คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วันขึ้นปีใหม่
“...ขอลาที ปีเก่า แสนเศร้าโศก
ความอับโชค ที่มา กับราศี
อีกโพยภัย ไข้ทำ ประจำมี
ในชีวี จงสลาย มลายพลัน
หมดสิ้นทุกข์ กายจิต มิผิดผัน
อายุมั่น ขวัญยืน สี่หมื่นวัน
มีผิวพรรณ ผ่องนวล เย้ายวนชม
ปรารถนา เงินทอง กองท่วมฟ้า
ทำการค้า ร่ำรวย ไปสวยสม
มียศศักดิ์ รักใคร ใคร่ภิรมย์
ขอให้กลม เกลียวกัน และมั่นคง
ถ้าผู้ใด ใจว่าง เรื่องทางรัก
ให้พบพักตร์ กันที อย่ามีหลง
หากอกหัก หนักไป ครวญใคร่ปลง
ขอท่านจง โชคดี ทั้งปีเทอญ...”
ขอขอบคุณที่มาของ กลอนปีใหม่ จาก : คุณ •OrAGe• สมาชิก Planet Kapook
เด็กสาวสี่คนนั่งเรียงกันอยู่หน้าโต๊ะทำงานของท่านปราชญ์คนสำคัญที่ยิ้มน้อยๆอย่างอ่อนโยนไปให้พวกเธอ
“พวกเธอคงจะเป็นคนที่ส่งจดหมายมาขอร้องเมื่อสองวันก่อนสินะ”
เด็กสาวริมขวาสุดยิ้มกว้างและขานรับอย่างอารมณ์ดี
“ใช่แล้วค่ะท่านเลโมธี!”
“แล้วพวกเธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะ?”
คราวนี้สาวน้อยที่อยู่ริมซ้ายสุดเป็นคนแนะนำตัวขึ้นมาก่อน
“ฉันรูนค่ะ”
คนตรงกลางยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมก่อนที่จะแนะนำตัวบ้าง
“ฉันคาร์เซียค่ะ”
สาวน้อยคนข้างๆโบกมือทักทายเล็กน้อย
“ฉันหนูนาค่ะ หรือจะเรียกว่ามัฉจานุน้อยก็ได้นะคะ ^^”
แล้วทุกสายตาก็หันไปมองเด็กสาวคนสุดท้าย
“ฉันปลาทูกู้โลก... หรือจะเรียกว่ามิลค์ก็ได้ค่ะ!”
คราวนี้เลโมธียิ้มน้อยๆให้อย่างขบขัน
“พวกเธอทะลุจอคอมกันมาเลยสินะ ลำบากน่าดู...”
“ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ท่านเลโมธี” คนเขียนที่นั่งอยู่ริมขวาสุดพูดพลางโบกมือปัดๆ
“แล้วตกลงเรื่องที่เราขอไปเมื่อสองวันที่แล้ว...?”
“ฉันอนุญาต”
“เย้! ขอบคุณค่ะท่านเลโมธี!” คาร์เซียร้องออกมาอย่างดีใจส่วนรูนก็ยิ้มหวานให้เป็นเชิงขอบคุณเลโมธีที่ยิ้มตอบน้อยๆ
“ไม่เป็นไร...”
“ถ้างั้นพวกเราก็คงต้องขอตัวก่อนนะคะ” หนูนาว่าพลางค่อยๆลุกขึ้น เช่นเดียวกับเด็กสาวอีกสองคนที่ลุกตาม
“ตามสบายเถอะ”
สาวน้อยทั้งสามคนยิ้มให้อีกครั้งก่อนที่จะออกไปจากห้อง...
...และเปิดประตูเข้ามาใหม่เพื่อที่จะตะโกนว่า...
“สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ ท่านเลโมธี!!!”
ณ.ห้องนั่งเล่นชาวป้อมอัศวิน
“รูนนี่จังหยิบสายรุ้งสีแดงให้หน่อยสิ!”
