ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #6 : The Tale 1 :: The Curse [คำสาปแช่ง] 02 - ครอบครัว

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Character

    From The Curse


    ตัวละครหลัก

    “ขอสาปแช่งให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับข้า!!!”

    -ดาร์เลเน่ (Darlene)-

    เด็กสาวเรือนผมสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทร

    แม่มดสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าสังเวช


    ตัวละครเสริม

    -โฮเซคิ-

    -ซาอัส -

    -มาเรีย & ไมเคิล-

    - เฟลิกซ์ -

    -วิลเลี่ยม-

    -อเล็กซ์-




    The Curse [คำสาปแช่ง] 02
    ครอบครัว



    ดาร์เลเน่เหลือบมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าด้วยความดีใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่ในบ้านแคบๆ ที่เต็มไปด้วยผู้ดูแลที่ดูใจร้ายอีกแล้ว เด็กสาวเหลือบมองเหล่าคนใช้ที่ออกมาต้อนรับทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าคฤหาสน์ก่อนเธอกับโฮเซคิจะถูกแยกออกไปเพื่อนแต่งตัวให้ใหม่ แต่เพราะชินกับชีวิตก่อนหน้าที่จะโดนจับมาทำให้เธอไม่มีท่าทีต่อต้านเหล่าแม่บ้านที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตนเองแม้แต้น้อย


              เมื่อแต่งตัวให้เสร็จเหล่าแม่บ้านต่างทยอยออกไปเพื่อให้เธอพักผ่อนทำให้ดาร์เลเน่หันมองเตียงนอนขนาดใหญ่...เธอไม่ได้นอนเตียงแบบนี้มากี่เดือนแล้วกันแน่นะ ทว่าในตอนนี้เด็กสาวใช้ความคิดตนเองไม่ได้มากนักเพราะเหนื่อยล้าจากการที่ทำงานในบ้านหลังนั้นทำให้เด็กสาวเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


              เธอรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ตะวันตกดินไปเนื่องจากเสียงโครมครามดังขึ้นมาจากด้านนอกทำให้เด็กสาวอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดาร์เลเน่เดินออกจากห้องพร้อมตรงต้นเสียงทำให้เธอพอที่รู้ว่ามันดังมาจากห้องข้างๆ เด็กสาวแอบมองผ่านประตูที่ปิดอย่างอดไม่ได้ ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทของซาอัสกำลังทำลายข้าวของภายในห้องพร้อมกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาทำเอาเด็กสาวถึงกับลนลานเล็กน้อย...


              เด็กคนนั้นคือคนที่โดนพวกผู้ดูแลข่มขืนนั่นเอง ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะประสาทหลอนแบบนี้ เด็กสาวดูลนลานอยู่นานพอสมควรจนกระทั่งนึกถึงชายหนุ่มที่ซื้อพวกเขามาได้ทำให้เธอรีบวิ่งตรงไปยังห้องรับแขกในทันที ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอ่านหนังสือเงียบอยู่ภายในห้อง ทว่าเมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปทำให้เขาสะดุ้งไม่น้อยก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


    “เป็นอะไรหรือ รีบเชียว”


    “ค..คือ..เด็กคนนั้นน่ะค่ะ”


    “หืม?”


    “เพื่อนของซาอัส”


    “เฟลิกซ์เหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”


    “เขาทำร้ายข้าวของในห้องค่ะ”


    “ขอบใจมากที่มาบอกนะ”


    ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนรีบเดินตรงไปยังห้องของเด็กหนุ่มคนนั้น เท่าที่ดาร์เลเน่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนเพื่อนของซาอัสจะชื่อเฟลิกซ์สินะ เด็กสาวเหลือบมองซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนเดินตามชายหนุ่มไปอย่างอดไม่ได้...ทว่าเมื่อถึงหน้าห้องนั้นเธอพบกับเด็กจำนวนหนึ่งที่กำลังยืนมองภายในห้องอยู่เงียบๆ เสียงข้าวของพังทลายยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ จนสงบลงในเวลาไม่นานก่อนชายหนุ่มคนนั้นจะเดินออกมาทำให้ซาอัสอดที่จะกล่าวถามไม่ได้


