ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #2 : A Drop of Tears Vol 2

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 52


    Vol 2




    โรงพยาบาลยองคิม  โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในกรุงโซล  สถานที่รักษาขนาดใหญ่ที่มักจะเต็มไปด้วยเหล่าคนไข้ที่มาใช้บริการไม่ขาดสาย  




    ในห้องตรวจที่มีป้ายหน้าห้องติดชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษา  ....นพ...คิม  ฮีซอล...




    “การตรวจคราวนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ที่อาการหอบกำเริบก็เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แล้วก็มีความเครียด ควรต้องระมัดระวังในเรื่องนี้   ถึงแม้ว่าจะเคยรักษาโรคหัวใจมาแล้ว แต่ก็อย่าประมาท”



    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดกราวน์สีขาวสะอาดอย่างคนเป็นหมอ  ใบหน้าเรียวขาว ผมยาวสีดำขลับที่เจ้าตัวรวบไว้ที่ท้ายทอยอย่างลวกๆ  นัยน์ตากลมโตกวาดสายตามองแผ่นกระดาษในมือ  จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนขยับพูดรายงานผลการตรวจร่างกาย  ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองคนไข้ของตน




    “ดังนั้น ทงเฮก็ควรเข้าตรวจร่างกายตามที่พี่นัดนะ แล้วก็ห้ามทำอะไรหักโหมเข้าใจไหม?” 




    ร่างบางพยักหน้ารับคำพูดของหมอประจำตัวที่รักษาเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กมัธยมปลาย  ตอบรับคำอ้อมแอ้ม


    “ฮะ”



    คิม  ฮีซอลยิ้มพราย  ก่อนที่สายตากลมโตจะแลมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ  



    “ยังไงก็ช่วยดูแลทงเฮตามนี้ด้วยนะครับ คุณซีวอน”



    “ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลทงเฮอย่างดีเลยล่ะครับ” 



    ใบหน้าขรึมๆ ของซีวอนปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย  ก่อนที่จะยื่นมือรับใบสั่งยาจากฮีซอล  ทงเฮมองร่างใหญ่ที่ทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้  ร้องทัก


    “เดี๋ยวทงเฮไปเอาเองได้ ซีวอน”



    “ไม่เป็นไร เราไม่อยากให้ทงเฮลำบาก เดินไปเดินมาให้เหนื่อย” เสียงนั่นตอบอย่างขรึมๆ แต่นุ่มนวลเต็มไปด้วยความห่วงใย “เราจะรออยู่หน้าห้องนะ” 



    ส่งยิ้มมุมปากจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม ก่อนที่จะปิดประตูกระจกสีขุ่นลงให้อย่างเบามือ  ทงเฮย่นจมูกให้คนที่ป่านนี้คงจะเดินออกไปไกลแล้ว  ฮีซอลอมยิ้มขำๆ ให้กับอากัปกิริยาเป็นเด็กๆ ของคนไข้ตน



    ร่างโปร่งระหงส์เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ ทงเฮ  ยกแขนเล็กของคนไข้ขึ้นมาจับดู  ถอนหายใจเบาๆ เมื่อพบว่าเนื้อหนังมังสาที่ควรจะมีกลับเต็มไปด้วยกระดูก 



    “เรานะซูบไปมากเลย ยังไงก็ฉีดยาบำรุงหน่อยนะ อย่าดื้อ ถือว่าหมอสั่ง” 



    ของเหลวสีเหลืองอ่อนในหลอดเข็มฉีดยาถูกสูบเข้าไปในต้นแขนขาวอย่างเบามือ



    “พี่ฮีซอล” 



    คิ้วเรียวสีดำขลับของคิม  ฮีซอลเลิกสูงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตน  



    “มีอะไรทงเฮ?” 




