ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #3 : A Drop of Tears Vol 3

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 52


    Vol 3






    “โห ห้องนี้ใหญ่จัง ซีวอน มีอุปกรณ์แปลกๆ เต็มไปหมดเลย”




    เสียงหวานของ อี ทงเฮ เอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบๆ ตัว  สายตากลมกวาดมองทั่วห้องสูติโอที่ถูกเนรมิตเป็นฉากของท้องทุ่งหญ้า  มีอุปกรณ์แปลกๆ  ที่ไม่เคยเห็น  ผู้คนโดยรอบที่กำลังวุ่นวาย  ดูตื่นตาตื่นใจไปหมด นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาที่ทำงานของซีวอนซึ่งเป็นบริษัทผลิตนิตยสารชื่อดัง ‘Immagini’ 


    “ซีวอน นั่นอะไรนะ?”


    “ซีวอน เขากำลังทำอะไรกันอยู่นะ ทำไมต้องใช้ไอ้นั่นด้วย?”


    “ซีวอน ไอ้นี้เอาไว้ทำอะไรเหรอ?”


    “ซีวอน...”


    มือบางสะกิดถามซีวอนทุกครั้งที่เจออะไรแปลกตา ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับความไร้เดียงสา ความขี้สงสัยเป็นเจ้าหนูจำไม ไม่นึกรำคาญ ตรงข้ามเขากลับรู้สึกชอบใจนักยามเห็นสีหน้าหวานๆ นั้นยิ้มแย้มด้วยความสดใส...


    “เอาล่ะ หยุดสงสัยได้แล้วนะทงเฮ” ซีวอนยกมือขึ้นเบรกเมื่อเห็นปากบางๆ นั้นจะอ้าถามเขาไว้ เขาจับข้อมือบางนั้น แล้วพาเดินไปนั่งบนม้านั่งยาวที่อยู่มุมห้อง ก่อนที่จะพูดขึ้น


    “เดี๋ยวเราต้องไปทำงานแล้ว ทงเฮอยู่ตรงนี้นะ ถ้าเราทำงานเสร็จ จะได้ไปทานข้าวเที่ยงกัน” 


    “อืม ตั้งใจทำงานนะ ซีวอน” 


    คำพูดเรียบๆ ที่คนพูดคงจะไม่คิดอะไร แต่คนฟังนั้นหัวใจพองโตเป็นลูกโป่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ซีวอนยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ รู้สึกดี  มีกำลังใจในการทำงาน...ก่อนที่จะหันหลังกลับไป  เพราะเสียงตะโกนเรียกของผู้กำกับ


    ทงเฮมองร่างสูงของซีวอนที่อยู่หลังกล้อง แสงแฟลตสว่างวูบวาบจับไปยังเรือนร่างของนางแบบในชุดเสื้อผ้าวัยรุ่น ท่าทางตั้งอกตั้งใจ ดูจริงจังกับการทำงาน...ก่อนที่จะหยิบไหมพรมขึ้นมาถักผ้าพันคอต่อ 




    .......................





    มือบางของอี  ฮยอกแจเปะปะหาแฟ้มงานเก่าๆ บนชั้นที่หนังสืออยู่ด้านข้างโต๊ะทำงานจนเผลอไปปัดหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ในมุมตกลงมา  ฮยอกแจไม่ได้สนใจหรือสังเกตหนังสือเล่มนั้น เพิ่งจะมาสนใจพิจารณาก็ครั้งนี้  ปกหนังสือสีเหลืองมันวาวเป็นรูปผ้าพันคอแบบต่างๆ ที่ทำจากไหมพรม  ตัวหนังสือเป็นตัวอักษรพิมพ์สีแดงตัวโตๆ ว่า 



    ‘การถักผ้าพันคอเบื้องต้น’



    สายตากลมจ้องมองหนังสือในมือนิ่ง  หวนคิดถึงไปความทรงจำเก่าๆ  เขาจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองเหมือนคนบ้าขนาดไหน  ที่ยอมลงทุนซื้อหนังสือเล่มนี้และไหมพรมมาถักผ้าพันคอทั้งๆ ที่ไม่มีฝีมือ  แต่ก็ยังนั่งพยายามหามรุ่งหามค่ำถักเสียจนมันสำเร็จ แม้ว่าจะดูไม่ค่อยสวยนัก  เพียงเพราะคำพูดของคนๆ เดียวที่ชอบมานั่งบ่นเปรยๆ ว่า 



    ‘อยากได้ผ้าพันคอที่มีคนถักให้เป็นของขวัญวันเกิดจังเลยน้า’



    นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยริมฝีปากบางของตน  รสสัมผัสที่เจ็บปวดยังติดอยู่ไม่จาง  สัมผัสที่แสดงถึงความเกลียดชังและโกรธแค้นจากผู้ชายที่เคยหยิบยื่นความอ่อนโยนและรอยยิ้มที่เหมือนน้ำทิพย์ชโลมให้กับหัวใจที่ตายด้านแห้งผากดวงนี้ แต่ตอนนี้ความอ่อนโยนเหล่านั้นถูกมอบให้น้องชายฝาแฝดเขาเสียหมดสิ้น  เหลือเพียงความเกลียด ชิงชังเท่านั้นที่อีกฝ่ายมอบให้เขา 



    น้ำอุ่นจัดเอ่อท้นขึ้นมารอบดวงตา  ฮยอกแจยกมันขึ้นมาทึ้งฉีกอย่างไม่มีชิ้นดี  ด้วยอารมณ์อะไรก็ไม่สามารถทราบได้  รู้แต่ว่าไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ภาพในอดีตที่ลอยผุดขึ้นมาหลอกหลอนเขา.....ฝ่ามือเรียวใหญ่ที่กำลังคลี่ผืนผ้าพันคอสีน้ำตาลเข้มในกล่องสีขาวจากมือของทงเฮ  รอยยิ้มและแววตาคมที่ฉาบความดีใจเป็นล้นพ้นจนปิดไม่มิด คำขอบคุณหวานๆ ที่กระซิบบอกอยู่ข้างๆ ใบหูของผู้เป็นน้องชาย เสียงหัวเราะคิกคักเต็มไปด้วยความสุข......



    หัวใจเหมือนจะแตกร้าวฉาน



    ก่อนที่จะโยนหนังสือที่กลายเป็นเพียงเศษกระดาษในมือลงถังขยะ  





    ...............
    ......................
    .................................





    ร้านอาหารเล็กๆ สไตล์เกาหลีที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบริษัทคือสถานที่รับประทานอาหารกลางวันของซีวอนและทงเฮ  ถึงร้านจะเล็กแต่ภายในก็ถูกตกแต่งอย่างลงตัวตามแบบร้านอาหารแบบเอเชีย  เล่นสีขาวของผ้าสลับเขียวจากต้นไผ่เล็กๆ ที่ประดับตกแต่งรอบร้าน ตัดกับชุดไม้สีน้ำตาลเข้ม ทุกอย่างดูลงตัว คนไม่ค่อยพลุกพล่านนัก ทั้งคู่เลือกนั่งอยู่ที่เกือบในสุด


    “มีอะไรเหรอทงเฮ?” ซีวอนเอ่ยถามเพราะเห็นทงเฮหยุดชะงักมือที่กำลังเลื่อนเก้าอี้ ทงเฮมองหน้าร่างสูง ยิ้มส่ายหน้า


    “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร?” ถึงปากจะบอกว่าอย่างนั้น แต่สายตากลมกลับจ้องมองไปที่โต๊ะที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ฉับพลัน ร่างบางถึงกับสะดุ้ง เพราะดวงตาสีนิลลึกล้ำนั้นแลขึ้นมาสบสายตาประสานพอดี คนตัวเล็กรีบเสสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว นึกกลัวแววตาที่ฉาบไปด้วยความแข็งกร้าว ขุ่นเคือง....





    “เป็นอะไรคิบอม ทำหน้าทำตายังกับจะไปกินเนื้อใคร?” 


    ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว ผมสีดำซอยสั้น ในชุดลำลองแบบสบายๆ เอ่ยถามผู้ร่วมโต๊ะอย่างแซวๆ ที่เห็นหน่วยตาคมดุดันปานจะไปกินเลือดกินเนื้อใคร เขามองหน้าคมสันนั้น ก่อนที่จะแลสายตาไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง 


    “อ้าวนั่น คุณหนูทงเฮไม่ใช่เหรอ คิบอม?” ชายหนุ่มที่ถูกถามวางตะเกียบในมือลง สบสายตาชายหนุ่มรุ่นพี่ ตอบเสียงขุ่น


    ”ครับ”


    “ไม่ไปทักทายเขาหน่อยเหรอ?”


    “ไม่ต้องหรอกครับ พี่ไม่เห็นเหรอว่าเขามากับแฟน พี่เยซอง คงไม่อยากให้ใครเข้าไปขัด”


    เยซองหรือคิม  จองอุนรุ่นพี่ร่วมงานซึ่งเป็นสถาปนิกบริษัทเดียวกันเลิกคิ้วให้กับคำพูดของรุ่นน้อง  เขาปรายสายตามองร่างเล็กๆ ของทงเฮที่เขานั่งหันหลังให้ พิจารณาใบหน้านวลนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันมาสบใบหน้าของคิม  คิบอมตรงๆ 