    “เกิดอะไรขึ้นกับเขาฮะ”


    “อืม..ไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วงตอนนี้หลับไปแล้วล่ะ เอาล่ะ...พวกเราไปทีห้องรับแขกกันเถอะ”


    ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้พวกเขาน้อยก่อนเดินนำพวกเขากลับไปยังห้องโถง ทว่าเพราะอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กนานทำให้พวกเขาเผลอทำตามอย่างรวดเร็วทำเอาชายหนุ่มหันมาหัวเราะให้เล็กน้อยก่อนบอกว่าไม่ต้องรีบมาก..พวกเขาเดินตรงเข้าไปนั่งบนโซฟาสีฟ้าอ่อนอย่างเบาที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่จะแนะนำตนเองออกมา


    “ข้าชื่อวิลเลี่ยม ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าท่านก็ได้ถ้าพวกเจ้าไม่สะดวกน่ะ”


    ชายหนุ่มบอกทำให้พวกเขาหันมองหน้ากันเล็กน้อย ดาร์เลเน่เองก็รู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนมาก่อนทว่ากลับจำไม่ได้อยู่ดีทำให้เด็กสาวตัดสินใจเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย


    “แล้วที่คุณบอกว่าสัญญากับท่านพ่อของพวกเราหมายถึงอะไรคะ?”


    ดาร์เลเน่ถามต่อทำให้ชายหนุ่มหันมองเธอเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมา จังหวะเดียวกันกับที่คนรับใช้เดินถือถาดขนมกับน้ำชาเข้ามาทำให้ชายหนุ่มบอกให้พวกเขากินไปก่อน วิลเลี่ยมลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนเดินตรงไปยังชั้นหนังสือของตนเองพลางหยิบออกมาเล่มหนึ่งก่อนหยิบมันออกมาวางตรงหน้าพวกเขา


    “พ่อแม่ของพวกเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในสงครามครั้งก่อน เพราะฉะนั้นข้าจึงคิดว่าน่าจะตอบแทนอะไรพวกเขาได้บ้าง แต่ว่ากว่าจะฟื้นสภาพสถานภาพตนเองได้อย่างที่เห็น..พวกเขาก็จากไปเสียก่อน แต่ว่าหลังจากนั้นข้าก็พอที่จะรู้ข่าวว่าพวกเธอยังมีชีวิตอยู่ทำให้เลือกที่จะพาตัวพวกเจ้ามาที่นี่ อย่างน้อยก็สามารถตอบแทนพวกเขาได้ แต่ว่านะ...”


    “อะไรงั้นหรือคะ?”


    “พวกเจ้าน่ะ เป็นลูกของชนชั้นสูงทำให้มีคนอยากได้ตัวมาก โดยเฉพาะเจ้ากับเด็กคนนั้น”


    วิลเลี่ยมบอกพลางชี้ไปยังดาร์เลเน่ก่อนเหลือบมองผ่านประตู...คงหมายถึงเฟลิกซ์เป็นแน่ ทว่าถึงแบบนั้นเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่าทำไมผู้คนต้องการตัวทั้งสองเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ทันกล่าวถามอะไรต่อชายหนุ่มกลับใขข้อข้องใจของเธอในทันที


    “เชื้อพระวงศ์...ถึงอยากได้ตัวเธอสองคน เพราะการที่มีคนรับใช้เป็นอดีตเชื้อพระวงศ์ พวกนั้นคงคิดว่าน่าปลื้มแบบสุดๆ แต่ข้าดันซื้อตัดหน้าก่อนน่ะ”


    “งั้นเหรอคะ? ขอบคุณที่ซื้อพวกเรามาค่ะ”


    “ไม่เป็นไรหลังจากนี้พวกเจ้าไปรอที่ห้องอาหารได้เลยนะ ข้าจะไปปลุกเฟลิกซ์”