“นี่จ้ามิลค์กี้..!”
“เจ๊มิลค์สายรุ้งสีทองนี้จะติดด้วยมั้ย?!”
“อืม... มันก็สวยดีนะ รูนนี่จังกับหนูนาว่าไง?”
“ฉันว่าติดดีกว่านะ สวยดี”
“ฉันก็คิดเหมือนหนูนานั่นแหละ ^^”
“งั้นเซียติดเลยนะเจ๊รูน เจ๊นา เจ๊มิลค์ ”
“ตามสบายเลยเซียจัง นี่มันไม่ใช่บ้านเรา ติดๆไปเถอะ เราไม่ต้องเก็บกวาดอยู่แล้ว ^^”
“โหยย ช่างกล้าพูดนะมิลค์กี้”
“น่า... ไม่ใช่ว่าโรเวนมันจะเปิดประตูเข้ามาได้ยินเราพอดีนี่นา”
“ได้ยินสิ!” เสียงทุ้มของชายผู้ถูกนินทาดังขึ้น ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเพื่อนสนิทและเจ้าชายแห่งซาเรส
ไธนอสส่ายหัวน้อยๆ
“นี่ขนาดวันปีใหม่เธอยังจะทะลุจอคอมเข้ามาก่อกวนพวกเราอีกเรอะยัยมิลค์”
“ฉันไม่ก่อกวนพวกนายนอนไหนไม่ทราบ!”
“ทุกตอนในสองฟิคที่ผ่านมาของเธอ” สามเสียงของชายหนุ่มสามคนประสานกันโดยมิได้นัดหมาย ทำให้คนเขียนเบ้หน้าเล็กน้อยอย่างขัดใจ อาเธอร์หันไปมองหญิงสาวอีกสามคนก่อนที่จะถามคนเขียนเรียบๆว่า
“เพื่อนๆเธอเหรอ?”
“ใช่แล้วว นี่รูนนี่จัง กับหนูนา เพื่อนฉัน ส่วนนี่น้องสาว เซียจัง ^^!”
“คนอย่างเธอมีคนคบดวยงั้นเหรอ?”
“อะ... อาธี่ใจร้าย... มีสิโว้ยย”
“ไม่เอาน่าอย่าทะเลาะกันสิ” รูนพูดขึ้นมาขัดสงครามเล็กที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้โรเวนหันมาให้ความสนใจกับสายรุ้งหลากหลายสีที่สาวๆติดรอบๆห้อง
“แล้วนี่ตบแต่งกันทำไม?”
“ก็เราจะสร้างห้องนี่เป็นห้องถ่ายนะสิ” หนูนาว่าพลางดูคนเขียนปีนลงมาจากบันไดที่ใช้ปีนขึ้นไปติดสายรุ้ง
“ถ่าย? ถ่ายอะไรกัน?”
“รายการค่ะ ชื่อรายการ ‘น้ำลายเฮฮา ฉบับบารามอส’” คาร์เซียตอบพลางนั่งเซ็ทกล้อง
“น้ำลายเฮฮา ฉบับบารามอส?”
“ใช่แล้ว เป็นรายการที่จะมาสัมพาทย์พวกนายชาวหัวขโมยแห่งบารามอสไง” คนเขียนอธิบายเพิ่มเติม รูนพยักหน้าก่อนที่คาร์เซียจะพูดต่อว่า
“วันนี้เป็นวันปีใหม่ หัวข้อที่จะมาสัมพาทย์วันนี้ก็คือ อยากได้อะไรกันในวันปีใหม่นะสิ”
“จะว่าไปไหนๆพวกนายก็มาอยู่กันตรงนี้แล้ว สัมพาทย์พวกนายเป็นคนแรกเลยแล้วกันนะ” คนเขียนว่าอย่างอารมณ์ดี
“เซียจังจะเป็นตากล้องใช่มั้ย?”