    “ทงเฮต้องทรมานอีกนานแค่ไหนถึงจะตายฮะ”




    คำถามแผ่วๆ ที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางสีระเรื่อที่ซีดนิดๆ ของคนตัวบาง เล่นเอามือเรียวของฮีซอลที่กำลังชะงักเข็มฉีดยาในมือที่กำลังกดลงไปบนต้นแขนขาวพ่ายผอมนั้นชะงักไปชั่วครู่  สายตากลมโตเงยมองใบหน้าของคนพูด  ดูเหมือนว่าความซูบซีดของผิวแก้มและเสื้อที่สวมอยู่จะกลมกลืนกันจนน่าใจหาย



    ริมฝีปากสีซีดของชายหนุ่มขยับพูดอีกครั้ง




    “คนอื่นจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้” 




    “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ทงเฮ” คนร่างบางในชุดกราวสีขาวสะอาดตาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน เขาวางเข็มฉีดยาในมือลง 


    “ทงเฮเบื่อที่ตัวเองเอาแต่อ่อนแอไร้ประโยชน์แบบนี้   ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง แถมยังชอบสร้างความรำคาญใจ....ให้พี่ฮยอกแจอีก ความจริงแล้ว ทงเฮไม่น่าจะเกิดมาเลยว่าไหมฮะ พี่ฮีซอล ถ้าเกิดมาแล้วทำให้ทุกคนต้องมาลำบากแบบนี้”


    ทงเฮพูดราวกับตัวเองเป็นกาฝากที่ไร้ค่าที่เกาะบนลำต้นของไม้ใหญ่ และอาศัยน้ำหล่อเลี้ยงของมันเพื่อให้มีชีวิตอยู่  แววตากลมโตเริ่มมีหยาดน้ำใสคลอทั้งสองข้าง  ก่อนที่จะปล่อยให้มันไหลอาบแก้มอย่างช้าๆ  



    “ถ้าตายๆ ไปซะได้ ก็คงจะดีไม่น้อย” 



    ฮีซอลถอนหายใจเล็กน้อยให้กับสีหน้าสิ้นหวังขณะพูดประโยคนั้นของคนไข้  ฝ่ามือเรียวอบอุ่นเอื้อมลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมนุ่มราวกับไหมสีดำขลับยาวประบ่าเบาๆ  ฮีซอลยิ้มน้อยๆ  แล้วกล่าวว่า



    “ทงเฮ รู้ไหม สิ่งที่ทำให้คนเราเจ็บปวดจนท้อแท้และสิ้นหวังไม่ใช่ร่างกายที่อ่อนแอ แต่เป็นจิตใจของเราเองต่างหาก อีกอย่าง ทงเฮเองก็ทรมานมาตั้งเยอะ ถ้าตายไปเฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไร มันก็น่าเจ็บใจเป็นที่สุด ทงเฮว่าจริงไหม?”



    “แต่....” นิ้วชี้วางทาบปากอิ่ม เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะกล่าววาจาเถียง



    “พี่เคยบอกแล้วไงว่าอย่าเครียด และห้ามเราคิดมากด้วย ถ้ายังดื้อไม่เชื่อฟังพี่อีกล่ะก็ พี่จะพาทงเฮมาอยู่โรงพยาบาลนะ คนที่นั้นเอาไม่อยู่แล้วนิ” 


    คนฟังส่ายหน้าเป็นการใหญ่



    “ไม่เอานะ ทงเฮไม่มานอนโรงพยาบาลเด็ดขาด” 


    “ถ้าไม่อยากมาก็ทำตามที่พี่บอก เข้าใจไหม ว่าแต่ฮยอกแจเป็นไงบ้าง ทงเฮ เจ้าไก่นั้นสบายดีไหม?” 


    ทงเฮชะงักนิ่งเมื่อยินชื่อของนี้  ร่างบางมีสีหน้ารวมถึงแววตาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  ทงเฮกลืนก้อนแข็งๆ ที่รี่ขึ้นมาในลำคออย่างช้าๆ  ก่อนที่จะยิ้มเนือยๆ ตอบออกไปว่า


    “ก็สบายดีฮะ”



    “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า พี่ได้ข่าวว่าพักนี้เจ้าไก่อารมณ์ร้ายน่าดู” 



    “นิดหน่อยฮะ ช่วงนี้พี่ฮยอกแจงานหนัก ก็เลยเครียดๆ หรือไม่ สาเหตุก็มาจากทงเฮ...” เสียงในประโยคสุดท้ายเบาลง คิม ฮีซอลส่ายหน้า มือเรียวเคาะหลังมือบางของทงเฮเบาๆ



