หึ เพราะทงเฮไม่ได้รักนาย เข้าใจไม่ว่าเขาไม่ได้...อุ๊บ!!” 


    ประโยคที่ตอกย้ำสิ่งที่เขารู้อยู่เต็มอกทำเอาเส้นความอดทนของซีวอนขาดสะบั้น ชายหนุ่มร่างสูงจึงจัดการปิดถ้อยคำที่พรั่งพรูออกจากปากเล็กๆ นั้นด้วยริมฝีปากของตน  ไม่อยากจะฟังให้มันช้ำใจอีกต่อไป... 


    ริมฝีปากบางหยักกวาดลิ้นเรียวไปตามแนวฟันที่ขบกัดกันแน่น ไม่ยอมให้บุกรุกเข้าไปกวาดชิมความหวานภายในได้ง่าย  ซีวอนจึงต้องออกแรงอีกหน  มือเรียวบีบกรามแรงๆ  ส่งผลให้ปากบางอ้าร้องด้วยความเจ็บ  เป็นโอกาสให้ชาย
    หนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าไปพัวพัน ลิ้นชื้นแฉะรัดเกี่ยวลิ้นเล็กๆ ที่พยายามถอยหนี.... ฮยอกแจเจ็บจนน้ำตาซึม  หมดแรงต่อต้าน  ได้แต่ยืนนิ่ง  ปล่อยให้อีกคนระบายความแค้นและโทษทัณฑ์อย่างจำยอม  มือเรียวกำเนื้อเชิ๊ตเนื้อดีสีเทาของซีวอนแน่นจนยับย่น 


    “ปะ...ปล่อย”


    เสียงหวานสั่นเครือร้องขอทันทีที่ริมฝีปากบวมช้ำเป็นอิสระ  แต่ซีวอนหาสนใจกับเสียงนั้นไม่  เขาย้ายริมฝีปากมายังซอกคอขาวหอมกรุ่ม  ผิวเนื้อละเอียดช่างยั่วยวนให้เข้าไปสัมผัสฝากฝังรอย  ฟันคมๆ ขบกัดผิวเนื้ออ่อนใต้ลำคอแรงๆ 


    ทิ้งกลีบกุหลาบสีแดงให้ประทับบนผิวขาวๆ นั้น  สูดกลิ่นหอมละมุนเหมือนดอกไม้แรกแย้มเข้าเต็มปอด ร่างผอมบางสั่นสะท้าน  สัมผัสอ่อนหวานที่ต้องผิวเนื้อเหมือนมีดที่เฉือนหัวใจที่บอบช้ำให้เกิดรอยแผลเหวอหวะ


    เจ็บจนแทบจะขาดใจ...


    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของซีวอน  เรียกสติของชายหนุ่มให้คืนกลับมา และทันทีที่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่  เขารีบผลักร่างของฮยอกแจออกห่าง ร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับซวนเซเสียหลักเล็กน้อย มือเรียวคว้าขอบโซฟาที่อยู่ด้านหลังได้ทัน...ซีวอนด่าตัวเองในใจที่ปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกเป็นนาย  จนพลั่งเผลอสัมผัสคนตรงหน้าอีกครั้ง...ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดปาก ปล่อยให้เสียงเรียกเข้ามือถือที่ดังต่อไปอย่างไม่สนใจ  จนกระทั่งมันดับลงไปเอง...


    สายตาสั่นระริกช้อนมองร่างสูงที่ยกมือขึ้นเช็ดปากคล้ายนึกรังเกียจ  ความเจ็บแล่นเข้ามาทำร้ายหัวใจที่ด้านชานี้อีกครั้ง เจ็บเสียจนต้องพยายามกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้มันไหลรินออกมา  แสดงความอ่อนแอ...


    “ซีวอน”


    เสียงเรียกชื่อของเขาดังรอดออกมาแผ่วๆ ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินชัดแจ๋ว  ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าที่หน้าประตู  มือเรียวละจากลูกบิด ซีวอนหันควบมามองคนเรียกเต็มตัว ยืนประจันหน้ากับฮยอกแจ ร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง 


    ก่อนที่เอ่ยถามออกมา เสียงสั่นเครือ  ไม่เข้าใจ...


    “นายเกลียดฉันไม่ใช่หรือไง ซีวอน แล้วทำไมนายถึงจูบฉัน เพราะอะไร?”


    “จูบ สำหรับนายไม่ได้มีความหมายว่ารัก มันก็คือบทลงโทษของความเกลียดชังต่างหาก อี ฮยอกแจ”
     

    ถ้อยคำดังที่ย้ำอีกครั้ง เหมือนปลายเข็มที่คอยสะกิดเตือนใจอยู่ทุกครั้ง  ตอกย้ำให้รอยแผลบอบช้ำให้ลึกลงอีก...




    “ฉันเกลียดนาย” 



    ..................
    ............................
    ...................................



    Meawyu  รายงานตัว  เหมียว 

    ต้องขออภัยทุกท่านที่ไรเตอร์มาต่อช้า  ด้วยเหตุที่ว่าที่บ้านของไรเตอร์นั้นอยู่หลังเขา  (พูดง่ายๆ บ้านนอก)
    ไวไฟไม่สามารถเข้าทะลุไปถึงได้
    จึงทำให้ไรเตอร์นั้นต่อฟิกไม่ได้
    แต่ตอนนี้มาอยู่ที่หน้าเขาแล้ว  ไวไฟเข้าถึงได้....

    .....................
    .....................................

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×