คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : A Drop of Tears Vol 14
Vol 14
แสงแดดของฤดูร้อนจากดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าของยามสาย สาดส่องผ่านร่องผ้าม่านสีอ่อนในห้องทำงานส่วนตัวของคุณหนูคนโตแห่งคฤหาสน์ตระกูลอี...กระทบใบหน้าของฮยอกแจที่ฟุบหลับบนแฟ้มเอกสารที่เปิดค้างเอาไว้ และนั้นก็พลันให้ร่างบางรู้สึกตัว ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ...นี้เขาเผลอหลับไปตอนไหนนี้....
ศีรษะทุยสีดำสนิทสะบัดไปมาขับไล่ความงัวเงีย ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อย ปวดหัว ปวดตาไปหมด...ก่อนที่ฮยอกแจจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ กดหมายเลขไปที่ห้องครัว บางทีกาแฟร้อนๆ คงจะทำให้รู้สึกดีขึ้น...
โทรศัพท์ในคฤหาสน์ตระกูลอี ถูกวางสายให้ติดต่อกันภายในได้ เหมือนออฟฟิศทั่วๆ ไป ที่พนักงานสามารถติดต่อข้ามแผนก เพียงแค่กดหมายเลขที่ต้องการ....ผู้เป็นพ่อเป็นคนจัดการให้ทำขึ้นมา สำหรับ อี ทงเฮ โดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยถ้าหากลูกชายคนเล็กเกิดอาการกำเริบ หรือป่วยหนัก จะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ร่างบางเผลอกำหูโทรศัพท์สีขาวแน่น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ขอบตาร้อนผ่าว อาการน้อยใจแล่นวูบเข้ามาในอกเมื่อนึกถึง พ่อไม่เคยเหลียวแล สนใจเขาเหมือนอย่างทงเฮแม้แต่น้อย จนบางครั้ง ฮยอกแจอดคิดไม่ได้ ว่าเขาคงไม่ใช่ลูกเป็นแน่
.
“สวัสดีค่ะ”
เสียงของซียอง แม่บ้านคนเก่าคนแก่เป็นคนรับสาย ฮยอกแจเงยหน้าขึ้น กระพริบเปลือกตาถี่เพื่อไล่ความร้อนที่ขอบตา สูดลมหาย แล้วสั่งเสียงเรียบๆ ว่า...
“กาแฟให้ฉันแก้วหนึ่ง เอาขึ้นมาให้บนห้องด้วย”
“กาแฟอย่างเดียวหรือค่ะ?” เธอถามย้อน “รับอย่างอื่นเพิ่มด้วยไหมค่ะ ดิฉันว่าดื่มแต่กาแฟอย่างดี มันไม่ดีต่อสุขภาพนะค่ะ คุณฮยอกแจ อีกอย่างเมื่อวานคุณก็ยังไม่ได้ทานอาหารเย็น....”
“ป้าซียอง ฉันสั่งอะไรก็ทำอย่างนั้น อย่าพูดมาก”
เสียงขุ่นเขียวของคนปลายสายทำให้ซียองต้องเงียบลง หญิงสาววัยกลางคนรับคำเบาๆ
“ค่ะ”
ฮยอกแจวางหูโทรศัพท์ลง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เปิดประตูที่เชื่อมติดกับห้องนอนของตนกับห้องทำงานเข้าไป ห้องนอนได้รับการจัดให้สะอาดสะอ้าน ผ้าเช็ดตัวถูกวางไว้ที่ปลายเตียง เสื้อผ้าได้รับการรีดและแขวนไว้เรียบร้อยในตู้
ฮยอกแจเลือกชุดสูทที่ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำออกมา มันถูกจัดไว้อย่างเข้าชุด เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนไร้ลวดลาย เน็กไทสีดำ สีเดียวกับเสื้อนอกและกางเกงขายาว คือชุดที่ร่างบางหยิบมาสวมใส่ในครั้งนี้
วางเสื้อผ้าไว้บนเตียงแทนผ้าเช็ดตัวที่คว้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ...
.................
........................
..............................
