คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : There's nobody in town
「แปลกหู แปลกตา ทุกสรรพสิ่งไม่อาจคาดเดาได้ แต่เราก็ยังย่างก้าวเท้าเดินต่อไป」
ขณะที่ลืมตาตื่นขึ้น ภาพที่ญาดาเห็นอยู่ตอนนี้คือ ความว่างเปล่า มองไปทางไหนก็มีเพียงแค่ซากหักพังของสิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวมากมาย จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่พอจะมีผลกินประทังได้บ้าง
สายลมหวีดหวิวที่พัดผ่านสัมผัสผิวกาย ทำให้หล่อนรู้สึกสะท้านไปทั่วร่าง
“ที่นี่ไม่มีใครอยู่หรือไงนะ” ญาดากล่าวคนเดียว พลางสอดส่ายสายตาด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนบ้าง เพื่อที่จะได้ตอบคำถามข้อสงสัยของหล่อนให้กระจ่าง ว่าณ.ที่แห่งนี้มันคือที่ไหน แล้วหล่อนจะสามารถกลับได้เสียที...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน อย่าว่าแต่มนุษย์เลย สัตว์สักตัวหล่อนก็ไม่เห็น
‘หรือว่าจะไม่มีใครอยู่นะ’ ญาดาคิดในใจ
ทั้งหวาดหวั่น ทั้งฉงนสงสัย แต่พยายามทำใจให้สงบ นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ค้นหาที่มาที่ไป
หลังจากที่หล่อนเปิดสมุดปกขาวของคริสแล้ว แสงสว่างในสมุดนั่นก็นำพาหล่อนมาที่แห่งนี้
“บ้าที่สุด” ญาดาสบถ แล้วหายใจลึกๆ ตะโกนออกไปสุดเสียง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เฮ้ย~~มีใครอยู่ไหม ตอบฉันทีสิ”
เช่นเดิม ไม่มีเสียงใดจากใครหรือจากสิ่งไหนขานรับหล่อนสักคน และตอนนี้เองหล่อนก็ชักจะท้อแท้หมดหวัง...ถึงกระนั้นญาดาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เสียงเรียกจากหล่อนก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับกำลังขาที่อ่อนล้าเต็มทน จนในที่สุด เรี่ยวแรงที่มีพลันหมดลง
ญาดานั่งทรุดตัวนั่งลงข้างซากอะไรสักอย่าง
“เพราะนายคนเดียวคริส ฉันถึงได้ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ คอยดูนะกลับไปได้เมื่อไรแกหัวแบะด้วยไม้เคนโดของฉันแน่ คริส”
ถึงจะกล่นด่าแค่ไหน ญาดาเองก็รู้ตัวดี การที่จะออกไปจากที่นี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มิอาจมองหนทางที่จะก้าวต่อไปได้
“ไม่นะญาดา เธออย่าร้องไห้ออกมานะ” หล่อนหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ร้องไห้ เพราะการร้องไห้นั่นหมายถึงความอ่อนแอ ญาดาไม่อยากอ่อนแอ แต่ต่อให้แกร่งเพียงใด ลองได้เจอเรื่องแบบนี้ ไม่มีใครสักคนอยู่ข้างๆ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนี่ ก็สะกดน้ำตาตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเมื่อใด แสงสว่างของยามเช้า สร้างสีสันบนท้องฟ้าเป็นสีส้มอมแดง แล้วค่อยๆเปล่งแสงจ้าขึ้น...ทั้งที่มันงดงามเพียงนี้ แต่สำหรับญาดา มันไม่อาจช่วยให้จิตใจหล่อนดีขึ้นไปกว่านี้ อันที่จริงหล่อนเองอยากให้เป็นเพียงแค่ภาพความฝัน ทว่าทุกครั้งพอลืมตาตื่นขึ้น สถานที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ความฝันเสียนั่น
“เอาเถอะ มานั่งจับเจ่าท้อใจไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว คงต้องเดินหน้าต่อไป”
ญาดาลุกขึ้น ปาดน้ำตา เตรียมตัวจะย่างท้าวเดินหน้าต่อ
ทันใดนั้นเอง เสียงนกที่ร้องมาแต่ไกลมันทำให้หล่อนชะงักงัน...ยิ่งสายตาพลันไปเห็นตัวจริงของนกนั่น ยิ่งทำให้หล่อนก้าวขาไม่ออกไป ...
