ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : A Drop of Tears Vol 1
Title: [Fic] A Drop of Tears
Author: Meawyu
Couple: SIWON-HYUKJAE / KIBUM-DONGHAE
Original Fic: Sand Glass ของคุณ Kapookloo
Thanks: Sand Glass ของคุณ Kapookloo สำหรับโครงเรื่องและตัวละคร ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องนี้
ฟิกเรื่องนี้เกิดจาก ฟิก Sand Glass ที่อ่านอยู่ เป็นความบังเอิญมากๆ เพราะตอนนั้นกำลังคิดอยากจะเขียนฟิกสักเรื่องแทนเรื่องแรกที่เกิดตันคิดพล๊อตไม่ออก หลังจากที่ได้อ่านเรื่อง Sand Glass จบ ก็เกิดความอยากเขียนให้ไก่กับหมวยเป็นพี่น้องกันแบบนี้มั้ง....จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ฟิกเรื่องนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น...
Author: Meawyu
Couple: SIWON-HYUKJAE / KIBUM-DONGHAE
Original Fic: Sand Glass ของคุณ Kapookloo
Thanks: Sand Glass ของคุณ Kapookloo สำหรับโครงเรื่องและตัวละคร ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องนี้
ฟิกเรื่องนี้เกิดจาก ฟิก Sand Glass ที่อ่านอยู่ เป็นความบังเอิญมากๆ เพราะตอนนั้นกำลังคิดอยากจะเขียนฟิกสักเรื่องแทนเรื่องแรกที่เกิดตันคิดพล๊อตไม่ออก หลังจากที่ได้อ่านเรื่อง Sand Glass จบ ก็เกิดความอยากเขียนให้ไก่กับหมวยเป็นพี่น้องกันแบบนี้มั้ง....จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ฟิกเรื่องนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น...
ปล. เราไม่ได้มีเจตนาจะลอกเลียน เพียงแต่เราชอบก็เลยนำมาเป็นโครงเรื่องในการแต่ง หากทำให้ใครไม่พอใจ ก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะค่ะ...
ขอบคุณจากใจจริง คุณ Kapookloo สำหรับฟิกดีๆ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจค่ะ...
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
“บอกว่าไม่กิน หูแตกหรือไงฮะ!!!!!”
“คนไม่ทำประโยชน์อะไรให้กับโรงแรม จ้างไปก็เสียเงินเปล่า”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
“บอกว่าไม่กิน หูแตกหรือไงฮะ!!!!!”
เสียงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มจนเกิบจะดำตวาดดังลั่น พลางปัดถาดที่ภายในมีแก้วกาแฟสีขาวและแซนด์วิชสองสามชิ้นที่อยู่ในมือบางๆ ของชายหนุ่มที่มีโครงหน้าคล้ายกันตกลงไปบนพื้นเสียงดังสนั่น แก้วเซรามิกสีขาวลายดอกหญ้าเล็กๆ กระจายทั่วละเอียดเป็นชิ้นๆ น้ำกาแฟที่ร้อนจัดกระเด็นมาโดนเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นทางยาว ลวกผิวขาวๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในให้เป็นรอยแดง คนตัวบางกัดฟันขบอาการเจ็บปวดนั้น กำชายเสื้อของตนแน่น
“แต่พี่ฮยอกแจยังไม่ทานข้าวเช้าเลยนะฮะ ทงเฮกลัวว่า....”
เพล้ง!!
แจกันสีขาวไร้ดอกไม้มาประดับที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีถูกเหวี่ยงใส่ร่างเล็กๆ ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตู มันลอยกระทบฝาผนังแตกกระจายเศษเซรามิกปลิวว่อน เฉียดใบหน้าหวานๆ ของผู้เป็นน้องชายเพียงไม่กี่เซน อี ทงเฮตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ก้มหน้าลงต่ำหลบสายตาเรียวดุของพี่ชายฝาแฝดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ไม่ต้องสะเออะมาเป็นห่วงฉัน ฉันไม่ซึ้งบุญคุณของนายหรอก ทงเฮ!!!!!! “อี ฮยอกแจกดเสียงต่ำ นิ้วชี้เรียววาดไปที่ประตูห้อง
“ออกไปจากห้องของฉัน เดี๋ยวนี้!!!!!!”
“........................”
“ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้!!!!!” ร่างบอบบางไม่แพ้กันแต่ดูแข็งแรงกว่าตะโกนใส่ใบหน้านั้นเสียงกร้าว อี ทงเฮสะดุ้งกายเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ ใบหน้าขาวซีดเผือดจนแทบจะกลืนไปกับเสื้อที่สวมอยู่ กายสั่นเทาจนแทบจะพยุงตัวให้ยืนต่อไปไม่ไหว ทรุดลงไปกองกับพื้น
ทงเฮกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เผลอสะอื้นออกมาแผ่วๆ น้ำตาปริ่มล้นที่ขอบตาร้อนทั้งสองข้าง สุดความสามารถที่จะกลั้นหยาดหยดที่เอ่อล้นรอบดวงตาไว้ได้ จึงปล่อยให้น้ำใสๆ ไหลอาบใบหน้าหวานจนชุ่ม
ทงเฮกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เผลอสะอื้นออกมาแผ่วๆ น้ำตาปริ่มล้นที่ขอบตาร้อนทั้งสองข้าง สุดความสามารถที่จะกลั้นหยาดหยดที่เอ่อล้นรอบดวงตาไว้ได้ จึงปล่อยให้น้ำใสๆ ไหลอาบใบหน้าหวานจนชุ่ม
ฮยอกแจกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ใบหน้าหวานฉาบแววหงุดหงิดและเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของน้องชายร่วมสายเลือด ที่อ่อนแอและอ่อนไหวเสียจนน่ารำคาญใจ
“ฉันบอกให้ออกไป!!!!! “ว่าซ้ำ เมื่อเห็นอีกคนยังคงทำสำออยลุกไม่ขึ้นอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายจึงสงเคราะห์ให้ มือบางฉุดทงเฮที่ตัวอ่อนปวกเปียกราวกับกระสอบทรายใส่น้ำให้ลุกขึ้น แล้วเหวี่ยงออกไปนอกห้องทำงานของตนด้วยแรงที่ไม่ปราณีนัก
“ฉันบอกให้ออกไป!!!!! “ว่าซ้ำ เมื่อเห็นอีกคนยังคงทำสำออยลุกไม่ขึ้นอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายจึงสงเคราะห์ให้ มือบางฉุดทงเฮที่ตัวอ่อนปวกเปียกราวกับกระสอบทรายใส่น้ำให้ลุกขึ้น แล้วเหวี่ยงออกไปนอกห้องทำงานของตนด้วยแรงที่ไม่ปราณีนัก
เรือนร่างบอบบางกระแทกกับพื้นจนได้รอยถลอกที่ข้อศอก ทงเฮกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดห้อ กลั้นเสียงสะอึกสะอื้น ช้อนสายที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตามองผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า ก็พบกับสายตาเกลียดชังภายในนัยน์ตาคู่นั้น
“พี่....อึ่ก”
ความรู้สึกอึดอัดก็เริ่มก่อตัวขึ้นในอกจนแทบจะหายใจไม่ออก มือเล็กผอมบางของทงเฮบีบอกเสื้อด้านซ้ายแน่นหอบหายใจแรง สีหน้าหวานซีดเซียวและเต็มไปด้วยหยดเหงื่อที่ผุดออกมา ริมฝีปากบางสีระเรื่อเริ่มกลายเป็นสีขาวซีดอ้ากว้างเป็นการช่วยหายใจ จนได้ยินเสียงหอบที่เต็มไปด้วยความทรมาน
มือเล็กสั่นเทาคว้านหาหลอดสเปรย์เล็กๆ ในกระเป๋าเสื้อด้วยความยากลำบาก ก่อนที่จะหยิบมันออกมา แต่เพราะมือนั้นสั่นเทาเกินกว่าจะประคองมันให้อยู่นิ่งได้ จึงทำให้หลอดสเปรย์ขวดสีน้ำเงินขนาดพกพาหลุดกระดอนออกจากฝ่ามือ มันกลิ้งตัวไปหยุดที่ปลายเท้าของฮยอกแจ ร่างบางมองมันพักใหญ่ ทงเฮเอื้อมมือไปคว้าเจ้าสิ่งที่จะช่วยต่อลมหายใจให้เขาสุดแขน
ฮยอกแจจับจ้องท่าทางทุรนทุรายของน้องชายที่กำลังทรมาน เสียงหอบดังขึ้นกว่าเก่า กระป๋องสเปรย์ถูกปลายเท้าของฮยอกแจเตะมันให้กระเด็นออกไปทางบันไดบ้าน เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วเรียวขาวกลมมนของผู้เป็นน้องชายจะเอื้อมถึง มันค่อยๆ กลิ้งตัวจนไปชนกับราวบันได แล้วหยุดอย่างสงบนิ่ง
“อึ่ก” เสียงหอบหายใจดัง อึดอัดทรมานเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนแทบขาดใจ จ้องมองยาของตนที่กระเด็นไปไกล ทงเฮขยับตัว พยายามพาร่างบอบบางที่แสนจะอ่อนแอไปยังหลอดสเปรย์หลอดนั้น ก่อนที่เขาจะหายใจไม่ออกไปมากกว่านี้
ฮยอกแจจับจ้องท่าทางทุรนทุรายของน้องชายที่กำลังทรมาน เสียงหอบดังขึ้นกว่าเก่า กระป๋องสเปรย์ถูกปลายเท้าของฮยอกแจเตะมันให้กระเด็นออกไปทางบันไดบ้าน เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วเรียวขาวกลมมนของผู้เป็นน้องชายจะเอื้อมถึง มันค่อยๆ กลิ้งตัวจนไปชนกับราวบันได แล้วหยุดอย่างสงบนิ่ง
“อึ่ก” เสียงหอบหายใจดัง อึดอัดทรมานเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนแทบขาดใจ จ้องมองยาของตนที่กระเด็นไปไกล ทงเฮขยับตัว พยายามพาร่างบอบบางที่แสนจะอ่อนแอไปยังหลอดสเปรย์หลอดนั้น ก่อนที่เขาจะหายใจไม่ออกไปมากกว่านี้
อี ฮยอกแจกอดอกยืนมองน้องชายที่กำลังทรมานและตะเกียกตะกายไปควานเอาหลอดสเปรย์เล็กๆ นั้นอย่างยากลำบากโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเฉกเช่นดวงตาเรียวดั่งเม็ดอัลมอนต์ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“ทงเฮ!!!!!!”
