คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แกะตัวที่ 1 : แมร์ รีส กับการสอบที่ชวนให้ง่วงเหงา
“ฮ้า~ว…”
ทั้งที่กำลังขี่ไม้กวาดบินต้านลมจนเรือนผมถูกพายพัดสะบัดพลิ้วไหว แมร์ รีสก็ยังคงอ้าปากหาววอดใหญ่ด้วยความง่วงงุน
ราวกับไม่รู้สึกถึงแรงต้านอากาศใด ๆ ดวงตาที่หลับพริ้มนั้นได้มองทางอยู่หรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้เลยแม้แต่น้อย ท่าทางสัปหงกราวกับโค้งคำนับอะไรบางอย่างอยู่เบา ๆ แทบจะตลอดเวลาชวนให้หวาดเสียวเหลือเกินว่าจะมือไม้อ่อนแรงจนร่วงตกลงมาจากไม้กวาดหรือเปล่า การที่เขายังขี่ไม้กวาดให้มุ่งตรงไปข้างหน้าได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์เหนือคณาแล้ว เกิดเป็นคนปกติคงไม่แคล้วเซไปมาจนชนต้นไม้หรือเสาข้างทางจนบาดเจ็บสาหัสไปตั้งแต่ต้น
ทั้งที่ไม่ได้เล่นท่าฉวัดเฉวียน แต่วิธีการขี่ไม้กวาดของจอมเวทสามปานคนนี้ก็จัดว่าน่าหวาดเสียวใช้ได้
กระทั่งเพื่อนที่รู้จักกันมาเป็นแรมปีจนรู้เนื้อแท้กันดีหมดไส้หมดพุง มาเจอสภาพนี้เข้าก็ยังอยากจะยกบาทาขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยความหน่ายใจ
“ขี่แบบนั้นนายได้ชนต้นไม้ไม่ก็เสาก่อนได้ถึงโรงเรียนแหง”
ชายกำยำร่างสูงเอ่ยพลางลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใบหน้าละม้ายคล้ายฆาตกรต่อเนื่องซึ่งมีรอยปานอยู่สองปานเหลียวมองเด็กหนุ่มผมขาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ สายตาคมดุดันแค่จ้องมองก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขู่ เรียกได้ว่าเป็นใบหน้าที่เด็กน้อยที่กำลังยิ้มร่ามาเห็นคงได้เปลี่ยนเป็นร้องไห้จ้าทันควัน
นั่นไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด ใบหน้าของ เฟค เออร์เรอร์ คือใบหน้าที่น่าพรั่นพรึงตามนิยามเช่นนั้น
แต่ไม่ใช่สำหรับแมร์ รีสที่กำลังหัวเราะร่วนอย่างละอาย
“แหะ ๆ”
“ไม่ต้องมา ‘แหะ ๆ’ เลยนะว้อย”
“แบ๊ะ”
“แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงร้อง ‘แบ๊ะ’ ฟะ!?”
เด็กหนุ่มผมขาวหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยอมเงยหน้าขึ้นมาปรับท่าปรับทางให้มันดี ๆ เหมือนอย่างที่คนปกติเขาขี่กัน
“แต่ว่านะ ผมดีใจมากเลยล่ะที่ฟลิคยอมมาด้วย”
เฟคส่งเสียง “เฮอะ” ในลำคอ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันคล้ายจะแสดงออกว่าตนไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะแค่นเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่เห็นดีใจเลยสักนิด เบื่อหน้าแกจะตายชัก”
ถึงปากจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ในใจก็คงราว ๆ ว่า ‘ฉันเองก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้ไปโรงเรียนด้วยกันกับนาย’ ล่ะมั้ง
เพราะฟลิคปากไม่ตรงกับใจเท่าไรเท่าไรก็เลยถือวิสาสะคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อยล่ะน้า แต่ทุกทีก็เดาถูกบ่อย ๆ เพราะงั้นครั้งนี้แมร์ก็ขอทึกทักไปเองเหมือนอย่างเคยก็แล้วกัน
คิดพลางเด็กหนุ่มก็อมยิ้มอย่างนึกขัน ก่อนจะอ้าปากหาวอีกวอดใหญ่ ทว่าก็ยังไม่ทันได้หาวจนสุดลมเพราะเพื่อนตัวใหญ่ของเขาเอ่ยทักขึ้นมาซะก่อน
“ว่าแต่แกจะไปอีสตันทั้งชุดนอนแบบนี้เลยรึไง?”
“อื๋อ?”
