ฆาตกรรม.....อำพราง - ฆาตกรรม.....อำพราง นิยาย ฆาตกรรม.....อำพราง : Dek-D.com - Writer

    ฆาตกรรม.....อำพราง

    เมื่อหญิงสาวได้ลงมือฆ่าคนแล้ว เธอจะทำยังไงดี

    ผู้เข้าชมรวม

    1,188

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.18K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ส.ค. 49 / 11:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

        สาวิตรีแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่อยู่เบื้องหน้า

        ที่มุมห้อง  'สมชาย'  สามีของเธอนอนจมกองเลือดอยู่  ร่างกายของเขาถูกคมมีดเสียบคาไว้ที่ท้อง  เธอถอยหลังอย่างหวาดระแวงกลับไปที่ห้องน้ำ  แล้วก็ต้องสะดุดขาของใครบางคนจนตัวเธอล้มลงไปอยู่ที่พื้นห้องน้ำ  ฌะอเงยหน้ามองดู  มันเป็นร่างหญิงสาวที่เธอคุ้นเคย  'เดือน'  เลขาสาวของสมชายตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ตอนนี้มีเพียงร่างไร้วิญญาณ  เธอถอยหนีไปจนสุดมุมของห้องน้ำด้วยร่างที่สั่นเทาและหวาดกลัว                                                                                                                                

        เธอแทบไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น.....ว่ามันได้เกิจากน้ำมือของเธอเอง

        ตรีกลับถึงบ้านในตอนเช้าหลังการสัมมนาที่ต่างจังหวัดเสร็จสิ้นเร็วกว่าที่กำหนดและเธอเองก็ต้องแปลกใจที่สุดเมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนออกแล้วได้พบภาพที่บาดตาบาดใจ  สามีของเธอแอบมีอะไรกันกับเลขาฯ  ส่วนตัวของเขาบนเตียงนอนที่เธอกับเขาเคยนอนด้วยกัน  ตรีโมโหสุดขีดเธอมีปากเสียงกับสมชายอย่างรุนแรง  แต่แทนที่สมชายจะขอโทษหรือยอมรับผิด  เขากลับด่าทอและโทษว่าเป็นเพราะเธอไม่มีเวลาให้กับเขา

        สาวิตรีแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือผู้ชายที่เธอรักและไว้ใจอย่างที่สุด  เธอเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบมีดพกออกมา  มีดที่เธอซ่อนไว้เพื่อใช้ป้องกันตัวในยามคับขัน  ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นอาวุธเพราะแรงหึงหวงของเธอ  เธอเอามีดไล่แทงสมชายด้วยโมโหร้าย  เธอหวังจะปลิดชีวิตผู้ชายที่ทำลายความไว้ใจของเธอเสียด้วยมีดของเธอเอง  สมชายใช้มือปัดป้องหลบมีดไปพร้อม ๆ กับร้องห้ามเธอ  และพูดกล่าวแก้ตัวกับความผิดที่ได้ทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ  แต่ดูเหมือนคำแก้ตัวของเขาจะยิ่งเป็นแรงยุ  เธอกลับรู้สึกโกรธและเกลียดเขากับเลขาฯ  มากขึ้น  สาวแอบอยู่เบื้องหลังที่เธอได้เห็นยิ่งทำให้ความแค้นทวีคูณ  เธอถือมีดวิ่งเข้าไปอย่างมั่นคงแล้วคมมีดนั้นก็ไม่คลาดเป้า  มันเสียบเข้าไปในเนื้อของสมชายก่อนที่เลือดจะไหลพ่งออกมา  เธอตกใจกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป 

        แต่เสียงกรีดร้องของแสงเดือนที่ดังขึ้น  ก็ทำให้สัญชาตญาณในการทำลายล้างของเธอปลุกขึ้นมาอีกครั้ง  แสงเดือนวิ่งหนีหวังจะเอาชีวิตรอด  เธอวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำแล้วพยายามจะลงกลอนปิดกั้นอันตรายไว้เบื้องนอก  แต่ไม่ทันเพราะตรีคว้าประตูไว้  เธอดึงประตูออกอย่างง่ายดายด้วยความแค้น  เธอเดินเข้าไปประชิดตัวของเดือนก่อนที่จะผลักร่างของเลขาฯ  สาวพยายามอ้อนวอนขอชีวิตแต่มันไม่เป็นผล  เมื่อตรีจับเอาหัวของเดือนกดน้ำจนขาดอากาศหายใจไปในที่สุด
        ตรีมองดูเลือดที่เปื้อนตามมือและร่างกายอันสั่นเทาของเธออย่างหวาดกลัว  และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปในเวลาที่สายไปเสียแล้ว  เธอคิดอย่างผิดหวังและทุกข์ใจ  แต่เธอก็ไม่อาจจะยอมรับกรรมอันเป็นความผิดครั้งนี้ได้

