ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #7 : The Tale 1 :: The Curse [คำสาปแช่ง] 03 - คำขอสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Character

    From The Curse




    ตัวละครหลัก

    “ขอสาปแช่งให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับข้า!!!”

    -ดาร์เลเน่ (Darlene)-

    เด็กสาวเรือนผมสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทร

    แม่มดสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าสังเวช


    ตัวละครเสริม

    -โฮเซคิ-

    -ซาอัส -

    -มาเรีย & ไมเคิล-

    - เฟลิกซ์ -

    -วิลเลี่ยม-

    -อเล็กซ์-





    The Curse [คำสาปแช่ง] 03
    คำขอสุดท้าย



                วันเวลาที่ผ่านไปนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรอบตัวได้โดยง่าย ทว่าสภาพความเป็นอยู่ของดาร์เลเน่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไร ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอตัดสินใจจะเปลี่ยนมัน เด็กสาวเก็บเสื้อผ้าของตนเองลงในกระเป๋าเล็กน้อยก่อนลากมันออกจากห้องนอนของตนเองไป ทว่าระหว่างทางที่เดินออกไปนั้นวิลเลี่ยมกลับหันมองเธอนิดๆ ก่อนกล่าวถาม


    “เจ้าจะไปจริงๆ หรือ?”


    “ค่ะ เราจะกลับมาสองเดือนข้างหน้านะคะ”


    “...งั้นโชคดีนะ”


    ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอน้อยๆ ทำให้ดาร์เลเน่ยิ้มตอบก่อนเหลือบมองเฟลิกซ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน เด็กหนุ่มจ้องมองเธอตาปริบๆ ราวกับจะถามอะไรบางอย่างแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะเงียบแทนทำให้ดาร์เลเน่ยิ้มอีกครั้งก่อนฝากลาคนอื่นๆ พลางเดินออกจากบ้านไป เด็กสาวเหลือบมองบ้านหลังใหญ่อีกครั้งก่อนเดินตรงไปยังท่าเรือที่อยู่ใกล้ๆ เมือง ผู้คนต่างเดินไปมาจำนวนมากทำให้ดาร์เลเน่ได้เพียงแค่ยืนมองไปมาเท่านั้น ทว่าไม่นานมาเรีย และไมเคิลเพื่อนของเธอที่ออกเดินทางกับเรื่องสินค้ากลับเดินออกมาจากห้องเล็กๆ ที่อยู่ข้างตัวพร้อมกล่าวทักเด็กสาว


    มาเรียกับไมเคิลทำงานเดินเรือไปพร้อมกับคนอื่นๆ บ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยได้เจอทั้งสองเท่าไร แต่ว่าหลังจากวันนั้นก็เกือบปีแล้วคงไม่แปลกที่ทั้งสองจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสามคนคุยกันเรื่องคนในบ้านระหว่างที่กำลังพาเด็กสาวขึ้นไปบนเรื่องก่อนมาเรียจะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


    “แล้วทำไมจู่ๆ เจ้าถึงจะเดินเรือไปกับพวกเราล่ะ?”


    “ก็นะ...นิดหน่อยเท่านั้นเอง”


    ดาร์เลเน่ตอบยิ้มๆ ให้กับทั้งสองทำเอาไมเคิลกับมาเรียเลิกคิ้วนิดๆ ในคำตอบของเธอก่อนพาเด็กสาวตรงไปยังห้องที่จองไว้ เรือนี้นอกจากขนส่งสินค้าแล้ว...ยังช่วยพาผู้ที่ต้องการเดินทางไปเมืองๆ อื่นๆ โดยสารไปด้วย เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีเรือที่ใหญ่พอที่จะข้ามทะเลได้ เด็กสาวเดินตามหลังทั้งสองไปจนกระทั่งถึงห้องที่อยู่ริมสุดของเรือ อันที่จริงเธอพักอยู่ห้องข้างๆ กับไมเคิลและมาเรียตามที่ทั้งสองบอกเพื่อให้สะดวกเผื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้เดินไปหาทั้งสองในห้องข้างๆ ได้เลย