“นกบ้าอะไรจะใหญ่บิ๊กขนาดนั้น” ญาดากล่าว
ในชีวิตหล่อนสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นนกเหยี่ยวตัวไหนใหญ่เท่านี้มาก่อน จากระยะสายตา คาดเดาได้ว่าไอ้นกยักษ์นั่นตัวโตพอๆก็เครื่องบินไอพ้น1ลำ
ยิ่งหล่อนรั้งรอ เจ้านกยักษ์นั่นก็ยิ่งกระพือปีกเข้าใกล้หล่อนไปทุกที แรงลมพัดจากปีกของมัน โถมเข้าใส่ จนญาดาไม่อาจพยุงขาให้เดินหน้าต่อไปได้ ...นกยักษ์บินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในขณะที่ญาดากำลังยื่นตะลึงขาสั่น เพราะรู้แน่แล้วว่าเจ้านกยักษ์เห็นหล่อนเข้าให้เสียแล้ว คาดว่ามันคงอยากจะลองลิ้มชิมรสชาติญาดาเต็มแก่เป็นแน่ ... ทันใดนั้นราวกับมีมือจากใครสักคนฉุดตัวญาดาให้ออกห่างจากจุดที่ยื่นอยู่ มันรวดเร็วจนหล่อนเองตั้งตัวไม่ทัน
แต่พอถึงยังที่ปลอดภัย ดังนั้น หล่อนจึงมีโอกาสเห็นหน้าของผู้ที่ช่วยเหลือหล่อนไว้อย่างชัดเจน...เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่แต่งตัวประหลาด และเมื่อวิเคราะห์จากหน้าตาคงอายุราวๆ20ปี
“คิดว่ามันคงไปแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับญาดา แล้วยิ้มให้
“ขอบใจที่ช่วยนะ”
“ไม่เป็นไร ข้ายินดีอยู่แล้ว” เขายังทำหน้าตายเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน” ญาดายิงคำถามทันที
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอข้าลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่มีใครสักคนอยู่เลย จะออกก็ออกไปไม่ได้ นกยักษ์นั่นมันคอยจะกินข้าอยู่”
เดี๋ยวนะ...เขาใช้คำว่า ‘ข้า’ แทนตัวเองอย่างนั้นน่ะหรอ...อย่าบอกนะว่าหล่อนย้อนอดีตมาถึงที่นี้...ไม่นะ มันเป็นไปไม่ได้ ไม่จริง~~~~!!!
“แสดงว่านายไม่ใช่คนที่นี่งั้นหรอ” ญาดาเอ่ยถามทั้งที่ยังตะลึงไม่หาย
“คงงั้นมั้ง ข้าไม่รู้สึกคุ้นตาเลย”
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“ข้าไม่มีชื่อ”
“อ้าว...เป็นงั้นไป”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน”
ได้ยินดังนั้น ญาดารู้สึกสงสารแกมสมเพช เขาไม่มีทั้งชื่อ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน และไปที่ไหนไม่ได้ ติดแงกอยู่แต่ในที่เมืองไร้ผู้คนแห่งนี้ ภายใต้อันตรายจากนกยักษ์นั่น แต่มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าเขายังคงยิ้มได้ต่อเรื่องนี้ได้อย่างได้...ถ้าหากเป็นตัวหล่อนก็คงยิ้มไม่ออกแน่ๆ
“นายอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว”
ชายหนุ่มชูนิ้วขึ้นมานับ
“ก็คงจะประมาณ60ราตรีได้” เขาตอบหน้าทะเล้นเช่นเดิม
“60ราตรี งั้นก็ประมาณ2เดือนน่ะสิ...โฮ...นายอยู่แบบนี้ตั้ง2เดือนเชียวหรอ สุดยอด~~
”
ชายหนุ่มเอียงคอสงสัย ไม่เข้าใจถึงคำพูดของญาดา ทั้ง ‘2เดือน’เอย ‘สุดยอด’เอย ‘นาย’เอย ไม่เข้าใจความหมายของมันเลยจริงๆ
“...แล้วนายกินอยู่ไงอ่ะ?”