แมร์เอียงคออย่างงุนงง กระทั่งได้ก้มลงมองเสื้อผ้าของตนที่ยังคงเป็นชุดนอนเต็มยศทั้งที่ก็ออกจากบ้านมาได้ตั้งนานสองนาน
“อะ..”
เด็กหนุ่มผมขาวพลันอ้าปากหวอ ดูทรงแล้วคงจะเพิ่งรู้ตัวเมื่อกี้เลยล่ะนะ
“ลืมสนิทเลย ทำไมฟลิคเพิ่งทักอะ”
“ก็แล้วมันใช่หน้าที่ฉันไหม!?”
เฟคสวนทันควัน สีหน้าหน่ายใจของเขาในตอนนี้ดูแล้วหากยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากได้ก็คงทำไปนานแล้ว สายตาทิ่มแทงเล็กน้อยปรายมองเพื่อนขี้เซาที่ตอนนี้ก็ยังคงแย้มยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา ให้ตายสิ เมื่อไรไอ้หมอนี่จะโตกันนะ ตอนนี้เขาแทบจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กมากกว่าเพื่อนอยู่แล้ว
แต่ก่อนจะมานั่งเพลียก็คงต้องมองหาที่ให้แมร์ใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าซะก่อน—โอ๊ะ โชคดีจริง ๆ ที่มีห้องน้ำอยู่ไม่ไกล
“ตรงนั้นมีห้องน้ำอยู่นะ แอรีซ”
แมร์ยืดคอมองตามทิศทางที่เฟคชี้ไป ครั้นเห็นว่าเป็นห้องน้ำจริง ๆ ก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วของไม้กวาดก่อนจะลงจอดอย่างนิ่มนวล เด็กหนุ่มค่อยกระโดดหยอยลงมาจากไม้กวาดพร้อมกับหอบเสื้อผ้าที่ไม่รู้ว่าเอาออกมาจากกระเป๋าเมื่อไรเอาไว้ ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนสนิท
“งั้นผมขอเปลี่ยนชุดก่อน ฟลิครอแป๊บนึงนะ”
“เออ เร็ว ๆ”
เฟคตอบเสียงเรียบ และแมร์ก็ได้แวบเข้าห้องน้ำไป หากแต่ว่าหลังจากที่ยืนรอมาได้พักใหญ่ ตั้งแต่ห้านาที…สิบนาที…ยี่สิบนาที…กระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นไปก็ยังไม่มีวี่แววว่าจอมเวทสามปานจะออกมา
‘ตกส้วมตายแล้วรึไง?’
ร่างสูงคิดอย่างนึกหน่าย ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องน้ำสองสามทีเพื่อเช็กดูว่าเพื่อนของตนยังอยู่ดีไหม
“เฮ้ย แอรีซ?”
“…ฟรี้~”
และสิ่งที่ตอบกลับมาก็คือเสียงกรนของเจ้าแกะขี้เซา
ถามจริงเถอะ ในห้องน้ำมันก็ยังจะนอนได้อีกเรอะ!?
เฟคอ้าปากค้างด้วยความเหลือจะเชื่อ แต่เดี๋ยวสิ! มันใช่เวลาจะมาทึ่งกับความสามารถพิเศษของไอ้เจ้าขี้เซานี่ซะที่ไหน!?
“โอ้ย! แอรีซ ตื่นนะโว้ย!”
ชายร่างสูงตะโกนลั่นพลางเคาะประตูรัว ๆ ราวกับจะทำให้ประตูห้องน้ำเป็นรูเอาให้ได้ อันที่จริงก็คิดอยู่ว่าพังประตูเข้าไปน่าจะดีกว่าปล่อยให้เจ้าสามปานนั่นหลับอยุ่ข้างในนาน ๆ ไอ้ที่จะไปสอบสายนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่น่าหนักใจยิ่งกว่า—
ทว่าก่อนที่เฟคจะได้ทำอะไรทั้งนั้น ห้องน้ำก็ระเบิด ตู้มมมมม!!! กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง หลงเหลือไว้เพียงบานประตูที่ก็ไม่รู้ว่าจะเหลือไว้ทำไม
น้ำจากโถสุขาสาดกระจายเป็นน้ำพุสู่ท้องฟ้า โปรยปรายลงมาเป็นสายฝนที่สกปรกที่สุดเท่าที่จะสกปรกได้ ใจกลางของฝนน้ำเปรอะสิ่งปฏิกูลนั้นคือแมร์ รีสที่ยืนสัปหงกอย่างไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ หลับใหลไปทั้งที่มือยังคาอยู่กับเนคไทแบบนั้น
ในยามนี้เฟคเริ่มอยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก แต่ก่อนหน้านั้นก็อยากจะโบกกบาลเจ้าเพื่อนตัวดีนี่สักป้าบ ระเบิดที่ไหนไม่ระเบิด ดั๊นมาระเบิดห้องน้ำสาธารณะซะงั้น! เล่นทำลายข้าวของกันซะโจ่งแจ้งแบบนี้มีหวังโดนตำรวจเวทมนตร์จับโยนเข้าซังเตแหงแซะ!