    คงจะน่าแปลกที่ทั้งสองคนจริงๆ ถ้าคนได้ยินว่าทั้งสองอยู่ห้องเดียวกัน...แต่ตามจริงแล้วมาเรียกับไมเคิล..เป็นผู้ชายทั้งคู่ ตามคำบอกเล่าของไมเคิลที่เป็นพี่ชายนั้นเพราะมาเรียร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กทำให้ตามความเชื่อให้เลี้ยงเจ้าตัวแบบเด็กผู้หญิงจนกว่าจะอายุถึงสิบสามปี...ทำให้ได้ชื่อนี้มาแม้จะกลับเลี้ยงแบบชายปกติได้แต่ว่าเพราะเจ้าตัวชินกับชื่อนี้มากกว่าทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อใหม่ได้...อันที่จริงดาร์เลเน่ก็ตกใจนิดหน่อยเรื่องนี้ เพราะมาเรียเองก็ไม่ได้หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กๆ อย่างเฟลิกซ์หรือซาอัสเลย เขาน่าจะเรียกว่า สวย เกินกว่าจะเรียกว่าชายเลยมากกว่า


    เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไปภายในห้องนั้นนับว่าเป็นห้องที่ดีพอสมควร ไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกจนเกินไป ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนความกว้างนั้นไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้แคบจนน่าอึดอัด ภายในห้องมีเตียงสองชั้นอยู่ริมๆ ทางฝั่งขวามือ อีกฝั่งคือเก้าอี้ไม้สำหรับทานอาหาร ทว่าเพราะเห็นเตียงสองชั้นทำให้เด็กสาวหันมองเล็กน้อยก่อนถามต่อ


    “แล้วนี้ใครอยู่ห้องเดียวกับเรา?”


    “หืม? ไมเคิลเจ้ารู้รึเปล่าว่าใคร?”


    “อืม...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ คาเรน”


    “ใครล่ะ นั่น”


    “ไม่รู้สิ...เห็นขอไปด้วยน่ะ”


    ไมเคิลบอกพลางยักไหล่น้อยๆ ให้กับพวกเขา ทว่าระหว่างที่ทั้งสามกำลังคุยกันนั้นเสียงเดินของใครบางคนกลับเรียกให้ทั้งสามคนหันมอง คนที่เพิ่งมาเยือนใหม่นั้นเป็นหฯงสาวเรือนผมสีแดงตัดสั้น ดวงตาสีเขียวมรกตสดใสราวกับสีของป่าไม้ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ดาร์เลเน่มองเธอเล็กน้อยก่อนเธอคนนั้นจะมองพวกเขาด้วยความงุนงงเช่นเดียวกัน ทว่าไม่นานนักเธอกลับกล่าวออกมาเพื่อทำลายความเงียบ


    “ข้าชื่อคาเรน...”


    “อ๋อ ต้องขอโทษด้วยเชิญเจ้าเข้าไปได้แล้ว”


    มาเรียบอกพลางยิ้มนิดๆ ก่อนหันไปบอกรายละเอียดทุกอย่างกับดาร์เลเน่อีกครั้งพร้องทั้งเดินกลับไปทำงานของตนเอง ดาร์เลเน่รับกระดาษสีขุ่นมาถือในมือก่อนหันมองหญิงสาวผมแดงที่เริ่มหยิบหนังสือแปลกตาออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่พร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง


    “นั่นท่านกำลังอ่านอะไรอยู่งั้นหรือ?”


    คำถามของเธอทำให้คาเรนเงยขึ้นมองเล็กน้อยก่อนก้มลงมองราวกับมองให้เธอเดินไปดูเอง แน่นอนว่าดาร์เลเน่ก็ยอมไปอย่างง่ายดาย เด็กสาวก้มลงมองหนังสือเล่มหนาพอๆ กับที่อยู่ในห้องสมุดของวิลเลี่ยม ทว่าเมื่อเปิดหนังสือดูนั้นเด็กสาวกลับต้องเอ่ยถามออกมาในทันที


    “ท่านเป็นหมอหรือ?”


    “อ่า...ใช่ เจ้ารู้ได้ไง?”


