คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : A Drop of Tears Vol 4
Vol 4
“คุณฮยอกแจครับ คนจากนิตยสาร Immagini มาถึงแล้วครับ”
ฮยอกแจปิดแฟ้มที่กำลังอ่านอยู่ทันที ที่ได้ยินเสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นตามด้วยเสียงของซองมินที่เกี่ยวกับการมาถึงของนักข่าวจากนิตยสารที่มาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อที่จะนำไปลงคอลัมน์พิเศษของเซเลเบอตี้ นักธุรกิจ และคนดังไฮโซที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในด้านต่างๆ ฮยอกแจเก็บเอกสารให้เข้าที่ ตรวจเช็คความเรียบร้อยของตนเอง ก่อนที่จะย้ายไปนั่งบนชุดโซฟารับแขกเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ภายในห้องรอ
สักพัก ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างอวบของ ลี ซองมินเลขาคู่ใจก้าวเข้ามา พร้อมกับหญิงสาวสวยผมยาวสีน้ำตาล โดยที่ข้างกายของเธอมีชายหนุ่มเดินตามไม่ห่าง ซองมินโค้งให้กับตัวแทนของนิตยสารก่อนที่จะเดินออกไป ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองตัวแทนทั้งสอง
หญิงสาวสวย ผมยาวเหยียดตรงน้อมศีรษะลงเล็กน้อย ผิดกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนนิ่ง
“สวัสดีค่ะ คุณฮยอกแจ ขอบคุณมากนะค่ะที่สละเวลามาให้เราทำการสัมภาษณ์ในครั้งนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติเสียอีก เชิญนั่ง” หน้ากากแจ่มใสยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร และรอยยิ้มการค้าถูกนำมาใช้อีกครั้ง เขาผายมือไปยังโซฟาที่อยู่ข้างๆ เชื้อเชิญหญิงสาวให้นั่ง สายตากลมเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ ริมฝีปากบางผุดยิ้มออกมาบางเบา รอยยิ้มที่ทำเอาบุรุษร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดพิกลๆ
“นั่งก่อนซิครับ คุณชเว ซีวอน ยืนค้ำหัวคนอื่นแบบนี้ มันไม่มีมรรยาทนะครับ”
เสียงเหน็บแหนมเย็นๆ เน้นย้ำประโยคสุดท้ายเหมือนจงใจ หน้าของชเว ซีวอนถึงกลับแดงกร่ำด้วยความโกรธ เขาจ้องหน้าร่างบางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มือที่จับสายสะพายกระเป๋ากล้องนั้นกำแน่นเสียจนเห็นกระดูกปูดออกมา ซีวอนกัดฟันกรอดๆ ก่อนที่จะกระแทกตัวนั่งลงด้วยความหงุดหงิด นับหนึ่งถึงสิบสะกดกลั้นแรงโทสะไว้ในใจ....ถ้าไม่ใช่คำสั่งจากบรรณาธิการ ‘คิม ยูบิน’ ที่สั่งแกมบังคับให้เขามาทำหน้าที่นี้แทนช่างภาพประจำที่เกิดไม่สบายกะทันหันล่ะก็.... ไม่มีทางที่ชเว ซีวอนจะยอมก้าวย่างเข้ามาเหยียบในโรงแรมเอเชียแกรนด์เด็ดขาด
โดยเฉพาะ ...ห้องของประธานบริหาร...ที่เขากำลังอยู่ในตอนนี้...
ดูจากสีหน้าและท่าทางที่แสดงออก ฮยอกแจก็รู้ว่าบุรุษร่างสูงที่นั่งข้างๆ คงจะโดนคำสั่งจากเจ้านายบังคับให้มาเป็นแน่ คิดอย่างนั้นแล้วก็ปวดแปลบใจในขึ้นมาทันที
‘ถ้าฉันเป็นอี ทงเฮ ไม่ใช่ อี ฮยอกแจคนนี้ นายคงเต็มใจที่จะมาสินะ’
................
........................
..................................