ลูกบิดสีเงินของห้องทำงานส่วนตัวถูกเปิดออกโดยมือใหญ่ของชายหนุ่ม แทนที่จะเป็นหญิงสาววัยกลางคน หลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบรับกลับออกมา ชเว ซีวอนวางแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะทำงานไม้โอ๊ตที่เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารมากมายวางระเกระกะ
ร่างสูงหยิบแฟ้มเอกสารที่เปิดอ้าไว้ขึ้นมาดู แล้วก็ต้องเบ้หน้า ข้อความที่ปรากฏบนกระดาษช่างยาวยืดและตัวอักษรก็เยอะแยะไปหมดดูวุ่นวาย ชวนตาลาย เขาไม่รู้ว่าฮยอกแจอ่านมันเข้าไปได้ยังไงทีล่ะหลายเล่ม
ซีวอนวางแฟ้มบนโต๊ะคืนดังเดิม มองรอบห้องที่ได้เข้ามาโดยบังเอิญ....ในขณะที่กำลังเดินเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลอีเหมือนเช่นทุกวันหยุดสัปดาห์ เพื่อมานั่งคุยเป็นเพื่อนทงเฮ และชักชวนออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วยกัน ชายหนุ่มผิวปากอย่างคนอารมณ์ดี อมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของ อี ทงเฮ เวลาดีใจที่ได้ออกไปข้างนอก...
แต่คำพูดของสาวใช้นางหนึ่ง เล่นเอาใจเขาห่อเหี่ยวฉับพลัน....ทงเฮไม่อยู่บ้าน เมื่อเช้าคิม ฮีซอลมารับพาไปเที่ยวบ้านของเจ้าตัว ซีวอนถอนหายใจแรงๆ ผิดหวัง.... กำลังจะขอตัวกลับ แต่สายตาเหลือบไปเห็นแม่บ้านซียองกำลังถือถ้วยกาแฟผ่านหน้าไปพอดี
“เห็นบอกว่าแอร์ที่ห้องทำงานของโรงแรมเสีย ต้องเปลี่ยนใหม่ คุณฮยอกแจก็เลยกลับบ้านค่ะ” จำได้ว่าซียองตอบเช่นนั้น หลังจากที่เขาถามออกไปว่า “วันนี้ฮยอกแจอยู่บ้านเหรอครับ?”
“แต่ป้าว่า น่าจะเรียกว่าย้ายที่ทำงานมากกว่านะค่ะ” เธอว่า พลางถอนหายใจยาว “เพราะคุณกลับมาก็เอาแต่คลุกอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อาหารเย็นก็ไม่ได้รับ ดูเหมือนจะทำงานทั้งคืนเสียด้วย นี้ เพิ่งโทรมาสั่งให้ป้าเอากาแฟขึ้นไปให้ พอป้าถามว่ารับอะไรด้วยไหม คุณก็ปฏิเสธท่าเดียว”
นั่นคือสิ่งที่ซียองพูดในประโยคต่อมา เธอคงเป็นห่วงและหนักใจไม่น้อยกับคุณหนูที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่วัยห้าขวบ จนเป็นหนุ่มเต็มตัว ไม่ต่างจากแม่แท้ๆ ทำแต่งาน...ไม่ยอมดูแลตนเองแบบนี้
ชายหนุ่มอาสาเป็นฝ่ายเอาขึ้นมาให้ เมื่อมีโทรศัพท์ด่วนเข้ามาหาซียอง....เธอมีท่าทีเกรงใจพอควร ที่ต้องให้แขกเป็นคนทำให้ ทั้งๆ ที่มันเป็นหน้าที่ของเธอแท้ๆ เขาต้องบอกรีบว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น...
สุดท้าย ซียองก็ยอมให้เขาเอากาแฟขึ้นมาเสริฟนายน้อยคนโตของเธอจนได้ ....
ซีวอนเดินสำรวจมองโดยทั่วๆ ห้องทำงานของฮยอกแจเป็นห้องขนาดใหญ่พอสมควร มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ไม่มีเครื่องประดับหรูหราหรือแม้แต่กรอบรูปของคนในครอบครัวอย่างที่มักจะตั้งอยู่บนโต๊ะนักธุรกิจทั่วไป นอกจากปากกาด้ามเดียวและโคมไฟเท่านั้น ตู้เอกสารสามใบที่ผนังด้านหนึ่ง เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสาร
แกร๊ก!!