“ทงเฮ!!!!!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อทงเฮของชายหนุ่มผมสั้นสีดำขลับดังลั่น พร้อมกับเรือนร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบวิ่งตรงมา สีหน้าคมเข้มของเขาตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นภาพของผู้เป็นเจ้าของชื่อนอนงอตัวเป็นกุ้งต้ม ท่าทางทุรนทุราย เขารีบกระวีกระวาดถลันเข้ามาประคองร่างบอบบางของทงเฮไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่จะหยิบหลอดสเปรย์ตรงหัวบันไดไว้ในมือ แล้วฉีดพ่นน้ำยาสีขาวเข้าไปในปากบางๆ ที่กำลังอ้ากว้าง หอบหายใจ
สักพัก ใบหน้าที่เคยขาวซีดก็ค่อยๆ มีสีของเลือดฝาดที่แก้มทั้งสองข้าง ลมหายใจที่รุนแรงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ทงเฮช้อนสายมองใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้เนื้อตัวที่ชื่นเหงื่อพราวของตน จุดยิ้มเพลียๆ ให้
“ขอบคุณนะ ซีวอน”
“นายไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ร่างสูงเอ่ยถาม แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย ทงเฮผงกศีรษะเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบาหวิว
“ทงเฮไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน โดยมีมือใหญ่ของซีวอนช่วยประคองไม่ห่าง ทงเฮเงยหน้ายิ้มขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของชายหนุ่ม ซีวอนยกมือเกลี่ยผมนุ่มดกดำที่ยาวประบ่าราวกับเส้นไหมขึ้นทัดหูแล้วเช็ดเหงื่อรวมถึงคราบน้ำตาที่ออกเต็มดวงหน้าให้ ส่วนอีกข้างก็โอบเอวบางไม่ปล่อย
“ปล่อยทงเฮเถอะนะ ซีวอน ทงเฮยืนเองได้” ร่างบางร้องขอเสียงอ้อมแอ้ม ก้มลงมองมือเรียวที่โอบรอบเอวตน ซีวอนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระจากวงแขนตนช้าๆ คล้ายจะเสียดาย เขาวางหลอดสเปรย์ที่ทงเฮต้องใช้ทุกครั้งที่มีอาการลงในกระเป๋าเสื้อไว้อย่างเดิม พูดขึ้นแก้มหยิกแก้มหยอกว่า....
“เก็บให้ดีนะ ทงเฮ เกิดอาการกำเริบไม่มีใครช่วยล่ะแย่เลย แล้วอย่าซุ่มซ่ามทำมันตกอีกล่ะ เข้าใจไหม?”
ร่างบางหน้ายู่ แต่ก็ดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของซีวอน ริมฝีปากบางสีระเรื่อที่ยังมีจุดขาวซีดนิดๆ ขยับบ่นอุบอิบ
“รู้แล้วน้า”
ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน โดยมีมือใหญ่ของซีวอนช่วยประคองไม่ห่าง ทงเฮเงยหน้ายิ้มขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของชายหนุ่ม ซีวอนยกมือเกลี่ยผมนุ่มดกดำที่ยาวประบ่าราวกับเส้นไหมขึ้นทัดหูแล้วเช็ดเหงื่อรวมถึงคราบน้ำตาที่ออกเต็มดวงหน้าให้ ส่วนอีกข้างก็โอบเอวบางไม่ปล่อย
“ปล่อยทงเฮเถอะนะ ซีวอน ทงเฮยืนเองได้” ร่างบางร้องขอเสียงอ้อมแอ้ม ก้มลงมองมือเรียวที่โอบรอบเอวตน ซีวอนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระจากวงแขนตนช้าๆ คล้ายจะเสียดาย เขาวางหลอดสเปรย์ที่ทงเฮต้องใช้ทุกครั้งที่มีอาการลงในกระเป๋าเสื้อไว้อย่างเดิม พูดขึ้นแก้มหยิกแก้มหยอกว่า....
“เก็บให้ดีนะ ทงเฮ เกิดอาการกำเริบไม่มีใครช่วยล่ะแย่เลย แล้วอย่าซุ่มซ่ามทำมันตกอีกล่ะ เข้าใจไหม?”
ร่างบางหน้ายู่ แต่ก็ดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของซีวอน ริมฝีปากบางสีระเรื่อที่ยังมีจุดขาวซีดนิดๆ ขยับบ่นอุบอิบ
“รู้แล้วน้า”
“อย่ามายืนเกะกะ ฉันจะรีบไปทำงาน!!!”