    “มันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญระหว่างพี่น้องที่จะมีบ้าง ก็เหมือนลิ้นกับฟันนั้นแหละ พี่เองก็ทะเลาะกับน้องชายออกบ่อย บ้างครั้งก็แทบจะฆ่ากันให้ตายไปข้างเลยก็มี งอนกันไม่พูดไม่จากันเป็นอาทิตย์ก็มี แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม”



    “แต่ของทงเฮมันไม่ใช่ฮะ พี่ฮยอกแจเกลียดทงเฮจะตาย” พึมพำเสียงเครือคล้ายคนจะร้องไห้ ดวงตากลมซ่อนเร้นความปวดร้าวคลอรื้นไปด้วยหยดน้ำ ฮีซอลถอนหายใจยาว ทอดสายตาอ่อนโยนมายังคู่สนทนา



    “ทงเฮ พี่จะบอกอะไรให้ สายเลือดของความเป็นพี่น้องมันตัดกันไม่ขาดง่ายๆ หรอกนะ ถึงแม้ว่าเราจะเกลียดกันหรือไม่ชอบหน้ากันแค่ไหนก็ตาม บางทีฮยอกแจอาจจะมีเหตุผลที่ทำอย่างนี้ก็เป็นได้ เหตุผลที่บอกใครไม่ได้ พี่คิดว่า เจ้าไก่มันไม่ได้เกลียดทงเฮหรอกนะ” 



    คำปลอบประโลมและความรู้สึกอ่อนโยนที่ได้รับทำให้ริมฝีปากบางของทงเฮคลายยิ้มออกมาได้  ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตามที  ฮีซอลเองก็พลอยมีสีหน้าดีขึ้น  เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแช่มชื่น นัยน์ตาเป็นประกายแจ่มใสไม่เศร้าหมองเหมือนเมื่อสักครู่  ไม่สนว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะเชื่อคำพูดของตนหรือไม่ก็ตาม 



    “จำไว้นะทงเฮ เข้มแข็งไว้ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เอาล่ะ ป่านนี้ แฟนที่ไปเอายาให้เราคงจะกระวนกระวายแย่แล้ว”



    คำพูดในประโยคสุดท้ายของคุณหมอหนุ่ม คิม  ฮีซอล  เล่นเอาเลือดจำนวนหนึ่งวิ่งมากระจุกที่ผิวแก้มใสทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว  จนมันออกสีแดงระเรื่อ  ร่างบางเงยหน้าสบตากลมโตของฮีซอลที่มีประกายล้อเลียน ตะโกนบอกเสียงดังอย่างลืมตัว


    “ซีวอนไม่ใช่แฟนทงเฮนะฮะ!!!! พี่ฮีซอล!! เป็นแค่เพื่อนเฉยๆ”


    “อ้าวเหรอ พี่เห็นเขามาพาเรามาทุกครั้ง แถมทะนุทนอมดูแลเราอย่างดี   นึกว่าเป็นแฟนกันเสียอีก นี้ถ้าพี่ไม่มีเป็นตัวเป็นตนนะ จะรีบจับไว้ทันทีเลยล่ะ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยและฐานะดีแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ นะ ไม่ลองเก็บไปพิจารณาดูหน่อยเหรอ ทงเฮ” 


    คุณหมอหนุ่มแหย่   ร่างบางส่ายหน้า  พูดต่อด้วยน้ำเสียงเบาหวิว 


    “ไม่หรอกฮะ ไม่ว่ายังไง ทงเฮคงให้ซีวอนได้แค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้หรอกฮะ พี่ฮีซอล”


    “แต่พี่ว่า เขาไม่ต้องการอย่างที่ทงเฮพูดนะสิ” 



    ฮีซอลเปรยให้ตัวเองฟังเบาๆ นึกถึงดวงตาคมกริบของชายหนุ่ม  ชเว  ซีวอน  ที่เขาสัมผัสได้....  ในนั้นมีประกายแสดงความรู้สึกส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ภายในยามสบสายตากับดวงตากลมโตของทงเฮ  สายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงใยเกินคำว่าเพื่อนคนหนึ่งมีให้  คุณหมอหนุ่มหน้าสวยได้แต่ถอนหายใจกับความรู้สึกที่คงไม่มีวันได้ตอบกลับความปราณนาที่ต้องการในแววตาคู่นั้น