ประตูไม้ที่อยู่กับผนังฝั่งตรงข้ามถูกเปิดออก และนั้นก็เรียกความสนใจให้ซีวอนต้องหันไปทางเสียงนั้น สิ่งที่เขาเห็นก็คือร่างผอมบางของ อี ฮยอกแจ ในชุดสูทเต็มตัว
ฮยอกแจถึงกับผงะ ใบหน้าสวยราวกับหญิงสาวเผลอฉายแววความตกใจจนปิดไม่มิด เมื่อเห็นว่าในห้องทำงานของตนมีผู้บุกรุก และไม่ใช่คนอื่นคนไกล ชเว ซีวอน แขกประจำของคฤหาสน์ตระกูลอีนั่นเอง ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เรียบเฉย
“นายเข้ามาทำอะไรในห้องทำงานของฉัน” เสียงหวานช่างห้าวห้วนและเย็นชา แสดงความขุ่นเคืองของผู้พูดได้เป็นอย่างดี ซีวอนชี้นิ้วไปยังแก้วเซรามิกที่บรรจุน้ำสีดำเข้มบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ “ฉันเอากาแฟมาให้นายแทนป้าซียอง ที่ติดงานอยู่ข้างล่าง”
ฮยอกแจมองใบหน้าคมนั่นพักหนึ่ง ไม่พูดอะไรออกมา ร่างบางก้าวเท้าผ่านอีกฝ่ายราวกับไม่มีตัวตน ไม่สนใจ และนั่นทำให้ซีวอนต้องผ่อนลมหายใจ ชินเสียแล้วกับท่าทีแบบนี้
มองเสี้ยวใบหน้าที่ดูเหมือนจะซูบตอบลงไปมาก...ผิวที่ว่าขาวแล้วกลับยิ่งขาวมากขึ้นไปอีก ไม่ต่างจากใบหน้าที่แทบจะไร้เลือดมาล่อเลี้ยง เคยได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า?....ก่อนที่จะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายรวบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะสามเล่มกองเข้าด้วยกัน
“นั่นนายจะไปไหน”
“ไปโรงแรม ป่านนี้แอร์คงเรียบร้อยแล้ว” ร่างบางตอบสั้นๆ ถือแฟ้มเอกสารที่รวบไว้ในมือ กาแฟที่ถูกยกมาให้ไม่ได้รับการแตะแม้แต่หยดเดียว “ฉันมีงานต้องจัดการเยอะแยะ”
“แต่นี้มันวันอาทิตย์นะ!!!” ซีวอนทักท้วงเสียงดังพอควร ฮยอกแจหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ร่างผอมบางเพียงแค่หันเสี้ยวใบหน้ามา
“วันอาทิตย์แล้วไง” เสียงนั้นช่างเรียบเฉย ราวกับไม่รู้สึกอันใด ว่าวันนี้เป็นวันที่ควรหยุดพักผ่อนอยู่กับบ้าน หรือออกไปเที่ยวกับครอบครัว ไม่ใช่หอบเอกสารกองโตไปทำงานอย่างนี้...ก่อนที่ร่างนั้นจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างเต็มตัว แค่นยิ้ม พูดเสียงเรียบๆ ต่อไปว่า “จะวันไหนๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ซีวอนถึงกับนิ่งไปเหมือนถูกสะกดจิต แม้ว่าน้ำเสียงคล้ายจะไม่สนใจ แต่แววตาคู่นั้นกลับสั่นระริก ฮยอกแจเหมือนกำลังประชดตัวเอง ชายหนุ่มบอกตัวเองเช่นนั้น... คำพูดของซองมิน ที่เขาบังเอิญเจอในมินิมาร์ทข้างทางเมื่อคืนวานก่อนแวบเข้ามาในหัว
ถามไถ่กันไปมาก็ทำให้รู้ว่าอี ซองมินเพิ่งเลิกงาน ทั้งๆ ที่นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว พอได้ยินเช่นนั้น เขาถึงกับเผลอตัวต่อว่าเจ้านายสุดที่รักของซองมินอย่างไม่เกรงกลัว หงุดหงิดพอควร
“ช่างเป็นเจ้านายที่แย่มากเลยนะครับ ปล่อยให้ลูกน้องทำงานเลิกดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ จะใช้แรงงานกันมากเกินไปแล้ว”
แต่แทนที่ซองมินจะโกรธ เจ้าตัวกับเผยยิ้มบางๆ ให้ ดวงตาแป๋วกับใบหน้าขาวใสจ้องมองเขาอย่างคนไม่มีแววโกรธเคืองแม้แต่น้อย กลับมีแต่แววของความสงสารอยู่เต็มไปหมด ก่อนที่ริมฝีปากสีอ่อนจะขยับเป็นคำพูดว่า....
“ผมว่าคุณฮยอกแจเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยนะครับคุณซีวอน เจ้านายที่ยอมทำงานหนัก เพื่อให้ลูกน้องได้อยู่กันอย่างสบาย...คุณฮยอกแจไม่ใช่เจ้านายใจร้ายหรอกครับ ตรงข้าม เขาเป็นเจ้านายที่น่าสงสารที่สุดเลยต่างหาก...”
ร่างสูงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่สมองจะสั่งการ ขาทั้งสองข้างก็ออกวิ่งตามฮยอกแจที่บัดนี้อยู่ที่ชั้นล่างแล้ว
..
.