ว่าง่าย ๆ ก็คือฉิบหายขนานแท้
ไอ้หนังหน้าเขาก็ดันเหมือนอาชญากรซะด้วย ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย
แม้จะอยากยืนกุมขมับต่อไปอีกสักสามวิ แต่ตอนนี้เฟคไม่มีเวลาให้เสียกับเรื่องไร้สาระแล้ว เด็กหนุ่มร่างสูงรีบฉุดดึงเพื่อนขี้เซาออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะขี่ไม้กวาดพร้อมบิดเต็มสปีด
“เฟรม เรโชว!”
สิ้นเสียงบทร่ายเวทประจำตัว ภาพเงาพลันก่อร่างเป็นบางอย่างละม้ายคล้ายเฟรมแอนิเมชั่นทอดยาวไปข้างหน้าจนถึงโรงเรียนเวทมนตร์ที่อยู่ไกล ๆ ร่างสูงรีบออกตัวตามภาพเงาไปในทันใด เพียงพริบตาเดียวทั้งเขาและแมร์ที่หลับใหลก็แวบหายไปจากตรงนั้น
ทิ้งให้เหล่าตำรวจเวทมนตร์ที่เพิ่งมาถึงพากันยืนอึ้ง ตะลึงกับห้องน้ำที่บัดนี้กลายเป็นน้ำพุที่เหม็นเน่าที่สุดในโลกเวทมนตร์ไป
กลิ่นตุ ๆ ที่ลอยโชยมาไม่ได้มีเพียงกลิ่นขี้…หากแต่ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ของพลังเวทที่ดูเหมือนว่าเจ้าของจะควบคุมไม่ได้ล่องลอยผสมปนเป
ถ้าหากเป็นพลังเวทธรรมดาก็คงไม่น่าหนักใจเท่าไร…แต่ที่แค่สัมผัสได้แบบหยาบ ๆ ก็ดูจะมากกว่าพลังเวทของบรรดาตำรวจเวทมนตร์ในตอนนี้รวมกันเสียอีก!
“นี่มันพลังเวทที่หลุดการควบคุม…แต่ว่าเยอะขนาดนี้เลยเรอะ!?”
“นี่มันระดับภัยคุกคามแล้ว!”
“ติดต่อคุณดัสก์เร็วเข้า! เรื่องนี้ต้องให้เขาตรวจสอบเท่านั้น!”
และเหล่าผู้พิทักษ์ความสงบสุขของโลกเวทมนตร์ก็ได้วิ่งวุ่นกันใหญ่แต่หัววัน หารู้ไม่ว่าตัวการได้ลอยนวลเข้าโรงเรียนเวทมนตร์อีสตันไปซะแล้ว
.
.
.
วันสอบเข้าโรงเรียนเวทมนตร์อีสตันในปีนี้เองก็ยังมีผู้เข้าสอบมาสมัครกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
สีเสื้อคลุมสีเข้มบดบังผืนหญ้าเขียวขจีไปหมดเมื่อมองจากมุมสูง แม้สนามหญ้าจะกว้างขวางหลายตารางกิโลเมตรก็ยังน่าห่วงว่าจะรองรับผู้เข้าสอบไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรหรอก อีกเดี๋ยวคนเกินกว่าเก้าในสิบก็จะถูกคัดออกไป การสอบเข้าโรงเรียนอีสตันไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่ไม่ว่าใครก็สอบผ่าน
ผู้ที่จะสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้มีเพียงระดับหัวกะทิ—ไม่ก็พวกบ้าบอเหนือมนุษย์มนา
คล็อด ลุจจิ ได้เพิ่มคนจำพวกหลังเข้ามาจากประสบการณ์ตรงของตนที่ได้ประสบเมื่อสองปีก่อน
หน้าที่อาจารย์คุมสอบเคยเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติที่ไม่ว่าใครก็ล้วนหมายปอง และคล็อด ลุจจิก็ได้ทำหน้าที่นั้นมาอย่างยาวนานในฐานะนักเวทสายขาวผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ทว่าเมื่อราว ๆ สองปีก่อนที่เขาพยายามทำให้นักเรียนคนหนึ่งสอบตกไปเพราะไม่ชอบหน้า เขาก็ได้ถูกถอนออกไปจากตำแหน่งนี้ถึงหนึ่งปีเต็ม ๆ