    “พี่ว่าเขาจะออกจะน่ารัก ถึงแม้จะดูอ่อนแอ ขี้โรคไปหน่อยก็ตาม ทำไมเราถึงไม่ชอบเขาหืม?” คิม จองอุนเอ่ยถาม เขาก็พอจะรู้ว่าคิบอมถูกพี่ชายส่งตัวไปเป็นพี่เลี้ยงคุณหนูคนเล็กตระกูลอี เจ้าของกิจการโรงแรมหรูหราระดับห้าดาว ชายหนุ่มรุ่นพี่ไม่เคยเห็นตัวจริงหรอกนอกจากในรูปถ่ายที่ฮีซอล เคยเอาให้ดู  เพิ่งจะมาเห็นตัวจริงก็เมื่อกี้.... และก็รู้อีกว่าคิบอมไม่ชอบคุณหนูอี ทงเฮสักเท่าไรนัก... 


    รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นมาปรากฏบนใบหน้าหล่อคมคายของคิม  คิบอม  นิ้วเรียวคลึงปากแก้วไปมา  ก่อนที่จะกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น



    “พี่เยซองก็รู้ว่า ผมเกลียดคนอ่อนแอ”



    “ทำเป็นพูดไป ระวังเถอะ โบราณเขาว่าไว้ เกลียดอะไรก็มักจะได้อย่างนั้นนะ คิบอม” เยซองเอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้กับคำพูดของรุ่นน้องผู้ช่วยเจ้าของฉายา ‘เจ้าชายน้ำแข็ง’ เขาจึงเหน็บแหนมจิกกัดทั้งวาจาและสายตาแบบเชือดนิ่มๆ....ใครๆ ในคณะสถาปัตยกรรมต่างก็รู้ว่าเดือนคณะถึงสี่ปีซ้อนนาม คิม คิบอมคนนี้ เกลียดคนอ่อนแอ อ่อนไหว และเจ้าน้ำตาชนิดเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว....


    นี้กระมังที่เป็นสาเหตุทำให้คิบอมเกลียดคุณหนูคนเล็กของตระกูลอี...  



    คิบอมวาดรอยยิ้มอีกครั้ง ไม่สะทกสะท้านหรือสนใจ


    “ผมไม่เชื่อคำโบราณอะไรนั้นหรอก ไม่มีทาง”


    “ให้มันจริงเถอะ ไอ้แก้มแตก ถ้าเราได้แฟนเป็นพวกอ่อนแอ ขี้โรค ขี้แยล่ะก็ เราต้องเลี้ยงเหล้าพี่”
    คิม  เยซองลุกขึ้นประกาศกร้าว  คิบอมยิ้มไม่พูดอะไรออกมา  ยกแก้วน้ำในมือขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด  เหลือบไปมองที่โต๊ะตัวนั้น ร่างบางของชายหนุ่มตัวเล็กในชุดสีขาวทั้งตัวที่กำลังนั่งหยอกล้ออยู่กับชายหนุ่มร่างสูง 
     

    คิบอมจ้องมองร่างนั้น ใบหน้าเรียวเล็ก  ดวงตากลมโตสีดำขลับ  ริมฝีปากจิ้มลิ้มชมพูระเรื่อ ผมยาวสีดำประบ่า แก้มใสที่ถึงแม้จะขาวซีดแต่ก็ยังน่ามอง  ดูน่ารัก...น่าทะนุทนอม เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ



    พอมาถึงจุดนี้  คิบอมก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้  แก้วในมือถูกวางลงบนโต๊ะ  ถึงแม้คนๆ นั้นจะดูน่ารักเพียงใด  แต่ก็ดูอ่อนแอ  อ่อนไหวเสียจนน่ารำคาญ.....น้ำตาที่ได้เห็น  เสียงสะอื้นที่ได้ยิน  ทำให้เขาไม่ประทับใจเอาเสียเลย  คิม  คิบอมส่งเสียงหึ  ในลำคอ  พึมพัมกับตัวเอง



    “ก็บอกแล้วไงว่า....ชั้นเกลียดคนอ่อนแอที่สุด”



    อยู่ๆ ใบหน้าของฝาแฝดคนพี่ก็ลอยแวบเข้ามาในหัว แววตาแข็งกระด้าง ท่าทีเย็นชาไร้ความอ่อนโยน ใบหน้าที่มักจะเรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม  ไม่เคยมีน้ำตา... คนที่ทำให้เขาสามารถทนอยู่ในคฤหาสน์เป็นพี่เลี้ยงของแฝดน้องที่น่าเบื่อ เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณบ้าๆ นั้นได้....นิ้วเรียวคลึงรอบขอบแก้ว  ริมฝีปากยกยิ้ม พึงพอใจ...





    “แบบนี้ต่างหากที่ดูน่าสนใจกว่าเยอะ” 




    ..............
    ..........................
    ....................................