    “พี่ฮีซอล ว่าอะไรนะฮะ?” ทงเฮเอ่ยถาม เพราะได้ยินไม่ค่อยถนัด คุณหมอคนสวยส่ายหน้าเบาๆ จุดยิ้มที่มุมปาก


    “เปล่าหรอก ว่าแต่ทำไมไอ้คิบอมมันถึงไม่พาเรามาล่ะ นี้เป็นหน้าที่มันไม่ใช่เหรอ?”



    ร่างบางของคนไข้หายใจติดขัดขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงบุคคลที่ถูกฮีซอลส่งไปเป็นคนดูแลตัวเขาที่บ้านได้สามเดือนแล้ว  ไม่กล้ามองหน้าฮีซอลตรงๆ ได้แต่ก้มหน้าหรุบเปลือกตาต่ำมองปลายเท้าของตน  ท่าทางเงียบและอึกอักของทงเฮพอจะทำให้ฮีซอลพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  เขาถอนหายใจยาวเหยียด 



    “เอาอีกแล้วเหรอนี้ จริงๆ เลยนะ คิบอม ไม่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง ใช้ได้ที่ไหน ไม่ได้การแล้ว พี่ต้องโทรไปต่อว่าเสียหน่อย” 


    “อย่าเลยฮะ” ร่างบางร้องห้าม “ทงเฮเข้าใจ เขาคงเบื่อ รำคาญที่ต้องมาทนอยู่กับคนอ่อนแอขี้โรคอย่างทงเฮ ทงเฮว่าพี่ฮีซอลพาคิบอมกลับไปเถอะนะฮะ ทงเฮดูแลตัวเองได้”


    “คงไม่ได้หรอก ทงเฮ” คำพูดของฮีซอล เล่นเอาคนตัวบางต้องตวัดสายตามองฉงนสนเท่ห์ ใบหน้าของคุณหมอ
    ยังคงมีรอยยิ้มประดับดุจเดิม กล่าวขึ้นเสียงราบเรียบว่า “พี่คงจะทำตามคำขอของทงเฮไม่ได้หรอกนะ” 



    “แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เต็มใจ....”



    “ทงเฮ คิบอมไม่ใช่คนไร้จิตใจหรอกนะ เพียงแต่เขากำลังสร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นตัวเองไว้จากอดีตที่เจ็บปวด”



    “พี่ฮีซอล”



    “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปทานข้าวเที่ยงหน่อยแล้วกัน มีงานตอนบ่ายต่ออีก ทงเฮก็รอซีวอนที่นี้ก็แล้วกันนะ” 



    คิม  ฮีซอลลุกขึ้นช้าๆ  แล้วหมุนตัวไปที่เลื่อนประตูกระจกสีขุ่นออกไป  ปล่อยให้ทงเฮนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องตรวจของเขา  ร่างบางครุ่นคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฮีซอล...



    “สร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นตัวเองออกจากอดีตที่เจ็บปวด พี่ฮยอกแจก็คงทำอย่างนี้เหมือนกันสินะ” 



    .............
    .....................
    .............................




    “คุณ อี ทงเฮ รับยาที่ช่องรับยาที่หนึ่งค่ะ”



    เสียงประกาศออกมาจากลำโพงของจากแผนกรับยาเรียกให้ซีวอนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ยืดกายลุกขึ้น  เดินตรงดิ่งไปที่ช่องรับยานั้นอย่างรวดเร็ว  ก้มใบหน้าลงให้เสมอกับช่องวงกลมนั้น 



    “ผมมารับยาแทนครับ” 



    หญิงสาวเภสัชกรที่ดูเหมือนจะเพิ่งจบฉีกยิ้มให้เขา  ก่อนที่เธอจะเริ่มอธิบายยาแต่ละชนิดที่วางอยู่บนตะกร้าตรงหน้า 