“ค่าเจ๊มิลค์”
“เปิดกล้องได้เลยจ้า”
คาร์เซียพยักหน้ายิ้มๆก่อนที่จะนับเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เอ้ย! ไม่ใช่ นับถอยหลังเปิดกลองต่างหากล่ะ
“สาม... สอง... หนึ่ง ออน!”
“สวัสดีปีใหม่ค่า!!!” (คนเขียน)
“ลาก่อนปีเก่าค่า!!!” (หนูนา)
“ขอยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสูรายการ น้ำลายเฮฮา ฉบับบารามอส ค่า!!!” (รูน)
เสียงตบมือดังขึ้นไปทั่วห้องจากผู้คนทั่วทั้งเอเดน-เดมอส... ไม่ต้องตกใจค่ะว่าไอ้คนจากทาวเอเดน-เดมอสพวกนั้นมาจากไหนแล้วคนเขียนทำยังไงมันถึงเข้ามากันเต็มห้องในเวลาอันสั้น คำตอบก็คือ นี่คือแฟนฟิค ซึ่งในแฟนฟิคคนที่มีแป้นพิมพ์อย่างคนเขียนนั้นใหญ่ค่ะ (_ _) แค่กดปุ่มไปไม่กี่ปุ่มคนก็มากันเต็มห้องแล้ว เหอๆ...
ยังไงก็แล้วแต่ นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ... กลับเข้าเรื่องกันดีกว่าๆๆ
“ฉันมิลค์นะคะ ^^”
“ฉันหนูนาค่ะ ^^”
“ส่วนฉันรูนค่ะ ^^”
“แล้วที่ยืนยิ้มหวานอยู่หลังกล้องนั่นก็คาร์เซียค่ะ”
“แล้ววันนี้แขกรับเชิญคนแรกของเราจะเป็นใครงั้นเหรอคะหนูนา?”
“จะเป็นใครไปได้ล่ะคะรูน นอกจากเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด แห่งเจมิไนค่ะ!”
“กรี๊ดดดดดดดดด....” << เสียงกรี๊ดของสาวๆที่นั่งดูอยู่โดยมีวิเวียนที่โบกป้ายไฟไปมาเป็นคนนำทีม
เสียตบมือแปะๆดังขึ้นพร้อมๆกับร่างสูงของเจ้าชายโรเวนที่เดินเข้าฉากมา
“สวัสดีครับ...”
สาวๆสามคนหันไปสบตากันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้โรเวนร้สึกหนาวๆร้อนๆ แต่เค้าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป
“ปีใหม่แล้วเจ้าชายโรเวนอยากได้อะไรเหรอคะ?” คำถามแรกที่ดูไร้พิษสงสุดๆจากรูนทำให้โรเวนยิ้มออกมาอย่างสบายใจ คาดว่าเจ้าชายคนเก่งของเราคงจะหวาดระแวงไม่น้อยทีเดียว (_ _)
“อืม... อยากให้ป้อมอัศวินหมดเวรหมดกรรมหมดหนี้กับปราสาทขุนนางสักทีครับ”
“อยากได้อะไรอีกมั้ยคะ?” หนูนาถามต่อเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“เอ่อ... อยากได้เรทติ้งเพิ่มขึ้นอีกนึดหน่อยแล้วก็กำลังใจจากแฟนคลับทุกคนละมั้งครับ..?”
“มีอีกมั้ยคะ?” คนเขียนถามต่อ
“พวกเธอต้องการจะให้ฉันตอบว่าอะไรกันแน่นะ -O-?”
“สงสัยคำถามของพวกเจ๊จะไม่เจาะจงพอละมั้งคะ” คาร์เซียตะโกนขึ้นมาจากหลังกล้องทำให้คนเขียนดีดนิ้วอย่างถูกใจและเปลี่ยนคำถาม
“งั้นก็.... ปีใหม่นี้อยากจะบอกอะไรกับวิเวียน นานีย่าคนสวยของเราบ้างมั้ย?”
