คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : The Tale 1 :: The Curse [คำสาปแช่ง] 03 - คำขอสุดท้าย
The Character
From The Curse
ตัวละครหลัก
“ขอสาปแช่งให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับข้า!!!”
-ดาร์เลเน่ (Darlene)-
เด็กสาวเรือนผมสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทร
แม่มดสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าสังเวช
ตัวละครเสริม
-โฮเซคิ-
-ซาอัส -
-มาเรีย & ไมเคิล-
- เฟลิกซ์ -
-วิลเลี่ยม-
-อเล็กซ์-
วันเวลาที่ผ่านไปนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรอบตัวได้โดยง่าย
ทว่าสภาพความเป็นอยู่ของดาร์เลเน่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไร
ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอตัดสินใจจะเปลี่ยนมัน
เด็กสาวเก็บเสื้อผ้าของตนเองลงในกระเป๋าเล็กน้อยก่อนลากมันออกจากห้องนอนของตนเองไป
ทว่าระหว่างทางที่เดินออกไปนั้นวิลเลี่ยมกลับหันมองเธอนิดๆ ก่อนกล่าวถาม
“เจ้าจะไปจริงๆ
หรือ?”
“ค่ะ เราจะกลับมาสองเดือนข้างหน้านะคะ”
“...งั้นโชคดีนะ”
ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอน้อยๆ
ทำให้ดาร์เลเน่ยิ้มตอบก่อนเหลือบมองเฟลิกซ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน เด็กหนุ่มจ้องมองเธอตาปริบๆ
ราวกับจะถามอะไรบางอย่างแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะเงียบแทนทำให้ดาร์เลเน่ยิ้มอีกครั้งก่อนฝากลาคนอื่นๆ
พลางเดินออกจากบ้านไป เด็กสาวเหลือบมองบ้านหลังใหญ่อีกครั้งก่อนเดินตรงไปยังท่าเรือที่อยู่ใกล้ๆ
เมือง ผู้คนต่างเดินไปมาจำนวนมากทำให้ดาร์เลเน่ได้เพียงแค่ยืนมองไปมาเท่านั้น
ทว่าไม่นานมาเรีย
และไมเคิลเพื่อนของเธอที่ออกเดินทางกับเรื่องสินค้ากลับเดินออกมาจากห้องเล็กๆ
ที่อยู่ข้างตัวพร้อมกล่าวทักเด็กสาว
มาเรียกับไมเคิลทำงานเดินเรือไปพร้อมกับคนอื่นๆ
บ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยได้เจอทั้งสองเท่าไร
แต่ว่าหลังจากวันนั้นก็เกือบปีแล้วคงไม่แปลกที่ทั้งสองจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทั้งสามคนคุยกันเรื่องคนในบ้านระหว่างที่กำลังพาเด็กสาวขึ้นไปบนเรื่องก่อนมาเรียจะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วทำไมจู่ๆ
เจ้าถึงจะเดินเรือไปกับพวกเราล่ะ?”