น้ำเสียงคล้ายจะไม่พอใจดังขึ้น ก่อนที่ไหล่ของทงเฮจะถูกกระแทกอย่างแรงจนร่างบางเผลอหลุดเสียงร้อง เซซวนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนซีวอนที่ยื่นมือออกมารับได้พอดี ชเว ซีวอน ร่างสูงโอบกอดร่างเล็กของทงเฮเบาๆ เมื่อประสาทหูได้ยินเสียงสูดลมหายใจแรงๆ ของคนในอ้อมแขน
สายตาคมตวัดมองใบหน้าของฮยอกแจที่ยังคงเรียบเฉยตาเขม็ง ฮยอกแจเบือนหน้าหนีสายตาคู่นั้น ก่อนที่จะเดินลงบันไดไป โดยไม่หันมามองผู้เป็นน้องชายที่เขาเพิ่งกระแทกไหล่ใส่แม้แต่หางตาราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ
สายตาคมตวัดมองใบหน้าของฮยอกแจที่ยังคงเรียบเฉยตาเขม็ง ฮยอกแจเบือนหน้าหนีสายตาคู่นั้น ก่อนที่จะเดินลงบันไดไป โดยไม่หันมามองผู้เป็นน้องชายที่เขาเพิ่งกระแทกไหล่ใส่แม้แต่หางตาราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ
“ฮยอกแจ!!!!”
ซีวอนผละจากคนในอ้อมแขน ก่อนที่จะก้าวเท้ายาวๆ ไปตามบันไดบ้าน โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของทงเฮแม้แต่นิดเดียว
ฮยอกแจชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดอีกขั้น เพราะต้นแขนผ่ายผอมภายในเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่ของตนถูกมือใหญ่กระชากโดยแรง ร่างบางถึงกับเซตัวปลิวเข้าไปตกอยู่ในวงแขนของคนตัวใหญ่กว่า..
ฮยอกแจชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดอีกขั้น เพราะต้นแขนผ่ายผอมภายในเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่ของตนถูกมือใหญ่กระชากโดยแรง ร่างบางถึงกับเซตัวปลิวเข้าไปตกอยู่ในวงแขนของคนตัวใหญ่กว่า..
ดวงตากลมจ้องมองคู่กรณีแน่วนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ปล่อยฉัน ชเว ซีวอน”
“จิตใจนายมันทำด้วยอะไรฮะ!!!! หรือว่านายไม่มีหัวใจ ใจคอของนายคิดจะฆ่าน้องตัวเองให้ตายหรือยังไง?!!!!” ซีวอนตวาดก้องอย่างเหลืออดที่เห็นสีหน้าเฉยชา และท่าทางที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรของฮยอกแจ ร่างบางเหลือบมองแขนของตัวเองที่ถูกมือใหญ่บีบด้วยแรงโทสะราวกับไม่รู้สึกอะไรถึงความเจ็บปวด กล่าวขึ้นเสียงราบเรียบ
“คนอ่อนแออย่างนั้น ตายไปซะได้ก็ดี!!”
“ฮยอกแจ!!!!!” ซีวอนเรียกชื่อคุณหนูคนโตของตระกูลอีเสียงฉุนขาด ฮยอกแจจ้องมองมองนัยน์ตาสีรัตติกาลที่มีแต่ความโกรธเคืองและเกลียดชัง ซีวอนจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างบางขยับแขนหมายจะดิ้นให้หลุดจากมือเรียวที่บีบต้นแขนเขาอย่างไร้ความปราณี แต่ดูเหมือนจะยิ่งยุให้อีกคนเพิ่มแรงบีบมากขึ้น...
“ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ นายเปลี่ยนไปมากนะฮยอกแจ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนแบบนี้”
คนถูกกล่าวหาเพียงแค่แค่นยิ้มมุมปาก ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของชายหนุ่มร่างสูง
“ฉันก็เป็นอย่างนี้ของฉันมาตั้งนานแล้ว คุณชายชเว ซีวอน ปล่อย เวลาชั้นเป็นเงินเป็นทอง ฉันไม่มีเวลาว่างมาทำตัวอ่อนแอไร้สาระเหมือนใครบางคน”
คนถูกกล่าวหาเพียงแค่แค่นยิ้มมุมปาก ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของชายหนุ่มร่างสูง
“ฉันก็เป็นอย่างนี้ของฉันมาตั้งนานแล้ว คุณชายชเว ซีวอน ปล่อย เวลาชั้นเป็นเงินเป็นทอง ฉันไม่มีเวลาว่างมาทำตัวอ่อนแอไร้สาระเหมือนใครบางคน”
“ฮยอกแจ!!!!”
