คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Tale 1 :: The Curse [คำสาปแช่ง] 01 - อดีตเชื้อพระวงศ์
The Character
From The Curse
ตัวละครหลัก
“ขอสาปแช่งให้ใครสักคนพบกับจุดจบเช่นเดียวกับข้า!!!”
-ดาร์เลเน่ (Darlene)-
เด็กสาวเรือนผมสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทร
แม่มดสาวผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าสังเวช
ตัวละครเสริม
-โฮเซคิ-
-ซาอัส -
-มาเรีย & ไมเคิล-
- เฟลิกซ์ -
-วิลเลี่ยม-
-อเล็กซ์-
ยุคสมัยนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา...โลกใบนี้ไม่เคยมีความแน่นอนอยู่แล้ว เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ทั้งแม่มด ทั้งชั้นชน ทั้งทาส ถูกกล่าวถึงในช่วงยุคกลางนั้นมันช่างโหดร้ายเสียยิ่งกระไร ทั้งการล่าแม่มด ทั้งการแบ่งชั้นชนที่น่ารังเกียจ ผู้คนที่มีฐานะเหนือถูกยกย่องประหนึ่งสูงส่งราวกับเป็นเจ้าแห่งโลก ผู้ที่มีฐานะด้อยต่ำลงมาถูกมองราวกับเป็นเศษขยะ นับว่าเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรื่องทว่ากลับซ่อนความมืดมากมายไว้ในฉากหน้านั้น
ทุกอย่างเพื่อความสุขสบายของผู้คนที่มีฐานะสูงส่งเท่านั้นเอง
เพล้ง!!
เสียงวัตถุที่ทำจากแก้วกระทบกับพื้นเสียงดังภายในห้องที่มิดมืดทำให้เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองจานของเด็กสาววัยเดียวกันที่ร่วงหล่นลงพื้นเสียงดังทำให้เสียงฝีเท้าหนักของใครบางคนดังขึ้นมาตามด้วยเสียงฝ่ามือฟาดลงที่ใบหน้าของเด็กสาวคนนั้น
ทำเอาเด็กคนอื่นๆ
ที่นั่งอยู่ภายในห้องด้วยกันหลับตาแน่นก่อนพยายามไม่มองเด็กสาวที่ทำจานตกเมื่อครู่
ทว่าเพราะเสียงกรีดร้องของเธอและเสียงลากทำให้พวกเขาหันไปมองเด็กสาวด้วยสีหน้าหวาดกลัวปนสังเวช...
ที่นี่มันนรกชัดๆ!
ที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อดังของเมืองแห่งนี้...ถึงจะเรียกว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เถอะ
แต่จริงๆ มันก็แค่ฉากหน้าที่ปิดบังทุกอย่างไว้ อันที่จริงมันก็สถานที่ค้าทาสของพวกทีสูงส่งเท่านั้น
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวราวกับหิมะเหลือบมองรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าหวาดผวา
ใบหน้าของเธอราวกับเทพธิดาทำให้หลายๆ คนลังเลที่จะทำร้ายเธอจนช้ำ ได้เพียงแค่ตบหน้าเท่านั้น
ไม่ใช่เพราะงดงาม แต่ว่าเนื่องจากราคาสูงต่างหาก....คงเพราะเคยเป็นอดีตเชื่อพระวงศ์เดิม
ใช่...เธอคือเชื้อพระวงศ์
ดาร์เลเน่ เดอ อัลเฟโดร่าคือหนึ่งในเชื้อพระวงศ์แห่งนี้ของประเทศแห่งนี้
ทว่าเพราะเกิดสงครามขึ้นทำให้เมืองทั้งเมืองล่มสลายลงทั้งพ่อแม่พี่ชายของเธอถูกปลงพระชนลงเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว
ทว่าก่อนที่ราชาผู้เป็นพี่ชายของเธอจะมาถึงเมืองนั้นดาร์เลเน่กลับถูกพาตัวมายังที่นี่เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ในเมืองเสียก่อน แม้เธอจะไม่โดนทำร้ายมากก็เถอะ
แต่ดาร์เลเน่เห็นเด็กหลายคนโดนทำร้ายเสียจนช้ำไปหมด มันโหดร้ายสุดๆ
ทว่าระหว่างที่เธอกำลังนั่งเหม่อนั้นเสียงระฆังบอกว่าหมดเวลาอาหารเย็นทำให้เด็กสาวรีบหยิบจานพลางเดินไปล้างตามเด็กคนอื่นก่อนเดืนเข้าแถวตามไปยังห้องนอน
เด็กสาวเอนตัวลงบนที่นอนที่ถูกจัดไว้ในห้องก่อนถอนหายใจออกมา
ทว่าเพราะเสียงกรีดร้องของเด็กที่ถูกลงโทษดังขึ้นทำให้เด็กสาวรีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมทันที
เธอได้ยินเสียงเด็กที่นอนอยู่ภายในห้องเดียวกันสะอื้นเล็กน้อยพลางร้องหาผู้เป็นพ่อแม่ตนเองก่อนจะมีเสียงผู้ดูแลตะโกนให้พวกเขาหุบปากไป
ทำให้เด็กๆ หลายคนกลั้นเสียงตนเองไว้ ดาร์เลเน่เหลือบมองไปยังประตูเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบากับคนที่นอนอยู่ตรงกับเธอพอดี
“ที่นี่มันโหดร้ายเสียจริง...”