หากแต่ว่าปีนี้เขาก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เพราะอาจารย์คุมสอบปีที่แล้วดันลาออกไปเองพร้อมกับคำพูดสั่งเสียราว ๆ ว่า “พวกผู้เข้าสอบปีนี้มันโคตรบ้า”
แต่ก็…นะ…รู้สึกว่าก็เข้าใจได้
อาจารย์ผมบลอนด์ถอนหายใจ นัยน์ตาคมคล้ายแมวป่าก้มลงมองทิวทัศน์เบื้องล่างด้วยความคาดหวังระคนความปลง
ไม่มีใครยกดัมเบล…โอเค ดูผิวเผินก็ค่อนข้างปกติดี ผู้เข้าสอบเกินกว่าครึ่งพากำลังอ่านตำราทบทวนกันอย่างแข็งขัน คล็อดพยายามขยี้ตาดูอีกทีว่านั่นเป็นตำราเวทมนตร์แน่หรือเปล่านะ…อื้ม เหมือนจะเป็นตำราเวทมนตร์ปกติ ไม่ใช่หนังสือเทรนกล้ามเนื้อแต่อย่างใด
ไอ้พวกนี้ส่วนใหญ่สอบตกแหงแซะ
ไม่รู้ว่าทำไม แต่อาจารย์คุมสอบค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
ดวงตาสีเปลือกเกาลัดกะพริบสักสองสามทีก่อนเริ่มกวาดตามองใหม่ นั่นปะไร แวบเดียวก็เห็นพวกทำตัวแหกคอกเด่นมาแต่ไกลแล้ว ตรงโน้นมีคนตั้งซุ้มขายตำราสรุปเก็บข้อสอบร้องตะโกนขายของอยู่เย้ว ๆ ใต้ต้นไม้ก็มีคนงีบหลับไม่สนโลก และตรงแถวหลัง ๆ ของพวกที่มาลงทะเบียนสอบทันแบบเฉียดฉิวก็มีไอ้หน้าอาชญากรกับเด็กหัวหงอกนอนหนุนตุ๊กตาแกะสบายใจเฉิบ
และนู่น…และนี่…และนั่น…มีความบ้าอีกสารพัดสารเพจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นถ้อยคำได้
นี่โลกเหวี่ยงให้เขามาเจอกับอะไร
คล็อด ลุจจิคิดพลางลอบถอนหายใจ มือคว้าไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาแกว่งไกว ร่ายบทเวทเคลื่อนย้ายพาร่างของตนลงไปปรากฏอยู่เบื้องล่างบนเวทีเล็ก ๆ ต่อหน้าผู้เข้าสอบทุกคน เสียงฮือฮาดังมาจากเหล่าบรรดาตัวประกอบ ปฏิกิริยาตามแบบที่อาจารย์คุมสอบคาดหวัง
“สวัสดีทุกคน”
ชายผมบลอนด์ลอบยิ้มรับเสียงฮือฮาของคนปกติเหล่านั้น ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากแนะนำตัว
“ฉันคือผู้ดำเนินการสอบครั้งนี้ คล็อด ลุจจิ” เขาป่าวประกาศชื่อเสียงเรียงนามของตนอย่างมาดมั่น “ยินดีที่ได้รู้จัก”
สิ้นเสียงก็ได้ปรายตามองไปรอบ ๆ อีกครา ดูเหมือนว่าปีนี้จะไม่มีไอ้เด็กเวรคนไหนกล้าถามอะไรเพี้ยน ๆ อย่าง ‘โผล่มาจากเปลวไฟแบบนั้นไม่ร้อนหรือไง’
“…ฟรี้~”
หือ?
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กแถวท้ายกำลังยืนหลับโดยไม่สนอะไร…แต่ว่าหลับอยู่จริง ๆ เรอะ!? ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ!? นี่มันใกล้จะถึงเวลาสอบแล้วนาเหวย!?
“เฮ้ย แอรีซ”
พอเพื่อนข้าง ๆ กระทุ้งข้อศอกใส่เบา ๆ หนึ่งที ฟองน้ำมูกก็แตกดังโป๊ะพร้อมกันกับที่เด็กหนุ่มคนนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ร่างเพรียวเซไปข้างหลังเล็กน้อยเมื่อถูกปลุกให้ตื่น ทั้งที่ตอนนอนดันทรงตัวได้อย่างเทพโดยไม่มีปัญหาอะไร
หรือตอนแรกไอ้เด็กนี่มันไม่ได้หลับ…แต่เพราะถูกปลุกก็เลยหลับ—เอ๊ะ???