ฮยอกแจก้าวเดินลงบันไดหินอ่อนหน้าบ้านมายังรถเบนซ์สีดำสนิทที่จอดรอไว้แล้ว ท่าทางสง่างามดุจพญาหงส์ แม้สีหน้าจะไม่ค่อยสู้ดีนัก....ดงโฮ คนขับรถคนที่อยู่ด้วยกันมานาน รีบวิ่งมาที่ประตูหลังรถทันทีที่เห็นเจ้านายเดินก้าวเข้ามาอย่างรู้งาน เปิดประตูรอไว้...
แรงกระชากต้นแขนผายผอมจากด้านหลังทำให้ฮยอกแจที่กำลังส่งแฟ้มในมือให้ดงโฮชะงัก ซียองยกมือขึ้นทาบอก อุทานออกมาเบาๆ เบิกตาโพลงมองเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังกุมต้นแขนเจ้านายของเธอไว้ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ....
“คุณซีวอน!!”
“มีอะไรอีกล่ะ?” น้ำเสียงของคนถูกยึดต้นแขนไว้เสียงติดจะห้วน ฮยอกแจหันใบหน้าขาวสวยมามองคนกุมแขนเขาไว้ สีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ในดวงตาเรียวกลมมีร่องรอยเกือบจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ... ฮยอกแจก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ชเว ซีวอน ตวัดร่างผอมบางของเขาทั้งร่างขึ้นพาดบ่า ท่ามกลางสายตาที่อึ้งจนพูดไม่ออกของเหล่าบรรดาคนรับใช้....
ร่างบางเบิกนัยน์ตากว้าง พอตั้งสติได้ก็ร้องโวยวายออกมาทันที
“ทำบ้าอะไรของนาย ปล่อยฉันลงนะ ซีวอน!!!!!”
“ไม่ต้องบอกทงเฮนะครับว่า ฮยอกแจไปกับผม”
ซีวอนหันไปพูดกับซียองที่ตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูก เอาแต่ยืนนิ่งประหนึ่งรูปปั้นหิน ไม่ต่างจากดงโฮและสาวใช้คนอื่นๆ ที่สติหลุดไม่แพ้กัน พวกเขาไม่คิดว่า ชเว ซีวอน เพื่อนของคุณหนูทงเฮ จะกล้าทำอะไรห่ามๆ แบบนี้...หญิงสาววัยกลางคนพอได้ยินเสียงของแขกคนประจำ สติก็กลับมา เธอรีบพยักหน้า รับคำเสียงละล่ำละลัก...
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ซีวอนแบกฮยอกแจที่ยังดิ้นรนต่อต้านไม่ยอมง่ายๆ ไปที่รถสีฟ้าของตนที่จอดอยู่ตรงทางเดินหน้าคฤหาสน์ตระกูลอี ไม่สนใจเสียงประท้วงโวยวายของคนที่ดิ้นเร่าๆ อยู่บนบ่าของตน ...ไม่สะทกสะท้าน
“ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกให้ปล่อย!!!!”
เสียงหวานยังคงร้องโวยวายไม่หยุด ดังก้องไปทั่ว....ซีวอนนึกขอบคุณคุณหมอคิม ฮีซอลเสียแล้วที่พาทงเฮออกไปข้างนอก ไม่เช่นนั้นเขาคงลำบากใจเป็นแน่ ไม่รู้จะตอบคำถามยังไง....ถ้าหากทงเฮมาเห็นเขาและพี่ชายสุดที่รักอยู่ในสภาพเช่นนี้
กำปั้นเล็กระดมทุบแผ่นหลังกว้างอย่างไม่ยั้งมือ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าฮยอกแจอ้อมมือหรือเจ้าตัวมีแรงอยู่แค่นี้กันแน่....เพราะมันทำให้เขาแค่รู้สึกชาๆ เหมือนโดนมดกัดก็ไม่ปาน
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ชเว ซีวอน ปล่อยยยยยยย!!!!!!!!!!”
ฮยอกแจยังดิ้นรนทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางหลุดจากอ้อมแขนแกร่งดุจปลอกเหล็กนี้ไปได้ไป ....ไม่ยินยอม ชายหนุ่มร่างสูงปลดล๊อครถ เปิดประตูด้วยมือข้างเดียว ริมฝีปากหยักเบ้เล็กน้อย...ทำไม่ค่อยถนัดนักเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ขยับดิ้นแรงจนเขาถึงกับเซ ....วางคนบนบ่ากว้างลง ...ยกมือคร่อมปิดทาง พลางขู่กำชับคนที่ทำท่าจะขยับตัวหนี
“ถ้านายก้าวลงมาล่ะก็ ฉันจะจูบนายตรงนี้ซะ ต่อหน้าทุกคนด้วย”
“ชเว ซีวอน!!!!”
