คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นมสตอเบอรี่
1
.____________________.
'สถานีต่อไปเซ็นได'
เสียงประกาศจากรถไฟดังขึ้นเพื่อเตือนว่าตอนนี้รถไฟเคลื่อนที่ใกล้ถึงจุดหมายแล้ว 'อามาเนะ โคโมริ'เด็กสาวตัวเล็กเจ้าของเรือนผมสีแดงที่มัดรวบเอาไว้อย่างเรียบร้อยเอามือเกยไว้ที่คางพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ในที่สุดก็ถึงแล้วสินะ มิยางิ"
เจ้าของนัยน์ตาสีทับทิมกวาดสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างของรถไฟ บรรยากาศของเมืองที่ไม่คุ้นตาทอดผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่อามาเนะได้มาที่มิยางิแถมยังเป็นการย้ายมาอยู่อีกด้วย เด็กสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียวนานเกือบสิบเจ็ดปี แทบไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียนหรือไปทัศนศึกษาเหมือนกับเด็กคนอื่นเค้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะพ่อของเธอและสาเหตุที่ทำให้เธอต้องลากสังขารย้ายสำมะโนครัวจากโตเกียวมาที่มิยางิก็คือพ่อของเธออีกนั่นแหละที่เป็นคนไล่เธอออกจากบ้าน
โชคยังดีที่อาหนุ่มของอามาเนะได้ทราบเรื่องที่เธอถูกไล่ออกจากบ้าน เขาเลยเสนอให้ย้ายมาอยู่กับเขาที่มิยางิแทนไม่งั้นเธอคงได้กลายเป็นคนไร้บ้านอย่างแน่นอน
ไม่นานนักรถไฟก็จอดสนิทเมื่อถึงที่หมาย เด็กสาวขนกระเป๋าสัมภาระลงจากรถไฟ สัมภาระที่เธอขนมามันมากจนเหมือนกับจะย้ายบ้านมาทั้งหลัง ยังดีที่มีเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟมาช่วยไม่อย่างนั้นสาวเจ้าคงได้เป็นลมล้มพับเพราะกองสัมภาระของตัวเองเป็นแน่
"คุณอาอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย"
อามาเนะวางกระเป๋าสัมภาระลงและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาอาหนุ่มที่จะมารับเธอที่หน้าสถานี
++++++++++
"ขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ย"
พอเดินทางมาถึงบ้านของ'ซาดายูกิ มิโซงุจิ'ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอามาเนะ ตั้งแต่เจอหน้าหลานสาวซาดายูกิก็บ่นไม่หยุดตั้งแต่ที่สถานีรถไฟยันขับรถมาถึงบ้านเขาก็ยังคงบ่นอุ๊บอิ๊บไม่หยุด บางทีเธอก็สงสัยว่าอาหนุ่มของเธอเข้าวัยกลางคนแล้วรึเปล่าทั้งๆที่เขาพึ่งจะย่างเข้าปีที่สามสิบเอ็ดเองแท้ๆ ถึงแม้เขาจะขี้บ่นแต่ก็ใจดีกับเธอเป็นอย่างมาก
"คุณอาหยุดบ่นก่อนเถอะค่ะ"
"ฉันไม่ได้บ่นสักหน่อยยัยเด็กนี่ ไม่ได้เจอกันตั้งนานกล้าขึ้นเยอะเลยนะเรา ฮ่าๆ"
ซาดายูกิไขกุญแจเพื่อเปิดประตูบ้านและยกกระเป๋าสัมภาระที่อามาเนะขนมาอย่างแทบเป็นแทบตายขึ้นมาอย่างง่ายดายอย่างกับยกกล่องเปล่ายังไงยังงั้น ภายในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่ายไม่มีของมากนัก เพราะซาดายูกิเป็นชายโสดและไม่มีใครที่อาศัยอยู่กับเขา
"เดี๋ยวค่อยจัดของก็ได้ ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ"
ซาดายูกิวางกระเป๋าสัมภาระลงแล้วชวนหลานสาวไปหาอะไรทานที่ห้องครัว อามาเนะที่พึ่งรู้ตัวว่านี่ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานแล้วจึงเดินตามไปโดยไม่ขัดอะไร
ซาดายูกิเตรียมอาหารมื้อง่ายๆอย่างข้าวห่อไข่ ที่ราดหน้าด้วยซอสมะเขือเทศเป็นรูปกระต่ายน้อยหน้าตาน่ารักเสริฟให้เธอ อามาเนะก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณอาของเธอถึงชอบทำอะไรแบบนี้ให้เธอเสมอ อย่างครั้งก่อนที่เธอไปเที่ยวงานชมดอกไม้กับคุณอาที่โตเกียวเขาก็อาสาจะทำข้าวกล่องให้แถมเป็นข้าวกล่องสุดแสนจะน่ารักเสมือนกับข้าวกล่องเด็กประถมที่คุณแม่ตั้งใจทำให้ลูกเพื่อไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนก็ไม่ปาน
"ทานละนะคะ"
"กินเยอะๆล่ะ อยู่โตเกียวเธอได้กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ย ทำไมถึงดูตัวเบาขนาดนี้?"