การสัมภาษณ์ผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีที่ฮยอกแจต้องปั้นหน้ายิ้มตอบคำถามของหญิงสาว โดยมีซีวอนคอยเก็บภาพอยู่เป็นระยะๆ ชายหนุ่มกดชัตเตอร์พลางมองท่าทีในการให้สัมภาษณ์ของฮยอกแจ นึกชื่นชมร่างบางในใจถึงความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาจะยิงคำถามแบบไหนออกมา ฮยอกแจก็สามารถตอบได้อย่างฉะฉานไม่มีติดขัด ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริงมากโข เก่งกาจราวกับคนเจนโลก ....
ชเว ซีวอนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างบอบบางดูอ้อนแอ้นตรงหน้าเขา ถึงสามารถบริหารกิจการโรงแรมระดับห้าดาวได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งๆ ที่อายุยังน้อย จนผู้ใหญ่หัวหงอกบางคนยังยอมซูฮกให้ในฝีมือ
ร่างสูงลอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างอย่างพิจารณา ผมของอี ฮยอกแจเป็นสีดำเหมือนปีกกา ไรผมบางส่วนคลอเคลียผิวแก้ม ขับให้ผิวขาวๆ ดูสว่างนวลเนียนมากขึ้น รูปร่างผ่ายผอมทำให้เขาดูสูงเพรียวกว่าความเป็นจริง
ใบหน้าเรียวสะอาดเกลี้ยงเกลา ดวงตาเรียวเล็กที่มักจะเรียบเฉยและว่างเปล่า ปลายจมูกโด่งเชิดรั้งแสดงความทะนงเย่อหยิ่งในตัว ริมฝีปากบางสีส้มอมชมพูที่มักจะเรียบตรึง แทบไม่ปรากฏรอยยิ้มออกมา....ช่างแตกต่างจากอี ทงเฮผู้เป็นน้องชายที่มักจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าขาวใสอยู่เสมอๆ ดวงตากลมโตสีดำขลับที่ถึงแม้จะดูเศร้าแต่ก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสดใส ดึงดูดใจใครหลายๆ คนให้นึกรักและเอ็นดู
‘ดูเหมือนว่าผมจะยาวขึ้นนะ’
ซีวอนพูดกับตัวเองในใจ ในขณะเดียวกัน สายตาก็จับจ้องสังเกตไปที่เรือนผมสีดำขลับ รู้สึกว่ากลุ่มผมเหล่านั้นจะยาวขึ้นกว่าตอนที่ร่างบางเรียนอยู่มหาวิทยาลัยพอสมควร ปอยผมด้านข้างที่ล้อมกรอบใบหน้าขาว ผมด้านหลังที่ระต้นคอจวนจะถึงบ่า และถ้าหากมันยาวมากกว่านี้ ฮยอกแจคงดูสวยหวานไม่ต่างจากทงเฮ
ชายหนุ่มสะดุ้งได้สติทันทีที่ความคิดสุดท้ายแล่นเข้ามาในหัว คิ้วเรียวขมวดกันยุ่ง ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจะต้องไปสนใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพรรค์นั้นด้วย แถมยังมีการไปเปรียบเทียบอีก....ซีวอนพยายามขจัดความคิดว้าวุ่นไร้สาระออกจากหัวให้หมดสิ้น มันไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงกับต้องเก็บมาคิดหรือสนใจให้เปลืองสมอง ป่วยการเปล่า...
ก่อนที่ซีวอนจะหันไปมุ่งมั่นสนใจกับงานที่กำลังทำอยู่ต่อ....
.................
..........................
...................................
“ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้” หญิงสาวกล่าวปิดท้าย มือเรียวปิดเครื่องอัดที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใส แสดงให้รู้ว่าการนั่งถามตอบมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆ ได้จบลงแล้ว ฮยอกแจจุดยิ้มการค้าอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถ้างั้น ดิฉันขอถามเป็นการส่วนตัวได้ไหมค่ะ?”