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะช่างหัวมันไป
ท่องไว้…หน้าที่ของเขาคือการเป็นอาจารย์คุมสอบ ไอ้พวกเด็กท่าทางประหลาด ๆ น่ะช่างมันปะไร
คล็อดย้ำเตือนตัวเองในใจ พึมพำบทร่ายเวทไว้ก่อนจะป่าวประกาศคำสั่งของตนด้วยเสียงดังกึกก้อง
“เดี๋ยวจะเริ่มการทดสอบรอบแรกแล้ว ทุกคนนั่งที่ซะ”
เสียงซุบซิบของผู้เข้าสอบดังแว่วมาเมื่อได้ยินคำอาจารย์ ก็แหงล่ะ ไม่มีใครเห็นว่าจะมีโต๊ะให้พวกเขานั่งเลยสักคน
คล็อดยกไม้กายสิทธิ์คู่กายขึ้นมากวัดแกว่งให้ดูชม พลันเสียง ครืนนน ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนจากผืนพสุธาที่ค่อย ๆ ยกตัวขึ้นมาเป็นโต๊ะและเก้าอี้หินให้ผู้เข้าสอบได้ทิ้งตัวลงนั่ง
เหล่าตัวประกอบยังคงรับบทกองเชียร์ส่งเสียงฮือฮา แต่เสียงนั้นก็เงียบหายไปในพริบตาเมื่อเห็นแผ่นกระดาษและปากกาขนนกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าพวกตน
และนี่คือการเริ่มต้นทดสอบคัดเลือกนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์อีสตัน
.
.
.
“ฮ้าว~”
เด็กหนุ่มผมขาวอ้าปากหาววอดทันทีที่หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินเย็นเยียบราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าตนกำลังจะเริ่มทำข้อสอบภาคทฤษฎี
ศีรษะของแมร์โคลงไปมาเล็กน้อยอย่างงัวเงีย มองเผิน ๆ อาจเห็นว่าดวงตาคู่นั้นยังหลับพริ้ม ทว่าความจริงเปลือกตาก็ได้เปิดออกราว ๆ 0.01 เซนติเมตรพอให้มีช่องว่างให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบกายอยู่ลาง ๆ
มือข้างของเด็กหนุ่มถนัดเอื้อมไปจับปากกา จรดมันลงบนกระดาษก่อนจะเริ่มกวาดสายตาอ่านโจทย์ไปคร่าว ๆ
ทว่าในขณะที่ปรายตาอ่านข้อความอยู่นั้น แมร์ก็ได้ส่งเสียง “อื๋อ?” ออกมาเบา ๆ อย่างนึกฉงน
‘เทพประทานคนปัจจุบันมีกี่คน?’
‘อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนชื่อว่าอะไร?’
‘เวทที่ระดับสองปานใช้ได้มีชื่อเฉพาะว่าอะไร?’
จอมเวทสามปานกะพริบตาปริบ ๆ มือซ้ายยกขึ้นขยี้ตาที่แทบจะปิดสนิทอีกทีพลางกวาดตาอ่านโจทย์ใหม่
‘อะไรกันเนี่ย โจทย์ง่าย ๆ เองนี่นา?’
แมร์เลิกคิ้วด้วยความสงสัยเป็นกำลังที่เห็นว่าข้อสอบภาคทฤษฎีของโรงเรียนเวทมนตร์ช่างแสนง่ายดาย—หรือว่าความจริงแล้วจะแจกข้อสอบให้ผิดชุดกันนะ?