    “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ ขอบคุณทุกคนที่เหนื่อยกัน เลิกกองได้”



    ซีวอนผละจากกล้องถ่ายรูปที่ใช้ทำงานถ่ายแบบนางแบบสาวในชุดราตรีสุดสวยภายในสตูดิโอ ที่ตั้งอยู่ชั้นที่ 20 ของตึก หลังจากสิ้นเสียงบอกของผู้กำกับ เป็นการบ่งบอกว่าการทำงานในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เสียงโห่ร้องแห่งความดีใจของผู้ร่วมงานดังขึ้นเป็นระยะๆ ก่อนที่จะพากันลงมือเก็บข้าวของ 



    ร่างสูงโปร่งของเขาเดินตรงไปยังมุมห้อง บนม้านั่งยาว  ร่างเล็กๆ ของทงเฮที่กำลังขดตัวอยู่ใต้เสื้อกันหนาวสีขาวของเขา ศีรษะกลมสีดำขลับหนุนหมอนรูปหัวใจที่ใช้ประกอบฉากหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาหลังอาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้   ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ  หนังสือเล่มค่อนข้างหนาตกลงไปกองกับพื้น  ซีวอนย่นกายลงนั่งข้างๆ มือเรียวเขย่าปลุก  


    “ทงเฮ ทงเฮ”


    สะกิดเพียงสองสามครั้ง  เปลือกตาบางก็ขยับหยุกหยิก  ก่อนที่มันจะเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโต  ทงเฮค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง  โดยมีมือใหญ่ของซีวอนคอยประคองอยู่ใกล้ๆ  มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา  ถามเสียงสะลึมสะลือ


    “เสร็จงานแล้วเหรอ ซีวอน?” ชายหนุ่มยิ้มขำให้กับอากัปกิริยาเป็นเด็กเล็กๆ ของทงเฮ มือเรียวยกขึ้นจัดทรงผมนุ่มที่ยุ่งเหยิงให้เข้ารูป จับมือเล็กที่เอาแต่ขยี้ตาคู่สวยออกให้เพราะกลัวมันจะชอกช้ำเสียก่อน พลางยกมือขึ้นอังหน้าผากมน 


    หลายคนที่ได้เห็นพากันหัวเราะคิกให้กับความน่ารักของชายหนุ่มตากล้องมือหนึ่ง ที่ดูแลคนตัวเล็กที่กลายมาเป็นขวัญใจของคนประจำกองราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กอนุบาล ในขณะเดียวกันบางคน...โดยเฉพาะสาวๆ ต่างก็แอบอิจฉาทงเฮลึกๆ ที่ได้ใกล้ชิดและได้รับความดูแลเอาใจใส่จากคนที่พวกเธอหมายปอง




    .....................




    มือเรียวยกขึ้นเก็บหนังสือที่อยู่พื้นขึ้นมา  สายตาคมจ้องมองตัวหนังสือที่หน้าปก  มันเป็นหนังสือที่มีปกเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไร ตัวอักษรนูนต่ำพิมพ์ว่า ‘การบริหารจัดการโรงแรมแบบมืออาชีพ’ สีหน้าเคร่งลง 


    ทงเฮเอียงคอมองเสี้ยวหน้าหล่อขาวใสของซีวอนที่เอาแต่จ้องหนังสือในมือตาเขม็งเป็นเวลานาน  เสียงหวานๆ จึงเอื้อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


    “มีอะไรกับหนังสือเล่มนี้เหรอ ซีวอน?” เสียงทักของทงเฮทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งรู้สึกตัว เขายิ้มพลางสั่นศีรษะช้าๆ ยื่นหนังสือในมือให้ทงเฮ 


    “เปล่าหรอก ก็แค่สงสัยไม่คิดว่าทงเฮจะชอบอ่านหนังสือแบบนี้ เหมือนฮยอก....” 


    ซีวอนกัดปากลงฉับพลัน  เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพลั้งพูดอะไรออกไป เขาเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรง  คิดหวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน  เขาทำต่อฮยอกแจด้วยความโกรธ  คำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายทำให้เขาตบะแตกเสียจนควบคุมไม่อยู่  อยากจะสั่งสอนและทำลายความอวดดีนั้นให้ย่อยยับคามือ  จิตใต้สำนึกที่คอยพร่ำบอกถึงความเลวร้ายที่ฮยอกแจกระทำให้กับทงเฮ...คนที่เขารัก เพื่อไม่ให้เกิดความสงสารหรือเห็นใจ 



    แต่หากส่วนลึกลงไป ชเว  ซีวอนเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดเขาถึงกระทำเช่นนี้.... 