ชายหนุ่มร่างสูงคำรามลั่น มือเรียวถูกยกขึ้นเหนือศีรษะเนื่องจากแรงโมโห ฮยอกแจเชิดหน้าให้อย่างไม่เกรงกลัว
“ซีวอน!!!! อย่าทำร้ายพี่ฮยอกแจนะ ทงเฮขอร้อง”
ชายหนุ่มร่างสูงคำรามลั่น มือเรียวถูกยกขึ้นเหนือศีรษะเนื่องจากแรงโมโห ฮยอกแจเชิดหน้าให้อย่างไม่เกรงกลัว
“ซีวอน!!!! อย่าทำร้ายพี่ฮยอกแจนะ ทงเฮขอร้อง”
เสียงร้องของทงเฮทำให้ซีวอนได้สติ เขาลดมือลงข้างตัว ก่อนที่จะปล่อยฮยอกแจให้เป็นอิสระโดยไม่บอกกล่าว มือเรียวขาวคว้าราวบันไดจับไว้ก่อนที่เขาจะหงายหลังตกลงไปจากแรงสะบัดของซีวอนที่ไม่ค่อยจะเบามือนัก สายตาเรียวกลมสีดำจับจ้องมองร่างของซีวอนที่วิ่งไปประคองทงเฮที่ดูเหมือนจะหน้าซีดลงไปอีกแล้วตรงราวบันไดโดยไม่ละสายตา
“พี่ฮยอกแจ” ทงเฮร้องเรียกพี่ชายฝาแฝด ก่อนที่ร่างบอบบางจะผละจากซีวอน แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา มือเรียวขาวซีดเพราะไม่เคยโดนแดดจับต้องแขนเพรียวของฮยอกแจข้างนั้นอย่างเบามือ เอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“พี่ฮยอกแจ” ทงเฮร้องเรียกพี่ชายฝาแฝด ก่อนที่ร่างบอบบางจะผละจากซีวอน แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา มือเรียวขาวซีดเพราะไม่เคยโดนแดดจับต้องแขนเพรียวของฮยอกแจข้างนั้นอย่างเบามือ เอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมฮะ?”
ฮยอกแจหรี่ตามองใบหน้าของน้องชายที่ดูเหมือนจะมีหยดน้ำใสๆ เอ่อล้นรอบดวงตากลมโตที่เศร้าสร้อยคู่นั้น ความหงุดหงิดใจยิ่งถลาโถมเข้ามาราวกับคลื่นสูง
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน!!! เก็บความห่วงใยของนายไว้ห่วงตัวเองเถอะ ไอ้คนอ่อนแอ!!!!”
คนเป็นพี่ตวาดลั่นด้วยแรงอารมณ์ครุกกรุ่นที่เต็มไปด้วยแรงโทสะ ก่อนจะสะบัดแขนแรงๆ ให้หลุดจากการเกาะกุมของทงเฮ ฝ่ามือเรียวผลักร่างบอบบางของผู้เป็นน้องให้ออกห่าง แล้ววิ่งลงบันไดไปอย่างไม่สนใจอีกคนที่สูญเสียการทรงตัวจวนจะล้ม โชคดีที่ซีวอนคว้าเอาไว้ทัน ไม่เช่นนั้นทงเฮคงได้กลิ้งตกบันไดเป็นแน่
ชายหนุ่มตวัดสายตาที่ลุกวาวไปด้วยความโกรธเคืองและแข็งกร้าวให้ฮยอกแจที่เดินออกไปไกลแล้ว ตั้งท่าจะไปเอาเรื่องอีกรอบ
แต่ก็ต้องชะงักเพราะมือเรียวของทงเฮยึดเสื้อโปโลของเขาไว้เสียแน่นเป็นเชิงห้าม ร่างบางส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ทั้งคำพูดและการกระทำของผู้เป็นพี่ที่ทำเอาใจดวงน้อยที่เปราะบางเกินกว่าจะรับไหว ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจ มือใหญ่โอบรอบลำตัวบางๆ กอดปลอบประโลมเด็กขี้แยที่กำลังซบอกเขาร้องไห้
ซียอง แม่บ้านวัยกลางคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านมองร่างบางของฮยอกแจที่เดินออกไป สลับกับร่างของทงเฮที่ถูกซีวอนประคองให้ขึ้นห้อง ใบหน้าสวยหวานราวกับอิสตรีเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่เธอเห็นเสียจนเคยชินในช่วงนี้ สายตาแสดงความเหนื่อยล้า เธอถอนหายใจเล็กน้อย
“...ผีห่าซาตานตนใด ทำให้คุณฮยอกแจเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ.....เวรกรรมจริงๆ คุณหนูทงเฮของป้า”
...................
..............................
............................................
..............................
............................................
“ฮยอกแจ!!!!”
เสียงทุ้มของบุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเข้มที่เพิ่งจะลงจากรถยนต์โต้โยต้ารุ่น COROLLA ALTIS สีขาว เอ่ยถามคนตัวบางที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป สายตาคมจับจ้องใบหน้าหวานที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ฮยอกแจหันไปมองเสี้ยวใบหน้าคนเรียกแวบหนึ่ง
ความไหวระริกในแววตานั้นผ่านเรติน่าสีเข้มจนชายหนุ่มแปลกใจ ชั่วขณะ มันก็กลับมาเย็นชาและเรียบเฉยเช่นเดิม แววตาที่ชายหนุ่มร่างสูงบอกว่าเห็นเสียจนชิน มือใหญ่คว้าแขนของคนตัวเล็กฉุดไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินผ่านหน้าเขาไป
ความไหวระริกในแววตานั้นผ่านเรติน่าสีเข้มจนชายหนุ่มแปลกใจ ชั่วขณะ มันก็กลับมาเย็นชาและเรียบเฉยเช่นเดิม แววตาที่ชายหนุ่มร่างสูงบอกว่าเห็นเสียจนชิน มือใหญ่คว้าแขนของคนตัวเล็กฉุดไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินผ่านหน้าเขาไป
“โอ๊ย!!” อี ฮยอกแจหลุดเสียงร้องโอด เพราะมือนั้นกดทับรอยแผลที่ต้นแขนพอดี ชายหนุ่มตกใจ เขารีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจับแขนข้างนั้นไว้อย่างเบามือ พูดขึ้นเสียงอ่อนโยน
“นายมีแผลเหรอ? ขอฉันดูหน่อยสิ” ทำท่าจะถลอกแขนเสื้อนอกขึ้น แต่ก็ถูกมือเรียวของฮยอกแจปัดออกอย่างไม่ใยดี มองดวงหน้าคมเข้มด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ไม่ต้อง!! เอาเวลาของนายไปห่วงคนที่นายต้องดูแลเถอะ คิม คิบอม!!!!”