    “เม็ดแคปซูลนี้ทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงนะค่ะ สามซองนี้ด้วยค่ะ ส่วนสี่ซองนี้หลังอาหาร นี้เป็นหลอดสเปรย์ระงับอาการ และนี้เป็นยารักษาแผลน้ำร้อนลวก ทาทุกเช้า กลางวัน เย็นนะค่ะ”
    คำพูดประโยคและชนิดของยาตัวสุดท้ายเรียกให้คิ้วเรียวของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันฉับ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเภสัชกรสาวคนนั้นคืนอย่างช้าๆ ชัดๆ 



    “ยารักษาแผลน้ำร้อนลวก หมายความว่าไงครับ?”


    คิ้วของหญิงสาวเลิกขึ้นเล็กน้อย 



    “ก็ที่ตัวคนไข้มีรอยแผลที่เกิดจากน้ำร้อนลวกที่หน้าท้องค่ะ คุณหมอฮีซอลเธอเลยจัดให้ คุณไม่ทราบเลยหรือค่ะ?”



    ....................





    “อ้าว คุณซีวอน”



    ฮีซอลทักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินมายังหน้าห้องตรวจของตนท่าทางรีบเร่ง  คุณหมอหนุ่มยกแก้วกาแฟที่เพิ่งจะเดินออกไปซื้อเมื่อกี้ลงคออึกหนึ่ง 


    “ทงเฮไปห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงมา นั่งรอก่อนสิ” เขาผายมือไปที่เก้าอี้หน้าห้องตรวจ


    “คุณหมอฮีซอล นี้มันหมายความว่ายังไงครับ?” ซีวอนยื่นซองยาที่มีตลับสีฟ้าอ่อนขนาดเล็กอยู่ชูให้ฮีซอลดู “ยารักษาแผลน้ำร้อนลวก ทำไมคุณหมอไม่บอกผมเลยล่ะครับว่า ทงเฮมีแผลนี้ด้วย”


    “ทงเฮเขาขอร้องฉันไม่ให้บอกเธอ”


    “แล้วเขามีแผลนี้ได้ยังไงครับ?” 


    “เห็นบอกว่าโดนกาแฟลวก” ฮีซอลตอบเรียบๆ สักพัก เสียงเรียกชื่อตนก็ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่ง เขาหันควับไป ก็เจอนางพยาบาลสาวยืนอยู่ข้างกาย เธอกระซิบบอกเบาๆ ที่ข้างหู คุณหมอร่างสูงโปร่งพยักหน้ารับ 


    “ชั้นคงต้องไปแล้วล่ะ มีตรวจคนไข้ต่อ” แล้วหันโบกมือลาขอตัว เมื่อได้ยินเสียงพยาบาลตามไปตรวจคนไข้ที่ห้องพักนั้นเร่ง ซีวอนโน้มศีรษะลงเล็กน้อย คิ้วเรียวยังคงขมวดกันเป็นปมไม่หาย 


    “กาแฟ...ทงเฮดื่มกาแฟไม่ได้นิ” ซีวอนพึมพำเบาๆ เขาจำได้ขึ้นใจเลยว่า ครั้งหนึ่งในร้านคอฟฟี่ช๊อป ทงเฮเคยบอกกับเขาว่าแพ้คาเฟอีน ดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนไม่ได้ “แล้วทำไมถึงได้โดนกาแฟลวกเอาได้ล่ะ?” 


    จู่ๆ ใบหน้าของฮยอกแจก็ลอยวูบเข้ามาในโสตประสาท  มือเรียวขาวที่มักจะประคองถือแก้วหรือกระป๋องกาแฟอยู่เสมอๆ  ชายหนุ่มหงุดหงิดและโกรธขึ้งขึ้นมาฉับพลัน  ไม่ต้องเสียเวลาเดาให้ยุ่งยากว่ารอยแผลโดนกาแฟลวกนั้นมาจากฝีมือของใคร 




    “อี ฮยอกแจ”






    มือเรียวกำถุงใส่ยาเสียจนมันยับย่น 






    .....................
    ..............................
    .....................................