        มันไม่ใช่ความผิดของฉัน.....ฉันขอโทษคุณด้วยนะสมชาย  คุณไม่น่าจะทำกับฉันอย่างนี้เลย  พวกคุณ.....พวกคุณเป็นคนบีบให้ฉันต้องทำ  ฉันไม่ได้ทำ  ฉันไม่ผิด  ฉันเสียใจ  เธอคร่ำครวญจนหมดสติไปพักใหญ่และตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยง

        เมื่อเธอได้สติแล้วเธอก็รีบไปค้นหาถุงดำมาใส่ร่างที่ไร้วิญญาณของคนทั้งสอง  แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของสามี  ความรัก  ความแค้น  ความเสียใจก็กลับมาอีกครั้ง  เธอร้องห่มร้องไห้วิงวินขอโทษสมชายอยู่นานกว่าจะได้สติอีกครั้งหนึ่ง  แล้วจึงบรรจุศพของสามีลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก่อนจะรูดซิปปิดตายลงไปเหมือนกับที่เธออยากให้ความลับนี้ถูกปิดตายไว้แค่ในกระเป๋าใบนี้  ตรีจัดการกับร่างที่ไร้วิญญาณของแสงเดือนเช่นกัน ก่อนที่เธอจะเก็บกวาดหลักฐานต่าง ๆ ออกไปหมดสิ้น  ให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในนี้.....จนตกเย็นทุกอย่างก็สะอาดเรียบร้อย  เว้นแต่ใจเธอ

        ตรีอาบน้ำแต่งตัวแล้ว  ได้นำกระเป๋าเดินทางใส่ไว้ใต้กระโปรงรถใบหนึ่ง  และวางไว้บนเบาะฟลังแกใบหนึ่ง  พร้อมนำผ้าสีดำคลุมไว้  เธอขับรถออกจากบ้านออกไปอย่างปกติ  จุดหมายก็คือหน้าผาริมน่านน้ำ  เธอขับรถอย่างเชื่องช้าและเริ่มใจดีขึ้นเพราะทุกอย่างดูจะเป็นปกติ  แต่แล้วความรู้สึกแย่ ๆ ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  เมื่อเธอเห็นแสงไฟให้หยุดรถจากด่านตรวจข้างหน้า
        เธออยากจะถอยรถหนีกลับไป  แต่ก็ทำไม่ได้เพราะด่านตรวจอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก  ถ้าเธอถอยรถกลับไปยิ่งจะทำให้เป็นที่น่าสงสัยแล้วสุดท้ายก็จะจบกัน  เธอพยายามรวบรวมความกล้าที่ไม่ค่อยมีอยู่สักเท่าไรในการขับรถไปยังจุดตรวจ

        "สวัสดีครับคุณผู้หญิง  ต้องรบกวนขอความร่วมมือด้วยนะครับ"  เสียงกล่าวของตำรวจนายหนึ่งดังขึ้น

        "ได้ค่ะ  มีอะไรกันเหรอคะ " ตรีกล่าวรับอย่างไม่เต็มเสียง

        "คือเราต้องขอทำการตรวจค้น  เนื่องจากมีผู้ร้ายหลบหนีมาตามเส้นทางนี้ครับ  แต่เอ๊ะ ! คุณผู้หญิงไม่สบายรึเปล่าครับเห็นหน้าตาซีดเหงื่อออกเยอะเชียว " ตำรวจนายนั้นถามอย่างสงสัย

        "เอ่อ.....ดิฉันไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ " เธอกล่าวแก้ตัว

        "คุณจะไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าครับ  เห็นมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เชียว"

        "ค่ะ  ดิฉันจะไปเที่ยวทะเลแถวนี้สักหน่อยน่ะค่ะ"

        "รบกวนช่วยเปิดให้ค้นได้มั้ยครับ"

        "แค่ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้หญิงน่ะค่ะ " เธอบ่ายเบี่ยง

        แต่ยังไงทางเราก็ต้องตรวจค้นนะครับ  ตำรวจนายนั้นกล่าวย้ำ

        "เอ่อ....."  เจนจิราพยายามคิดหาทางบ่ายเบี่ยง  ขณะเดียวกันก็มีเสียงวอเรียกของตำรวจดังขึ้น

