ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประตูสวรรค์ต่างมิติ (Gate of time)

    ลำดับตอนที่ #1 : Begin time

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 49


    จุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด มันอยู่ตรงไหน...เราทำได้เพียงแค่มอง

     

                    ย๊ากกกก~~~

                    เสียงผาดร้องกึกก้อง ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังฟาดฟัด วิถีแห่งดาบไม้ วิชาเคนโด

                    ฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่ ณ.ขณะนี้ ก็คงมีเพียงแค่หญิงวัยรุ่นที่ชื่อว่า ญาดา แม้คู่ต่อสู้จะเป็นผู้ชายอกสามศอก แต่แรงที่เจ้าหล่อน ฟาดดาบไม้ลงไปนั้นมันหนักหน่วงเสียจนฝ่ายตรงข้ามถึงกับล้มถลาลงในทันใด

                    ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ต้องยอมรับ ญาดา เธอชนะ...แต่อย่าได้ดีใจไป เจอกันครั้งหน้าไม่มีชนะฟลุ๊คแบบนี้แน่ คู่ต่อสู้หนุ่มกล่าว ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้จริงๆ

                    แต่ชนะก็คือชนะนั่นล่ะ รุ่นพี่ หล่อนเองก็ไม่ลดราวาศอกทางคารมเหมือนกัน

                    หลายต่อหลายครั้งที่ญาดามักรู้สึกชิงชังชายรุ่นพี่คนนี้เสียยิ่ง ถือว่าตัวเองมีโอกาสไปแข่งชิงแชมป์เยาวชนชนะ แล้วผยอง อวดตัวว่าแน่ แต่พอมาแพ้ญาดา ก็ซ่าส์ไม่ออกเหมือนกัน...จริงอยู่ ลึกๆแล้ว ญาดารู้สึกสะใจและแอบสมน้ำหน้ารุ่นพี่คนนี้ แต่ด้วยภาวะแวดล้อมทางความอาวุโส หล่อนจึงทำได้แค่ยิ้มเงียบๆในใจเท่านั้น อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการรักษาหน้าให้

                    ไว้เรามาแข่งกันอีกนะ ญาดา

                    ได้ทุกเมื่อ รุ่นพี่ หล่อนกล่าวเน้นเสียง แล้วยิ้มจิกสายตาเย็นชาแกมท้าทายไปทางรุ่นพี่คนนั้น ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า ไม่ว่าจะมาราวีสักกี่ครั้ง ยังไงๆชัยชนะก็เป็นฉันอยู่ดี

                    และคิดว่ารุ่นพี่คนนี้ก็เข้าใจถึงสายตานั้นของหล่อนมองทางเขา เช่นกัน

                    แต่จะให้ทำอย่างไรเราในเมื่อครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ... เจ็บใจเป็นที่สุด เจ็บใจที่แพ้ต่อเด็กผู้หญิงรุ่นน้องคนนี้ ...อยากตะโกน โวยวายให้สาสมความอับอายของตน แต่เพราะมีชนักติดหลังที่เรียกว่า ภาพพจน์ อยู่ ดังนั้นที่เขาทำได้จึงแค่เดินจากไปอย่างเจ็บใจ

                   

    ขอบใจนะ ญาดา เด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันเอ่ยขอบคุณทันที

    หากไม่เพราะหล่อนเข้ามาช่วยเป็นคู่ซ้อมแทนเขา คิดว่าเขาเองคงได้รอยแผล รอยฟกช้ำ เพราะรุ่นพี่ผู้บ้าพลังอำนาจคนนั้น กลับบ้านไปแน่ๆ

    ไม่ต้องมาขอบใจฉันหรอก ฉันอยากซัดมันตั้งนานแล้ว หมั่นไส้ ญาดากล่าว

    เป็นผู้หญิงที่โผงผางจริงๆนะ ญาดา

    ชายหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนมาจากหน้าประตูโรงยิม ...ญาดาหันไปมอง ทำสายตาหน่ายๆ ต่อเจ้าของเสียงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากัน

    คริส!!” ญาดาเรียก

    เข้าใจดีว่าเขามาหาหล่อนด้วยเรื่องใด...

