คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : A Drop of Tears Vol 9
Vol 9
คิม คิบอมนั่งแก้แบบแพลนบ้านของลูกค้า ในห้องทำงานของบริษัทรับออกแบบและสร้างบ้านชื่อดัง ‘Royal Player Home’ เยซองยังไม่เข้าทำงาน คงจะแวะไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง...กระดาษในมือถูกวางลงบนโต๊ะ หลังจากรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่มีสมาธิในการทำงาน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นคว้าเสื้อนอกที่พาดอยู่บนเก้าอี้ ก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกร้าน ตรงไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บางทีกาแฟร้อนๆ สักแก้วคงจะช่วยดับอามรณ์ว้าวุ่นในสมองได้...
ชายหนุ่มเปิดประตูไม้บานหนัก กลิ่นหอมของกาแฟคละคลุ้งไปทั่วร้าน ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่บรรยากาศภายในถูกจัดตกแต่งให้เป็นเสมือนห้องนั่งเล่นของบ้าน...ดูเป็นกันเอง... เบเกอรี่ กาแฟ เครื่องดื่มหลากหลายแต่ราคาถูก และมีอาหารตามสั่งแบบง่ายๆ ไว้บริการ ลูกค้าพอมีประปราย....หญิงสาวผมหมวยรวบสูงในชุดผ้ากันเปื้อนสีหวานยิ้มกว้างจนตาปิดให้เขา กล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม
“วันนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ คิบอม?”
“ครับ ไม่รู้พี่เยซองไปไหน”
“คงจะยังไม่ตื่นอยู่ล่ะมั้ง รายนั้น คาปูชิโนเหมือนเดิมใช่ไหมจ๊ะ?” เธอถาม คิบอมพยักหน้า หญิงสาวจึงหายเข้าไปหลังร้าน ร่างสูงเดินยาวไปจนถึงโต๊ะหลังสุดติดกระจกซึ่งเป็นที่ประจำของเขา
บนโต๊ะตัวนั้นถูกปูด้วยผ้าลายสก๊อตสีแดงสลับขาวแบบตารางหมากรุก แจกันเล็กๆ สีขาวก็มีช่อไลแลคสีม่วงเสียบไว้...กลิ่นหอมของมันทำให้เหตุการณ์เมื่อเช้าย้อนเข้ามาให้เขาได้ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
คิบอมถอนหายใจให้กับตัวเองอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ ช่างเด็กและไร้เดียงสาเหลือเกิน....คงยังไม่เคยมีความรักมาก่อนสินะ ถึงได้ไม่รู้จักแม้แต่อารมณ์พื้นฐานทางธรรมชาติแบบนี้....แล้วก็คิดถึงบุรุษร่างสูงที่ร่างบางที่เคยบอกกับเขาว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ผู้ชายที่ชื่อ ชเว ซีวอนคนนั้นคงจะบูชาร่างบางไว้ดั่งเทพแห่งความรัก อี ทงเฮ ถึงได้ไม่ประสาเอาเสียเลยกับเรื่องแบบนี้....
ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเหยียด ก็เพราะอารมณ์ความปรารถนาทางธรรมชาติอีกเหมือนกัน ก่อให้เกิดความพลั้งเผลอจนทำให้เขาหลวมตัวสัมผัสเด็กน้อยที่ยังไม่ประสาเรื่องแบบนั้น คิบอมเม้มริมฝีปาก ดวงตาสีรัตติกาลหรี่ลงอย่างขัดใจกับความรู้สึกบางอย่างที่แล่นผ่านเข้ามาในมโนภาพของสมอง
ความหอมหวานของริมฝีปากอิ่มเหมือนผลสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ ที่ทั้งนุ่ม ทั้งหวานจนยากจะห้ามใจไม่อยู่ ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากลูบเบาๆ เหมือนกำลังชั่งใจให้กับความรู้บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
เมื่อได้สติว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ คิบอมก็พยายามที่จะสลัดความคิดและความรู้แปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองออก ภาพของฮยอกแจผุดขึ้นมาในสำนึก ทำให้คิม คิบอมรู้สึกผิดมากขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะชอบอี ฮยอกแจ... แต่ชายหนุ่มก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เห็นใครเป็นตัวแทนของใคร เพื่อใช้ระบายความรู้สึกนั้น.....