“ไม่”
คำตอบที่ดัง ก้อง ชัด และฉะฉานสุดๆทำให้คนเขียนมองเจ้าชายแห่งเจมิไนด้วยสายตาหมั่นไส้สุดๆ แต่…! คิดเหรอว่าแค่นี้จะหยุดสาวๆทั้งสี่คนได้!!!
“ไม่ใช่มั้ยคะ...?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์และดวงตาโรคจิตกลับเจ้ามาอยู่บนใบหน้าของคนเขียนอีกครั้งโรเวนเตรียมจะเรียกดาบผ่ามิติออกมาและตอบอีกครั้งว่า
“ใช่ ฉันไม่มีอะไรจะบอก”
หนูนายิ้มกริ่มก่อนที่จะเรียกคาร์เซีย
“เซีย! เอา ‘ไอ้นั่น’ ออกมาได้เลย!”
คาร์เซียโยนกล้องไปให้คิงบาโรถ่ายต่อ ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าฉากไปพร้อมกับสมุดเล่มเล็กสีไพลินเล่มหนึ่ง
โรเวนมองทั้งสี่สาวอย่างตกใจ
“นะ นั่นมัน...”
“ใช่แล้วค่ะ!” รูนว่าอย่างสนุกปาก “นั่นคือไดอารี่ของเจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนนั่นเองค่า!!!”
คาร์เซียพลิกไปที่หน้าสุดท้ายที่เขียนไว้ก่อนที่จะอ่านออกเสียงออกมา
“ ‘วันนี้เป็นวันสิ้นปี... พรุ่งนี้ก็เป็นวันปีใหม่... แต่ไม่กว่ากาลเวลาจะผ่านไปนับกี่สิบปี... ความรู้สึกในใจของฉันที่มีให้วิเวียนก็ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...”
เฟรินที่นั่งดูอยู่ยิ้มออกมาอย่างถูกใจก่อนที่จะผิวปากล้อ เจ้าชายโรเวนที่หน้าขึ้นสีเพราะความโกรธหรือความอายไม่ทราบจึง...
“ผ่ามิติ...”
โครมมมมมม....
แล้วป้อมอัศวินก็กระเด็นปลิวหายไป...
...ส่วนสภาพของคนในป้อมนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง...
“นี่! ไหนๆพวกเราก็เข้ามารวมตัวกันอยู่ในห้องพยาบาลนี่แล้วเรามาถ่ายทำกันต่อเลยดีมั้ย?!!” (คนเขียน)
“เป็นความคิดที่ดีนะ!” (หนูนา)
“เอาสิๆๆ!!” (คาร์เซีย)
“คิงบาโรช่วยเปิดกล้องด้วยเลยนะเพคะ!” (รูน)
คำพูดที่ทำให้คนที่เหลือถลึงตามองอยากไม่เชื่อหูตัวเอง
...โดนผ่ามิติเฉาะกบาลมาแล้วพวกคุณเธอยังไม่เข็ดกันอีกเรอะ!!...
...พระเจ้า! จะอึดถึกกันไปถึงไหน...!!
เมื่อปลงในตะตากรรมของกันและกันเสร็จแล้วคิงหน้าบากของเราจึกถอนหายใจเบาและเปิดกล้องอีกครั้ง...
“เราพูดคุยกับโรเวนไปแล้วก็ถึงตาพระเอกของเรื่องแล้วสินะเจ๊รูน!”
“ใช่แล้วล่ะ! เจ้าชายคาโล วาเนบลีแห่งคาโนวาลค่า!!!”
“คาโลอยากได้อะไรในวันปีใหม่เหรอ?” หนูนาถามต่อ
“หวังว่าจะไม่ตอบว่าขอเฟรินแต่งงานหรอกนะ” คนเขียนพึมพำเบาๆแต่ก็ไม่พ้นหูที่ดีเกินมนุษย์ของคาโล
“จะขอเฟรินเป็นราชินีคาโนวาลตั้งหาก”
คราวนี่เหล่าคนดูในสภาพมัมมี่ทั้งหลาย (เพราะโดนลูกหลงผ่ามิติ) ถึงกับกุมขมับ
...แล้วมันแตกต่างจากการขอแต่งงานตรงไหนฟะ...!!!