เสียงฮยอกแจเขียวขุ่น เกือบตวาดอย่างเกรี้ยวกราดเลยที่เดียว ชายหนุ่มเจ้าของชื่อกระตุกยิ้มที่มุมปาก โน้มตัวลงต่ำ ริมฝีปากบางกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูขาว..
“อย่าคิดว่า ฉัน-ไม่-กล้า”
เน้นที่ละพยางค์เสียงเข้มเสียจนคนฟังต้องเม้มปากเป็นเส้นตรง ฮยอกแจได้แต่ฮึดฮัดระงับความโกรธเคืองไว้ในอก ทำอะไรไม่ได้...ไม่ใช่ว่ากลัวคำขู่คนตรงหน้าหรอกนะ..เพียงแต่เขาไม่อยากให้สาวใช้มีเรื่องไปเมาท์กันอย่างสนุกปากเสียต่างหาก
ท่าทีและปฏิกิริยาของฮยอกแจทำให้ซีวอนต้องจุดยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง พึงพอใจ...ก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ จัดการสตาร์เครื่อง และในวินาทีต่อมา รถยนต์ Toyota Yaris สีฟ้า ก็แล่นออกจากคฤหาสน์ตระกูลอี....
“นายจะพาฉันไปไหน?”
ฮยอกแจร้องถามเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้สำหรับคำถามนี้...ถามแบบนี้มาตั้งแต่รถแล่นออกมาจากคฤหาสน์ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนตรงหน้าเลยแม้แต่เสียงปริปาก
“ชเว ซีวอน!! ฉันถามนายไม่ได้ยินหรือไง?” ร่างบางชักเหลืออดกระแทกเสียงถามอีกครั้งอย่างขุ่นเคือง แต่คำตอบยังคงเหมือนเดิมคือความเงียบ ซีวอนทำเพียงแค่ปรายตามองเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปสนใจท้องถนนที่อยู่เบื้องหน้าต่อ และนั่นทำให้ฮยอกแจรู้สึกเคืองในใจเสียจนอยากจะเอื้อมมือบีบคอคนตรงหน้าให้หายใจไม่ออก...
ร่างบางกระแทกตัวพิงเบาะด้วยอารมณ์หงุดหงิด ยกมือขึ้นกอดอก พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นมาทำอย่างที่ใจคิดจริงๆ ดวงหน้าอ่อนใสเสสายตามองวิวนอกหน้าต่าง ไม่ยอมหันมาถามซีวอนอีก...
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ฮยอกแจไม่ได้ใส่ใจ ร่างบางยังคงมองสิ่งภายนอกรถอยู่เช่นนั้น....ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศในรถพัดกระทบผิวกายขาวผ่อง มันเย็นสบายเสียจนทำให้รู้สึกง่วงนอน...ฮยอกแจยกมือขึ้นปิดปากหาว...เขานอนไม่พอมาหลายคืนแล้ว...
เปลือกตาหนักอึ้งจนฝืนลืมต่อไปไม่ไหว ฮยอกแจเอนตัวพิงเบาะรถ เหยียดตัวเล็กน้อย หลับตาลง....หลังจากนั้นไม่นานร่างบางก็ผล็อยหลับไป...
.
..
ขนตายาวดำขลับเป็นแพกระพริบไหวน้อยๆ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะปรือขึ้น แสงสว่างที่สอดมาตามร่องผ้าม่านสีเข้มส่องกระทบนัยน์ตาจนต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง ฮยอกแจหลับตาลงช้าๆ ก่อนที่จะลืมตาขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกคือเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
ฮยอกแจถึงกับเบิกตากว้าง ทะลึ่งพรวดขึ้นมาลุกนั่ง ใบหน้านวลก้มลงมองตัวเองก็พบว่าเสื้อสูทของตนถูกถอดออกไปแล้ว เหลือแค่เสื้อเชิ๊ตสีอ่อนกับกางเกงขายาวสีดำ
“ห้องใครกัน” ฮยอกแจพึมพำถามตัวเองเบาๆ คิ้วขมวดยุ่ง ครุ่นคิด...มือบางปัดผ้าห่มผืนบางออกจากตัว ค่อยๆ ลุกจากเตียงนอนขนาดใหญ่พอควร เดินสำรวจรอบห้อง....ผนังห้องนี้ทาสีขาวดูสะอาดตา ขนาดห้องไม่กว้างมากแต่ก็ดูน่าอยู่อย่างสบาย ไม่แคบจนเกินไป
เตียงที่เขานอนตั้งอยู่ชิดผนังเยื้องหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ปูด้วยผ้าปูสีเข้ม เข้าชุดกับหมอนและผ้าห่ม ริมผนังอีกด้านหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าไม้ โต๊ะเครื่องแป้ง...ชั้นวางของ มีของกระจุกกระจิกทรงแปลกๆ วางเรียงรายอยู่หลายชิ้น จัดเป็นระเบียบให้ดูเรียบร้อยสวยงาม ถัดไปคือโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ
ร่างบางสาวเท้าเอาไปใกล้โต๊ะเขียนหนังสือ ความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็นฉายขึ้นในดวงตาสวย บนนั้นมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คสีดำวางอยู่ กระดาษอาบมันหลายแผ่น กล้องถ่ายรูปสีดำยี้ห้อ Nikon รุ่น D200 DSLR มือบางหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาพิจารณา คุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...