“ได้ครับ เชิญ”
“คุณฮยอกแจ มีคนที่ถูกใจหรือยังค่ะ?” เธอยิงคำถามเล่นๆ ตามประสานคนอยากรู้และสงสัยว่า ชายหนุ่มที่ดูท่าจะอายุน้อยกว่าเธอคนนี้จะมีคนที่ถูกใจบ้างหรือเปล่า? เพราะตามข้อมูลที่ได้รับมาจากวงใน เขาไม่เคยมีข่าวรักๆ ใคร่ๆ กับใครเลย....
“อย่าถามให้เสียเวลาเลยครับ พี่ฮานึล คนอย่างคุณฮยอกแจนิ ทายดูก็รู้ว่าคงจะไม่มี” เสียงทุ้มของซีวอนดังแทรก ร่างบางหันควบไปมองคนพูด ชักสีหน้าบึ้งไม่พอใจ
“คนที่ไม่รักแม้กระทั่ง ’น้องตัวเอง’ คงจะไม่มีทางรักใครชอบใครเป็นหรอก ใช่ไหมครับ คุณฮยอกแจ?”
ซีวอนลากหากเสียงยาวถาม กระแทกเสียงเน้นคำนั้นอย่างจงใจ คิ้วเรียวข้างหนึ่งของชายหนุ่มเลิกขึ้นน้อยๆ อย่างนึกสนุกที่เห็นมือเรียวขาวกำเข้าหากันเกร็งแน่น ฮยอกแจสูดลมหายใจเข้าปอด... ปวดแปลบในหัวใจลึกๆ กับคำพูดที่ดูหมิ่นดูแคลน ดูถูกเขากลายๆ ว่าเป็นคนไร้หัวใจ เจ็บจนอย่างจะร้องไห้นัก....
“ดูเหมือนผมพูดแทงใจดำสินะครับ”
“แต่อย่างน้อย ผมก็ฉลาดพอที่จะไม่ทนรอให้ ’ใครบางคน’ หันมารักถึงหนึ่งปีเต็มหรอกครับ คุณซีวอน?”
วาจาเชือดเฉือนและแสบสันต์ ดุเด็ดไม่แพ้กันดังออกมาแบบนิ่มๆ พร้อมกับมุมปากที่กระตุมอย่างดูแคลน ร่างบางปั้นหน้ายิ้มหวาน ซีวอนกำมือทั้งสองเข้าหากันแน่นเขม็ง โกรธ...ดวงตาคมวาวโรจน์ขุ่นเคือง ฮยอกแจยิ้มอีกครั้งอย่างคนมีชัย
“ผมขอจบการให้สัมภาษณ์เพียงแค่นี้ มีงานต้องทำต่อ”
“ค่ะ ขอบพระคุณมากนะค่ะ”
ฮานึลโค้งให้อีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปดึงแขนรุ่นน้องหนุ่มให้ออกไปด้วยกัน ซีวอนหันเสี้ยวหน้ามามองสบนัยน์ตากลมที่ช้อนขึ้นมาพอดี ตาจ้องกันนิ่งอึดใจใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี แล้วเดินจากไป
ฮยอกแจมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างพ้นไปจากบานประตูไม้ที่กำลังปิดลงช้าๆ
ปัง!!
สิ้นเสียงปิดประตูห้อง ฮยอกแจก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่หน่วยตา ความสั่นน้อยๆ ของริมฝีปาก ร่างบางยกมือขึ้นปิดปากอิ่มแน่น สะกดกลั้นก้อนแข็งๆ ที่หรี่ขึ้นมาตามลำคอที่แห้งผาก....
ถ้อยคำเปล่งออกมาแต่ล่ะครั้ง เหมือนหอกเล่มใหญ่ที่คอยทิ่มแทง ทำร้ายใจดวงน้อยให้บอบช้ำ ยิ่งนึก ร่างบางก็ยิ่งปวดหนึบร้าวรานไปทั่วทั้งอก แค่คำพูดและการกระทำที่แล้วๆ มา มันตอกย้ำให้ฮยอกแจรู้ว่า....เขาไม่มีค่าในสายตาของชเว ซีวอนแม้แต่นิดเดียว
.................
มือเรียวขาวหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโซฟาใกล้ๆ ซึ่งคาดว่าเจ้าของคงจะทำตกไว้ขึ้นมากุมไว้ในมือ เขาถือวิวาสะเปิดดู และทันทีที่เห็นภาพหน้าจอ น้ำตาที่สะกดกลั้นมาเป็นเวลานาน บัดนี้ไหลรินเป็นทางอาบตามร่องแก้ม และหยดลงแหมะ ภาพบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารแบบพับสีดำสนิทเป็นรูปของน้องชายฝาแฝดของเขา...ทงเฮ....
ทงเฮในชุดสีขาว ซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าตัวที่ไม่ว่ายังไงก็ดูเข้ากันดีเหลือเกิน รอยยิ้มหวาน นัยน์ตากลมโตมีประกายสดใส ผมยาวสีดำขลับ ใบหน้าเรียวสวย...ราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยๆ น่ารัก บริสุทธิ์...เหมือนแก้วบางเนื้อดี ที่ต้องการการทะนุทนอม...
ต่างจากเขา ที่เหมือนแม่มดใจร้าย แก้วที่มีแตกรอยร้าว ไม่น่าใช้ ....จนอยากจะทำลายทิ้งให้สิ้นซาก
“สำหรับนาย ไม่ว่ายังไง ทงเฮก็คือคนที่นายรัก ใช่ไหม ซีวอน”
“ส่วนฉัน ก็คือคนที่นายจงเกลียดจงชังจนไม่อยากมองหน้าเลยสินะ”
ฮยอกแจหัวเราะเยาะให้กับตัวเองอย่างขมขื่น ร่างบางวางมือถือลงบนโต๊ะ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่อาบแก้มออกให้พ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มตัว นึกได้ว่าเขามีงานกองโตที่ต้องสะสางต่อรออยู่บนโต๊ะ
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฮยอกแจก็รู้สึกถึงอาการพร่าตา เวียนศีรษะกะทันหันจนต้องจับขอบโซฟาไว้ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก็พบว่ามันเลยเวลาอาหารกลางวันมามากโข สำนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เช้าเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากกาแฟเพียงอย่างเดียว...มิน่า ถึงได้รู้สึกปวดมวนในท้องนัก
มือบางยกขึ้นคลึงขมับ วิงเวียนศีรษะ หูอื้ออึงราวกับมีผึ้งมาบินอยู่รอบๆ และมึนหัวเป็นอย่างมาก ร่างบางพยายามเพ่งมองไปทั่วห้อง ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในเรตินาเริ่มเลือนรางและกลายเป็นสีขาวโพลนในไม่ช้า ไร้เรี่ยวแรงจะยืนให้ตรงได้ ฮยอกแจเซถลา คว้าโต๊ะทำงานไว้ได้ทัน ถึงอย่างนั้นก็ได้แค่ขอบโต๊ะ ส่งผลให้คนตัวบางเสียหลักล้มลงไปนอนกองที่พื้น ปลายนิ้วเรียวเผลอไปโดนกองแฟ้มเอกสารที่วางไว้อย่าหมิ่นแม่น ร่วงลงมากระจายส่งเสียงดัง
หลังจากนั้น ฮยอกแจก็ไม่มีสติรับรู้อะไรอีกเลย...
..............
..........................
...............................
“โอ๊ย!!!”
อี ทงเฮร้องโอดเบาๆ เมื่อถูกปลายเข็มของไม้ถักที่กำลังถักไหมพรมทิ่มนิ้วชี้ ร่างบางนิ่วหน้า หยิบกระดาษเช็ดชู่ขึ้นมาซับจุดแดงๆ นั้น แสงแดดค่อนข้างแรงยามบ่ายจากดวงอาทิตย์ที่ถูกเมฆก้อนโตบดบังรอดลงมากระทบโต๊ะสีขาวที่ตั้งอยู่ที่ชานเปิดโล่งหลังบ้านใกล้สระน้ำขนาดใหญ่ที่เขากำลังนั่งอยู่ สะท้อนผิวน้ำสีฟ้าขาวสะอาดเป็นมันเลื่อม
ทงเฮวางผ้าพันคอที่พึ่งจะถักได้เพียงได้นิดเดียวลงบนโต๊ะ มองสระว่ายน้ำที่อยู่เบื้องหน้า เขานึกถึงวัยเด็ก ที่สระน้ำนั่น...
