คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : A riddle man
「ปริศนารึ ความเคลือบแครงใจรึ คำตอบที่ไม่กระจ่าง นำพาไปสู่คำถามปริศนา」
“แกเป็นใคร” ญาดาถามชายปริศนาผู้นั้น หน้าเครียด...พยายามระวังตัวสุดฤทธิ์ ไม่ไว้ใจว่าเขาจะมาดีหรือมาร้ายกันแน่ ยิ่งเขามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้ ถ้าไม่ระวังให้ดีทั้งหล่อนและนิราลัย อาจโดนชายปริศนาสังหารเอาก็ได้
“แกเป็นใคร” ญาดาถามอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบจากชายปริศนาเช่นเดิม
ชายปริศนาหันมามองทางพวกเขาแล้วยิ้ม ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสตรงแผลของเจ้านกยักษ์ เพียงชั่วอึดใจนกยักษ์ที่บาดเจ็บปางตายตัวนั้น ก็สามารถบินขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าได้อย่างอิสระเช่นเดิม
ญาดาและนิราลัย ตื่นตะลึงระคนสงสัย แต่ก็ยังสามารถสังเกตเจ้านกยักษ์ที่มันพยายามบินวนไปวนมาอยู่บนท้องฟ้า ร้องเสียงดังลั่นแสดงความขอบคุณต่อพวกญาดา แล้วบินจากไป
“เจ้าเป็นใครกันแน่” คราวนี้นิราลัยเป็นคนถาม
ชายปริศนาก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม
“ทำไมแค่เจ้าแตะมือเบาๆ ก็ทำให้อาการของเจ้านกยักษ์หายเป็นปริบพริ้งได้”
“หรือว่าแกเป็นพ่อมด”
“ข้าไม่ใช่พ่อมด” ชายปริศนาตอบ
“หรือว่าเจ้าเป็นเทพ”
“ข้าไม่ใช่เทพ ไม่ใช่มารร้าย และไม่ใช่มนุษย์”
“แล้วแกเป็นตัวอะไรกันแน่”
ชายปริศนายิ้มให้อีกครั้ง
“ข้าเป็นมนุษย์ต่างดาว”
จ๊าก~~~
’มนุษย์ต่างดาว’
มามุขไหนกันเนี๊ยะ โถ้...ยังมีใครกล้าเล่นมุกนี้อีกงั้นหรอ...
“มันจะตลกฝืดไปหน่อยแล้วมั้ง” คริสที่อยู่อีกโลก กล่าวขึ้น ไม่สบอารมณ์นัก
“ฮะ ฮะ ฮะ...ข้าล้อเล่นน่า” ชายปริศนากล่าว
เขาปรกติดีไหมนี่...แต่ที่แน่ๆ มันก็ยังไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าเขาจะมีจุดประสงค์ที่ดีเลย
“ฉันถามเป็นครั้งสุดท้าย แกเป็นใครกันแน่”
ชายปริศนายิ้มให้อีกครั้ง
“ใครๆก็เรียกข้าว่า ‘เทพอสูร’”
“ ‘เทพอสูร’ งั้นหรอ!?...ไอ้บ้า ล้อเล่นหรือไงฟะ!!..บอกมาดีๆดีกว่าว่าแกเป็นใครแล้วมาด้วยจุดประสงค์อะไร”
“ที่ข้าบอกว่าข้าคือ ‘เทพอสูร’มันเป็นเรื่องจริง แค่ที่เจ้าเห็นนกยักษ์นั่นก็น่าจะรู้แล้ว หรือเจ้าอยากให้พิสูจน์อย่างอื่นล่ะ”
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ แกจะเป็นเทพ เป็นอสูร หรือว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ฉันไม่สนใจสักนิด ถ้าเดาไม่ผิดแกมาที่นี่ตั้งใจมาหาพวกเราโดยเฉพาะใช่ไหม”
เทพอสูร พยักหน้า
“ใช่ ถูกแล้ว ข้าตั้งใจมาหาพวกเจ้าโดยเฉพาะจริงๆ ...ความจริงข้าแอบสังเกตพวกเจ้ามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้า ญาดา ถูกพัดมายังที่แห่งนี้”
“อย่าบอกนะที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะแก เทพอสูร”
“ไม่~ไม่ใช่เพราะข้า...ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หรอก เจ้ามาของเจ้าเองต่างหาก”
“งั้นก็หมายความว่า...”