พลันสายตาก็ไปสะดุดกับซองใส มีสายคล้องสีเหลืองเส้นยาวที่อยู่ข้างใต้ กวาดสายตามองกระดาษที่สอดข้างใน มีข้อมูลเป็นตัวหนังสือและมุมขวาคือรูปถ่ายของผู้เป็นเจ้าของบัตร...ฮยอกแจถึงกับตกใจจนเผลออุทานออกมาแผ่วเบา..ไม่อยากจะเชื่อ....คนในรูปถ่ายนี่เป็นใครไม่ได้นอกจาก...
“ชเว ซีวอน”
“มีอะไรกับฉันงั้นเหรอ ฮยอกแจ”
ร่างกายเหมือนถูกของร้อน ฮยอกแจสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เผลอปล่อยกล้องในมือลง ซีวอนเบิกตากว้าง วิ่งถลาเข้ามาคว้าหมับกล้องสุดโปรดไม่ให้ตกลงไปกระแทกพื้นเสียก่อน เช่นเดียวกับฮยอกแจที่รีบย่อตัวลงต่ำแบบมือรับได้ทันเสี้ยววินาทีก่อนที่จะตกพื้นเสียหาย ตกอกตกใจไม่แพ้กัน ร่างบางทิ้งตัวนั่งบนกระเบื้อง...ถอนหายใจพรู...เกือบไปแล้ว...
ฮยอกแจเงยใบหน้าขึ้นแล้วก็ต้องชะงัก ดวงตาคู่สวยสบกับนัยน์ตาคมเข้มที่ก้มลงมาพอดี ร่างบางใจเต้นตึกตัก เขินอายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็บใบหน้าของซีวอนในระยะประชิด ยิ่งฝ่ามือร้อนๆ ที่ทาบทับหลังมือของตนที่กำลังถือกล้องโดยไม่ได้ตั้งใจ
แผ่นหลังแนบชิดกับอกแกร่งที่อยู่ข้างหลัง แขนอีกข้างที่ว่างกอดเอวบางไว้หลวม เหมือนถูกกอดกลายๆ ใบหน้าสวยแดงกร่ำเป็นผลตำลึงสุก ลมหายใจร้อนๆ รนรินอยู่ข้างใบหู ยิ่งทำให้ใจเต้นแรง...
บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น
“หน้านายแดงมากเลย ไม่สบายหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มของคนที่อยู่ใกล้เพียงฝ่ามือกั้นเอ่ยถาม ยกมือขึ้นอังหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน ฮยอกแจถึงกับผงะ ตั้งตัวไม่ทัน เขาช้อนสายตามอง ใจกระตุก เมื่อเห็นความห่วงใยแฝงอยู่ในนั้น เหมือนเมื่อก่อนที่สายตาคู่นี้เคยมองเขาด้วยความจริงใจ
“ตัวไม่ร้อนเลยนิ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย!! เอากล้องนายคืนไปด้วย”
ฮยอกแจปัดมือนั้นออก ยัดกล้องในมือให้อีกฝ่ายรับคืนไป แล้วหยันกายลุกขึ้น...ร่างบางพยายามเตือนตัวเองตอกย้ำความทรงจำที่เลวร้าย เขาจะต้องไม่หวั่นไหว ไม่โอนอ่อนไปกับสัมผัสที่แสนอ่อนโยนและคำพูดห่วงใยเหล่านั้น มันคือยาพิษที่อาจจะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น..
