ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Species Wars

    ลำดับตอนที่ #1 : *-* เนรเทศ *-*

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 49


    ทุกอย่างมันเริ่มต้นเมื่อความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ที่ไม่ลงรอย ปัญหา มหาอำนาจ ผู้ปกครอง เงินตรา การแก้แค้น และอีกหลายๆเหตุผลมาประกอบทำให้เกิดสงครามระหว่างสายพันธุ์นับร้อยสายพันธุ์ มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เรื่องมันจะเริ่มนับตั้งแต่บรรทัดต่อไปที่จะกล่าว....

        เมือง โควาเอนอฟ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับประเทศหนึ่งประเทศ ภูมิประเทศของเมืองเป็นลักษณะภูเขาสลับกับที่ราบ ราชวังของกษัตริย์อยู่บนภูเขาสูงที่สุด ซึ่งคือ ภูเขาไฮท์พอตเตอร์เวย์ ด้านล่างของภูเขานี้ปกคลุมด้วยหญ้าที่เขียวขจีตลอดฤดู ตอนกลางของภูเขาโอบล้อมไปด้วยหมอกสีเทาราวกับผ้าห่มที่ครอบคลุมภูเขาไว้  ส่วนด้านบนสุดจนถึงยอดเป็นพระราชวังถูกห้อมล้อมไปด้วยเมฆสีขาวดุจดั่งหิมะที่เพิ่งแรกแย้มให้คนเห็นในต้นดูหนาว ในอดีตที่ผ่านมาผู้คนรวมถึงประชากรของเมืองนี้มีหลายแสนคน ในจำนวนหลายแสนคนนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ สายพันธุ์แรก คือ Human species เป็น มนุษย์ธรรมดา ที่เกิดมาพร้อมพละกำลังน้อย แต่สมองอันชาญฉลาดกว่าสายพันธุ์อื่นทั้งปวง  สายพันธุ์ที่สอง คือ Anihalfhuman species คือ สายพันธุ์ที่ถูกแบ่งครึ่งกั้นกลางระหว่าง สัตว์ กับมนุษย์ มีพละกำลังมากเหมือนสัตว์ แต่สมองมีความฉลาดไหวพริบน้อยกว่ามนุษย์มาก ด้วยเหตุนี้ทำให้เมือง โควาเอนอฟ ใน"อดีต" สามารถมั่นคงทั้งด้านยุทธศาสตร์ และการเมือง  แต่มันเป็นแค่ในอดีตที่เท่านั้นที่ทำให้เมืองโควาเอนอฟแข็งแกร่ง จนมาถึงปัจจุบันกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนี้คือ พระเจ้าฟรองซ์ที่18 ทรงจงเกลียดจงชังพวก Anihalfhuman species และกล่าวหาว่าพวกนี้คือพวนอกรีต เป็นตัวต้นตอทำลาย Human species ผู้แข็งแกร่ง  ทำให้เกิดผลเสียอย่างร้ายแรงของสายพันธุ์ Anihalfhuman species ซึ่งถูกกำจัดออกจากเมืองทีละเล็กทีละน้อย วิธีกำจัดโดยการกำจัดทั้งแบบพันธมิตรและศัตรูคู่อาฆาต  จนเหลือเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ที่ยอมสวามิภักดิ์ และอยู่ในฐานะ"ทาสรับใช้"ผู้ซื่อสัตย์ของ สายพันธุ์ Human species ทั้งเมือง

        

    "แม่ครับๆ  พวกฮิวแมน เขามาล้อมบ้านเราไว้ทำไมครับ?" เด็กตัวเล็กๆ วิ่งมาอย่างรีบเร่งและถามแม่ของเขาด้วยน้ำเสียงสงสัย พร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ

        

    "เอ่อ..... เดี่ยวแม่ไปดูเอง  คริสตัล ดูแลน้องไว้ด้วย เกิดเหตุอะไร ใช้พลังในตัวเจ้าช่วยน้องเลยนะ ไม่ต้องรอคำสั่งแม่ แม่จะไปเจรจากับพวก ฮิวแมนบ้าอำนาจนั้นก่อน" แม่บอกกับ ชายที่สูงเกือบจะชนเพดาน ผมเผ้ารกรุงรัง แล้วพยักหน้าให้กับมารดา

        

    " บิล อยู่ใกล้ๆ พี่ไว้ แกคงไม่อยากอยู่คนเดียวนะ ข้างนอกนะ มันอันตรายขืนแกอยู่คนเดียวมีหวัง เป็นซุปแน่" คริสตัลขู่น้องชายตัวเล็กๆที่มีขนาดเท่าเอวของเขา แล้วอุ้มน้องเขาขึ้นไว้



    "พี่ผมโตแล้วนะ ดูแลตัวเองได้แล้ว นา ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้" บิลพูดแล้วก็พยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดมาจากอ้อมกอดของพี่(คริสตัล)    



    "เอาๆ ตามใจ ฉันจะได้กินซุปเด็กก็คราวนี้แหละ" คริสตัลขู่ด้วยน้ำเสียงหัวเราะ แสยะยิ้ม



    "โถ่ ก็ได้ๆ อยากอุ้มผมไม่ใช่เหรอ อุ้มสิ อุ้มสิ" บิลพูดแล้วทำตีสีหน้าเครียดๆ แล้วอมยิ้ม