“กรี๊ด!!! คุณหนูทงเฮ!!!!”
“แย่แล้ว!!! คุณหนูทงเฮตกน้ำ!!!”
“ไปตามดงโฮมาทีเร็ว!!!”
เสียงกรีดร้องแสดงความตกอกตกใจของซียองและสาวใช้ในชุดเมดสีขาวสลับกับเสียงตะโกนโหวกเหวกลั่น พวกเธอพากันลนลานตกใจแทบสิ้นสติ ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นร่างบอบบางของคุณหนูคนเล็กของตระกูลอีที่มีอายุเพียงหกขวบ ลื่นตกลงไปและกำลังจะจมลงไปในสระว่ายน้ำของบ้าน...ร่างบางของทงเฮสำลักน้ำเข้าปอดอึกใหญ่ ตะเกียกตะกายอยู่พักหนึ่ง เพราะร่างกายที่อ่อนแอและปัญหาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ ทำให้ทงเฮไม่สามารถกลั้นหายใจในน้ำได้ อีกอย่างเขาก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย
วินาทีต่อมา ทงเฮก็จมลงไปข้างใต้ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของสาวใช้ที่ได้แต่ยืนมอง...
“คุณหนูทงเฮ!!!!”
ตูม!!!
“คุณหนูฮยอกแจ!!!!”
ซียองตะโกนเสียงร่างเล็กๆ ของคุณหนูคนโต พี่ชายฝาแฝดที่พลันกระโดดลงไปในเสี้ยวนาทีก็ที่ดงโฮ คนขับรถที่เธอใช้ให้สาวใช้คนหนึ่งไปตามมาจะมาถึง ฮยอกแจดำลงไปท่าทางคล่องแคล่ว ในไม่ช้ามือเรียวบางก็คว้าหมับที่ข้อมือของน้องชายฝาแฝด ก่อนที่จะออกแรงดันร่างของตนและคนในอ้อมแขนขึ้นเหนือผิวน้ำ ซียองและสาวใช้รวมถึงคนขับรถกำลังขะมักเขม้นดึงร่างของคุณหนูทั้งสองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ฮยอกแจรีบจัดการผายปอดให้ร่างเล็กๆ ของน้องชายที่หมดสติ จนกระทั่งทงเฮไอแค่กๆ ลำลักน้ำออกมา เปลือกตาบางปรือขึ้นช้าๆ หูได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนร้อนรน และสิ่งที่ผ่านเข้ามาในโสตประสาทการมองเห็น คือภาพใบหน้าพี่ชายฝาแฝดของตน...ฮยอกแจ
“พี่ฮยอกแจ”
“ทงเฮ”
“อึก...พี่ฮยอก...แจ...ทง...เฮ...กลัว”
ทงเฮโผเข้ากอดร่างที่เปียกไม่ต่างกันของพี่ชายฝาแฝดไว้แน่น ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ฮยอกแจยิ้ม พูดปลอบประโลมที่ข้างใบหู มือเรียวเล็กบางแต่อบอุ่นแห่งเลือดเนื้อซึมซาบไปถึงภายในลูบแผ่นหลังเบาๆ พร้อมทั้งกระชับวงแขนกอด ให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจแก่ผู้เป็นน้องชาย
“ไม่เป็นไรแล้วนะทงเฮ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว”
“อี ทงเฮ!!”
เสียงเรียกห้วนดัง ทำเอาทงเฮสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความทรงจำในวัยเยาว์ ร่างบางยกมือขึ้นปาดหยดน้ำที่คลอล้นรอบดวงตาโดยไม่รู้ตัวออกให้พ้น กลัวคนที่เรียกจะต่อว่าและโมโหเอาได้หากเห็นน้ำตาของตน ไม่มีใครเรียกชื่อเต็มของเขานอกจาก...