    “เราเองก็กำลังศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน”


    “เจ้ายังเด็กนี้...ว่าแต่ทำไมต้องแทนตัวเองแบบนั้นด้วย”


    “เอ่อ...คือชินกับคำนี้ไปหน่อย”


    “ใช้ศัพท์เหมือนพวกเชื้อพระวงศ์เลย...หรือว่าเจ้าเป็น”


    “แค่เคยค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”


    ดาร์เลเน่บอกทำให้อีกฝ่ายหันมองเธอเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเธอไม่ใช่เชื่อพระวงศ์เหมือนสาวตรงหน้าจะพูดเป็นกันเองมากขึ้น จากที่ดาร์เลเน่ถามเธอคนนี้คือหมอยาที่อาศัยอยู่นอกเมือง นานๆ ครั้งเธอถึงจะเข้ามาในเมือง และเดินทางไปหาสมุนไพรที่ขาดบ่อยๆ เหมือนคาเรนกับดาร์เลเน่จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันทำให้ทั้งสองตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับอีกคน...เมื่อถึงเมืองทางใต้แห่งหนึ่งดาร์เลเน่กับหญิงสาวลงจากเรือพร้อมกล่าวลาเพื่อนทั้งสองของเธอ


    พวกเขาเดินไปเก็บสมุนไพรที่อยู่บนเขาของเมือง แต่คงไม่น่าแปลกที่หมอที่ศึกษาเรื่องทางความคิดแบบดาร์เลเน่กำลังศึกษาสมุนไพรอยู่และเธอกับคาเรนแยกทางกันในวันที่สี่ ดาร์เลเน่เองก็มัวแต่สนใจศึกษาเรื่องต่างๆ จนรู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบตั้งแต่เด็ก ทว่าเวลานั้นกลับอยู่ไม่ได้นานนัก เช้าตรู่ของนับเป็นวันที่เจ็ค นับว่าเป็นอาทิตย์ที่เธอมาอยู่ที่นี่เด็กสาวลุกจากเตียงนอนเพราะเสียงเคาะประตูทำให้เธอเดินออกไปหาคนที่รบกวนตนเอง หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของที่พักยืนมองเธอด้วยสีหน้าลนลานก่อนบอกให้เด็กสาวรีบจัดการตนเองและลงไปพบแขกที่มาหา แม้ดาร์เลเน่จะงุนงงไม่น้อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย


    เด็กสาวแต่งตัวอย่างฉับไวก่อนรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำเงินคล้ายกับท้องทะเลของเธอกวาดมองรอบๆ ก่อนหยุดที่ร่างหญิงสาววัยกลางคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นเป็นอย่างดี อันที่จริงเธอไม่ใช่ใครอื่นแม่บ้านที่ค่อยดูแลพวกเขา ดาร์เลเน่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หญิงสาวเดินทางมาหาเธอถึงที่แบบนี้ ทว่าเพราะสีหน้าของแม่บ้านทำให้ดาร์เลเน่พอเดาได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ          แต่เด็กสาวไม่คิดว่าคำบอกกล่าวของหญิงสาวจะทำให้เธอตกใจได้ถึงขนาดนี้...


    “คฤหาสน์ของท่านวิลเลี่ยมถูกวางเพลิงเจ้าค่ะ!


    คำกล่าวของแม่บ้านสาวทำให้ดาร์เลเน่นิ่งไปนานจนกระทั่งหญิงสาวมองหน้าเธอก่อนสูดหายใจราวกับกำลังทำใจที่จะกล่าวคำพูดถัดไป และคำกล่าวนั้นกลับทำให้คำอธิบายของดาร์เลเน่แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เด็กสาวยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมนานพอสมควร


    ...ไม่มีใครรอดออกจากกองไฟสักคน...


    ทั้งโฮเซคิ, ซาอัส, อเล็กซ์ และคนใช้จำนวนหนึ่งถูกเผาทั้งเป็น เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยมยังไม่พบศพ....ดาร์เลเน่รีบตั้งสติตนเองอีกครั้งก่อนกล่าวถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรน


    “มาเรียกับไมเคิลรู้เรื่องหรือยัง!?”