หนูนายิ้มกว้างที่ได้นิยอะไรดีๆก่อนที่จะหันไปถามว่าทีราชินีแห่งคาโนวาลบ้าง
“เฟรินอยากได้อะไรเหรอ?”
เฟรินขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะตอบช้าๆว่า
“อยากได้... เทเลทับบี้ตัวสีแดง...”
“ดิพซี่ ทิ้งกี้ ลาล่า และโพล” คนเขียนพึมพำ
“ตัวสีแดงนี่โพลสินะ” รูนพึมพำต่อ
คนดูหลายๆคนกำลังปลงกับคำตอบของเจ้าหญิงคนงามแห่งเดมอส ส่วนคาโลนั้นกำลังวางแผนล่าเทเลทับบี้ตัวสีแดง(?)ไปให้แฟนสาวในหัว (เอากันเข้าไป...)
“อ่าค่ะ...” คาร์เซียตอบก่อนที่จะหันไปถามคิล
“งั้นคิลอยากได้อะไรล่ะ?”
“อยากได้เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลอะดิ” คนเขียนและเฟรินพึมพำพร้อมกัน
“ไม่อยากได้โว้ยย!!”
“มะ ไม่อยากได้เหรอคะ...” เรนอนถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียใจที่คิลไม่อยากได้หรือเสียใจที่โดนคิลดูถูกกันแน่- -?
“มะ ไม่ใช่อย่างงั้นนะ...”
สายไปแล้วค่ะ... เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลวิ่งน้ำตาไหลออกไปจากห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างน่าอัศจรรย์ที่เธอสามารถวิ่งออกไปได้ทั้งๆที่แขนหักสองข้าง ขาข้างซ้ายหัก ซี้โครงหักสามซี่และหัวแตก ส่วนนักฆ่าของเราจะทำอะไรได้... นอกจากรีบถอดผ้าพันแผลออกบ้างแล้ววิ่งตาม...
ไม่นานเรนอนและคิลก็กลับเข้ามาให้ห้องพยาบาลใหม่ด้วยใบหน้าที่ติดจะแดงเล็กน้อยและและต่างอมยิ้มกันเข้ามาทั้งคู่ คาดว่าน่าจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว... หลังจากนั้นห้องพยาบาลก็เต็มไปด้วยคำถาม “อยากได้อะไร” จากสาวๆต่างมิติทั้งสี่และคำแซวที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้จากทุกคน ความลับและความทรงจำดีๆต่างถูกเปิดเผยออกมาเป็นการตอกย้ำมิตรภาพดีๆที่ยังคงมีอยู่ในใจของทุกคน...
...แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา...
วันที่2 มกราฯ
ร่างบางกระพริบตาขึ้นถี่ๆก่อนที่จะมองรอบๆและสังเกตกว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่ตื่น โซมาเนียหันไปมองคนข้างๆก่อนที่จะลงมือปลุกเบาๆ
“ชิวาส... ชิวาสตื่นเถอะ”
“ซะ โซมาเนีย? พวกเราทุกคนหลับกันที่นี่หมดเลยงั้นเหรอ?”
โซมาเนียพยักหน้าให้บางๆก่อนที่จะพยักหน้าไปทางคิงเอวิเดส
“ไม่เว้นแม้แต่เหล่ากษัตริย์เลยล่ะ”
“งั้นรีบปลุกทุกคนดีกว่านะ...”
“อื้อ...”