“ทำหน้านิ่วแบบนั้น ระวังแก่เร็วนะ?”
เสียงที่เอ่ยทักดังข้างใบหูและนิ้วที่จิ้มลงบนแก้มป่องๆ จนบุ๋มเป็นรอยคล้ายลักยิ้ม เป็นผลให้ความคิดทั้งหมดในหัวแตกกระเจิง คิบอมหันขวับไปมอง ก็พบคิม จองอุน หรือ รุ่นพี่เยซองมายืนอวดยิ้มตาเป็นขีดอยู่ข้างๆ
“พี่เยซอง”
“เป็นอะไร ทำหน้าทำตาเครียดเชียว คุณหนูทงเฮทำให้อะไรให้หงุดหงิดอีกล่ะ คราวนี้?”
เยซองถามด้วยคำถามประจำที่เวลาเห็นใบหน้าคมนั้นบูดบึ้ง คิ้วขมวดเป็นปม คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของอี ทงเฮ คุณหนูคนเล็กของตระกูลอีที่มักจะก่อเรื่องให้พี่เลี้ยงคิม คิบอมปวดหัวและหงุดหงิดใจได้ทุกวัน คิบอมสะอึกพูดไม่ออก..เหมือนถูกจี้ใจดำอย่างจัง...ร่างสูงมีสีหน้ากลัดกลุ้มและท่าทางอึกอักเสียจนเยซองต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“เป็นอะไร วันนี้คุณหนูนั้นก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ ร้องไห้ กินข้าวไม่หมด งอแงไม่ยอมนอน ไข้ขึ้น?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร?” คิบอมบอกปฏิเสธ ยิ่งทำให้เยซองแปลกใจเป็นเท่าตัว
“ไม่มีอะไร แปลก ปกตินายต้องมานั่งบ่นให้พี่ฟังแล้ว นายไม่สบายหรือเปล่านี้?”
“ผมสบายดี ไม่มีอะไรหรอก พี่เยซอง”
เขาพูดเพียงแค่นั้น แล้วก็หันไปรับแก้วคาปูชิโน่ที่สั่งไว้จากหญิงสาวบริกร การสนทนาจึงหยุดติลงโดยอัตโนมัติ เยซองที่ทิ้งตัวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองรุ่นน้องหนุ่มที่ยกกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วต้องส่ายหัวด้วยความรู้ดี ต่อให้ง้างปากเค้นถามอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเจ้าตัวไม่เปิดปากเล่าด้วยตัวเอง
คิบอมวางแก้วคาปูชิโน่ลง จับจ้องมองฟองนมสีขาวนวล กาแฟรสโปรดที่เคยหวานอร่อยบัดนี้กลับรู้สึกจืดไปเสียสนิทเมื่อเทียบกับริมฝีปากสีระเรื่อของทงเฮที่ได้ลิ้มรสมา รสชาติของมันหอมหวานเสียยิ่งกว่านี้อีก
นึกขึ้นมาถึงตรงนี้ คิม คิบอมก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้มันรู้แล้วรู้รอด เขาคือบุคคลที่ช่วงชิงจูบแรกของร่างบางไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มไม่นึกดีใจเลยสักนิด...นี้ถ้า ชเว ซีวอน รู้ว่าเขาจูบกับคนที่ตัวเองหลงรักคงจะคลั่ง ถึงปากจะบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท แต่แววตาที่ชายหนุ่มผู้นั้นมองทงเฮมันมากเกินกว่านั้น....
คิบอมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนต่อโลกเหมือนอย่างทงเฮ เขาผ่านทั้งผู้หญิงและผู้ชายมานักต่อนัก ผ่านมาอย่างฉลาดเฉลียว โดยไม่เพลี้ยพล้ำตกหลุมพรางของใครแม้แต่คนเดียว มีหรือจะดูไม่ออก...แววตาที่ดูไม่ต่างจากเวลาที่ฮยอกแจมองบุรุษหนุ่มที่ชื่อ ชเว ซีวอนแม้แต่นิดเดียว
...ชายหนุ่มถอนหายใจซ้ำ เพราะอย่างนี้หรือเปล่า? ฮยอกแจจึงไม่ยอมเปิดใจให้เขาเสียที....
...................
...........................
.......................................
“อีกประมาณสิบห้านาที รถของทางบริษัทจะไปถึงจุดที่เกิดเหตุนะค่ะ”
ฝาพับของเครื่องมือสื่อสารขนาดพกพาสีดำถูกพับปิดลง หลังจากสิ้นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์สาวของศูนย์ซ่อมรถที่อี ฮยอกแจโทรไปแจ้งเมื่อครู่ ร่างบางถอนหายใจพลางเอนกายพิงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซี่รีย์สามสีดำคู่ใจ ที่ดันมาทรยศเกิดเสียกะทันหันกลางทางในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยวเอาการ
ร่างบางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกรอบ เพราะอีกหนึ่งชั่วโมงเขามีประชุมกับเหล่าหัวหน้าแต่ล่ะแผนก แต่ทั้งรถของศูนย์ซ่อมและรถของโรงแรมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพากันมา...ฮยอกแจยกมือคลึงขมับ สงสัยต้องโทรไปบอกซองมินให้เลื่อนการประชุมออกไปอีกหน่อย เพื่อว่าจะไปไม่ทัน...
มือเรียวตวัดฝาพับให้ออก สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาเรียวคู่งามคือสิ่งที่ทำให้ต้องรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต บ่อยครั้งที่เขามักจะยินคำถามว่า ‘ทำไม’ ออกมาจากริมฝีปากของเพื่อนสนิท ยามที่เจ้าตัวขอดูมือถือเครื่องนี้ แต่เขาปฏิเสธที่จะให้....นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหน้าจอโทรศัพท์
จ้องมองภาพหน้าจอที่เขาตัดใจจะลบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้สักที...อยากโกรธตัวเองนักที่ไม่เคยที่จะลบเลือนภาพอดีตให้จางหาย ตรงข้าม นับวันมันก็ยิ่งรุนแรงและเด่นชัดมากยิ่งขึ้นในความรู้สึก ควบคู่ไปกับความเจ็บช้ำ ความปวดร้าวและคราบน้ำตาทุกทีไป...
...................
.............................
.......................................
“นี้ๆ น้องสาวตรงนั้นนะ มายืนทำอะไรแถวนี้คนเดียวจ๊ะ”
เสียงถามที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกให้ศีรษะสีดำขลับของฮยอกแจหันไปมองด้วยความสงสัย และทันทีที่เห็นผู้เป็นเจ้าของเสียงทักชัดเจน ร่างบางถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งจัด ออกแนวรำคาญ ไม่นึกกลัวชายหนุ่มวัยรุ่นตัวใหญ่ท่าทางนักเลง และมีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าเป็นทางยาวแม้แค่น้อย นอกจากนี้ที่ด้านหลังยังมีชายวัยเดียวสองคนยืนอยู่ข้างๆ .....
สายตาของทั้งสามคนมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจาบจ้วง กิริยาโลมเลียที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก
ร่างบางเบี่ยงกายจะเดินหนีคล้ายไม่อยากจะเสวนากับคนพวกนี้ แต่ก็ต้องชะงักงัน เพราะชายหนุ่มหนึ่งในนั้นอยู่ๆ ก็กระโดดพรวดมาดักหน้าไว้ จะถอยหลังก็เจอกับอีกคนดักไว้ ล้อมหน้าล้อมหลัง
“หลีก!!”