    ที่นายมาหาฉันถึงห้องซ้อมชมรมเคนโดนี่ เพราะเรื่องสมุดปกขาวนั่นอีกใช่ไหม ญาดากล่าว

    ก็ประมาณนั้น คริสตอบหล่อนโดยดีไม่มีอ้อมค้อม

    งี่เง่า นายมันงี่เง่าไม่มีใครเกิน เลยนะคริส ญาดาก่นด่า

    จำได้ว่า เมื่อสามอาทิตย์ก่อน ...หลังจากที่หล่อนและคริสไปส่งป้าสะใภ้ของหล่อนหรืออีกนัยหนึ่งเป็นแม่แท้ๆของคริสกลับอังกฤษ ตรงที่นั่งของสนามบินแห่งนั้นมีสมุดปกขาวเล่มหนึ่งวางอยู่ ทีแรกกะว่าจะไม่สนใจมันแล้วแต่กับคริสนี่สิ ดูเหมือนเขาจะติดใจกับสมุดเล่มนั้นเอามากๆ ถึงขนาดนำติดไม้ติดมือมาด้วย

    บอกตั้งหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าให้ทิ้งมันไปซะ แต่นายก็ยังเก็บมันไว้อยู่ แถมยังชอบมาเล่าอะไรแปลกๆให้ฉันฟังอีก นี่...ถ้ามันเปล่งแสงออกมาจริงก็ทำให้ดูต่อหน้าเลยเซ่ เจ้าคริสบ้า

    ฉันทำไม่ได้ เธอก็รู้นิญาดา แต่ขอให้เชื่อฉันสักครั้งนะ ว่ามันเปล่งแสงออกมาได้จริงๆ คริสกล่าว

    ใครจะไปเชื่อ นั่นมันก็แค่สมุดสีขาวธรรมดาๆ เป็นแค่ขยะที่คนเขาทิ้งแล้ว นายเองนั่นล่ะคริสที่เหมาเป็นตุเป็นตะว่ามันเป็นสมุดวิเศษ

    แต่เมื่อกี้ ก่อนที่ฉันจะมาหาเธอ มันยังเปล่งแสงออกมาจริงๆนะ

    ขอร้องเถอะคริส เลิกเถอะ เลิกพูดสักที ฉันไม่อยากฟังเรื่องบ้าๆนี่อีกแล้วนะ ถ้าขืนนายยังพูดอีกแม้ครั้งเดียวฉันเอาไม้เคนโดฟาดหัวแตกแน่ ไม่เชื่อก็ลองดู

    แต่ฉันเห็นมันเปล่งแสงได้จริงๆนะ และแสงนั่นก็สว่างจ้าขึ้นทุกทีๆ

    ญาดาถอนหายใจเฮือก ก่อนง้าดาบไม้ขึ้นมาทำท่าจะฟาดลงไปบนหัวคริส รอจังหวะ หากว่าเจ้าญาติร่วมรุ่นหนุ่มคนนี้ยังอ้าปากพูดขึ้นมาอีก หล่อนฟาดแน่

    คริสเองพอเห็นดังนั้น จึงเงียบไปไม่พูดอีก เพราะหล่อนต้องหวดเขาด้วยดาบไม้ในมือนั่นจริงๆ

    เฮ้ยเอาเถอะ...ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร คนอย่างเธอน่ะไม่เคยเชื่ออะไรอยู่แล้ว แม้แต่ใจของตัวเอง...

    คริสกล่าวน้ำเสียงเศร้า

    ...แล้วคืนนี้เธอจะไปหรือเปล่า กองถ่ายละครนั่นน่ะ

    ไปสิ ไปแน่ รายได้ทั้งนั้น นี่ ญาดากล่าว

    งั้นก็ดี แล้วทุ่มหนึ่งเจอกันที่โรงถ่ายเลยนะญาดา

    อืมม์...รู้แล้ว

    หลังจากนั้น คริสจึงเดินจากไป...ถึงจะรู้สึกเสียใจที่ญาดาไม่เชื่อคำพูดของตน แต่ก็คงตัดขาดจากกันไปไม่ได้ เพราะรู้ถึงอดีตทุกอย่างของหล่อน รู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับหล่อน ถึงจะทำเป็นเข้มแข็ง ใจนักเลง แต่ในใจลึกๆ หล่อนช่างเปราะบางเสียยิ่ง ถ้าหากเขาเลิกคบกับหล่อนไปซะ เวลานั้นล่ะก็หมายถึงญาดาจะไม่มีใครอยู่ข้างกาย และไม่เชื่อใจใครอีก ...ทั้งสงสารแต่ก็ได้แค่ทำเป็นเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากเห็นหล่อนร้องไห้ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น หากเห็นหล่อนอ่อนแอเขาเองก็ได้แต่ตบบ่าแล้วยิ้มหน้าทะเล้นปลอบใจ...เมื่อไรนะหล่อนถึงจะมีความสุขสักทีก็ไม่รู้