แต่ขอย้ำความเป็นจริงให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้งว่าโรงเรียนเวทมนตร์อีสตันเป็นโรงเรียนชั้นนำที่มีผู้เข้าสอบผ่านการคัดเลือกเพียงสามเปอร์เซ็นต์ในการสอบแต่ละปี แน่นอนว่าไม่มีทางที่ข้อสอบคัดเลือกภาคทฤษฎีจะง่ายดายปานนั้น ความยากของภาคทฤษฎีคือเวทมนตร์ก่อกวนที่ร่ายใส่กระดาษให้ตัวอักษรที่เป็นโจทย์ขยับยึกยือไปมา เป็นเวทที่มีความยากพอตัวซึ่งช่วยคัดคนไร้ความสามารถออกไปได้นักต่อนัก
และแมร์ รีสที่มีปานถึงสามปานย่อมไม่ใช่จอมเวทไร้ความสามารถ
พลังเวทที่หลุดการควบคุมของเจ้าตัวออกมากำลังกลืนกินเวทก่อกวนในกระดาษข้อสอบเข้าไปจนไม่อาจสำแดงฤทธา และเวทมนตร์ที่ทำให้ตัวอักษรวิ่งวุ่นไปมาอย่างกับฝูงมดดำก็ถูกทำให้หมดพิษสงไปอย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
เขาง่วงเกินกว่าจะนึกสงสัยอะไร แล้วก็ไม่เคยรู้ถึงผลพลอยได้เพียงน้อยนิดของอาการพลังเวทรั่วไหลที่คุณพ่อมักจะพูดประชดประชันว่ามันเป็นการฉี่ราด
‘ช่างเถอะ ทำ ๆ ไปก่อนละกัน’
แมร์คิดในใจเช่นนั้น ก่อนจะเริ่มจรดปลายปากกาเขียนคำตอบของตนลงไปอย่างสบาย ๆ
แต่พอเขียนไปได้สักพัก เจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ—และความเบื่อก็ยิ่งทำให้ความง่วงงุนทวีความรุนแรงขึ้นมาจนไม่อาจลืมตาสู้ไหว
‘อือ…ง่วงจัง’
“ฮ้าว~”
จอมเวทสามปานอ้าปากหาววอดขึ้นมาอีกครั้ง และเปลือกตาก็เริ่มปิดลง…ปิดลง…
“คร่อก…ฟรี้~”
.
.
.
คล็อด ลุจจิเดินตรวจตราผู้เข้าสอบในแต่ละแถวอย่างแข็งขันตามหน้าที่ของอาจารย์คุมสอบ
อันที่จริงเขาก็ไม่ต้องลงมาเดินเองหรอก กระดาษข้อสอบพวกนั้นมีเวทมนตร์กันการทุจริตร่ายถูกร่ายไว้ทำให้ตัดสิทธิ์พวกขี้โกงได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทว่าเขาก็เลือกที่จะเดินลงมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง ไม่รู้สิ การได้เห็นสีหน้าสิ้นหวังของพวกนักเรียนที่ทำข้อสอบไม่ได้มันก็รู้สึกดีอยู่หน่อย ๆ
ชายผมบลอนด์เดินผ่านนักเรียนคนแล้วคนเล่า อิ่มเอมใจกับความสิ้นหวังของนักเรียนผู้ไร้พรสวรรค์ จนกระทั่งเขาได้เดินมาจนถึงแถวท้าย ๆ
แถวที่มีไอ้เด็กหงอกยืนหาวตอนเขากำลังพูดอยู่
‘ไปดูหน้ามันสักหน่อยดีกว่า’
คิดพลางเขาก็เดินไปหาเรือนผมสีขาวปุยเด่นมาแต่ไกล มองไกล ๆ เห็นคอตกห้อยลงอย่างกับพวกที่ถอดใจเพราะสิ้นหวังอย่างสุดแสน
‘เหอะ คงจะยอมแพ้ไปแล้วล่ะสิไอ้เด็กนี่’
คล็อดคิดในใจพลางยิ้มเยาะ สองขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเปรมปรีดิ์กระทั่งเขามาหยุดอยู่หน้าผู้เข้าสอบที่มีนามว่า ‘แมร์ รีส’
ก็เป็นพวกโนเนมปกติ สามัญชนชั้นรากหญ้าที่ไม่มีใครรู้จักหน้าค่าตา
ทว่าพอได้ลองเข้ามายืนอยู่ต่อหน้า อาจารย์ผมบลอนด์ถึงได้เพิ่งเห็นว่าบนใบหน้าของเด็กหนุ่มมีปานอยู่ถึงสามปาน
…ฮะ?
ไอ้เด็กนี่อะนะจอมเวทสามปาน!!?