     


    นิ้วเรียวของซีวอนเผลอยกขึ้นลูบไล้ริมฝีปาก  ความรู้สึกของริมฝีปากอิ่มสีแดงอมชมพูที่แสนอวดดีถูกเขาครอบครองด้วยแรงโทสะช่างหอมหวาน  ในขณะเดียวกันก็เจือไปด้วยรสขมปร่าของความหวาดกลัว  รสชาติเหมือนช็อกโกแลตของโปรดที่ไม่หวานจนเลี่ยน และไม่ขมจนกินไม่ได้....ชวนใจให้อยากจะลิ้มลองอีกสักครั้ง...



    ซีวอนส่ายสะบัดศีรษะเรียกสติเป็นการใหญ่  เมื่อรู้ว่าตัวเผลอคิดอะไรออกไป  ยกมือขึ้นกุมขมับ บ่นพึมพำคล้ายจะเยาะเย้ยตัวเองที่เผลอไปมีความคิดที่ไม่เข้าท่าแบบนั้น


    “คิดบ้าอะไรของเราว่ะ? ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น  คนแบบนั้นไม่เห็นน่าจูบเลยสักนิด” 


    นัยน์ตาคมจับจ้องใบหน้าขาวสะอาดของทงเฮ  ริมฝีปากบางระเรื่อสีชมพูอ่อนเหมือนกลีบดอกซากุระนี้ต่างหากที่เขาอยากจะประทับรอยจุมพิตด้วยความรัก  ไม่ใช่ความรังเกลียด ชิงชังเหมือนคนๆ นั้น



    “พี่ฮยอกแจไม่ได้ชอบอ่านหนังสือแบบนี้หรอก ซีวอน” 



    เสียงหวานๆ แกมเศร้าดังขึ้นทำลายความคิดที่ลอยอยู่ในหัวของชเว  ซีวอนจนหมดสิ้น  ชายหนุ่มร่างสูงหันไปมองสบใบหน้าของทงเฮที่ยกหนังสือเล่มนั้นขึ้นแนบอก   ริมฝีปากผุดรอยยิ้มแสนเศร้า แววตากลมโตสลดลง 


    “แต่จำใจต้องอ่านเสียมากกว่า......”


    “ทงเฮ...”


    “พี่ฮยอกแจนะ ไม่ได้อยากเรียนบริหารหรอก แต่อยากเรียนศิลปกรรมออกแบบมากกว่า พี่ฮยอกแจวาดรูปเก่งนะ เขาชอบวาดรูปมาก และใฝ่ฝันว่าอยากจะเรียนเป็นจิตรกรที่ฝรั่งเศส แต่เพราะคุณพ่อ....คุณพ่อบังคับให้พี่ฮยอกแจเรียนบริหาร เพื่อให้เขาจบออกมาสืบทอดกิจการโรงแรมของครอบครัวต่อ พี่ฮยอกแจต้องทิ้งการวาดรูปที่ตัวเองชอบ ความฝันของตัวเอง เดินตามเส้นทางที่คุณพ่อท่านขีดไว้....”


    เสียงของทงเฮแผ่วและเงียบลงในคำพูดสุดท้าย  เม้มริมฝีปากที่สั่นน้อยๆ นั้นแน่น  ลมหายใจติดขัดราวกับมีอะไรมาขวางทางเดินหายใจ  ดวงตาสวยรื้นไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ซึมเอ่อล้นเบ้าตา  ก่อนที่มันจะไหลตามร่องแก้ม 



    “ถ้าทงเฮเข้มแข็งกว่านี้ ก็คงจะดีไม่น้อย พี่ฮยอกแจจะได้ไม่ต้องฝืนใจแบบนี้”



     
    หยดน้ำตาร่วงกระทบหลังมือเรียวขาวหยดหนึ่ง  ไหล่บอบบางสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นที่ลอดออกมาจากริมฝีปากบางที่ถูกผู้เป็นเจ้าของเม้มเป็นเส้นตรง 


    นิ้วเรียวยาวยกขึ้นเกลี่ยหยดน้ำใสๆ ที่อาบปรางค์แก้มขาวซีดเหล่านั้นให้อย่างอ่อนโยน   ทงเฮเงยหน้าขึ้นสบสายตาปลอบโยนจากนัยน์ตาคมกริมคู่นั้น  ซีวอนเกลี่ยหยาดหยดแห่งความเศร้าเสียใจออกให้พ้น  ส่งยิ้มเสียจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มให้


    “ไม่เอาน้า ร้องไห้มากๆ เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก เอางี้ เดี๋ยวเราจะพาทงเฮไปเลี้ยงข้าวเย็น อยากกินอะไรล่ะ?” 


    “อาหารญี่ปุ่น ทงเฮอยากกินโอโคโนมิยากิ”


    “รับทราบครับ เจ้าหญิง ไป รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเลยเวลากินยาก่อน”




    .............
    .......................
    ...................................