        "วอหนึ่งเรียกวอสอง  ทางเราดักจับรถผู้ต้องสงสัยได้ที่เส้นทางถนนเลียบทะเลกิโลเมตรที่สิบ  ผู้ต้องสงสัยกระทำการหลบหนีไปทางเราจึงวอนมาขอกำลังเสริม  ทราบแล้วเปลี่ยน"

        "ทราบแล้ว  ทางเราจะส่งกำลังเสริมไปในทันที  เปลี่ยน"  เสียงวอตอบกลับนั้น  ทำให้สาวิตรีใจชื้นขึ้น  เพราะตำรวจที่กำลังจะทำการตรวจค้นรถของเธออยู่นั้นกลับรีบวิ่งขึ้นรถตำรวจแล้วบึ่งรถออกไปในทันที

        สาวิตรีขับรถต่อไป  ในใจก็เฝ้าภาวนาไม่ให้มีใครมาสงสัยหรือมายุ่งกับเธออีก  เธอเปิดวิทยุฟังเพลงเพื่อความผ่อนคลาย

        "สวัสดีค่ะ  มาพบกับการรายงานข่าวในต้นชั่วโมงนะคะ  จากกรณีที่มีผู้พบศพถูกฆาตกรรมอำพรางในหลายพื้นที่ในรอบเดือนที่ผ่านมากว่าสิบกว่าศพนั้น  ล่าสุดทางตำรวจได้ออกมายืนยันว่าเป็นฝีมือของฆาตรกรคนเดียวกัน  ซึ่งน่าเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีอาการผิดปกติทางสมอง  ชอบความรุนแรง....."  สาวิตรีได้ฟังดังนั้นก็เกิดอาการหวาดผวาขึ้นมาอีกครั้ง  เธอนึกภาพใบหน้าของสมชายที่ตามมาหลอกหลอนเธอ  เธอไม่อยากตกเป็นข่าวเช่นเดียวกันนั้น  เธอหวาดกลัว  เธอจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไปจนวันตาย  การอำพรางของเธอจะต้องเป็นไปอย่างเรียบร้อย  สาวิตรีนึกในใจขณะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา

        สาวิตรีขับรถต่อไปเรื่อย ๆ  บนเส้นทางที่แสนจะเปลี่ยวมืด  จะจวนถึงหน้าผาริมทะเลจุดที่เธอจะละทื้งความผิดทั้งหมดที่เธอได้กระทำขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบขณะหนึ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ  แต่แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นกับเธออีกครั้ง  ตรีเหยียบเบรกเต็มแรงเมื่อเห็นคนวิ่งตัดหน้ารถ  แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว  ร่างของชายคนนั้นล้มลง  ตรีตกอยู่ในอาการตัวสั่นขวัญผวาอีกครั้ง

        "มันเป็นวันอะไรของฉันเนี่ย  ขอให้เขาอย่าเป็นอะไรไปนะ  มันจะไม่มีศพที่สามจากฉันอีก  เขาไม่เป็นอะไร  เขายังมีชีวิตอยู่"  ตรีรำพึงกับตัวเองให้รู้สึกคลายความกังวลกับเหตุที่เกิดขึ้น  ในขณะที่เดินลงไปดูอาการของชายคนนั้น
        ชายคนนั้นนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนน  ตรีสังเกตเห็นรอยเลือดจากชายคนนั้น  เลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่ศีรษะที่ถูกกระทบกับพื้นถนน  เธอหยุดชะงักก่อนจะเดินถึงร่างของชายคนนั้น  เมื่อสังเกตเห็นว่าในมือของเขากำมีดอยู่  ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง  แผลที่ศีรษะของเขายังมีเลือดไหลออกมา  สียงของวิทยุที่เปิดไว้ยังคงรายงานข่าวฆาตกรรมอย่างต่อเนื่อง

        "รูปพรรณของคนร้ายตามที่ได้รับรายงานมานะคะ  คนร้ายใส่เสื้อคอกลมสีเทา  สวากางเกงยีนส์  มีรอยสักลายมังกรตามท่อนแขนทั้งสองข้าง  และที่น่าสังเกตคือคนร้ายจะทาเล็บสีดำทั้งสิบนิ้ว  ผมสั้นเกรียน  ใบหน้าจะดูโหดร้ายแต่มีแววตาที่เหม่อลอยเหมือนคนขาดสติ....."