เหงื่อกาฬเม็ดโตไหลอาบใบหน้าของชายผมบลอนด์เมื่อได้รู้ว่าเด็กหนุ่มผมขาวตรงหน้าเป็นสปีชีส์หายากที่มีประชากรน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย อัจฉริยะผู้ถูกเลือกโดยพระเจ้าซึ่งอาจมีพลังเวททัดเทียมกับเหล่าเทพประทาน ความเหม็นขี้หน้าเพราะบังอาจมาหลับในตอนที่เขากำลังแนะนำตัวแปรเปลี่ยนเป็นความตื้นตัน ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้สอบผ่านเข้ามาได้คงสร้างผลงานให้กับอีสตันได้มากมายเป็นแน่
ย้ำว่าถ้าสอบผ่าน
“คร่อก…ฟรี้~”
เสียงกรนของจอมเวทสามปานทำให้คล็อด ลุจจิอยากจะยกบาทาขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยความหน่ายใจ
มันก็น่าจะผ่านได้สบาย ๆ อยู่หรอกถ้าไอ้เด็กนี่ไม่ได้นั่งหลับ ถามจริงเท้อ ถ้าไม่มีกะจิตกะใจจะสอบเลยสักนิดแล้วจะมาสอบทำหยังวะหา!? ถึงจะมีสามปานแต่ถ้าทำคะแนนไม่ได้ก็ชวดอดเข้าเรียนเหมือนกัน แล้วดันมาหลับภาคทฤษฎีที่ทำคะแนนได้ง่ายที่สุดอีกจนอยากจะร้องโว้ยออกมาดัง ๆ
จบละ ไอ้เด็กสามปานนี่สอบตกแหงแซะ
ชายผมบลอนด์ว่าพลางก็เตรียมหันหลังกลับ เห็นทีโรงเรียนเวทมนตร์อีสตันจะอดได้จอมเวทสามปานมาอยู่ในสังกัดซะแล้วล่ะม้าง—
แกร่ก แกร่ก แกร่ก
หือ?
ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปจากตรงนั้น เสียงอะไรบางอย่างคล้ายปลายปากกาขูดขีดลงบนกระดาษก็ได้เรียกให้คล็อด ลุจจิหันมามองอีกครา
เสียงนั้นดังมาจากแถว ๆ จอมเวทสามปานที่เขาเพิ่งละสายตาออกมาเมื่อครู่ สงสัยจะเป็นเสียงของเด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กระมัง แต่พอก้มลงมองที่มือก็ได้รู้ว่าอ้าวเฮ้ย ไม่เห็นว่าจะเขียนอะไรลงไปเลยนี่หว่า แต่ถ้าเสียงไม่ได้มาจากตรงนี้แล้วมันจะมาจากใคร—
ไม่มั้ง…คงไม่ใช่…
ดวงตาสีเปลือกเกาลัดค่อย ๆ ปรายมองไป กระทั่งเห็นปากกาขนนกกำลังขยับเคลื่อนไหวเขียนตัวอักษรลงไปบนกระดาษข้อสอบแบบสะเปะสะปะ คล็อด ลุจจิคงจะไม่ได้อะไรนักหรอกนะหากว่านั่นเป็นคนที่ขยับมือเขียนแบบปกติธรรมดา แต่ภาพที่ปรากฏแก่สายตาเรียกได้ว่าฉีกจากความปกติไปไกลโข
เพราะไอ้คนที่เขียนมันกำลังนั่งหลับอยู่—นั่งสัปหงกเป่าน้ำมูกเป็นฟองกรนฟรี้ ๆ
ถามจริง!?
แมร์ รีสกำลังทำข้อสอบอยู่ทั้งที่หลับตาอยู่แบบนี้…ทั้งที่กำลังหลับฝันหวานในท่านั่งแบบนี้อะนะ!?
อาจารย์คุมสอบผมบลอนด์คิดว่าเขาอาจจะแค่ตาฝาด—แต่ไม่เลย ตาของเขายังคงปกติดี และภาพของแมร์ รีสที่กำลังทำข้อสอบอยู่แม้จะไม่มีสติก็เป็นความจริง เดี๋ยว-เดี๋ยว ๆๆ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!? ไอ้เด็กนี่คิดว่ามันละเมอทำข้อสอบได้จริง ๆ งั้นเหรอ!?