“ในขณะที่ตัวเชื่อมต่อของเวลากำลังทำงานผ่านสื่อกลางบางอย่าง เจ้าที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา ก็ได้เปิดทางเชื่อมนั่นเข้ามาในโลกนี้ โลกที่ไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ โลกที่ไม่มีอยู่ในแผนที่ที่เจ้ารู้จัก จะว่าพูดให้ถูกแล้วโลกนี้เป็นโลกที่เรียกกันในนาม ‘โลกแห่งจินตนาการเสมือนจริง’ นั่นเอง”
“‘โลกแห่งจินตนาการเสมือนจริง’ งั้นหรอ?”
“ใช่ จะว่ายังไงดีล่ะ...เหมือนกับเจ้ามีตัวตนอยู่จริงและไม่มีตัวตนอยู่จริงในโลกแห่งนี้...ตัวอย่างเช่น หากเจ้าโดนนกยักษ์ตัวนั้นกินเข้าไป เจ้าก็จะเจ็บปวดแล้วตาย ในขณะที่ร่างจริงของเจ้าซึ่งถูกพัดไปที่ไหนสักแห่งในห้วงเวลาก็จะตายไปด้วยทั้งที่ร่างจริงของเจ้าไม่ได้ถูกนกยักษ์กินจริงๆ”
“ฟังแล้วสับสนแหะ ยังกับการ์ตูนเลย”
“ก็คล้ายๆอย่างนั้นเหมือนกัน”
“จะยังไงก็แล้วแต่ แกช่วยพาฉันกลับไปที่โลกที่ฉันจากมาได้ไหม ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่มากนักหรอก และฉันไม่สนด้วยว่าไอ้โลกบ้าๆนี้มันเป็นโลกแบบไหน”
เทพอสูรยิ้มแววตาเยือกเย็น ราวกับสิ่งที่ญาดาพูดมันเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นล่ะ
“เห็นทีข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้”
“ทำไมล่ะเทพอสูร ฉันรู้ แกรู้เรื่องทุกอย่างดี...ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ มันบ่งบอกได้ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ โลกของฉันที่จากมาและไอ้โลกที่แกบอกว่ามันคือ ‘โลกแห่งจินตนาการเสมือนจริง’ อีกทั้งอิทธิฤกษ์ที่แกแสดงให้พวกฉันเห็นอีก มันก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่ ที่จะพาฉันกลับไป”
“เจ้ายังไม่เข้าใจสินะ ญาดา ข้าหลงนึกว่าเจ้าจะฉลาดกว่านี้เสียอีก น่าผิดหวัง”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ว่าฉันฉลาดหรือโง่เง่า กับคำพูดที่ชวนสับสนและเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้น
”
“ญาดา เจ้ากำลังจะพูดว่า คำพูดของข้าไม่กระจ่างสินะ...งั้น จะสรุปสั้นๆให้ก็ได้...การที่เจ้ามาที่โลกนี้ได้เป็นเพราะเจ้าเผลอไปเปิดประตูมิติขึ้นในขณะที่มันกำลังทำงานเต็มที่ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผู้มีอำนาจทั้งหลาย ถ้าจังหวะนั้นเจ้าละเลยไปเสีย ตัวเจ้าก็จะยังคงอยู่ยังโลกที่เจ้าจากมานั่นได้ แต่เจ้า...”
“สรุปแล้ว โทษใครไม่ได้นอกจากตัวฉันเอง ฉันมันซวยเองใช่ไหม”
“ใช่ ดังนั้น ในเมื่อเจ้ามาเองก็ต้องกลับไปด้วยตัวเอง...เพราะข้าไม่มีอำนาจพอจะช่วยเจ้าได้”
“ขนาดเทพอสูรยังไม่มีอำนาจพอ แล้วฉันซึ่งเป็นแค่คนธรรมดาๆจะไปหาทางออกได้อย่างไรเล่า”
“ฮ่า ฮา ฮ้า~~เพราะเจ้าเป็นแค่คนธรรมดาๆนั่นล่ะ ดังนั้นกฎเกณฑ์ของสวรรค์จึงทำอะไรเจ้าไม่ได้”
“หมายความว่าถ้าทิ้งกฎบ้าๆนั้นไป เรื่องที่แกจะช่วยให้ฉันกลับไป มันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้า-ปากน่ะสิ ใช่ไหม? เทพอสูร”
เทพอสูรยิ้มตอบ แล้วพยักหน้า...ความหมายคือ ‘ถูกต้อง’
“เรื่องง่ายๆ แกก็ทิ้งกฎไปซะ กฎเขามีไว้แหกไม่ใช่หรอ”
“แต่ไม่ใช่กับที่นี่ ถ้าใครกล้าอยู่นอกเหนือกฎ นั่นก็หมายความว่าการมีตัวตนอยู่ของผู้นั้นจะสูญสลายไปทันที...ถ้าข้าช่วยเจ้าไปเปิดประตูมิติซึ่งเป็นข้อห้ามขั้นสูงสุดของสวรรค์ ความหายนะจะบังเกิดขึ้นทั้งกับข้าและตัวเจ้า ”
ญาดานิ่งเงียบไปสักพัก...มันเหลือเชื่อเกินไป กฎเกณฑ์ที่สวรรค์กำหนดไว้งั้นหรอ กับแค่กฎพื้นๆทั่วไปของโลกที่หล่อนจากมา แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกเอียดเต็มทนแล้ว...ยุ่งยาก น่ารำคาญเสียจริง
“ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่อย่างน้อยๆน่าจะช่วยแนะอะไรบ้าง อย่างฉันจะต้องทำอย่างไงถึงจะได้กลับไป เทือกนั้นน่ะ”
“เจ้าจงไปหาประตูมิติแล้วเปิดออกเสีย เจ้าก็จะได้กลับไป...อ้อ...รวมทั้งเจ้าด้วยนะ นิราลัย”
จริงสิ เกือบจะลืมไปแล้วว่ามีคนๆนั้นอยู่ด้วยใกล้ๆ
“ข้าหรอ!?”