ฮยอกแจบอกเสียงเย็นชาแลไม่เป็นมิตร ทำท่าจะเดินหนีอีกหน หากแต่เจ้าพวกนั้นไวกว่า ชายหนุ่มร่างผอมทรุดโทรมยึดข้อมือบางไว้ทัน บอกเสียงล้อเลียน...
“อย่าเย็นชานักสิล่ะจ๊ะ คนสวย อยู่คุยกับพวกพี่ก่อนสิ”
ฮยอกแจชักสีหน้าแล้วสะบัดมือออกทันที
“ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งสนทนากับพวกคนชั้นต่ำ!!!”
“นี้!!! อย่าเล่นตัวนักเลย พวกเราอุตส่าห์หวังดีเดินเข้ามาทักทายเห็นยืนอยู่คนเดียว กลัวเหงา อยู่คุยกันสักหน่อยมันจะเป็นอะไร!!!” มันว่าพลางดึงมือฮยอกแจอีกครั้ง ร่างบางเริ่มหงุดหงิดกับความช่างตื้อน่ารำคาญของผู้ชายคนนี้ มือข้างที่ว่างกำเข้าหากันแน่น
"ก็บอกว่าไม่ไงเล่า!!" ฮยอกแจตะคอกดังลั่น ดึงมือออกพร้อม ๆ กับง้างหมัดต่อยเข้าให้เต็มแรง เล่นเอาเจ้าบ้ากามนั้นกระเด็นหงายหลังไปหาเพื่อนร่วมกลุ่ม ร่างผอมบางฉวยจังหวะที่ยังไม่มีใครตั้งตัวติดวิ่งหนีสุดฝีเท้า ก่อนที่คอเสื้อจะถูกกระชากด้วยมือแกร่งของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่ตามมาทัน
ร่างเพรียวถูกดึงเหวี่ยงจนถลาไปปะทะกำแพง แต่ก่อนที่ฮยอกแจจะได้ตั้งตัว หมัดลุ่น ๆ อัดเข้าที่ลิ้นปี่เต็มแรง ร่างระหงบอบบางจุกจนตัวงอ เข่าอ่อนแทบจะทรุดฮวบลงกับพื้น ข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงให้ติดกับกำแพงเหนือศีรษะ
ลูกพี่ใหญ่เดินย่างสามขุมเข้ามาหาฮยอกแจ มันแสยะยิ้มน่าสะอิดสะเอียน เอื้อมมือหยาบกระด้างมาจับคางมนของร่างที่ตกเป็นเบี้ยล่างให้เชิดขึ้น สายตาเรียวกลมฉาบความรังเกียจและแค้นเคืองเอาไว้เต็มเปี่ยม....ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มใส แววตาหื่นกระหาย...
“เมื่อกี้ทำพี่ได้เจ็บแสบมากเลยนะ คงต้องเอาคืนให้สาสม”
มันพูดพลางเลียริมฝีปากหนาๆ หื่นกระหาย มือหยาบสอดเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้ผิวขาวภายในอย่างจาบจ้วง ก่อนที่จะซุกหาความหอมที่ซอกคอ ร่างบางเบี่ยงหลบสัมผัสนั้น...แม้จะเจ็บเสียดจนแทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่อต้านทำให้ฮยอกแจขัดขืนสุดกำลังเพื่อเอาตัวรอด...ทั้งๆ ที่ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ เหลืออยู่ก็ตาม นัยน์ตาลุกวาบไม่ต่างจากสัตว์ป่าบาดเจ็บที่คิดสู้จนตัวตาย
ร่างเพรียวดิ้นรนสุดแรงเกิดให้หลุดพ้นจากสัมผัสทุเรศๆ ที่สร้างความขยะแขยงเสียจนอยากจะอาเจียนที่ผิวเนื้อ ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนเท่าไร มือที่ตรึงร่างของตนไว้ก็ไม่มีทางหลุดออกไปง่ายๆ มือหยาบกร้านของหัวหน้าเค้นคลึงไปทั่วเรือนร่างขาว เสียงหายใจฟึกฟัดที่ดังอยู่ข้างหู บ่งบอกถึงความพอใจในรสชาติของเหยื่อตัวน้อย
..........................................