คล็อด ลุจจิยื่นหน้าเข้าไปดูำตอบที่จอมเวทสามปานเขียนลงไปด้วยความเหลือจะเชื่อ ถึงคำตอบจะเป๋ไปเป๋มาอยู่ไม่น้อย แต่ทุกคำล้วนสะกดได้ถูกต้องแถมยังดูเข้าเค้าว่าจะเป็นคำตอบอีกแน่ะ
มันจะอเมซิ่งเกินไปละ
ละเมออีท่าไหนให้เขียนตอบได้ขนาดนี้เนี่ย? ถึงจะมีสามปานก็เถอะ แต่มันก็เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ชายผมบลอนด์ได้เพียงแต่โวยอยู่ภายในใจกับภาพที่กำลังกัดกินเซลล์สมอง มันโผล่มาจริง ๆ แล้วไง พวกบ้าบอเหนือมนุษย์มนาที่มีแววว่าจะสอบผ่าน
ในขณะที่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น เวลาของการทดสอบรอบแรกก็ได้สิ้นสุดลง
ผู้เข้าสอบวางปากกา บ้างก็เริ่มคอตก คล็อดพยายามเรียกสติที่หลุดลอยออกไปให้หวนคืนสู่กายหยาบของตน เย็นไว้ อย่าเพิ่งช็อก เก็บกระดาษคำตอบให้เรียบร้อยก่อน เขาพยายามบอกตนเองเช่นนั้น
ไหน ๆ ก็อยู่ตรงนี้ทั้งที เริ่มจากเก็บกระดาษคำตอบของแมร์ รีสก่อนเลยก็แล้วกัน
“เฮ้ย ตื่นมาส่งกระดาษคำตอบก่อน”
“อ๊ะ คร้าบ”
เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกขานรับแบบเอื่อย ๆ ตามประสาคนง่วงนอน ก่อนจะยื่นกระดาษคำตอบของตนให้กับอาจารย์คุมสอบทั้งที่หัวโคลงไปมาเล็กน้อยอย่างสะลึมสะลือ
คล็อด ลุจจิกวาดตามองคำตอบของแมร์ รีสไปปราดหนึ่ง
บ้าเอ๊ย ดันตอบถูกทุกข้อซะด้วย ถึงลายมือจะอ่านยากบรรลัยเลยก็เถอะ
เด็กหนุ่มสามปานได้สำแดงอภินิหารในฐานะจอมเวทสามปานให้เขาได้ประจักษ์แล้ว แต่ว่าการทดสอบต่อไปจะผ่านไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่านะ?
ไม่มีเวลาให้คล็อดได้ครุ่นคิดคาดการณ์อะไรมากนัก การทดสอบคัดเลือกจอมเวทเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์อีสตันต้องดำเนินต่อไป
“ด่านต่อไปคือการข้ามทะเลสาบ”
แมร์ รีส ข้ามทะเลสาบมาได้ด้วยไม้กวาดแม้จะขี่เป๋ไปมาอย่างน่าหวาดเสียว
“ตามด้วยการใช้เวทลอยตัวกับก้อนหิน”
แมร์ รีส ยกหินก้อนยักษ์หนักเกือบตันได้อย่างง่ายดายทั้งที่นอนฟุบอยู่บนหมอนแกะ
“ถัดไปคือนี่ นั่น แล้วก็โน่น”
แมร์ รีส ผ่านทุกบททดสอบได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งที่ดวงตายังคงหลับพริ้มแถมยังนอนกรนสบายใจเฉิบ
ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบแบบใดก็ไม่อาจทำให้เด็กหนุ่มสามปานลืมตาขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย แม้วิธีการผ่านจะไม่ได้พิสดารอะไรมากมายเหมือนอย่างจอมเวทพลังกล้ามเมื่อสองปีก่อน แต่ภาพของเด็กหนุ่มที่เคลียร์การทดสอบทั้งที่ยังหลับอยู่ก็ได้ทำลายสามัญสำนึกจนหดหาย—อันที่จริงมันก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกเหลือรอดมาจากรุ่นเมื่อสองปีก่อนแล้ว พวกอัจฉริยะบ้าหลุดโลกกำลังทำให้ความปกติสามัญถูกหลอมละลายไป
‘ล..แล้วคราวนี้ล่ะจะยังผ่านโดยที่หลับอยู่ได้อีกไหม!?’
คล็อดคิดในใจพลางแกว่งไกวไม้กายสิทธิ์คู่ใจ ทันใดนั้นผืนดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรงจนผู้เข้าสอบแทบเซไปตาม ๆ กัน กำแพงสูงชันพลันโผล่ขึ้นมาจากพื้นพิภพขวางกั้นว่าที่นักเรียนอีสตันแยกให้ทุกคนกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทาง เรียงต่อกันเป็นเขาวงกตยักษ์ที่เต็มไปด้วยกับดักและภยันตราย
“เอาล่ะ มาสู่ขั้นต่อไปกันเลย”
จอมเวทผมบลอนด์ประกาศลั่น และเหล่าผู้เข้าสอบก็เริ่มถูกคลื่นความกังวลและความกดดันถาโถมเข้าใส่
แล้วทางฝ่ายจอมเวทสามปานคนนั้นจะมีทีท่าเช่นไรกันหนอ?
.
.
.
“ฮ้า~ว~”
-*-*-*-*-*-*-*-*-
writer Note :
ในที่สุด…ในที่สุดตอนที่หนึ่งก็เสร็จ โฮฮฮฮ
ตอนนี้เจ้าแกะก็หลับเกือบทั้งตอน #แมร์คุงเลิกนอนกี่โมง ต้องมาแล้วค่ะงานนี้
-*-*-*-*-*-*-*-*-
To be Continue
ความคิดเห็น