ซีวอนส่ายหน้าช้าๆ ให้กับอารมณ์ฉุนเฉียวของฮยอกแจที่เห็นจนชิน แต่ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้ เกรงว่าจะเกิดการทะเลาะขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มลงหยิบถุงพลาสติกที่ตกอยู่ตรงหน้าประตู ยื่นให้ฮยอกแจ
“อะไร” ร่างบางขมวดคิ้วถาม เสียงเข้ม แต่ก็ไม่ยอมรับมา จนชายหนุ่มต้องรื้อของในถุงออกมายื่นให้แทน ฮยอกแจมองของในมือซีวอน มันคือเสื้อยืดสีส้มกับกางเกงยีนต์สีอ่อนขาเดฟที่ถูกรีดและพับอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มตัวเล็กมองของในมือใหญ่นั้น ซีวอนถอนหายใจ เมื่อเห็นฮยอกแจยังนิ่งเฉย ก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงเรียบๆ ว่า
“เอา เสื้อผ้าของนาย ไปเปลี่ยนซะ” ฮยอกแจรีบช้อนสายตามองอีกฝ่ายทันทีเมื่อได้ประโยคกึ่งสั่งนี้ คิ้วเรียวขมวดเข้ากันอย่างหนัก หน้ายุ่ง มองอย่างไม่เข้าใจ
“เปลี่ยนทำไม?”
“ฉันจะพานายออกไปข้างนอก”
“ใครบอกว่าฉันจะไปกับนาย” ฮยอกแจกดเสียงต่ำ บ่งบอกอารมณ์ไม่พอใจเต็มที “เอาเสื้อนอกฉันมาคืนได้แล้ว ฉันจะรีบไปทำงาน”
“เสื้อนายฉันส่งให้แม่บ้านซักแล้ว” ซีวอนหยักไหล่ตอบเสียงราบเรียบ และนั้นทำให้ฮยอกแจตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่ คล้ายจะต่อว่าเขากลายๆ แต่ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ
“ส่วนงานนะ ฉันโทรไปบอกเลขาของนายให้แล้ว”
ประโยคนี้ทำเอาดวงตาเรียวกลมของฮยอกแจเบิกกว้าง ร่างบางหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือที่เขาจำได้ว่าเป็นของตนขึ้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว มือสั่น สีหน้าฉายแววความตกใจระคนซีดเซียวจนคนลอบมองรู้สึกแปลกใจ ทำไมจะต้องทำท่าตกอกตกใจเสียขนาดนั้น....
นิ้วเรียวค่อยๆ ดันฝาพับให้เปิดออก ใจเต้นตึกตัก ....กลัวว่าความลับที่เก็บซ่อนไว้มานานจะแตก
แต่สิ่งที่พบกลับเป็นหน้าจอที่ว่างเปล่า ฮยอกแจกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะตวัดสายตามองไปที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ อีกครั้ง ก็เห็นซีวอนกระตุกยิ้มมุมปาก ยักคิ้วแผล็บ
“มือถือนายแบตหมด ฉันก็เลยโทรไปหาป้าซียอง เขาก็เลยให้เบอร์เลขานายมา” ฮยอกแจไม่แปลกใจที่ซีวอนมีเบอร์โทรศัพท์บ้านเขา คงไว้ใช้ติดต่อกับทงเฮ...
พอนึกถึงทงเฮ ฮยอกแจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ในใจขึ้นมาทันควัน ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว...ซีวอนคงช่วยเขาเพราะเขาเป็นพี่ชายของทงเฮซินะ ยิ่งนึกถึงคำพูดเมื่อตอนนั้น ยิ้งโดนตอกย้ำยิ่งเจ็บปวดใจมากยิ่งขึ้น
ร่างบางคว้ากระเป๋าสตางค์กับมือถือของตนไว้ในมือ ชายเสื้อเชิ๊ตยังอยู่นอกกางเกง รู้ตัวว่าตัวเองแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ฮยอกแจก็ไม่สนใจ ก่อนที่จะเดินออกไปเฉยๆ โดยไม่มองหน้าเจ้าของห้องแม้แต่น้อย....
“จะไปไหน ฮยอกแจ!!” ซีวอนคว้าแขนผอมบางที่กำลังเดินไปที่ประตูหน้าห้อง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับสะบัดออก ตอบสั้นๆ เสียงห้วน
“ฉันจะไปโรงแรม!!”
“แต่ซองมินบอกให้นายหยุดวันนี้” ฮยอกแจทำปากขมุบขมิบต่อว่าเลขาของตน กับคำพูดประโยคเมื่อกี้....ร่างบางชักไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นเลขากันแน่ เมื่อเห็นฮยอกแจเผลอ ซีวอนจึงรีบคว้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือมาไว้กับตัว ร่างบางแผดเสียงลั่น..
“เอาของฉันคืนมานะ!!!!”
ก่อนที่จะกระโดดตะครุบกระเป๋าสตางค์ละโทรศัพท์มือถือจากมือของซีวอน ทว่าอีกฝ่ายไวกว่า ยกแขนขึ้นหนีได้ทัน แล้วหันมายิ้มแฉ่งให้ร่างบางเป็นเชิงหยอกล้อว่าทำไม่สำเร็จ ฮยอกแจหายใจฟึดฟัด...