    รถยนต์ Toyota Yaris สีฟ้ากำลังเลี้ยวเข้าคฤหาสน์ตระกูลลีในเวลาค่อนข้างจะพลบค่ำ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงจนเห็นแสงจันทร์ร่ำไรๆ   ซียองออกมาชะเง้อมอง ท่าทางเป็นห่วงคุณหนูคนเล็กของตนอย่างเคย แล้วสีหน้ากังวลนั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มพรายเมื่อเห็นรถที่แสนคุ้นตาจอดลงหน้าคฤหาสน์ เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาร่างบอบบางของทงเฮที่ก้าวเดินออกมาจากรถ โดยมีซีวอนประคองดูแลไม่ห่าง 
     

    “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พาทงเฮกลับมาป่านนี้ พอดีนั่งทานข้าวเย็นกันเพลินไปหน่อย”


    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เข้าบ้านเถอะนะค่ะ คุณหนู ต๊าย!!  ตัวรุมๆ ด้วย” ซียองขึ้นเสียงสูง กรี๊ดกร๊าดอย่างตกใจเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิค่อนข้างผิดปกติจากผิวกายขาว  


    “รีบไปอาบน้ำอาบท่า ทานยาแล้วพักผ่อนซะนะค่ะ” ฝ่ามือกลมป้อมของแม่บ้านดันร่างบางของทงเฮให้เข้าไปข้างใน เมื่อรู้สึกถึงสายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ผลิยามค่ำพัดผ่านมา โดยมีซีวอนเดินตามเข้าไป

     

    และทันทีที่ก้าวเข้ามา  บนโซฟาตัวยาวกลางบ้านที่ใช้รับแขกและนั่งพักผ่อนปรากฏร่างบอบบางของผู้เป็นพี่ชาย  ทงเฮชะงักฝีเท้าด้วยความแปลกใจ  ที่เห็นฮยอกแจกลับบ้านแต่วัน เพราะปกติถ้าไม่เที่ยงคืนก็จะเป็นรุ่งสางเลยที่เขาจะได้เห็นใบหน้าของพี่ชายฝาแฝด  ริมฝีปากบางยิ้มพราย  ส่งเสียงสดใสเรียกคนที่นั่งจดจ่ออยู่งานในมือ

     


    “พี่ฮยอกแจ!!”



    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง กระดาษในมือถูกลดลง และสิ่งที่เขาพบคือร่างบางของน้องชายที่ยืนส่งยิ้มหวานทักทาย  ร่างผอมบางปรายสายตามองบุรุษร่างสูงที่ยืนเคียงข้างแวบหนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหนีไปทางข้างบ้าน  ไร้การทักทาย...สีหน้าของทงเฮเศร้าลงและเจ็บปวดแปลบหัวใจที่ถูกผู้เป็นพี่ชายเมินใส่  พลันน้ำตาก็คลอรื้นขึ้นมาทำเอาขอบตารอบผ่าว  ซีวอนเห็นท่าไม่ดี...  มือเรียวจับหัวไหล่ทั้งสองของทงเฮลูบเบาๆ  ปลอบประโลม  แล้วกล่าวขึ้นว่า


    “ขึ้นห้องเถอะนะ ทงเฮ อย่าไปสนใจเลย ป้าซียองครับ ฝากทงเฮด้วยนะครับ” 


    หญิงสาววัยกลางคนพยักหน้ารับคำ  พลางหันไปประคองร่างของคุณหนูของตนให้เดินขึ้นห้อง


    “ไปค่ะคุณหนู ขึ้นไปพักผ่อนเถอะนะค่ะ”


    ซีวอนยืนมองทงเฮขึ้นไปที่ชั้นสองพร้อมกับซียอง  เขายืนมองจนกระทั่งแผ่นหลังบางหายออกไปลับตา  ชายหนุ่มจึงเบี่ยงตัว เดินสาวเท้าเร็วๆ ตามร่างบอบบางที่เดินออกไปก่อนหน้านี้





    ...............




    บริเวณสวนข้างบ้าน  บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและมืดสลัว  มีเพียงแสงไฟจากมุมเสาข้างๆ รั้วเท่านั้นสาดส่องเข้ามาทำให้บริเวณนั้นดูสว่างขึ้น  แสงไฟสลัวๆ สีเหลืองอมส้มอ่อนๆ จับใบหน้าของคนที่ยืนกอดอกอยู่เพียงลำพังเลือนลาง  กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไลแลคที่ปลูกไว้เป็นกอริมกำแพงรั้วของคฤหาสน์อยู่ใกล้ๆ ลอยอบอวลรอบตัว  ฮยอกแจทอดสายตาฝ่าความมืดไปยังไลแลคสีม่วงอ่อนพวกนั้น  



    “แค่อ้าปากทักน้องชายนิ มันลำบากนักหรือไงฮะ อี ฮยอกแจ?!!” 