ทันใดนั้น คอเสื้อของมันก็ถูกกระชากอย่างรุนแรงจากด้านหลัง ยังไม่ทันที่คนโฉดจะได้อ้าปาก มันก็ต้องกระอักน้ำลายตัวเองลงไปนอนหมดสภาพที่พื้นจากแรงเข่าที่ใส่เข้ามาที่ท้องน้อยเต็มแรงรัก ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่แววตาประกายวับเต็มไปด้วยแรงโทสะ
ฮยอกแจค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองพลเมืองดี ถึงกับตาค้างพูดไม่ออกไปพักใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนในตอนนี้ ผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา...
“ซี...ซีวอน”
ร่างสูงของชเว ซีวอนตวัดเท้าอัดเข้าที่ซี่โครงของคนที่พุ่งเข้ามาจนมันลอยกระเด็นไปติดกำแพง ก่อนที่จะตามไปกระชากคอเสื้อพร้อมประเคนทั้งหมัดและเท้าให้อีกเป็นของแถมแบบไม่ยั้ง เสียงร้องสลดสยองประหนึ่งโดนเชือดดังขึ้นจากริมฝีปากนั้น
มันร้องขอชีวิตพลางยกมือขึ้นกุมหัว แต่ตอนนี้ซีวอนกำลังเลือดขึ้นหน้าไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น...วินาทีต่อมามันก็คะมำหน้าลงไปนอนคว่ำอยู่กับพื้นแน่นิ่งหมดฤทธิ์ไปในทันทีเพราะแรงฟาดที่ท้ายทอย...
แสงวูบวาบสะท้อนเข้าที่ดวงตาเรียวกลมของฮยอกแจ ร่างบางมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง....ชายหนุ่มที่เหลือคนสุดท้ายชักมีดพับจากกระเป๋ากางเกงออกมา ริมฝีปากหนาแสยะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมายังร่างสูงของซีวอนที่ยืนหันหลังให้ ฮยอกแจตะโกนออกไปอย่างลืมตัว....
“ตายซะเถอะมึง!!!”
“ซีวอน ระวัง!!!!...”
ฉึ่กก!!
ปลายมีดแหลมคมที่พุ่งเข้าใส่ เฉียดลำตัวของซีวอนที่เอี้ยวตัวหลบได้ทันในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะปักหัวไหล่ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้เลือดซิบๆ ที่ต้นแขน ชายหนุ่มคำรามลั่นเสียงเข้ม ขนกรามแน่นจนเป็นสันนูน
“ไอ้สัตว์เอ๋ย!!!”
ขาเรียวยาวได้รูปสมส่วนยัดเข้าที่ท้องน้อยของคนร้ายที่กำลังยืนแบบเสียหลัก ซึ่งตัวมันเองก็คาดไม่ถึงชั่วขณะ อุ้งมือซ้ายขยุ้มหมับเข้าที่ข้อมือที่ถือมีดของมัน หมัดขวาก็ยิงโครมสุดแรงเกิดเข้าที่ปลายคางอันกว้างใหญ่แข็งแรงนั้น เสียงผัวะดังสนั่นพร้อมกับร่างใหญ่ที่หน้าเริดกระดอนลงไปนอนแผ่หลาสลบอยู่กับพื้น ใบหน้าอาบไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
ซีวอนยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามใบหน้าออกให้พ้น เขาไม่ได้ออกแรงแบบนี้มานานมากแล้ว จึงไม่แปลกนักที่จะเห็นชายหนุ่มยืนหายใจหอบๆ เขาก้มลงมองดูบุคคลที่เพิ่งจะจัดการที่นอนสลบอยู่ตรงหน้า และเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าของฮยอกแจที่ยืนดูห่างๆ ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเห็นหยาดโลหิตสีแดงไหลออกมาจากต้นแขน....