“มีอะไรเหรอ คิบอม?” ทงเฮหันไปยิ้มให้แจ่มใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิม คิบอมยืนกอดอกอยู่ข้างๆ จ้องหน้าหวานนั่นนิ่งๆ
“กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวนายจะต้องกินยาต่อ” เขาพูดขึ้นสั่งเสียงห้วน ทงเฮถึงกับรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลมออก ร่างบางพยักหน้ารับ เก็บข้าวของลงกล่องใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ นึกน้อยใจในอกคนเดียวเงียบๆ มองเสี้ยวหน้าของคนที่ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ คิบอมจะพูดดีๆ กับเขาก็ต่อเมื่อมีหน้าที่จะต้องทำเท่านั้น... รู้สึกเจ็บข้างในใจ อยากให้ริมฝีปากบางนั้นเอ่ยถ้อยคำกับเขา โดยไม่ต้องมีคำว่าหน้าที่พ่วงท้าย...
ช่างเป็นความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
......................
บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ในห้องอาหารที่ปกติทงเฮจะนั่งทานข้าวคนเดียวแทบทุกมื้อ ยกเว้นบางวันที่ซีวอนจะแวะมาทานด้วยหากมีเวลาว่าง แต่วันนี้กลับมีชายหนุ่มร่างสูงเข้ามาร่วมโต๊ะด้วย จนกลายเป็นที่ชินตาของทงเฮไปซะแล้วที่จะต้องเห็นใบหน้าของคิม คิบอม นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตน ทงเฮใช้ช้อนส้อมเขี่ยข้าวในจานไปมาสักพัก ก่อนที่จะวางลง รวบมันไว้ข้างจาน บอกเป็นนัยว่าอิ่มแล้ว
และนั่นทำให้คิบอมต้องหยุดทาน เขาชะเง้อมองบนจานอาหารของร่างบางแล้วก็ต้องส่ายหน้าปลงตก เมื่อพบว่าข้าวในจานไม่พร่องลงแม้แต่น้อย
ชุดยาในถ้วยใสเล็กๆ ข้างจานข้าวที่ซียองเตรียมไว้ให้ถูกมือบางยกขึ้นมาถือไว้เตรียมจะใส่เข้าปาก แต่ก็ต้องชะงักเพราะมือเรียวของคิบอมมายื้อไว้ ชายหนุ่มดึงมันออกมาจากมือบาง แล้ววางมันลงข้างตัว
“กินข้าวแค่นี้ ยังคิดจะกินยาอีก มันได้กัดกระเพาะทะลุนะสิ!!” เขาพูดเสียงห้วน แล้วสั่งต่อไปว่า “ข้าวนะกินเข้าไปอีก!!!”
“แต่ทงเฮอิ่มแล้ว” ร่างบางบอกเสียงแผ่วเบา ก้มหน้ามองจานข้าวไม่กล้าสบสายตาคมดุของคิบอม...หวาดกลัว คิบอมลากเสียงถอนหายใจยาว เหนื่อยใจ...
“กินยังกับแมวดม แล้วเมื่อไรมันจะแข็งแรงสักทีฮะ นายรู้ไหม!!! ฉันเหนื่อยและเบื่อแค่ไหนกับการต้องมาอยู่ดูแลนายนิ!!!!”
คิบอมตะคอกใส่คล้ายจะเหลืออดเต็มทน ร่างบางสะดุ้งเฮือกให้กับน้ำเสียงห้วนจัดและแข็งกระด้างนั้น ทงเฮเม้มริมฝีปากสั่นระริกแน่นเป็นเส้นตรง นัยน์ตาของคนตัวเล็กเริ่มมีน้ำตาคลอ รู้ดีว่าขณะนี้คิบอมกำลังโกรธ...โกรธมากด้วย
เสียงหวานกล่าวอย่างสั่นเครือ...