    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำลายความเงียบสงบจากด้านหลัง  มันครุกกรุ่นและเต็มไปด้วยความมาพอใจ  โกรธขึ้งเจือปนเข้ามา บ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้พูดได้เป็นอย่างดี  ฮยอกแจหันเพียงเสี้ยวหน้าไปมอง  ขาเรียวขาวภายใต้กางเกงสแล็คสีดำจะเดินเบี่ยงหนีไปอีกทาง  แต่ก็ต้องชะงัก  เพราะร่างสูงของ ชเว  ซีวอน มายืนขวางไว้  ฮยอกแจตะหวัดสายตาขึ้นสบประสานกับหน่วยตาแข็งกร้าวคู่นั้น  ไม่สะทกสะท้านสนใจความขุ่นเคืองที่ฉาบไว้อย่างชัดเจน 


    “ถอย!”


    “ฉันถอยแน่ ก็ต่อเมื่อเราคุยกันรู้เรื่อง”


    “ถ้าจะคุยเรื่องไร้สาระ ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งฟัง”


    “วันนี้ทงเฮเขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับนายให้ฉันฟัง” ซีวอนพูดขึ้น กายใหญ่โตยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเปิดทางให้ตามเสียงหวานที่กล่าวห้วนๆ สั่ง ฮยอกแจนิ่งอึ้ง มองชายหนุ่มที่กำลังเปิดปากเล่าเรื่องในอดีตของตน ที่ฟังมาจากปากของผู้เป็นน้องชายอีกทีด้วยความรู้สึกสับสน เสียงทุ้มนุ่มหูของซีวอนยังดังต่อไปอีกว่า


    ”ทงเฮบอกฉันว่า นายไม่ได้อยากเรียนบริหาร นายอยากวาดรูป อยากเป็นนักออกแบบ แต่เพราะคำสั่งของคุณพ่อและร่างกายที่อ่อนแอของเขา ทำให้นายจำใจต้องทำแบบนี้”

     
    ซีวอนจ้องมองนัยน์ตากลมเรียวที่เฉยชานั้น  ดูเหมือนจะมีแววอ่อนแสงลง 


    “เขายังบอกฉันอีกว่า ถ้าเขาเข้มแข็งและแข็งแรงกว่านี้ นายก็คงจะไม่ต้องฝืนใจทำอะไรแบบนี้” 



    ผู้เป็นแฝดพี่เค้นเสียงหัวเราะออกมานิดหนึ่ง 




    “ฟังดูแล้วซึ้งใจจริงๆ เลยนะ แต่คนไร้ประโยชน์แบบนั้นจะทำอะไรได้ อย่าพูดให้ดูน้ำเน่าเป็นนวนิยายเล่มล่ะไม่กี่วอนหน่อยเลย เพ้อเจ้อจริงๆ”


    “ฮยอกแจ!!!!” ซีวอนตะโกนลั่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว มือเรียวเผลอยกกำรอบแขนทั้งสองของฮยอกแจแน่นอย่างลืมตัว  


    “ฉันคิดว่านายคงจะจำคำพูดก่อนหน้านี้ของฉันได้”



    ฮยอกแจหัวเราะเสียงเย็น  นัยน์ตาวิบวับ 




    “นายคิดว่า ‘จูบห่วยๆ’ แบบนั้น จะขู่ฉันได้หรือไง คุณชาย ชเว ซีวอน” 




    “ว่าไงนะ” ซีวอนถามเสียงรอดไรฟัน   แววตาสะท้อนเพลิงพิโรธวาววับ ใบหน้าหล่อขึ้นสีเข้ม ฮยอกแจจุดยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจ น้ำเสียงใสกล่าวเยาะเย้ย 



    “จะต้องให้ตอกย้ำอีกหรือไงว่านาย มันอ่อนหัด อย่าบอกนะว่า นายยังไม่เคยจูบกับทงเฮ“



    คำถามที่ออกมาจากปากบางของฮยอกแจ  เหมือนเป็นหอกด้ามโตแทงใจดำของเขาเต็มแรง  ซีวอนเม้นริมฝีปากเป็นเส้นตรง  เถียงไม่ออก....