    ขณะนั้นแม่ก็เดินออกไปที่หน้าบ้านแล้วตะโกนด้วยเสียงดัง



    " นี่ๆ พวกคุณทั้งหลายค่ะ มาทำอะไรที่บ้านของเราเหรอค่ะ" แม่พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ตรงกันข้ามกับ จิตใจของเขาตอนนี้

        

    " พวกคุณ คือ แอนนิฮาฟฮิวแมน กลุ่มสุดท้ายที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ต่อฮิวแมนของพวกเรา พวกคุณคงรู้ชะตากรรมนะ ผมคงไม่ต้องบอกอีกหรอกนะครับ... คุณผู้หญิง " ชายที่มีรูปร่างเตี้ย หนวดยาวถึงเข่า ก้าวออกมาข้างหน้าฝูงชนที่กำลังถือคบเพลิงที่พร้อมหลุดมือด้วยความตั้งใจทุกเมื่อ

        

    " แต่พวกเรา....." แม่พยายามที่จะพูด

        

    "เงียบ หยุดพูดเดี่ยวนี้" ฝูงชนตะโกนเกือบพร้อมกัน



    "ให้พวกเราอยู่ไม่ได้เหรอค่ะ  เรามีลูกน้อยนะ" แม่พยายามอ้อนวอนกับพวกฝูงชนที่กำลังก่อตัว

        

    "เราสนซะที่ไหนว่าคุณจะมีหรือไม่มีลูกน้อย  คุณน่ะอยู่ได้ ... แต่ในฐานะทาสของฮิวแมนอย่างพวกเรา คุณจะอยู่หรือไม่ก็ตามใจนะครับ" ชายร่างเตี้ยพูดเสียงดังขึ้น แล้วเดินตรงมาที่บ้านของแม่

        

    "................." แม่ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร แล้วหันหลังไปให้กับคริสตัล และบิล แล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณที่รู้กัน

        

    "เราเลือกทางเดินของเราแล้ว พวกคุณคิดว่าเราเป็นอะไร ผักปลางั้นเหรอ เรามีสิ่งใดที่ต่างจากคุณมั่ง ถึงคุณจะไม่อยากให้พวกเราอยู่ เราก็ขอไป แล้วคุณจะรู้ว่าแอนนิฮาฟฮิวแมน ยิ่งใหญ่กว่าฮิวแมน มาก" แม่พูดแล้วเดินไปข้างหลังหาคริสตัล พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น

        

    "ไม่มีทางซะหรอก พวกแอนนิฮาฟฮิวแมนหน้าโง่ มันจะยิ่งใหญ่ได้ไง" ฝูงชนเริ่มโห่ร้อง ด้วยความเหยียดหยาม

                  

    "เห่อๆ สายพันธุ์มันไม่ใช่ตัวตัดสินค่าของคน การกระทำต่างหาก ซักวัน แผ่นดินนี้จะเป็นของเรา" แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปราวเห็นได้ชัด

        

    "ARK!!!!!!!!!!!" คริสตันตะโกนอย่างสุดเสียง มีบางอย่างขยับออกมาจากหลังของเขา มันมีลักษณะคล้ายปีกของนก มีสีน้ำตาลขนาดใหญ่ และกางออกราวกับ บิดขี้เกียจ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณว่า พร้อมที่จะเหินเวหา และแล้วคริสตัลก็โอบกอดน้องและแม่เขาไว้ เขากระพือปีกอย่างแรง ลำตัวและปีกของเขาพุ่งไปด้านหน้า แล้วล่องขึ้นสู่ท้องนภา อันแสนไกล

        

    "มันหนีไปแล้ว" ฝูงชนเริ่มตะโกนโหวกเหวก แล้วต่างแยกย้ายกันไปด้วยแววตา โกรธแค้น .....

        

    "ถ้าพวกเราจับมันซะทีแรก มันคงไม่หนีไปได้"หญิงสาวคนหนึ่งบ่นพึมพำกับคนข้างเธอ



    "แน่ใจได้อย่างไรว่า ถ้าเราจับมันแล้วมันจะไม่ฆ่าเรา พวกนี้มันมีหัวใจซะที่ไหน"ชายใส่หมวกที่กำลังพูดกับหญิงสาวตอบ



    "ชั้นลืมคิดไป...."หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า



    "ป่านนี้ มันคงบินหนีไปฆ่าใครต่อใครตามใจมันแล้วสิ พวกแฮนนิฮาฟฮิวแมน ไร้หัวใจ ปากบอกว่าใจบุญแต่เวลามันไม่พอใจระเบิดยังกับปรมาณู" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น



    "แอนนิฮาฟฮิวแมน มันเคยทำอะไรเธอเหรอ"ชายใส่หมวกถาม



    "มันฆ่าตระกูลชั้น จนเหลือชั้นคนเดียว ชั้นถึงได้ย้ายมาอยู่เมืองนี้ไง" หญิงสาวพูดพร้อมก้มหน้าอย่างเศร้า



    "แต่พวกที่ฆ่า ไม่ใช่แอนนิฮาฟฮิวแมน กลุ่มนี้หรอก พวกมันน่ากลัวกว่าพวกนี้มาก ก็หยั่งว่าแหละ พวกนี้มันไม่มีหัวใจ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น กับแววตาที่เดือดดาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×