    ชายหนุ่มบอกก่อนเดินออกไปทำให้พวกเขาหันมองหน้ากันเล็กน้อย ห้องอาหารไปทางไหนกันล่ะ ทีนี้ พวกเขาเดินออกจากห้องรับแขกก่อนหันมองซ้ายขวาอย่างรวดเร็วทำให้พ่อบ้านที่เดินผ่านพอดีกล่าวทักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทำเอาพวกเขาหันมองเล็กน้อยก่อนถามถึงห้องอาหาร


    พ่อบ้านหนุ่มหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนเดินนำพวกเขาไปอย่างง่ายดาย ทั้งห้านั่งรอภายในห้องอาหารจนกระทั่งวิลเลี่ยมกลับมาพร้อมเฟลิกซ์ที่ท่าทางเหมือนยังง่วงอยู่น้อยๆ พวกเขานั่งท่านอาหารท่ามกลางความเงียบเชียบเหมือนทุกครั้ง..แต่ว่าแม้จะเงียบก็ตาม ทั้งบรรยากาศ ทั้งรสชาติอาหาร และสีหน้าของทุกคนกลับดูมีความสุขยิ่งกว่าเดิมมาก ทว่าระหว่างมืออาหารชายหนุ่มกลับกลายคำพูดหนึ่งขึ้นมาทำเอาพวกเขานิ่งไปนานก่อนตอบกลับน้ำเสียงร่าเริง


    “เข้าใจแล้วค่ะ/ฮะ วิลเลี่ยม”



     

    ปีหนึ่งผ่านไป...ดาร์เลเน่เดินหยิบหนังสือเล่มหนาพร้อมเตรียมที่จะเดินออกจากห้องสมุดที่ใหญ่โตของที่นี่..ครั้งแรกที่เธอเข้ามาสารภาพว่าเด็กสาวเองก็งงไม่น้อย แต่ว่าพออยู่นานๆ ไปทำให้ชินอยู่บ้าง เธอผลักประตูบานหนาออกก่อนเดินตรงไปยังห้องนอนของตนเอง วิลเลี่ยมเลี้ยงดูพวกเขาค่อนข้างที่จะดีพอๆ กับตอนที่เธออยู่ในวังเลยก็ว่าได้แต่ว่าต่างนิดหน่อยตรงที่ไม่ต้องมีคนค่อยคุ้มกันเวลาเธอออกไปข้างนอก คงเพราะเป็นแค่อดีตเชื้อพระวงศ์ทำให้ไม่ค่อยมีเรื่องลอบปลงพระชนเมื่อแต่ก่อนเท่าไร แถมช่วงนี้เหมือนสงครามจะสงบลงเรื่อยๆ ทำให้ค่อนข้างที่จะปลอดภัยกว่าแต่ก่อนมาก


    ดวงตาสีน้ำเงินมองบานกระจกใสตรงหน้า...เพราะมันเป็นกระจกทำให้สามารถมองผ่านเห็นภายนอกได้ดีขึ้น เธอรู้สึกว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่เฟลิกซ์ที่เหมือนจะเป็นประสาทไปนั้นกลับหายดีขึ้นเรื่องๆ แม้ถึงตอนนี้จะไม่ยอมหาจากวิลเลี่ยมแต่ว่าในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมออกไปนอกคฤหาสน์รวมทั้งยอมยิ้มให้พวกเขาด้วย ช่วงแรกเขาเอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้องแถมยังไม่พูดกับใครนอกจากซาอัสกับวิลเลี่ยม


    ทำเอาพวกเขาโล่งใจไม่น้อยที่เจ้าตัวดีขึ้นแบบนั้น เมื่อคิดได้แบบนั้นดาร์เลเน่เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนที่จะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเห็นซาอัสโบกมือให้กับเธอราวกับเรียกออกไปด้านนอก เด็กสาวพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนเดินเข้าห้องนอนเพื่อเก็บหนังสือไว้ในห้องพร้อมตรงไปยังสวนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว


    “ดาร์เลเน่ไปที่ห้องสมุดมาอีกแล้วเหรอ?”