“นายเลือดออกนิ”
ว่าพลางรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ มือเรียวเล็กแตะเบาๆ ที่แขนข้างนั้น เห็นเลือดซึมออกมาเป็นทางจากบาดแผลที่ลึกพอสมควร ย้อมเสื้อแขนยาวบริเวณนั้นให้เป็นรอยแดง ฮยอกแจถึงกับหน้าเสีย นี้แค่โดนถากๆ ยังเยอะขนาดนี้ แล้วถ้าโดนทั้งด้าม ร่างบางไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าจะมีสภาพเช่นไร....
“เจ็บมากไหม?” กระแสเสียงอ่อนนุ่มที่ดังขึ้น ทำเอาชายหนุ่มต้องหรุบเปลือกตาลงต่ำมองคนพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อหู ริมฝีปากบางหยักจุดยิ้มบางๆ มือบางกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มซับเลือดบนบาดแผลของเขา...ซีวอนมองร่างบางที่จัดการซับเลือดให้เงียบๆ ในหัวกำลังคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขายังนั่งเคาะนิ้วพรมลงบนพวงมาลัยอยู่บนรถยนต์ส่วนตัว เพื่อที่จะไปยังหาทงเฮที่คฤหาสน์ตระกูลอี
แต่ขณะที่กำลังขับรถอยู่นั้นก็พลันเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงอยู่ในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เขานึกคุ้นคนที่ถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลางนัก...ซีวอนจึงขับเข้าไปใกล้และแอบจอดมองอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้คนพวกนั้นรู้ตัว...
ฉับพลัน ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น ในซอยนั้น ร่างผอมบางของอี ฮยอกแจในชุดสูทสีเข้มกำลังถูกชายร่างยักษ์ลวนลามอยู่...ตัวแบบบางนั้นสั่นสะท้าน
เขาเบือนหน้าหนีหลับตาลงเหมือนจะไม่สนใจราวกับคนๆ ตรงนั้นไม่ใช่คนที่เขารู้จัก พลางบอกตัวเองในใจว่าจะต้องไปสนใจใยดีคนแบบนั้นทำไม อี ฮยอกแจ สามารถเอาตัวรอดได้เองอยู่แล้ว ที่สำคัญ เขาเกลียดร่างบอบบางนั้น...มือเรียวจัดการสตาร์เครื่อง.....
แต่แล้ว....
ทันใดนั้น ประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชเว ซีวอนจะเดินตรงเข้ามาภายในซอย...วินาทีต่อมา มือของตนก็กระชากเข้าที่คอเสื้อของคนโฉดให้กระเด็นออกจากร่างของฮยอกแจ และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้....
............................
“ทำไมนายถึงมาช่วยฉัน?” คำถามถัดมาดังขึ้นแผ่วๆ แทบจะไม่ได้ยิน แววตาหม่นๆ คู่นั้นช้อนขึ้นสบตาร่างสูง เอ่ยต่อมาเสียงต่ำๆ ว่า
“ทำไม?”