    ทว่าคำถามของเธอทำให้หญิงสาวเงียบไปอีกครั้งก่อนดวงตาของแม่บ้านจะดูหม่นลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ


    “ท่านมาเรียกับท่านไมเคิลเสียชีวิตแล้วค่ะ...เรือของพวกเขาล่มกลางทะเล”


    ................


    “ตอนนี้นอกจากท่านแล้วคฤหานส์นั้นไม่เหลือใครเลย”


    .......เหมือนโดนพระเจ้าเล่นตลกเลยว่าไหม?

    ...มีครอบครัวที่เพียบพร้อม....

    ...แต่สุดท้ายก็ถูกทำร้าย....

    ...และพอได้ครอบครัวใหม่...

    ...ก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง...

    ...วงล้อมของโชคชะตาเดิมๆ...

    ....วงล้อมที่เหมือนถูกเล่นตลกจากพระผู้เป็นเจ้า...


    ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายของเด็กสาวเหลือบมองคนตรงหน้าตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า...ทำให้แม่บ้านงงไม่น้อยที่ไม่เห็นเจ้าตัวโวยวายออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ทว่าดาร์เลเน่กลับเดินกลับไปยังห้องพักตนเองก่อนหยิบแค่เงินจำนวนหนึ่งกับของบางอย่างที่จำเป็นก่อนตรงออกจากที่พักโดนไม่พูดอะไรต่อ เด็กสาวเดินกลับไปยังเมืองของตนเองในทันทีที่หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของแม่บ้าน


    ทว่าเมื่อกลับมาถึงนั้นทุกอย่างตรงหน้าของเธอนั้นเหลือเพียงแค่เถ้าธุลีเท่านั้น คฤหาสน์ที่เคยตั้งสง่าอยู่หายไปเหลือเพียงแค่ซากที่มีรอยดำจากเปลวไฟ หนังสือจำนวนมากถูกเผา แต่ยังมีบางเล่มที่ยังคงอยู่ เด็กสาวเงยขึ้นมองมองภาพซากนั้น...แม้จะเสียใจทว่าดวงตากลับไร้ซึ่งความน้ำตา ดวงตาสีน้ำเงินนั้นดูว่างเปล่าเสียจนน่าขนลุก บวกกับภายในใจมัวแต่ด่าทอต่อสิ่งที่ต่างๆ ที่เล่นตลกกันตนเอง


    ....และจากที่เธอได้ยินคำบอกเล่าจากผู้คนที่รู้เรื่องนั้น ที่นี่ถูกเผาจากผู้คนที่มีความเชื่อว่าพวกเขานั้นนอกรีต เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยม ปีศาจที่มีบาปราคะเพราะทั้งสองคือคู่รักที่เป็นชายทั้งคู่ โฮเซคิคือชาวตะวันออกทำให้โดนเหยียดหยามและโดนเกลียดชังซาอัส มาเรีย ไมเคิล เด็กที่นำความเสื่อมเสียมาสู่เมือง และดาร์เลเน่ที่เป็นหมอ แต่ดันถูกเรียกว่า แม่มด ทั้งๆ ที่คนพวกนี้พยายามที่จะทำให้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อสิ่งต่างๆ แท้ๆ สุดท้ายพวกเขาก็โดนกล่าวหาเสียเอง เด็กสาวเดินตรงเข้าไปในโบสถ์ร้างที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของเธอ โบสถ์ที่ไม่มีใครเหลียวแลแล้ว แม้จะโกรธแค้นคนพวกนั้นแต่ลำพังแค่เธอคนเดียวทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แม้จะอยากแก้แค้นแต่ว่าคงเป็นไปไม่ได้ เด็กสาวเดินไปหยุดหน้ารูปปั้นพร้อมกล่าวคำขอสุดท้ายของเธอ...


    ถ้าพระเจ้ามีจริงล่ะก็ ช่วยฟังคำขอสุดท้ายของเราที....

    ท่านเล่นตลกกับชะตาของพวกเรามากเกินไป...

    ....แต่ว่าถึงจะโกรธท่านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร...