"แหม ถ้าหนูได้กินอาหารฝีมือของคุณอาทุกวันรับรองว่าคุณอายกหนูไม่ขึ้นแน่ค่ะ"
ซาดายูกิหัวเราะลั่นพลางเอามือลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู ซาดายูกิรู้ดีว่าหลานของเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของเธอสักเท่าไหร่นัก ซาดายูกิอยากที่จะดูแลหลานสาวให้ดีมากกว่าที่พี่ชายของเขาทำ เขาไม่อยากให้หลานของเขาต้องจมอยู่กับความทุกข์เหมือนเมื่อก่อน
++++++++++
“ชิxหาย”
นิ้วเรียวกดหน้าจอโทรศัพท์ในมือยิกๆแต่กลับไม่มีอะไรตอบสนอง ทำให้ทราบได้แล้วว่าตอนนี้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์มันได้หมดลงแล้ว อามาเนะนั่งลงกอดเข่าตัวเองแน่นพลางคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดีพลางหันซ้ายทีขวาทีอย่างวิตกกังวล เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังหลงทางน่ะสิ....
เด็กสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบทุ่มแล้วตั้งแต่เธอออกมาเดินเล่น ตอนที่จัดของเสร็จอามาเนะได้ขออาของเธอว่าจะออกมาเดินเล่นสำรวจเมืองรอบๆก่อนสักนิด แต่ใครมันจะไปคิดว่าเธอจะเดินเล่นเพลินจนลืมทางกลับบ้านแบบนี้ เด็กสาวจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียวที่ไม่เคยมาที่มิยางิสักครั้งนั่งกุมหัวอย่างกับคนหมดอะไรตายอยาก ทั้งเนื้อทั้งตัวของอามาเนะตอนนี้ก็มีนาฬิกาข้อมือและโทรศัพท์ที่แบตหมดเพียงเท่านั้น ครั้นเธอจะไปหาตู้โทรศัพท์สารธารณะก็ไม่มีเงินติดตัวมาสักเยนเดียว
"กลับไปคุณอาได้บ่นยันเช้าแน่เลย"
เหตุผลที่อามาเนะนั่งเครียดอยู่ไม่ใช่เพราะว่าหลงทางอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก แต่ว่าเธอกลัวว่าพอกลับบ้านไปจะโดนคุณอาบ่นเป็นชุดตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านยันฟ้าสางน่ะสิ แถมโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ดันมาแบตหมดทำให้ติดต่อกับใครไม่ได้อีกยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
"ฮือออ ทำไงดี"
สถานที่ที่อามาเนะอยู่ตอนนี้คือหน้าสนามเด็กเล่น เธอนั่งอยู่ข้างๆตู้กดน้ำ เธอได้แต่ภาวนาว่าจะมีใครสักคนเดินผ่านมา แต่นี่ก็ผ่านมาได้หลายนาทีแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครเดินผ่านสักคนแถมฟ้าก็ยังเริ่มที่จะมืดลงเรื่อยๆแสงจากเสาไฟข้างทางก็เริ่มส่องสว่างทีละดวง
กริ๊ก
ในขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งก้มลงเอาใบหน้าซุกลงกับเข่า ก็มีเสียงหยอดเหรียญของตู้กดน้ำข้างๆกับที่เธอนั่ง พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังยืนเลือกเครื่องดื่มอยู่
"เอ่อ...ขอโทษนะคะ"
อามาเนะทักชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินที่เธอพูด ชายคนนั้นทำหน้าครุ่นคิดอย่างกับว่ากำลังตีโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกทั้งๆที่เขาแค่กำลังยืนเลือกเครื่องดื่ม
"เอาอันนี้แหละ"
เมื่อชายคนนั้นเลือกเครื่องดื่มได้เขาก็กดลงไปที่ตู้กดน้ำและก้มลงไปหยิบเครื่องดื่ม พอจัวหวะที่เขาลุกขึ้นมาสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่ามีเด็กสาวตัวเล็กยืนอยู่และมีท่าทีว่ามีอะไรอยากจะพูดกับเขา
"นมสตอเบอรี่?"