    ลานจอดรถวีไอพีชั้นสูงสุดโรงแรมเอเซียแกรนด์ที่มีเพียงรถบีเอ็มดับยูของผู้บริหารจอดอยู่เพียงคันเดียว  ฮยอกแจเดินตรงมายังรถของตน  มือบางหอบแฟ้มงานสองเล่มติดมือกลับมาด้วย  สายลมเย็นๆ ของฤดูไม้ใบผลิยามค่ำคืนพัดลอดเข้ามากระทบผิวบางๆ  จนฮยอกแจต้องห่อไหล่ลงเล็กน้อยด้วยความหนาว 



    สิ้นเสียงปลดล๊อก  ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออก  ฮยอกแจโยนแฟ้มงานในมือลงเบาะอย่างลวกๆ ก่อนที่จะปิดประตูรถ





    ปัง!!!






    แขนแข็งแรงวางพาดกั้นอยู่ข้างๆ ดันประตูฝั่งคนขับที่ฮยอกแจกำลังจะเปิดให้ปิดลง ร่างบางตวัดสายตามองบุคคลที่มายืนคร่อมอยู่ด้านหลังตน  ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก  สีหน้าเรียบเฉยไร้แววตกใจที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญยามวิกาล



    “นึกว่าใคร คุณชาย ชเว ซีวอนนี้เอง มีธุระอะไรถึงได้ถ่อมาหาฉันถึงที่นี้หืม?” 


    ชายหนุ่มร่างสูงผู้บุกรุกไม่พูดอะไร เขากระชากไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้า ดันร่างบอบบางติดตัวรถ  มือใหญ่กำรอบต้นแขนเพรียวบางบีบแน่น  ใบหน้าขาวของฮยอกแจนิ่วลงเล็กน้อย  แรงกดนั้นทับรอยแผลเดิม  ร่างบางเม้มปากแน่น สะกดกลั้นความเจ็บปวดจากแรงที่ไม่ปราณีนั้น    


    “ปล่อยฉัน” ฮยอกแจบอกเสียงเขียว ใบหน้าหวานยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่อาทรต่อความเจ็บปวดจากแรงบีบที่ไม่ได้ผ่อนลงแม้แต่นิดเดียว ไร้การขัดขืน มีเพียงแววตาถือตัวคู่นั้นที่จ้องตอบกลับมา นั่นยิ่งเป็นการราดน้ำมันบนกองเพลิงพิโรธให้ลุกโชติมากยิ่งขึ้น


    “มีความสุขมากสินะ ที่ได้รังแกคนไม่มีทางสู้” ซีวอนกล่าววาจาที่เชือดเชือนและแข็งกร้าว สีหน้าถมึงทึง ฮยอกร้องหึ ในลำคอ เขาพอจะเดาออกว่าซีวอนหมายถึงใคร เชิดใบหน้าและสายตาประสานกับแววตาขุ่นวาวโรจน์คู่นั้น


    “ทำไม โกรธแค้นนักหรือไงที่ฉันบังอาจไปล่วงล้ำรังแกเจ้าหญิงองค์น้อยของนาย พ่อองค์รักษ์”


    “นายทำร้ายเขาทำไมฮะ ฮยอกแจ นายไม่รู้หรือไงว่าทงเฮเป็นห่วงและหวังดีกับนายแค่ไหน แต่นี้เหรอคือสิ่งที่นายตอบแทนความห่วงใยของเขา โดยการทำร้ายเขานี้นะ ฮยอกแจ!!!”


    “ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ ‘คนไร้ค่าแบบนั้น’ มาดูแลห่วงใยหรอก ฉันไม่ต้องการ” 





    “อี ฮยอกแจ!!!!” 