“ก็นะ...นิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ดาร์เลเน่ตอบยิ้มๆ
ให้กับทั้งสองทำเอาไมเคิลกับมาเรียเลิกคิ้วนิดๆ
ในคำตอบของเธอก่อนพาเด็กสาวตรงไปยังห้องที่จองไว้ เรือนี้นอกจากขนส่งสินค้าแล้ว...ยังช่วยพาผู้ที่ต้องการเดินทางไปเมืองๆ
อื่นๆ โดยสารไปด้วย เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีเรือที่ใหญ่พอที่จะข้ามทะเลได้
เด็กสาวเดินตามหลังทั้งสองไปจนกระทั่งถึงห้องที่อยู่ริมสุดของเรือ
อันที่จริงเธอพักอยู่ห้องข้างๆ กับไมเคิลและมาเรียตามที่ทั้งสองบอกเพื่อให้สะดวกเผื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้เดินไปหาทั้งสองในห้องข้างๆ
ได้เลย
คงจะน่าแปลกที่ทั้งสองคนจริงๆ
ถ้าคนได้ยินว่าทั้งสองอยู่ห้องเดียวกัน...แต่ตามจริงแล้วมาเรียกับไมเคิล..เป็นผู้ชายทั้งคู่
ตามคำบอกเล่าของไมเคิลที่เป็นพี่ชายนั้นเพราะมาเรียร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กทำให้ตามความเชื่อให้เลี้ยงเจ้าตัวแบบเด็กผู้หญิงจนกว่าจะอายุถึงสิบสามปี...ทำให้ได้ชื่อนี้มาแม้จะกลับเลี้ยงแบบชายปกติได้แต่ว่าเพราะเจ้าตัวชินกับชื่อนี้มากกว่าทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อใหม่ได้...อันที่จริงดาร์เลเน่ก็ตกใจนิดหน่อยเรื่องนี้
เพราะมาเรียเองก็ไม่ได้หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กๆ อย่างเฟลิกซ์หรือซาอัสเลย เขาน่าจะเรียกว่า สวย เกินกว่าจะเรียกว่าชายเลยมากกว่า
เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไปภายในห้องนั้นนับว่าเป็นห้องที่ดีพอสมควร
ไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกจนเกินไป ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนความกว้างนั้นไม่มากนัก
แต่ก็ไม่ได้แคบจนน่าอึดอัด ภายในห้องมีเตียงสองชั้นอยู่ริมๆ ทางฝั่งขวามือ
อีกฝั่งคือเก้าอี้ไม้สำหรับทานอาหาร
ทว่าเพราะเห็นเตียงสองชั้นทำให้เด็กสาวหันมองเล็กน้อยก่อนถามต่อ
“แล้วนี้ใครอยู่ห้องเดียวกับเรา?”
“หืม?
ไมเคิลเจ้ารู้รึเปล่าว่าใคร?”
“อืม...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ
คาเรน”
“ใครล่ะ
นั่น”
“ไม่รู้สิ...เห็นขอไปด้วยน่ะ”
ไมเคิลบอกพลางยักไหล่น้อยๆ ให้กับพวกเขา ทว่าระหว่างที่ทั้งสามกำลังคุยกันนั้นเสียงเดินของใครบางคนกลับเรียกให้ทั้งสามคนหันมอง คนที่เพิ่งมาเยือนใหม่นั้นเป็นหฯงสาวเรือนผมสีแดงตัดสั้น ดวงตาสีเขียวมรกตสดใสราวกับสีของป่าไม้ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ดาร์เลเน่มองเธอเล็กน้อยก่อนเธอคนนั้นจะมองพวกเขาด้วยความงุนงงเช่นเดียวกัน ทว่าไม่นานนักเธอกลับกล่าวออกมาเพื่อทำลายความเงียบ
“ข้าชื่อคาเรน...”
“อ๋อ
ต้องขอโทษด้วยเชิญเจ้าเข้าไปได้แล้ว”
มาเรียบอกพลางยิ้มนิดๆ
ก่อนหันไปบอกรายละเอียดทุกอย่างกับดาร์เลเน่อีกครั้งพร้องทั้งเดินกลับไปทำงานของตนเอง
ดาร์เลเน่รับกระดาษสีขุ่นมาถือในมือก่อนหันมองหญิงสาวผมแดงที่เริ่มหยิบหนังสือแปลกตาออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่พร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
“นั่นท่านกำลังอ่านอะไรอยู่งั้นหรือ?”
คำถามของเธอทำให้คาเรนเงยขึ้นมองเล็กน้อยก่อนก้มลงมองราวกับมองให้เธอเดินไปดูเอง
แน่นอนว่าดาร์เลเน่ก็ยอมไปอย่างง่ายดาย เด็กสาวก้มลงมองหนังสือเล่มหนาพอๆ กับที่อยู่ในห้องสมุดของวิลเลี่ยม
ทว่าเมื่อเปิดหนังสือดูนั้นเด็กสาวกลับต้องเอ่ยถามออกมาในทันที
“ท่านเป็นหมอหรือ?”
“อ่า...ใช่
เจ้ารู้ได้ไง?”