คิม คิบอมมองท้ายรถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามสีดำที่แล่นออกจากประตูรั้วอัลลอยด์ของคฤหาสน์ ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างหนักหน่วง เหนื่อยใจ....แล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฉันไม่ได้อยากดูแลทงเฮ คนที่ชั้นอยากจะดูแลคือนายต่างหากล่ะ ฮยอกแจ”
..................
............................
.......................................
............................
.......................................
รถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามสีดำมันปราบแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเอเชียแกรนด์ด้วยความเร็วสูง โรงแรมหรูหราระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวของนครหลวงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
เด็กรับรถในชุดเครื่องแบบของโรงแรม เสื้อคอปิดแขนยาวสีแดงสดกับกางเกงสีดำสนิทรีบกุรีกุจอเข้ามาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้าของอย่างรวดเร็ว เขาโค้งศีรษะให้กับชายหนุ่มที่ก้าวออกมาพลางแบมือรับกุญแจรถในมือบาง ก่อนที่รองเท้าหนังสีดำมันวาวจะก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวโรงแรมที่เป็นตึกสูงถึง 45 ชั้น
เด็กรับรถในชุดเครื่องแบบของโรงแรม เสื้อคอปิดแขนยาวสีแดงสดกับกางเกงสีดำสนิทรีบกุรีกุจอเข้ามาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้าของอย่างรวดเร็ว เขาโค้งศีรษะให้กับชายหนุ่มที่ก้าวออกมาพลางแบมือรับกุญแจรถในมือบาง ก่อนที่รองเท้าหนังสีดำมันวาวจะก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวโรงแรมที่เป็นตึกสูงถึง 45 ชั้น
ทันทีที่รองเท้าหนังคู่นั้นก้าวเข้ามาพ้นรัศมีของธรณีประตู เหล่าพนักงานที่เดินขวักไขว่ไปมาต่างหยุดทำความเคารพแทบจะทุกคน
“สวัสดีครับ คุณฮยอกแจ”
“สวัสดีค่ะ คุณฮยอกแจ”
เสียงกล่าวสวัสดีของเหล่าพนักงานทั้งชายและหญิงในเครื่องแบบทักทายมาไม่ขาดสายตลอดทางเดินที่ อี ฮยอกแจเดินผ่านด้วยท่าทีสุภาพ ร่างบางที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีดำเข้ม เนกไทสีเลือดหมูเข้าชุดกับเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มที่อยู่ภายใน ผมสีดำราวกับปีกการะต้นคอซอยสั้นห้อมล้อมใบหน้าเรียวสวย ผิวขาวๆ ของเจ้าตัวที่โผล่พ้นร่มผ้า เปล่งปลั่งและขาวสว่างยิ่งขึ้นยามกระทบกับแสงไฟนีออนในโรงแรม
ใบหน้าหวานเรียบตึง ไร้รอยยิ้มดังเช่นทุกวันทำให้พนักงานหลายคนผวา พวกเขาค่อยๆ ถอยกายมายืนสำรวมอยู่ห่างๆ ผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมหลังจากทักทายเสร็จ บางคนถึงกับก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาเรียวเล็กที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ใบหน้าหวานเรียบตึง ไร้รอยยิ้มดังเช่นทุกวันทำให้พนักงานหลายคนผวา พวกเขาค่อยๆ ถอยกายมายืนสำรวมอยู่ห่างๆ ผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมหลังจากทักทายเสร็จ บางคนถึงกับก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาเรียวเล็กที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ฮยอกแจชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ๋วราวกับนกกระจอกแตกรังดังออกมาจากหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับลิฟต์แก้วกลางโรงแรม เขาหันไปมองก็พบร่างของหญิงสาวพนักงานในชุดยูคาตะสีชมพูอ่อนสามคนกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ หัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าผู้บริหารของพวกเธอกำลังยืนกอดอกหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ด้านหลัง
“ดูท่าทางจะว่างกันจังนะ”
สามสาวยุติการสนทนาในทันทีที่ได้ยินเสียงหวานแต่แข็งกร้าวและทรงอำนาจดังขึ้นจากเบื้องหลัง พวกเธอพร้อมใจกันหันไปมอง แล้วพากันเบิกตากว้างยิ่งกว่าไข่ไดโนเสาร์
“คุณ คุณ ฮยอกแจ..O_O..”