                    คิดว่าคงอีกนาน หรือจนกว่าจะมีใครสักคนสามารถทำให้เจ้าหล่อนกลับมาเชื่อใจใครได้อีก

     

                    นั่นใครหรอ ญาดา

                    ญาดามองหนุ่มเพื่อนร่วมชมรม ที่เอ่ยถามหล่อนถึงคริส ... ญาดาเกือบจะลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ด้วย

                    สามีในอนาคตฉันเอง หล่อนแกล้งตอบ เพราะไม่อยากให้ต้องมาต่อความยาวสาวความยืดกันอีก...แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มผู้นี่ถึงกับอ้าปากค้าง ตกใจ...ก่อเกิดคำถามอยู่ในหัวมากมาย แต่น้ำท่วมปากพูดไม่ออกหลังจากได้รับคำตอบนั่นจากหล่อน

                    เดี๋ยวแมลงวันก็เข้าปากหรอก หล่อนกล่าว

    พลางมองไปทางนาฬิกาบนฝาผนัง ซึ่งตีเวลาบอกว่าอีกไม่นานจะถึงเวลาที่หล่อนต้องไปกองถ่ายละครที่คริสพูดถึงแล้ว

    ฉันไปก่อนนะ ไอ้เปี้ยก...แล้วแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ล่ะญาดากล่าวกับหนุ่มร่วมชมรมก่อนจะจากไป

    แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงจะโดยด่าว่าเป็น ไอ้เปี้ยกแต่ภาพด้านหลังของญาดาที่เขาเห็นกลับงดงามในสายตาของเขาเหลือเกิน ราวกับว่า เขาจะไม่ได้เจอกับหล่อนอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อไป อย่างนั้น

    ไม่น่า เราอุปทานไปเองมากกว่า ช่างเถอะ ญาดาน่ะ แข็งแกร่งจะตาย คงไม่มีใครมาทำอะไรได้หรอก

    มั้ง!!????

    ####################

                    เจ้าค่ะ ข้าน้อยรับทราบ...

                    แม้นบทที่ญาดาต้องแสดงในละครจะเป็นแค่ตัวประกอบเล็ก อย่างบทนางกำนัลรับใช้บ้าง นักฆ่าที่โผล่ออกมาไม่กี่ฉากบ้าง ทั้งที่จริงๆแล้วใบหน้าก็สะสวย แถมยังเป็นลูกสาวของผู้ร้ายชื่อดังอีก แต่หล่อนก็พอใจที่จะเล่นบทแบบนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายจู้จี้ น่ารำคาญ อีกอย่างละครแนวแฟนตาซี แค่สนุกๆเล่นๆก็พอแล้ว

                    ...ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอลาญาดาพนมมือไหว้เสนาฯใจโฉดซึ่งรับบทโดยพ่อแท้ๆของหล่อน ตามบท

                    โกสน

                    ขอรับ คริสที่สวมเสื้อสีดำปิดหน้าปิดตาขานรับตามบท ตามเสียงเรียกของเสนาฯใจโฉดภายใต้หัวโขนของอาแท้ๆของเขา

                    เจ้าตามนางไป หากนางปลิดชีพเจ้าชายวิรุฬห์ไม่สำเร็จ เจ้าจงใช้ดาบในมือเจ้าสังหารมันแทนนางเสีย

                    ขอรับ ท่านเสนาฯ โกสนในบทของคริสขานรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากฉากตรงนี้ เหลือไว้เพียงแค่ผู้เป็นอาของเขายื่นทำหน้าขี้โกงอยู่คนเดียว

     