“เราเองก็กำลังศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน”
“เจ้ายังเด็กนี้...ว่าแต่ทำไมต้องแทนตัวเองแบบนั้นด้วย”
“เอ่อ...คือชินกับคำนี้ไปหน่อย”
“ใช้ศัพท์เหมือนพวกเชื้อพระวงศ์เลย...หรือว่าเจ้าเป็น”
“แค่เคยค่ะ
ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
ดาร์เลเน่บอกทำให้อีกฝ่ายหันมองเธอเล็กน้อย
เมื่อรู้ว่าเธอไม่ใช่เชื่อพระวงศ์เหมือนสาวตรงหน้าจะพูดเป็นกันเองมากขึ้น จากที่ดาร์เลเน่ถามเธอคนนี้คือหมอยาที่อาศัยอยู่นอกเมือง
นานๆ ครั้งเธอถึงจะเข้ามาในเมือง และเดินทางไปหาสมุนไพรที่ขาดบ่อยๆ
เหมือนคาเรนกับดาร์เลเน่จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันทำให้ทั้งสองตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับอีกคน...เมื่อถึงเมืองทางใต้แห่งหนึ่งดาร์เลเน่กับหญิงสาวลงจากเรือพร้อมกล่าวลาเพื่อนทั้งสองของเธอ
พวกเขาเดินไปเก็บสมุนไพรที่อยู่บนเขาของเมือง
แต่คงไม่น่าแปลกที่หมอที่ศึกษาเรื่องทางความคิดแบบดาร์เลเน่กำลังศึกษาสมุนไพรอยู่และเธอกับคาเรนแยกทางกันในวันที่สี่
ดาร์เลเน่เองก็มัวแต่สนใจศึกษาเรื่องต่างๆ
จนรู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบตั้งแต่เด็ก ทว่าเวลานั้นกลับอยู่ไม่ได้นานนัก
เช้าตรู่ของนับเป็นวันที่เจ็ค นับว่าเป็นอาทิตย์ที่เธอมาอยู่ที่นี่เด็กสาวลุกจากเตียงนอนเพราะเสียงเคาะประตูทำให้เธอเดินออกไปหาคนที่รบกวนตนเอง
หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของที่พักยืนมองเธอด้วยสีหน้าลนลานก่อนบอกให้เด็กสาวรีบจัดการตนเองและลงไปพบแขกที่มาหา
แม้ดาร์เลเน่จะงุนงงไม่น้อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย
เด็กสาวแต่งตัวอย่างฉับไวก่อนรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีน้ำเงินคล้ายกับท้องทะเลของเธอกวาดมองรอบๆ
ก่อนหยุดที่ร่างหญิงสาววัยกลางคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นเป็นอย่างดี
อันที่จริงเธอไม่ใช่ใครอื่นแม่บ้านที่ค่อยดูแลพวกเขา
ดาร์เลเน่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หญิงสาวเดินทางมาหาเธอถึงที่แบบนี้ ทว่าเพราะสีหน้าของแม่บ้านทำให้ดาร์เลเน่พอเดาได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่เด็กสาวไม่คิดว่าคำบอกกล่าวของหญิงสาวจะทำให้เธอตกใจได้ถึงขนาดนี้...
“คฤหาสน์ของท่านวิลเลี่ยมถูกวางเพลิงเจ้าค่ะ!”
คำกล่าวของแม่บ้านสาวทำให้ดาร์เลเน่นิ่งไปนานจนกระทั่งหญิงสาวมองหน้าเธอก่อนสูดหายใจราวกับกำลังทำใจที่จะกล่าวคำพูดถัดไป
และคำกล่าวนั้นกลับทำให้คำอธิบายของดาร์เลเน่แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
เด็กสาวยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมนานพอสมควร
...ไม่มีใครรอดออกจากกองไฟสักคน...
ทั้งโฮเซคิ,
ซาอัส, อเล็กซ์ และคนใช้จำนวนหนึ่งถูกเผาทั้งเป็น เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยมยังไม่พบศพ....ดาร์เลเน่รีบตั้งสติตนเองอีกครั้งก่อนกล่าวถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มาเรียกับไมเคิลรู้เรื่องหรือยัง!?”