        รายงานข่าวที่สาวิตรีได้รับทราบยิ่งทวีความหวาดกลัวมากขึ้น  เพราะมันดูคล้ายกันกับชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอเหลือเกิน  สาวิตรีถอยร่นกลับไปที่รถของเธอ  แต่เพราะความกลัวและร่างกายที่อ่อนล้ามาทั้งวันเธอจึงสะดุดล้มลง

        ชายคนนั้นก้าวตามมาอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง  ตรีกรีดเสียงร้องขอความช่วยเหลือและพยายามลุกขึ้นตะเกียกตะกายพาร่างของเธอหนีชายคนนั้นไป  แต่ชายคนนั้นตามมาทัน  เขาคว้าจับแขนของเธอไว้แน่น  ตรีมองกลับมาและสบสายตาของเขาสายตาที่เลื่อนลอยแต่น่าหวาดกลัว  เขาแสยะยิ้ม  เธอพยายามสะบัดข้อมือหนีและร้องขอชีวิตแต่แล้วก็รู้สึกชา ๆ ก่อนจะเจ็บปวดอย่างที่สุดบริเวณซี่โครงด้านขวา
        คมมีดของชายโรคจิตคนนั้นเสียบทิ่มไปจนมิดด้ามที่ร่างของสาวิตรี  เธอกรีดเสียงร้อง  เขากระหนำแทงเธออย่างคลุ้มคลั่งอีกหลายแผลจนสิ้นเสียงร้องของเธอ  ตรีนึกเห็นใบหน้าและเสียงร้องขอชีวิตของสมชายและแสงเดือน  เธอเองยังห่วงและเป็นกังวลว่าความผิดที่เธอพยายามจะอำพรางนั้นมันจะถูกเปิดเผยออกมา  เธอไม่อยากจะได้ชื่อว่าเป็นฆาตรกรแม้จะต้องตายไป  สาวิตรีหลับตาลงอย่างเป็นห่วงและอาวรณ์  แล้วเธอก็หมดลมหายใจลงไป

        ชายโรคจิตลากร่างที่ไร้วิญญาณของสาวิตรีไปซุกไว้ในกระโปรงรถที่ยังพอมีพื้นที่ว่างจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบนั้นอยู่  ชายคนนั้นขับรถออกไปอย่างเป็นปกติ  เขามุ่งหน้าไปที่จุดหมายเดียวกันกับที่ตรีตั้งใจไว้ในตอนแรกที่หน้าผาริมทะเลนั้น  เขาหยุดรถก่อนที่จะค่อย ๆ ลากศพของตรีออกมาจากที่ซ่อน  หมายจะอำพรางคดีการฆาตกรรมนี้ด้วยการทิ้งศพของเธอให้จมลงไปฝต้ก้นบึ้งของทะเลตามแผนการเดิมของเธอ  เขาโยนร่างของเธอลงไป  ตรีร่วงลงจมดิ่งไปในความมืดมนของทะเลในยามค่ำคืนพร้อมกับความลับที่ถูกอำพรางไว้  แล้วชายคนนั้นก็ขับรถออกไปอย่างเย็นชา


        "รายงานข่าววันนี้นะคะ  เริ่มจากคดีที่ชายโรคจิตออกอาละวาดฆาตกรรมอำพรางศพนับศิพที่ได้รายงานไปเมื่อวันก่อน  กลางดึกคืนวานนี้ทางตำรวจก็สามารถจับกุมชายคนดังกล่าวได้แล้วในขณะตั้งด่านสกัดบริเวณถนนเลียบทะเลกิโลเมตรที่สิบ  โดยจับผู้ต้องหาได้พร้อมกับรถเก๋งที่ภายในได้ซ่อนศพชายหญิงคู่หนึ่งไว้ในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่  โดยทางตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่คนร้ายได้ทำการฆาตกรรมและกำลังจะนำศพไปอำพรางคดีแต่ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านสกัดจับไว้ได้เสียก่อน  โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหายังคงมีอาการเหม่อลอยและปฏิเสธการกระทำในครั้งนี้  แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อแน่ว่าจากหลักฐานและพยานแวดล้อมดังกล่าวจะสามารถมัดตัวคนร้ายได้ในที่สุดค่ะ"


        การฆาตกรรมอำพรางของสาวิตรีในครั้งนี้  ยังจะคงถูกอำพรางไปชั่ว
      นิรันดร์





      P.S.  อันนี้เป็นเรื่องแรกยังไงก็ต้องขอโทษด้วนะคะถ้ามีข้อผิดพลาดยังไง  และช่วยชี้แนะด้วนะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×