                    เฮ้ย...วันนี้บทพูดนายมีแค่นี้เองงั้นหรอคริส ญาดาถาม ทั้งที่รู้อยู่ว่าเพราะหน้าตาลูกครึ่งอย่างเขาแค่มีบทพูดก็ดีถมแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนก็เพียงแค่ผ่านไป ผ่านมา เป็นบทลิบตาจนแทบจะมองไม่เห็น

                    แล้วเธอล่ะ ญาดา...เจ้าค่ะ ข้าน้อยรับทราบ..ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอลา...ฮะ ฮ่า ฮ้า รอตั้งนานบทก็มีอยู่นิดเดียวเหมือนกันนั่นล่ะ

                    แต่อย่างน้อยชุดนักฆ่าชุดนี้มันก็สวยเก๋กว่าชุดดำสนิทปิดหน้าของนายก็แล้วกัน

                    ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ที่ความเด่นต่างหาก นี่...แว่วๆมานะว่า บทของฉันยังอยู่อีกยาวถึงจะถูกปิดหน้าปิดตาก็เถอะ ไม่เหมือนเธอหรอกญาดา หลังจากถูกเจ้าชายในเรื่องนั่นฟัดตาย บทของเธอก็จบทันที

                    จ้า แกมันเด่น มีบทเยอะ แอฟเฟคสเปเชียลทั้งนั้น ต้องอย่างฉันนี่ของแท้...

                    แต่ไม่มีโอกาสโชว์ คริสชิงพูดตัดหน้า

                    ญาดายิ้มมีเลศนัยแล้วใช้ฝ่ามือตบฉาดไปบนหัวของคริสเสียงดัง ป๊าก~~ ...แม้นจะเจ็บแต่คริสก็พยายามปิดปากอดกลั้นไม่ร้อง คิดว่าถ้าร้องออกไปนอกจากจะมีคนมองมาทางเขาเป็นตาเดียวแล้วยังอาจส่งผลต่อการถ่ายทำอยู่ ณ.ขณะนี้ด้วย

                    ผู้หญิงอะไรมือหนักเป็นบ้า คริสบ่น แล้วเดินออกไปจากตรงนี้ทันที โดยไม่ทันได้สังเกตว่าสมุดเล่มสีขาวที่เขาชอบเอามาเล่าให้ญาดาฟังทุกวี่วันเล่มนั้น จะตกลงมาจากกระเป๋าเป้ หล่นลงมาใส่หัวหล่อนพอดิบพอดี

                    ทีแรกหล่อนตั้งใจว่าจะวิ่งไปคืนให้เขา...แต่เพราะความอยากแกล้งมันมีมากกว่า ในห้วงแห่งความคิด ดังนั้นหล่อนจึงนั่งเฉย พลางเปิดสมุดเล่มขาวดูเล่น

                    ทว่าข้างในกลับไม่มีอะไรเลยสักอย่าง...อักษรสักตัว รูปภาพสักรูป ก็ไม่มีปรากฏในสมุดเล่มนี่

                    แล้วไม่นานนัก...แสงสว่างเจิดจ้าพลันเปล่งประกายขึ้นแสบตา หล่อนไม่เห็นแม้นสรรพสิ่งใดๆ ร่างกายรู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงด้วยแรงดึงดูดประหลาด

                    ภายใต้ความตื่นตะลึงของทีมงานและนักแสดงที่อยู่ระแวกนั้น...โดยเฉพาะคริส ที่เพิ่งกลับมาจากการไปแหกปากร้อง

                    ญาดาหายไปต่อหน้าต่อตาเขาเพียงเสี้ยววินาที จะคว้ามือฉุดกลับ ก็ไม่ทันการเสียแล้ว คงเหลือไว้เพียงแค่สมุดเล่มสีขาววางหล่นอยู่กับพื้น

                    ญาดาเธอหายไปไหนกันน่ะ!!!? คริสถามตัวเองอย่างงงๆ แล้วหยิบสมุดเล่มสีขาวนั่นขึ้นมาดู ...คริสถึงกับต้องผงะ....แน่ใจได้แล้วอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการหายตัวไปของญาดา

                    ญาดา นี่เธอ...กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมุดเล่มนี้ไปแล้วอย่างนั้นหรอ...ไม่อยากจะเชื่อ

     

    ·۰•● ❤░░❤ ●•۰·

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×