ทว่าคำถามของเธอทำให้หญิงสาวเงียบไปอีกครั้งก่อนดวงตาของแม่บ้านจะดูหม่นลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ท่านมาเรียกับท่านไมเคิลเสียชีวิตแล้วค่ะ...เรือของพวกเขาล่มกลางทะเล”
................
“ตอนนี้นอกจากท่านแล้วคฤหานส์นั้นไม่เหลือใครเลย”
.......เหมือนโดนพระเจ้าเล่นตลกเลยว่าไหม?
...มีครอบครัวที่เพียบพร้อม....
...แต่สุดท้ายก็ถูกทำร้าย....
...และพอได้ครอบครัวใหม่...
...ก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง...
...วงล้อมของโชคชะตาเดิมๆ...
....วงล้อมที่เหมือนถูกเล่นตลกจากพระผู้เป็นเจ้า...
ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายของเด็กสาวเหลือบมองคนตรงหน้าตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า...ทำให้แม่บ้านงงไม่น้อยที่ไม่เห็นเจ้าตัวโวยวายออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้
ทว่าดาร์เลเน่กลับเดินกลับไปยังห้องพักตนเองก่อนหยิบแค่เงินจำนวนหนึ่งกับของบางอย่างที่จำเป็นก่อนตรงออกจากที่พักโดนไม่พูดอะไรต่อ เด็กสาวเดินกลับไปยังเมืองของตนเองในทันทีที่หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของแม่บ้าน
ทว่าเมื่อกลับมาถึงนั้นทุกอย่างตรงหน้าของเธอนั้นเหลือเพียงแค่เถ้าธุลีเท่านั้น
คฤหาสน์ที่เคยตั้งสง่าอยู่หายไปเหลือเพียงแค่ซากที่มีรอยดำจากเปลวไฟ
หนังสือจำนวนมากถูกเผา แต่ยังมีบางเล่มที่ยังคงอยู่ เด็กสาวเงยขึ้นมองมองภาพซากนั้น...แม้จะเสียใจทว่าดวงตากลับไร้ซึ่งความน้ำตา
ดวงตาสีน้ำเงินนั้นดูว่างเปล่าเสียจนน่าขนลุก บวกกับภายในใจมัวแต่ด่าทอต่อสิ่งที่ต่างๆ
ที่เล่นตลกกันตนเอง
....และจากที่เธอได้ยินคำบอกเล่าจากผู้คนที่รู้เรื่องนั้น
ที่นี่ถูกเผาจากผู้คนที่มีความเชื่อว่าพวกเขานั้นนอกรีต เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยม ปีศาจที่มีบาปราคะเพราะทั้งสองคือคู่รักที่เป็นชายทั้งคู่ โฮเซคิคือชาวตะวันออกทำให้โดนเหยียดหยามและโดนเกลียดชังซาอัส มาเรีย ไมเคิล เด็กที่นำความเสื่อมเสียมาสู่เมือง และดาร์เลเน่ที่เป็นหมอ แต่ดันถูกเรียกว่า แม่มด ทั้งๆ ที่คนพวกนี้พยายามที่จะทำให้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อสิ่งต่างๆ
แท้ๆ สุดท้ายพวกเขาก็โดนกล่าวหาเสียเอง
เด็กสาวเดินตรงเข้าไปในโบสถ์ร้างที่อยู่ใกล้ๆ
กับบ้านของเธอ โบสถ์ที่ไม่มีใครเหลียวแลแล้ว แม้จะโกรธแค้นคนพวกนั้นแต่ลำพังแค่เธอคนเดียวทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แม้จะอยากแก้แค้นแต่ว่าคงเป็นไปไม่ได้
เด็กสาวเดินไปหยุดหน้ารูปปั้นพร้อมกล่าวคำขอสุดท้ายของเธอ...
ถ้าพระเจ้ามีจริงล่ะก็ ช่วยฟังคำขอสุดท้ายของเราที....