    “คงไม่เคยสินะ ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ คุณชาย ชเว ซีวอน” ฮยอกแจทำสีหน้าเย้ยหยัน พร้อมกับยืดตัวขึ้น ริมฝีปากบางแดงอิ่มกระซิบข้างหูของซีวอนเบาๆ 





    “ต่อให้นายทำดีแค่ไหน ทงเฮก็ไม่มีวันเหลือบมองนายหรอก จะ ’โง่’ ทนรอต่อไปก็ตามใจ เพราะไหนๆ นายก็โง่รอมาถึงหนึ่งปีแล้วนิ จะโง่เง่าเต่าตุ่นรอต่อก็คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ พ่อองค์รักษ์ที่แสนดี”





    สิ้นคำ  ร่างของฮยอกแจก็ตกอยู่ในอ้อมกอดแกร่งราวกับกรงขังด้วยแรงกระชากจากมือที่กำรอบต้นแขน  กายบอบบางแอบอิงหน้าอกกว้าง  ใบหน้าของฮยอกแจแหงนเงยขึ้นจ้องมอง  แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟข้างรั้วจับดวงหน้าของชายหนุ่มร่างสูงเลือนลาง  แต่กระนั้นก็ยังเห็นความดุดันและโกรธเกรี้ยวที่ฉาบไว้ในหน่วยตาคมปลาบนั้นอย่างชัดเจน  



    ซีวอนโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้าสวยหวาน  ร่างทั้งร่างของฮยอกแจชาวูบไปชั่วขณะ  



    สายตาคมจับจ้องมองกลีบปากบางอิ่มที่เผยอน้อยๆ  จิตใต้สำนึกร่ำร้องอยู่ในใจว่าอยากลิ้มลองมันอีกสักครั้ง...


    ไม่รู้อะไรดลใจหรือจิตใต้สำนึกลึกๆ เรียกร้อง  ให้ซีวอนโน้มกายเข้าไปหาจนลมหายใจร้อนๆ ปะทะกัน  เป้าหมายคือริมฝีปากบางที่ลอยยั่วยวนอยู่เบื้องหน้า เขาลืมไปเสียแล้วกระมังว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร




    “คุณซีวอนค่ะ!!”




    ชเว  ซีวอนรีบผลักร่างของฮยอกแจออกห่างทันทีราวกับอีกคนเป็นของร้อนไม่ควรจับต้อง  ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้ลิ้มรสชาติหอมหวานแล้วแท้ๆ  เมื่อได้เสียงของแม่บ้านซียองดังขึ้นจากด้านหลัง  เธอยืนที่โถงทางเดินเข้าบ้าน  ในมือถือเสื้อกันหนาวสีขาวตัวใหญ่ไว้  ซีวอนเผยรอยยิ้มบางๆ ให้เธอ 



    “มีอะไรครับ ป้าซียอง?” 



    “คุณหนูทงเฮให้เอามาคืนค่ะ” เธอยื่นเสื้อในมือให้ชายหนุ่ม ซีวอนรับมาไว้ ซียองเหลือบไปมองคุณหนูคนโตที่เดินเลี่ยงผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว สองสายตาของคนต่างวัยต่างฐานะสบกันโดยไม่ตั้งใจ ก่อนที่ฮยอกแจจะเป็นฝ่ายหลบตาและเดินเข้าไปข้างใน....หญิงวัยกลางคนคิดไปเองหรือเปล่าว่า เธอเห็นความสั่นระริกฉาบอยู่ในลูกแก้วสีนิลคู่นั้น




    ฮยอกแจชะงักฝีเท้าตรงขั้นบันไดกลางทาง  เมื่อสายตาเห็นร่างของทงเฮในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ทับเสื้อคลุมไหมพรมแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนเดินสวนลงมาพอดี  




    ทงเฮเองก็ชะงักที่เห็นพี่ชายฝาแฝดของตนเช่นกัน  นัยน์ตาโตเศร้าสร้อยจ้องมองสบประสานกับหน่วยตาเรียวเล็กเย็นชา ทั้งคู่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนพักหนึ่ง....ฮยอกแจตัดสินเสสายตามองไปทางอื่น  ร่างผอมบางเบี่ยงตัวไปอีกทางก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวผ่านร่างของผู้เป็นน้องชายเร็วๆ ไม่สนใจ...ไม่พูดหรือกล่าวอะไรออกมาเช่นเคย...




    ทงเฮเอี้ยวตัวหันไปมองลำตัวด้านข้างของฮยอกแจที่กำลังเดินผ่านเขาไป  มือเรียวขาวยื่นออกไปหา  อีกไปกี่เซนติเมตรปลายนิ้วก็จะสัมผัสกับแขนเพรียวขาวของผู้เป็นพี่ชาย แต่มันก็ถูกชักกลับมาวางแนบลำตัวเหมือนเดิม ทงเฮได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของพี่ชายผ่านม่านน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นในดวงตากลมโต....แผ่นหลังเล็กบอบบาง  แขนผายผอมคู่นั้น  ที่เคยโอบกอดเขาด้วยความรักและอ่อนโยน...






    “มันไม่มีอีกแล้วใช่ไหม วันที่เราจะกลับไปรักกันเหมือนเดิม พี่ฮยอกแจ” 







    .............
    ..........................
    ....................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×