“ทงเฮขอโทษ”
“พอ!! ฉันเบื่อคำขอโทษของนายเต็มทนแล้ว เมื่อไรนายจะทำตัวเหมือนฮยอกแจสักทีฮะ!!!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงดังลั่นอย่างคนขาดสติ บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เบื่อหน่ายเหลือเกินกับคำพูดประโยคนี้ของอี ทงเฮ ที่เขาได้ยินบ่อยจนเอียน และนั่นยิ่งทำให้ทงเฮหน้าเสียคล้ายกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ และยิ่งได้ยินคำเปรียบเทียบเขากับพี่ชายฝาแฝด มันยิ่งวาบลึกซึ้ง....
น้ำตาไหลซึมออกมาอย่างหมดความอดทนอาบผิวแก้มใสขาวซีด ชายหนุ่มร่างสูงหงุดหงิดใจขึ้นมาฉับพลันเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น
“หยุดเลย!!! ฉันไม่ชอบคนร้องไห้ ฉันเกลียดน้ำตา!!”
ร่างบางสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไห้และน้ำตาไว้ ไม่ให้คนร่างสูงเกิดความหงุดหงิดและรำคาญใจในความอ่อนไหวของตน มือเล็กสั่นเทากำชายเสื้อกันหนาวแน่น กายบางไหวสะเทือน ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ เซ็งจัด หงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว...
“ไม่กงไม่กินมันแล้ว รำคาญ!!!!”
มือเรียวทุบโต๊ะลงแรงๆ อย่างไม่นึกกลัวเจ็บ คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง พยายามห่อตัวที่ผอมอยู่แล้วให้ลีบลงเข้าไปอีก ก้มหน้านิ่ง มือที่กำลงบนตักชื่นเหงื่อ ก่อนที่คิบอมจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วลุกเดินปึงปังลงส้นออกไปเสียดื้อๆ ...ทงเฮมองร่างสูงที่เดินลับออกไปจากประตู
ใบหน้าสวยเศร้าสลดลง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน มือที่กำอยู่บนตักเกร็งจนสั่น เจ็บร้าวไปทั้งดวงใจกับถ้อยคำรุนแรงที่ว่ากล่าวและสีหน้าเบื่อหน่ายน้ำตาที่คนตัวสูงแสดงออกมา....คิบอมคงจะโกรธและรำคาญในความอ่อนแอของเขาเหมือนอย่างทุกๆ ครั้ง คิดได้อย่างนั้น ก้อนแข็งๆแล่นขึ้นมากระจุกอยู่ที่ลำคอจนปวดไปหมด น้ำใสๆ ก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
..........
........................
..............................
ไรเตอร์ Talk ภาค ชี้แจงให้ท่านผู้อ่านทราบ
มีรีดเดอร์หลายท่านสงสัยว่าทำไมเรื่องนี้มันคล้ายเรื่อ Sand Glass จัง ไรเตอร์ก็ขอบอกให้ทราบเลยนะค่ะว่า เรื่องนี้นำเนื้อเรื่องและบุคคลิกของตัวละครในฟิกเรื่องนั้นมาเป็นโครงเรื่องในการแต่งค่ะ เนื้อเรื่องจึงอาจจะมีส่วนคล้ายกัน แต่ไรเตอร์จะพยายามทำให้มันแตกต่าง
ไรเตอร์ไม่ได้มีเจตนาก๊อปมาทั้งเรื่อง เพียงแต่นำบางส่วนมาเป็นโครงเรื่องเท่านั้น จึงอยากให้รีดเดอร์โปรดเข้าใจมา ณ ที่นี้
หากเจ้าของฟิกเรื่องนี้ได้อ่านแล้วรู้สึกไม่พอใจ ก็บอกได้นะค่ะ....
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราและเข้าใจโดยทั่วกัน
Meawyu
06/10/09
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ในที่สุดก็เข็นมาลงได้อีกตอน (ปาดเหงื่อ) ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่า ชีวิตหมวยมันรัดทดได้อีก....
ตอนหน้าคาดว่าไรเตอร์จะหายไปนาน(พอสมควร) (หายไปอีกแล้ว =_= รีดเดอร์)
หวังว่ารีดเดอร์ทั้งหลายจะไม่โกรธ meawyu น้า....
ความคิดเห็น