“ใช่...เจ้าไม่อยากรู้ถึงที่มาที่ไปของเจ้าหรือไง รวมทั้งชื่อจริงๆของเจ้า”
“ข้าอยากรู้ อยากรู้ที่สุด”
“ประตูมิตินั่น นอกจากจะทำให้เจ้า ญาดา กลับไปได้แล้ว กับตัวเจ้า นิราลัย มันยังสามารถย้อนอดีตของตัวเจ้าได้ด้วย และที่สำคัญมันยังนำพาไปสู่อนาคตได้อีก”
“มิน่าล่ะ ถึงได้บอกว่า ‘เป็นข้อห้ามขั้นสูงสุดของสวรรค์’ เพราะงี้สินะ...กาลเวลาทั้งหมด อดีต ปัจจุบัน อนาคต และโลกที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ถูกควบคุมจากประตูมิติบานเดียว”
“เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วญาดา ข้านับถือในสติปัญญาของเจ้ายิ่งนัก”
“เอาเถอะ คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ ก็ได้ ว่าแต่ไอ้ประตูมิติที่แกพูดถึงมันอยู่ไหน”
เทพอสูรชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
“มันอยู่ในสรวงสวรรค์ บนโน้นล่ะ” เทพอสูรกล่าว น้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ญาดาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พยายามหักห้ามใจระงับความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในกาย ... เทพอสูรเพราะแกสามารถขึ้นไปบนนั้นได้สบายๆ แต่พวกเขานั้นตรงกันข้าม แค่คิดมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“แต่ก่อนอื่น ข้าจะพาพวกเจ้าไปทางตะวันตก ไปหาสถานที่ที่มีชื่อว่า ‘ถ้ำไร้ขอบเขต’ เพื่อไปหาอาวุธที่เหมาะมือสำหรับพวกเจ้า...เพราะหนทางที่จะเดินไปถึงประตูมิติบนสรวงสวรรค์นั้นมันยากลำบากเอาการทีเดียว...โลกแห่งนี้ มันมีสิ่งหลายสิ่งมากมาย ทั้งเทพ ปีศาจ จอมเวทย์ พวกที่มีพลังพิเศษ สัตว์แปลกประหลาด รวมถึงมนุษย์ธรรมดาๆ มีทั้งที่ดีและชั่วร้าย...”
ยิ่งฟังญาดาก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมเทพอสูรถึงไม่พาพวกหล่อนไปให้ถึงประตูมิติให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ กลับบอกว่าจะพาไปยังถ้ำไร้ขอบเขตแทน...มันออกจะเสียเวลายังไงไม่รู้
“...ข้าจะบอกให้ใน ‘ถ้ำไร้ขอบเขต’ ถ้าเจ้าสามารถรอดพ้นการทดสอบแสนอันตรายจากที่นั่นมาได้ จะมีคนแนะทางให้เจ้าไปยังประตูมิติ ...ซึ่งคนๆนั้นเคยเป็นเทพมาก่อน... เทพที่ทำผิดกฎ เพราะไปหลงรักนางปีศาจ...หน้าที่ๆเขาเคยเป็นก็คือ เทพเฝ้าประตูมิติ”
·۰•● ❤░※░❤ ●•۰·
ความคิดเห็น