    “ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


    “ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าไม่ต้องฝืนมากก็ได้...เดี๋ยวจะป่วยเอา”


    “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันพอจะช่วยเหลือเฟลิกซ์ได้เราจะพยายาม”


    “เป็นเด็กดีจังนะ”


    “ขอบคุณค่ะ เฟลิกซ์อาการเป็นไงบ้าง?”


    “อืม ช่วงนี้เลิกฝันร้ายไปแล้ว แต่ก็ยังนอนคนเดียวไม่ได้อยู่ดี”


    ชายหนุ่มตอบพลางยกมือขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่มที่หลับอยู่บนตักตนเอง...ใช่ ดาร์เลเน่เข้าออกห้องสมุดบ่อยๆ เนื่องจากเธออยากช่วยรักษาเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ ตอนแรกเธอแทบทนดูสภาพที่น่าสังเวชของเฟลิกซ์ไม่ได้ทำให้ตัดสินใจว่าจะศึกษาเรื่องโรคที่เจ้าตัวเป็นเพื่อช่วยรักษา แล้วก็ช่วยเหลือชายหนุ่มที่อุตส่าห์ซื้อพวกเขามาด้วย


    แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็คิดคล้ายๆ เธอ โฮเซคิเข้าเรียนการเย็บปักกับแม่บ้าน แต่เพราะเธอเป็นชาวตะวันออกทำให้เวลาเย็บออกมาส่วนใหญ่มักจะเป็นลายแบบประเทศตนเองมากกว่า แถมเธอยังมีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีของโซนตะวันออกอีกทำให้ค่อยสอนคนอื่นๆ เช่นเดียวกัน ซาอัส..ดาร์เลเน่เองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรแต่ว่าเขาชอบไปอยู่กับอเล็กซ์ พ่อบ้านหนุ่มคนหนึ่งมากพอสมควร และสุดท้ายเพื่อนที่มาพร้อมกับอีกสองคนอย่าง มาเรีย กับ ไมเคิล ทั้งสองค่อนข้างหัวไวเรื่องการค้าพอสมควร สมกับพ่อแม่เป็นตัวแทนการค้าระหว่างประเทศพอสมควร


    “หลักจากนี้พวกเจ้าจะทำอะไรต่อ..”


    “ไม่รู้สิค่ะ เราเองก็ยังไม่ตัดสินใจเลย”


    “ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของเจ้านะ ถ้าจะอยู่ต่อเลยก็ได้”


    “ขอบคุณค่ะ คุณเนี่ยเหมือนเป็นท่านพ่อของพวกเราจัง”


    “ขอเป็นแค่พี่ชายแล้วกันนะ”


    ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะนิดๆ คงเพราะอายุเข้ายังไม่มากทำให้โดนเรียกพ่อแล้วแปลกๆ เหมือนกันดาร์เลเน่ยิ้มตอบชายหนุ่มตรงหน้าก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส


    “ค่ะ พี่ชาย คุณคือครอบครัวคนสำคัญของพวกเรา”




    ----------------------------------------------------------------------

    เหลืออีกตอนก็จะขึ้นเรื่องต่อไปแล้วค่ะ ถถถ

    แลดูสั้นมากเลย....มีแค่หนึ่งพันกว่าคำเองค่ะ คือไม่ไหวเพราะมันเป็นเรื่องสั้นด้วย เลยไม่ขอแต่งยาวเหมือนเรื่องอื่น

    ภาพซาอัสคิดเสียว่าตาสีเขียวทั้งสองข้างนะคะ

    เรื่องนี้น่าจะโยงกับเรื่องของสองคนนี้ด้วยน่ะค่ะ

    แต่ว่าเรื่องของดาร์เลเน่จบแบบไม่สวยเท่าไรค่ะ แต่เกิดเรื่องอะไรนั้นรอตอนต่อไปค่ะ











    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×