ใบหน้าขาวของสามสาวซีดลงทันตาเห็น ก่อนจะยืนก้มหน้ามองพื้นไม่สบตากับเจ้าของเสียงที่ยืนกอดอกจ้องตาเขม็ง กายบอบบางของพวกเธอไหวสะเทือน ใจเต้นแรงราวกับกลองชุดด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ เหงื่อแตกพลั่ก ฮยอกแจกวาดสายตามองพนักงานโรงแรมของตนที่ละคนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำเอาสามสาวถึงกับเข่าอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรงให้กับคำพูดที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“เย็นนี้ก็ไปรับซองขาวกับผู้จัดการของพวกเธอแล้วกัน”
สิ้นคำ ร่างบางก็หมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์ที่อยู่ใกล้ๆ ทิ้งให้สามสาวยืนแข็งเป็นหุ่นไร้ชีวิตอย่างไม่สนใจใยดี เหล่าพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันมองพนักงานสาวทั้งสามที่ยืนกอดกันกลมร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังอย่างเอือมระอาปนสงสาร
..................
..........................
......................................
..........................
......................................
“คุณฮยอกแจ สวัสดีครับ”
เลขาหนุ่มหน้าสวยที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของฮยอกแจรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันทีที่เห็นร่างบางนั้นเดินเข้ามา เขากล่าวทักทายเจ้านายด้วยท่าทีนบน้อมและสุภาพ
“เอกสารที่ฉันต้องการได้แล้วใช่ไหม ซองมิน” เขาถามเสียงห้วน อี ซองมินพยักหน้า ก่อนที่จะหอบแฟ้มสีดำอย่างหนาจำนวนสามเล่มเดินตามฮยอกแจเข้าไปในห้องทำงาน
“เอกสารที่ฉันต้องการได้แล้วใช่ไหม ซองมิน” เขาถามเสียงห้วน อี ซองมินพยักหน้า ก่อนที่จะหอบแฟ้มสีดำอย่างหนาจำนวนสามเล่มเดินตามฮยอกแจเข้าไปในห้องทำงาน
แฟ้มในมือเรียวขาวของซองมินถูกวางลงบนโต๊ะทำงานอย่างเบามือ หลังจากเห็นร่างของฮยอกแจทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้นวม เสียงหวานใสดังกังวานและแข็งขันกล่าวขึ้นว่า
“เอกสารสรุปยอดเดือนนี้ของแผนกจัดเลี้ยง แผนกทำความสะอาด แล้วก็แผนกต้อนรับครับ คุณฮยอกแจ”
ร่างบางปรายตามองเลขาส่วนตัวเพียงแวบเดียว พึมพำขอบใจ เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่อยู่บนสุดมาพิจารณา
“เอกสารสรุปยอดเดือนนี้ของแผนกจัดเลี้ยง แผนกทำความสะอาด แล้วก็แผนกต้อนรับครับ คุณฮยอกแจ”
ร่างบางปรายตามองเลขาส่วนตัวเพียงแวบเดียว พึมพำขอบใจ เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่อยู่บนสุดมาพิจารณา
“เอ่อ คุณฮยอกแจครับ...” ซองมินเรียกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเกรงๆ ร่างบางชะงักมือที่กำลังพลิกหน้าเอกสารไว้ แล้วเงยมองสบตากับเลขาหนุ่มร่างอวบ ถามเสียงห้วน
“มีอะไร?”
“ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการร้านอาหารญี่ปุ่นว่า คุณฮยอกแจไล่พนักงานเสริฟออกหรือครับ?”
ฮยอกแจหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ดวงตาเรียวเล็กสบกับดวงตากลมโตเป็นกระต่ายน้อยของซองมิน
ฮยอกแจหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ดวงตาเรียวเล็กสบกับดวงตากลมโตเป็นกระต่ายน้อยของซองมิน
“ใช่ รู้ข่าวไวสมเป็นเลขาฉันดีนิ” น้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าประชด แต่ซองมินเคยชินเสียแล้วกับวาจาเหล่านี้ เขายังคงจ้องหน่วยตาที่ใครหลายคนต่างผวาและหวาดกลัวด้วยท่าทีเฉยเมย และแววตาสงบนิ่ง ก่อนที่จะพูดออกไปว่า
“ทำไมหรือครับ ผมก็เห็นว่าพวกเขาทำงานกันดี แค่บางครั้งอาจจะทำงานผิดพลาดนิดหน่อย...มันก็เป็นเหตุสุดวิสัย ผมว่าแค่ตักเตือนกับหักเงินเดือนก็คงจะเพียงพอแล้ว. ไม่ถึงกับต้องไล่ออกเลยนิครับ.....”
“ทำไมหรือครับ ผมก็เห็นว่าพวกเขาทำงานกันดี แค่บางครั้งอาจจะทำงานผิดพลาดนิดหน่อย...มันก็เป็นเหตุสุดวิสัย ผมว่าแค่ตักเตือนกับหักเงินเดือนก็คงจะเพียงพอแล้ว. ไม่ถึงกับต้องไล่ออกเลยนิครับ.....”
ซองมินพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบโดยการพูดจาหว่านล้อมอ้อนวอนให้อีกคนใจอ่อนหรือเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนว่าใจของฮยอกแจจะแข็งยิ่งกว่าหิน แกร่งยิ่งกว่าเพชร ร่างบางปรายสายตามองใบหน้าของเลขาหนุ่มที่ทำงานร่วมกันมานาน
ชายหนุ่มปิดแฟ้มสีดำดังปัง ซองมินถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ
“คนไม่ทำประโยชน์อะไรให้กับโรงแรม จ้างไปก็เสียเงินเปล่า”
“แต่.....”
“ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ครับ”
สิ้นเสียงปิดประตูพร้อมกับร่างอวบของเลขาหนุ่มที่หายออกไป แฟ้มในมือบางก็ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ฮยอกแจยกนิ้วกดขมับของตัวเองเบาๆ เพราะรู้สึกปวดตุ๊บๆ ที่ศีรษะราวกับใครเอาค้อนปอนด์มาทุบ
เสื้อตัวนอกสีเข้มถูกวางพาดลงเก้าอี้ทำงานของตน ร่างบอบบางของอี ฮยอกแจลุกขึ้นก้าวเดินไปที่หน้าต่างกระจก จับจ้องมองลงไปยังข้างล่างของชั้น 45 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมเอเชียแกรนด์นี้อย่างเหม่อลอย เห็นวัตถุที่อยู่เบื้องล่างเป็นจุดกลมๆ หลากสีสันราวกับขนมลูกกวาด มือเรียวยกขึ้นกอดอก
เสื้อตัวนอกสีเข้มถูกวางพาดลงเก้าอี้ทำงานของตน ร่างบอบบางของอี ฮยอกแจลุกขึ้นก้าวเดินไปที่หน้าต่างกระจก จับจ้องมองลงไปยังข้างล่างของชั้น 45 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมเอเชียแกรนด์นี้อย่างเหม่อลอย เห็นวัตถุที่อยู่เบื้องล่างเป็นจุดกลมๆ หลากสีสันราวกับขนมลูกกวาด มือเรียวยกขึ้นกอดอก
ใบหน้าหวานนิ่วลงเล็กน้อย เมื่อเผลอไปโดนรอยแผลที่ต้นแขนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฮยอกแจถลกแขนเสื้อเชิ้ตแขนยาวของตนขึ้นสูง จ้องมองรอยช้ำเป็นปึ้ดที่ต้นแขนขาวของตน มันมีสีเขียวอมม่วงและห้อเลือดเสียจนดูน่ากลัว เขามองมัน พลันหวนคิดถึงใบหน้าของคนที่เป็นต้นเหตุแห่งรอยช้ำนี้ วูบหนึ่งแห่งมโนภาพความทรงจำเก่าๆ หวนมาให้คิดถึงด้วยความไม่ตั้งใจ
‘นายชื่ออี ฮยอกแจใช่ไหม ฉันชื่อชเว ซีวอน ยินดีที่ได้รู้จักนะ’
ฝ่ามือที่ยื่นตรงมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง แววตาสดใสแสดงความเป็นมิตร
ฝ่ามือที่ยื่นตรงมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง แววตาสดใสแสดงความเป็นมิตร
‘ฮยอกแจ ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ’
น้ำเสียงออดอ้อน มือเรียวที่กุมกระชับให้ต้องเดินตาม
น้ำเสียงออดอ้อน มือเรียวที่กุมกระชับให้ต้องเดินตาม
‘เจ็บมากไหม ฮยอกแจ’
ปลายนิ้วที่วางลงบนบาดแผล พร้อมกับเสียงนุ่มที่ถามอย่างห่วงใย
ปลายนิ้วที่วางลงบนบาดแผล พร้อมกับเสียงนุ่มที่ถามอย่างห่วงใย
‘ฮยอกแจ’
เสียงทุ้มเรียกชื่อของตนที่ยังดังก้องอยู่ในหู ริมฝีปากบางที่ฉีกยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม
ฮยอกแจหัวเราะออกมาเบาๆ เยาะหยันให้กับภาพเหตุการณ์ในอดีตแสนหวานที่ประดังประเดอย่างไม่ปะติปะต่อเข้ามาในโสตประสาทและความรู้สึกของตน ศีรษะทุยสีดำเอนพิงกระจกหน้าต่าง มือเรียวลูบไล้รอยช้ำที่แขนแผ่วเบา หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความร้อนผ่าวที่หลั่งรินรื้นออกมา
เสียงทุ้มเรียกชื่อของตนที่ยังดังก้องอยู่ในหู ริมฝีปากบางที่ฉีกยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม
ฮยอกแจหัวเราะออกมาเบาๆ เยาะหยันให้กับภาพเหตุการณ์ในอดีตแสนหวานที่ประดังประเดอย่างไม่ปะติปะต่อเข้ามาในโสตประสาทและความรู้สึกของตน ศีรษะทุยสีดำเอนพิงกระจกหน้าต่าง มือเรียวลูบไล้รอยช้ำที่แขนแผ่วเบา หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความร้อนผ่าวที่หลั่งรินรื้นออกมา
.................
..........................
..................................
..........................
..................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น