“ข้าก็หาผลไม้ที่พอจะกินได้แถวนี้กิน ขุดเผือกขุดมันมากินบ้าง จับปลาที่ลำธารมากินบ้าง ...ดูสิ วันนี้ข้าได้มาเยอะแยะเลย” ชายหนุ่มไร้ชื่ออวดสิ่งที่เขาเก็บมาได้ต่อญาดา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหัวมันมากกว่า
“เดี๋ยวเรามาปิ้งกินด้วยกันนะ” เขากล่าวเสียงใส
เขาช่างจริงใจและไร้เดียงสา แต่ก็นั่นล่ะ...คนแปลกหน้ายังไงก็ยังเป็นคนแปลกหน้า จะให้หล่อนไว้ใจได้เต็มร้อยเห็นจะเป็นเรื่องยาก...คนแบบนี้ หล่อนเจอมาเยอะ แสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อสุดท้ายก็ตลบหลังแว้งกัด ไม่มีใครสามารถเชื่อใจได้จริงๆ ดังนั้นหล่อนถึงอยากแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้
“ว่าแต่เจ้าล่ะชื่ออะไร” ชายหนุ่มแปลกหน้าถาม
“ฉันชื่อญาดา...ญาดาที่แปลว่า ‘นักปราชญ์’ เป็นชื่อที่พ่อฉันตั้งให้ แต่จริงๆแล้วเข้าใจว่าตั้งมาจากชื่อของนางเอกในเรื่องที่พ่อแสดงเป็นผู้ร้ายเรื่องแรก”
ชายหนุ่มไร้ชื่อเอียงคอสงสัยอีกครั้ง
“เป็นชื่อที่มีความหมายดีจังเลยนะ ข้าน่ะอยากมีชื่อบ้างจังเลย”
ญาดานั่งนิ่งสักพัก
“เอางี้ ฉันจะตั้งชื่อให้นายนะเอาไหม?”
ชายหนุ่มไร้ชื่อพยักหน้ารับทันที
“ต่อไปนี้ นายจะมีชื่อว่า ‘นิราลัย’ โอเค?”
ซึ่งมันเป็นชื่อของตัวละครที่พ่อของหล่อนแสดงในเรื่องเดียวกัน
แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง...มันก็ทำให้ชายหนุ่มกระโดดโลดเต้นดีใจ...ในที่สุดเขาก็มีชื่อเสียที จะไม่กลายเป็นคนไร้ชื่ออีกต่อไปแล้ว เขาดีใจ กระโดดไปมา จนสะดุดขาตัวเองล้มลง คร่อมทับร่างญาดา
ถึงทั้งสองจะไม่ได้คิดอะไรกัน...แต่คริสที่อ่านตัวหนังสือในสมุดเล่มขาว จากโลกแห่งความเป็นจริง เกิดอาการไม่พอใจตะหงิดๆพอดู
“อะไรของเธอนะ ญาดา” คริสบ่นก่อนจะอ่านต่อ
“แต่เรื่องสำคัญที่สุด พวกเราจะต้องหาทางออกไปจากเมืองไร้ผู้คนนี่ให้ได้ก่อน” ญาดาเอ่ยขึ้น
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นกยักษ์นั่นรอจะกินเราอยู่นะ” ชายหนุ่มที่บัดนี้ชื่อนิราลัยกล่าว
“ก็จริงของนาย แต่จะให้ฉันอยู่ที่นี่เหมือนนาย ฉันไม่เอาหรอก...ฉันมีที่ๆจะต้องกลับ มีคนที่รอฉันอยู่ในบ้านของฉัน”
นิราลัย หน้าเสีย...จริงสิ เขาไม่เหมือนนาง เขาไม่มีที่ให้ไป ไม่มีที่ให้กลับ ไม่มีคนมาคอยเขาสักคน
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ ญาดา”
ญาดานิ่ง ครุ่นคิดสักพัก
“นายวิ่งเร็วไหม?”
“ไม่รู้สิ คงเร็วมั้ง ...ก็พอทุกครั้งที่นกยักษ์มา ข้าก็วิ่งหนีมันไปได้ทุกที”
“ดี...งั้นฉันพอจะมีทางแล้ว...ว่าแต่นายช่วยอะไรฉันอย่างนะ”
“ได้สิ หลายอย่างก็ได้ เจ้าให้ชื่อข้า ข้ายินดีทำเพื่อเจ้าเสมอ”
“งั้นดี...นายช่วยหาไม้ยาวๆพอถนัดมือแล้วเหลาปลายของมันให้แหลม พอเสร็จแล้วฉันจะบอกอีกทีว่าควรทำอย่างไงต่อ”
“ได้ ข้าจะไปทันที”
นิราลัย จึงวิ่งออกไปตามคำสั่งทันที...แม้นจะไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไรก็ตาม คงต้องทำในสิ่งที่นางสั่งให้สำเร็จแล้วขั้นต่อไปคงจะได้รู้เอง...เขาเชื่อมั่นอย่างนั้น
ผิดกับคริส...เขาไม่แน่ใจนักในสิ่งที่ญาดากำลังจะทำต่อไปนี้ แล้วมันจะสำเร็จตามที่คิดไว้หรือไม่ เพราะรู้ดีว่าลึกๆแล้ว ญาดาเองที่อยู่ในโลกนั้น ก็นึกหวั่นใจเช่นกันในแผนการที่หล่อนเป็นคนคิดออกมาเอง...
·۰•● ❤░※░❤ ●•۰·
ความคิดเห็น