"มีอะไรรึเปล่าครับ?"
ชายหนุ่มตรงหน้าเธอพูดขึ้นแสงไฟจากเสาไฟส่องกระทบลงตรงเส้นผมสีดำหยิกและดูยุ่งเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำของเขาจ้องมองลงมาที่อามาเนะราวกับจะขอคำตอบ
"ขอโทษที่รบกวนค่ะ คือ...คุณรู้ทางแถวนี้มั้ยคะ?"
มือเล็กเรียวประสานเข้าหากัน อามาเนะเงยหน้าขึ้นไปถามชายหนุ่มตรงๆ เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กที่หลงทางแล้วต้องให้ผู้ใหญ่พาไปส่ง แต่ในกรณีนี้มันจำเป็นจริงๆที่จะต้องพึ่งชายแปลกหน้าคนนี้ที่กำลังถือกล่องนมสตอเบอรี่ดีไซน์น่ารักที่ไม่เข้ากับเขาเอาซะเลย
"รู้สิครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?"
"คือว่าฉันหลงทางน่ะค่ะ"
"พลัดหลงกับพ่อแม่เหรอครับ?"
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ!"
อามาเนะขึ้นเสียงใส่ชายตรงหน้าหนึ่งที แต่ก็ยอมอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง พอชายคนนั้นรู้เรื่องที่เธอต้องมาติดแหงกอยู่ที่ตรงนี้เขาก็เลยอาสาเดินพาไปส่งยังจุดหมายนั่นก็คือร้านชิมาดะมาร์ท ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กในหัวของอามาเนะที่เดียวที่อยู่ใกล้บ้านของอาเธอ
โชคดีที่ชายแปลกหน้าคนนี้ให้อามาเนะยืมโทรศัพท์ติดต่อกับอาของเธอ ระหว่างทางที่เดินไปยังชิมาดะมาร์ททั้งคู่ก็ได้คุยกันสรรพเพเหระไปเรื่อยๆจนไม่นานก็เดินมาถึงยังร้านชิมาดะ
"ถึงแล้วครับ ต่อจากนี้ไปเองได้ใช่มั้ยครับ"
"ขอบคุณที่มาส่งนะคะ จากนี้ฉันจำทางกลับบ้านได้แล้วขอบคุณจริงๆนะคะ"
แต่ยังไม่ทันที่อามาเนะจะกล่าวลา ชายคนนั้นก็ยื่นกล่องนมสตอเบอรี่ให้เธอพร้อมกับยิ้มให้
"ไว้เจอกันนะครับ คุณเด็กหลงทาง"
ชายหนุ่มคนนั้นหันหลังเดินกลับไปโดยที่รอยยิ้มเมื่อครู่ยังคงตราตรึงภายในใจของอามาเนะ ถึงแม้จะคุยกันมาตลอดทางแต่ก็ยังไม่ได้บอกชื่อหรือแลกข้อมูลส่วนตัวกันไว้
"รอยยิ้มของคุณพี่ช่าง... เกินต้าน"
เด็กสาวกำกล่องนมสตอเบอรี่แน่นแนบไว้กับอก พลางเดินตัวปลิวไปยังบ้านของอาเธอโดยที่ยังมีภาพของชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยิ้มให้กับเธอวนอยู่ในหัวตลอดทางเดินกลับบ้าน
:P
.____________________.
TALK WITH MEANLEO
ตอนแรกก็งอกออกมาเรียบร้อยแล้วค่าทุกคน เรารู้ว่าทุกคนต้องเดาออกว่าชายแปลกหน้าที่ถือกล่องนมสตอเบอรี่นั้นเป็นใคร555 เราอาจจะยังเรียงประโยคแปลกๆหรือดำเนินเรื่องงงๆไปบ้างต้องขออภัยนะคะอยู่ในช่วงมือใหม่หัดแต่งค่ะ;-; แต่เราก็จะพยายามต่อไปนะคะ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ เย่ะ
Select AllCopy To Clipboard
ความคิดเห็น