    มือเรียวกระชากคอเสื้อเชิ้ตของฮยอกแจ  กำปั้นเงื้อขึ้นสุดแขนตั้งท่า  ร่างบางเชิดหน้าให้อย่างไม่เกรงกล้า  ส่งสายตาท้าทาย 


    “จะต่อยฉันเหรอ เอาสิ ถ้านายกล้าก็เอาเลย” 


    มือที่กำแน่นของซีวอนเริ่มสั่นเทา  เขากัดฟัดกรอดพยายามระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่ปะทุขึ้นมาอย่างเต็มที่  ยื้อหมัดค้างไว้อย่างนั้น  ฮยอกแจยิ้มเย้ยหยัน


    “ไม่กล้าละสิ หึ นายมันก็เก่งแต่ปากแหละนะ เอาเข้าจริงๆ ก็ปอด” 





    “แล้วนายจะต้องเสียใจที่มาท้าฉันอย่างนี้”





    สิ้นคำ  ริมฝีปากบางแต่ร้อนระอุของซีวอนก็ประกบลงมาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว  คนโดนกระทำตาถลนจนแทบหลุดจากเบ้าด้วยความตกใจกับการกระทำที่แสนอุกอาจนี้   มือเล็กยกขึ้นทั้งดันทึ้ง ทั้งทุบลงบนอกแกร่งเต็มแรง  ดิ้นรนให้หลุดพ้นสัมผัสหยาบคาย กักขฬะ รุนแรงและปราศจากความปราณี  จนชายหนุ่มนึกรำคาญ มือเรียวใหญ่จับข้อมือบางที่กำลังต่อต้านตรึงไว้กับกระจกรถเสียแน่น 



    ใบหน้าหล่อคมเข้มเบี่ยงหลบหามุมองศาให้แนบชิดมากขึ้น  ระบายความแค้นและแรงโกรธของตนกับคนที่ถูกเขากักขังไว้ในวงแขน ยัดเหยียดบทลงโทษที่หนักหน่วงและจาบจ้วงให้ฮยอกแจเสียจนริมฝีปากอิ่มปริแตก ไม่สนใจอาการดิ้นรนต่อต้านและเรือนกายที่กำลังสั่นสะท้านปานลูกนกตกน้ำ




    “ไม่!!!” เป็นเวลานานกว่าที่บทลงโทษที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ด้วยความโทสะจะจบลง ฮยอกแจยกมือขึ้นดันไหล่กว้างของซีวอนให้ถอยห่างสุดแรงเกิด ซีวอนจ้องมองฮยอกแจที่ยกหลังมือขึ้นปิดปากสั่นๆ นั้น ใบหน้านวลแดงกร่ำ นัยน์ตากลมชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่เอ่อรอบขอบตาแดงเรื่อ ชายหนุ่มมองด้วยสายตาที่เย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ



    “อย่าทำให้ทงเฮต้องเจ็บอีก ไม่งั้นฉันจะตามจองล้างจองผลาญนายไม่เลิกแน่ ถึงแม้ว่านายจะเคยเป็นเพื่อนฉันก็ตาม จำไว้!!!!!” 



    เสียงห้วนของซีวอนกล่าวทิ้งทาย  ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา  โดยไม่คิดที่จะเหลียวมองคนตัวเล็กที่ยืนตัวสั่นสะท้านแม้แต่ปลายหางตา 



    ขาเรียวขาวทั้งสองข้างสิ้นเรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวเองต่อ  และทันทีที่แผ่นหลังกว้างนั้นหายออกไปจากลานจอดรถวีไอพี  ร่างบอบบางของฮยอกแจก็ทรุดตัวลงกองกับพื้น  ริมฝีปากยังเจ็บระบมกับรสสัมผัสที่ถูกยัดเหยียดให้ด้วยแรงแค้นและความโกรธจากซีวอน ไร้ความอ่อนโยน นุ่มนวล  มีแต่ความรุนแรงและแสนจะกักขฬะ  เต็มไปด้วยความเกลียดชัง  ลำคอตีบตัน  



    ร่างบางเพียรพยายามกลืนก้อนแข็งๆ ที่รี่ขึ้นมาตามลำคอลงอย่างยากเย็น   หน่วยตาร้อนผ่าว  ยามนึกถึงแววตาเย็นชาและแข็งกระด้างของร่างสูงที่ทอดมองเขาเมื่อครู่  มันทำให้ฮยอกแจเจ็บปวดเหมือนถูกหอกสักร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจ  นัยน์ตาคมคู่นั้นที่ครั้งหนึ่งเคยทอดมองเขาด้วยความอ่อนโยน






    หยดน้ำใสไหลอาบแก้มช้าๆ 






    ................
    .........................
    ....................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×