ทั้งสองคนก็ลงมือปลุกเหล่าคนที่เหลือที่พอตื่นกันแล้วก็ได้แต่หัวเราะกันอย่างขบขันแล้วพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เฟรินละสายตามาจากเพื่อนๆก่อนที่จะหยุดลงที่โซพาตัวยาวที่เธอจำได้ว่ามีคนจากต่างมิติสี่คนเคยนั่งเรียงกันอยู่
“คาโล...”
“ว่าไง?”
“พวกนั้นกลับไปแล้ว...”
“ไม่มีบอกลากันเลยสินะคะ...” วิเวียนพูดขึ้นเบาๆทำให้ทุกคนเงียบและได้แต่มองไปตรงโซพาตัวนั้น แต่เสียงนุ่มๆของกัสก็เรียกความสนใจจากทุกคนได้ดี
“แต่สี่คนนั้นก็ยังทิ้งของไว้ดูต่างหน้าล่ะนะ”
“หมายความว่าไง?” มาทิลด้าถามงงๆในขณะที่นักบวชคนสำคัญแห่งกิลดิเรกสาวเท้าเดินไปถึงโซพาเรียบร้อยแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา
...ซีดี...
“มีจดหมายแนบมาด้วนี่นากัสซี่” ลูคัสทักก่อนที่เพื่อนนักบวชจะเดินไปคว้าจดหมายออกมาจากมือและอ่านเงียบๆเมื่ออ่านเสร็จแล้วจึงแย้มรอยยิ้มหายากและยื้นกระดาษให้ลูคัสที่อ่านออกมาให้ทุกคนได้ยิน
“ ‘ถึงพวกแก
ขอโทษที่ไปโดยที่ไม่ได้บอก แต่พวกฉันว่าพวกแกคงเข้าใจกันอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับหนึ่งปีดีๆที่ผ่านมา พวกแกชาวหัวขโมยแห่งบารามอสทุกคนทำให้ทุกๆวันของพวกฉันมีสีสันขึ้นเยอะและยังทำให้พวกฉันสี่คนโคจรมาเจอกัน ขอบใจนะ
ซีดีแผ่นนี้เป็นของขวัญวันปีใหม่จากพวกฉัน เป็นเรื่องที่เราถ่ายกันเมื่อวานนั่นแหละ ถือว่าเป็นความทรงจำดีๆของปีใหม่ปีนี้ก็แล้วกัน หวังว่าทุกคนจะชอบ ถ้าว่างพวกฉันจะทะลุจอคอมเข้ามาหาอีก แต่ถ้าไม่ว่างยังไงก็จะทะลุเข้ามาหาอยู่ดี (อ๊ะ ยังไง?)
สุขสันต์วันปีใหม่
จาก: = RuNe =, มัจฉานุน้อย, ๏~KarZiia~๏, [ปลาทูกู้โลก]’ ”
ความเงียบปกคลุมคนทั้งห้องทันทีที่ลูคัสอ่านจบ ดวงตาของสาวๆบางคนเอ่อล้นราวกับจะร้องไห้ เฟรินหยิบซีดีออกมาก่อนที่จะเปิดดูในทีวี (มีทีวีด้วยเหรอ?) ทุกฉากทุกตอนของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานถูกอัดไว้ ไม่นานใบหน้าที่โศกเศร้าของทุกคนก็ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
“เป็นของขวัญปีใหม่ที่เจ๋งมากเลยนะ” เฟรินว่ายิ้มๆ
“ไม่นึกว่าคนอย่างแกจะพูดอะไรอย่างงี้ได้ด้วยนะเนี่ย”
“หนอยย ไอ้ครี้ด แกหาว่าฉันปากหมาเรอะ!!!”
“อะไร๊ นายพูดเองนะ”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยเถอะค่ะ” เรนอนว่า
“ดูของขวัญชิ้นนี้ให้จบก่อนเถอะ มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆเลยนะคะ”
“ใช่แล้วล่ะ” แองจี้ว่า
“เป็นของขวัญที่ดีที่สุดเลย”

ความคิดเห็น