    ..แต่ว่าคำขอสุดท้าย...

    ...อย่างน้อยช่วยฟังคำขอนี้ที...


    ......

    ............

    .................


    ขอให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับเรา

    ขอให้ใครสักคนร่วงหล่นสู่หลุมแห่งความสิ้นหวัง

    ชะตากรรมที่น่าสังเวช...ขอให้ท่านมอบมันให้แก่ผู้ที่ถูกเรียกว่านอกรีตจนกว่าจะพอใจเถอะ!



    ขอสาปแช่งให้ใครสักคนร่วงหล่นสู่หลุมแห่งความสิ้นหวังเช่นเดียวกับเรา!!!

     


    คำขอสุดท้ายที่มาจากความโกรธแค้นย่อมแปรเปลี่ยนเป็นคำสาปแช่งแทน......

    ...คำขอที่เกิดจากความเกลียดชังและความว่างเปล่า...ไม่ว่าพระเจ้าจะฟังหรือไม่...ก็ตาม

    ...แม้เด็กสาวจะจากโลกนี้ไปหลังจากที่กล่าวคำขอสุดท้ายออกมาก็ตาม...

    แต่ว่าคำขอนั้นยังคงอยู่ตรงนี้...และจะยังคงอยู่ตลอดไป...



    เด็กสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด และ หญิงสาวผู้ที่ช่วยให้คำสาปของเธอรุ่นแรงมากขึ้น...

    สองคำพูดที่สาปแช่งให้ใครพบกับเรื่องเช่นเดียวกับตนเองนั้น

    เป็นส่วนผสมชั้นเลิศที่สร้าง คำสาปที่น่าสังเวช ขึ้นมาในภายหลัง

     

    ....คำสาปของแม่มดทั้งสอง....

     



    ----------------------------------------------------

    มาแล้วค่ะ อาจจะไม่ดาร์คมากนะคะ ดาร์เลเน่เป็นคำสาปที่มาจากความสูญเสีย เช่นเดียวกับเรื่องแม่มดค่ะ

    มาจากแรงโกรธแค้นที่ถูกคำว่านอกรีตทำร้าย

    แต่ว่าเรื่องแม่มดนั้นเกิดทีหลัง ประมาณว่าทั้งสองเป็นตัวการทำให้เกิดคำสาปน่ะค่ะ...

    ดาร์เลเน่เริ่มก่อนแล้วตัวเอกเรื่องแม่มดก็ทำให้คำสาปเธอแรงขึ้นน่ะค่ะ

    ตอนนี้ปั่นแบบมึนๆ ไปหน่อย ถ้าทำให้งงบอกได้นะคะ เดี๋ยวกลับมาแก้ให้

    เรื่องนี้เป็นคนที่รับเคราะห์เต็มๆ ค่ะ สังเกตว่าดาร์เลเน่ยังไม่ทันได้ผิดทำอะไรเลย

    แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเสียทุกอย่างไป รวมทั้งชีวิตตนเองด้วย


    ประมาณว่าพอขอเสร็จก็ฆ่าตัวตายเลย แล้วก็ขออนุญาตเรียงเรื่องทั้งหมดเลยนะคะ 


    เรื่องต่อไป(เรื่องที่รับคำสาปของดาร์เลเน่เพียงคำสาปเดียว พวกนี้คือเรื่องที่ผิดทางศาสนาค่ะ)คือเรื่อง 

    1.The Twins                     2.Dear friend                  3.Hidden Agenda

    4.Standing                       5.Wrath                         6.Sorceress 

    (Sorceress เป็นคำสาปที่สองค่ะ คำสาปที่ช่วยทำให้คำสาปของดาร์เลเน่แรงขึ้น 

    เพราะฉะนั้นต่อมาคือเรื่องที่รับคำสาปจากทั้งสองคำสาป)

    7.The King               8.Together forever                       9.Promise

    10.Bondage                     11.Haughtiness                        12. Flame

    ส่วนเรื่องอื่นๆ มาทีหลัง จะมีจบแบบ Happy ด้วยนะคะ แต่จะเขียนไว้ด้านหลังว่ามันจบแบบ Happy




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×