ท่านเล่นตลกกับชะตาของพวกเรามากเกินไป...
....แต่ว่าถึงจะโกรธท่านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร...
..แต่ว่าคำขอสุดท้าย...
...อย่างน้อยช่วยฟังคำขอนี้ที...
......
............
.................
ขอให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับเรา
ขอให้ใครสักคนร่วงหล่นสู่หลุมแห่งความสิ้นหวัง
ชะตากรรมที่น่าสังเวช...ขอให้ท่านมอบมันให้แก่ผู้ที่ถูกเรียกว่านอกรีตจนกว่าจะพอใจเถอะ!
“ขอสาปแช่งให้ใครสักคนร่วงหล่นสู่หลุมแห่งความสิ้นหวังเช่นเดียวกับเรา!!!”
คำขอสุดท้ายที่มาจากความโกรธแค้นย่อมแปรเปลี่ยนเป็นคำสาปแช่งแทน......
...คำขอที่เกิดจากความเกลียดชังและความว่างเปล่า...ไม่ว่าพระเจ้าจะฟังหรือไม่...ก็ตาม
...แม้เด็กสาวจะจากโลกนี้ไปหลังจากที่กล่าวคำขอสุดท้ายออกมาก็ตาม...
แต่ว่าคำขอนั้นยังคงอยู่ตรงนี้...และจะยังคงอยู่ตลอดไป...
เด็กสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
และ หญิงสาวผู้ที่ช่วยให้คำสาปของเธอรุ่นแรงมากขึ้น...
สองคำพูดที่สาปแช่งให้ใครพบกับเรื่องเช่นเดียวกับตนเองนั้น
เป็นส่วนผสมชั้นเลิศที่สร้าง
คำสาปที่น่าสังเวช ขึ้นมาในภายหลัง
....คำสาปของแม่มดทั้งสอง....
----------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ อาจจะไม่ดาร์คมากนะคะ ดาร์เลเน่เป็นคำสาปที่มาจากความสูญเสีย เช่นเดียวกับเรื่องแม่มดค่ะ
มาจากแรงโกรธแค้นที่ถูกคำว่านอกรีตทำร้าย
แต่ว่าเรื่องแม่มดนั้นเกิดทีหลัง ประมาณว่าทั้งสองเป็นตัวการทำให้เกิดคำสาปน่ะค่ะ...
ดาร์เลเน่เริ่มก่อนแล้วตัวเอกเรื่องแม่มดก็ทำให้คำสาปเธอแรงขึ้นน่ะค่ะ
ตอนนี้ปั่นแบบมึนๆ ไปหน่อย ถ้าทำให้งงบอกได้นะคะ เดี๋ยวกลับมาแก้ให้
เรื่องนี้เป็นคนที่รับเคราะห์เต็มๆ ค่ะ สังเกตว่าดาร์เลเน่ยังไม่ทันได้ผิดทำอะไรเลย
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเสียทุกอย่างไป รวมทั้งชีวิตตนเองด้วย
ประมาณว่าพอขอเสร็จก็ฆ่าตัวตายเลย แล้วก็ขออนุญาตเรียงเรื่องทั้งหมดเลยนะคะ
เรื่องต่อไป(เรื่องที่รับคำสาปของดาร์เลเน่เพียงคำสาปเดียว พวกนี้คือเรื่องที่ผิดทางศาสนาค่ะ)คือเรื่อง
1.The Twins 2.Dear friend 3.Hidden Agenda
4.Standing 5.Wrath 6.Sorceress
(Sorceress เป็นคำสาปที่สองค่ะ คำสาปที่ช่วยทำให้คำสาปของดาร์เลเน่แรงขึ้น
เพราะฉะนั้นต่อมาคือเรื่องที่รับคำสาปจากทั้งสองคำสาป)
7.The King 8.Together forever 9.Promise
10.Bondage 11.Haughtiness 12. Flame
ส่วนเรื่องอื่นๆ มาทีหลัง จะมีจบแบบ Happy ด้วยนะคะ แต่จะเขียนไว้ด้านหลังว่ามันจบแบบ Happy
ความคิดเห็น