ซีวอนหยักไหล่
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้ทงเฮร้องไห้เสียใจที่พี่ชายที่เขารักมาถูกข่มขื่นเป็นข่าวหน้าหนึ่ง และที่สำคัญ นายจะได้ไม่มีหลักฐานบ้าๆ บอๆ มาเล่นงานฉันอีก”
คำตอบของซีวอนทำเอาใจดวงน้อยของฮยอกแจแตกสลายไปพร้อมกับความหวังเล็กๆ ในใจ นึกคิดเข้าข้างตัวเองว่าซีวอนจะมาห่วงใยตนเหมือนอย่างเคย...หึ ฮยอกแจหัวเราะเยาะให้กับตัวเองขมขื่น เขาไม่น่าโง่เดาจุดประสงค์ที่แท้จริงซีวอนยอมสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเขาไม่ออกเลย โง่เง่าจริงๆ อี ฮยอกแจ คนอย่างชเว ซีวอนมีหรือจะมาสนใจคนที่ตัวเองเกลียด เขามีเจตนาแอบแฝงทำเพื่อคนที่เขารักต่างหาก
...นี้ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่พี่ชายฝาแฝดของทงเฮ ชายหนุ่มคนนี้ก็คงไม่มาสนใจใยดีว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงหรอก...
ดวงตาคู่นั้นหม่นหมองลงอีกครั้ง ไม่ว่าจะยังไง ทงเฮก็คือคนที่ซีวอนแคร์และให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ... มือเรียวสวยยกขึ้นกุมอกเสื้อด้านซ้ายเพราะก้อนเนื้อขนาดเท่าฝ่ามือตรงนั้น มันเกิดปวดหนึบด้วยแรงอิจฉาฝาแฝดคนน้องที่ไม่ว่าใครต่างก็พากันรุมรัก แตกต่างจากเขาที่ไม่มีแม้แต่คนเดียว....
“ว่าแต่นายเถอะ เป็นอะไรหรือเปล่า โดนพวกมันทำอะไรไหม?”
ฮยอกแจกดผ้าลงบนบาดแผลของซีวอนเต็มแรงเสียจนชายหนุ่มต้องหลุดปากร้องโอดโอย ก่อนที่ผ้าเปื้อนเลือดผืนงามจะถูกปาใส่ใบหน้าหล่อเข้ม ร่างบางทำสีหน้าบึ้งตึงเรียบเฉย สีหน้าที่ทุกคนเห็นกันจนชินตา เสียงหวานๆ ตะโกนก้อง
“ไม่เต็มใจห่วง ก็ไม่ต้องมาห่วง!! ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก!!!”
จบคำพูด อี ฮยอกแจ ประธานบริหารโรงแรมห้าดาวก็ผละออกเดินบ่ายหน้าไปยังปากซอย...ก่อนที่จะชะงักกึกอย่างคิดได้ว่าเขายังไม่ได้กล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่ให้การช่วยเหลือ
“ช่างเถอะ ซีวอนก็ไม่ได้เต็มใจมาช่วยเราอยู่แล้ว”
ฮยอกแจผ่อนลมหายใจช้าๆ ปลอบใจตัวเองว่าเขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น เขาอยู่คนเดียวมานานแล้ว และจากนี้ต่อไปเขาจะอยู่คนเดียวได้ ถึงแม้จะไม่มี....
ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปหารถของโรงแรมและศูนย์ซ่อมที่มาถึง...
.............
..........................
.....................................
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะค่ะ คุณผู้อ่านทั้งหลาย (ได้ข่าวว่าเลยวันปีใหม่ไปเยอะมาก)
แต่มันก็ยังอยู่ในช่วงปีใหม่อยู่เเหละเนอะ เหอๆๆ
ช่วงนี่คนแต่งกำลงยุ่งๆ อยู่กับการเรียน ก็อาจจะไม่มีเวลามาลง
ก็ขอให้คนอ่านรอกันหน่อยนะค่ะ
สำหรับตอนนี้ก็ขอเอาใจคนอ่านในฐานะที่ตัวเองมาลงช้า 100 เปอร์กันไปเลย
สำหรับใครให้ไก่น้อยสมหวังมีความสุขเหมือนชาวบ้านซักที ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า
เมื่อไรคุณชายของเราจะฉลาดขึ้นมาซักที ....(แต่สงสัยงานนี้อีกนาน)
ความคิดเห็น