“ประธานลางานวันเดียว โรงแรมมันคงไม่ล้มจมหรอก”
“ชเว ซีวอน!!!!”
ซีวอนไม่สนใจเสียงตวาดลั่นเรียกชื่อตน เขาเก็บของทั้งสองอย่างลงในกระเป๋ากางเกงยีนต์ของตน หยิบเสื้อผ้าที่ถูกวางไว้บนโซฟาใกล้ๆ ใส่มือของร่างบางที่ทำหน้าบึ้งตึงราวกับยักษ์มาร
“ฉันให้เวลานายสิบนาที ไม่งั้น.....”ชายหนุ่มลากเสียงยาว แววตากรุ่มกริ่ม ขี้เล่น จนคนถูกมองต้องขมวดคิ้ว...รู้สึกชอบกล...
“ฉันจะเป็นคนเปลี่ยนให้นายเอง หรือนายอยากให้ฉันเปลี่ยนให้ หืม...”
“ไม่ต้อง! ฉันเปลี่ยนเองได้!!”
มือเรียวขาวกระชากเสื้อในมืออีกฝ่ายไม่ใคร่จะนุ่มนวลนัก สีหน้าแดงวาบ...แล้วหายวับเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูดังโครมใหญ่ ซีวอนหัวเราะกับตนเองอย่างขบขันกับปฏิกิริยาตอบสนองของร่างบาง ไม่คิดว่าจะได้เห็นอี ฮยอกแจในมุมแบบนี้...เอนกายพิงขอบโซฟาสีชา นึกถึงคำพูดของอี ซองมิน เลขาคนสนิทของร่างบางที่เขาติดต่อไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน
“ไม่ทราบว่าจะเป็นรบกวนคุณซีวอนมากเกินหรือเปล่าครับ ถ้าผมจะขอให้คุณพาคุณฮยอกแจไปพักผ่อนหน่อย...ผมรู้ครับ ว่าคุณไม่ชอบเจ้านายผมสักเท่าไร แต่ขอแค่ครั้งนี้เท่านั้นได้ไหมครับ คุณฮยอกแจไม่มีใครอีกแล้วจริงๆ”
ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะปลายคาง. สีหน้าครุ่นคิด ทำไมเขาถึงทำตามที่ซองมินพูด....ซีวอนเองก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน
..
..
..
ไรเตอร์ Come back แล้วค่า รีดเดอร์ทั้งหลาย (สบายดีไหม ขอเสียงหน่อยเร็ว!!!!)
หลังจากหายไปนานร่วมปี ไม่ได้สวัสดีปีใหม่ ก็ขอสวัสดีวันวาเลนไทน์แทนก็แล้วกัน คงแทนๆ กันได้เนอะ เหอๆๆ (ยิ้มแห้ง)
สำหรับตอนนี้ก็ขอเอาใจคนที่คิดถึงแฝดพี่หนูหมวยคนสวยหน่อยก็แล้วกัน ส่วนใครคิดถึงแฝดน้องหนูไก่ ก็คงสักพักก็นะ...
ส่วนใครสงสัยว่าไรเตอร์มันหายหัวไปไหนเป็นนานชาติเศษ คราวนี้ไรเตอร์ไม่ได้ติดเด็กนะค่ะ เพียงแต่ไม่มีเวลาเหมือนเดิมก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ไรเตอร์ไร้การศึกษาแล้ว
จึงไม่มีเวลาว่างแม้แต่น้อย..(ไร้การศึกษาคงจะทราบนะค่ะว่าคืออะไร)
ประกอบกับคิดตอน 14 ไม่ออก ไม่รู้จะไปทางไหน หรือพูดง่ายๆ ตัน นั้นเอง (ใครแต่งฟิกจะรู้เลยว่าครั้งนี้จะต้องมีช่วงนี้)
ก็เลยเว้นช่วงไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(เน้นก.ไก่เยอะๆ)
ดังนั้น ถ้าไรเตอร์หายไปนานๆ ก็ไม่ต้องตกอกตกใจว่าไรเตอร์เลิกอัพนะค่ะ ไรเตอร์จะพยายามต่อฟิกเรื่องนี้ให้จบให้ได้ (แต่อาจจะนานหน่อย) รีดเดอร์ทั้งหลายไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ
ไรเตอร์ฟันเฟริม!!!
ปล ขอโทษที่ต่อช้านะค่ะ เน็ตหลุดแล้วหลุดอีก ....
ความคิดเห็น