“ใช่..โหดร้ายสุดๆ”
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทราวกับชาวตะวันออกเอ่ยเสียงลอยๆ
ขึ้นมาก่อนพลิกตัวกลับมามองดาร์เลเน่เล็กน้อย
ดวงตาสีดำสนิทราวกับอัญมณีมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า..เธอคงเป็นชาวตะวันออกจริงๆ
นั้นแหละ ดาร์เลเน่ยิ้มรับเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้งก่อนกระซิบเสียงเบา
“เจ้า...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“พ่อแม่ของข้าโดนสังหารตอนที่เดินทางเข้าประเทศน่ะ”
“เพราะผิดกฎหมาย?”
“ไม่ใช่พวกท่านเป็นขุนนาง”
“งั้นเพราะอะไร?”
“ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์”
เด็กสาวกล่าวเสียงลอยๆ
ทำให้ดาร์เลเน่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนพลิกกลับไปนอนท่าปกติของเธอ ทว่าทั้งสองก็เลือกที่จะคุยกันต่อไปอีก
เด็กสาวเรือนผมสีดำดูเงียบไปอีกครั้งก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เธอเป็นลูกขุนนางหรือเปล่า?”
“ไม่ ทำไมหรือ?”
“เปล่า
แค่รู้สึกว่าเธอดูผู้ใหญ่เกินกว่าวัยสิบสามเท่านั้นเอง”
เปล่า ข้าไม่ได้เป็นลูกของขุนนาง”
ดาร์เลเน่ตอบเสียงเรียบๆ
ทำให้อีกคนเงียบเล็กน้อยก่อนหันมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ...ก่อนตัดสินใจถามต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“งั้นเป็นเชื้อพระวงศ์สินะ”
“ราวๆ นั้น”
“ข้าชื่อโฮเซคิ”
“ดาร์เลเน่
เธออยู่ที่นี่นานแค่ไหน?”
“ราวๆ
หนึ่งเดือนก่อนเธอน่ะ”
“งั้นเหรอ—
เงียบก่อน”
ดาร์เลเน่กล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบเมื่อเห็นแสงไฟจากตะเกียงส่องผ่านประตูตรงหน้า
เด็กสาวทั้งสองรีบเนียนหลับก่อนที่ชายหนุ่มวัยสามสิบร่างกำยำจะเดินผ่านไปทำให้ทั้งสองหันกลับมาคุยกันอีกครั้ง
“เราอยากออกจากที่นี่”
ดาร์เลเน่ว่าทำให้อีกคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะบอกต่อเสียงเรียบๆ
“ข้าเองก็เหมือนกัน”
“เธอรู้ทางหนีหรือเปล่า?”
“ก็พอที่จะรู้บ้างแต่ว่าถ้าหนีไปได้...เราจะไปไหนกันล่ะ?”
โฮเซคิถามต่อเสียงเบาทำให้ดาร์เนเล่ฉุกคิดขึ้นได้แม้เธอจะหนีออกไปได้แต่ว่าไม่มีที่จะไปอยู่แล้วนี้
เพราะที่นี่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของเธอเสียหน่อย
เด็กสาวถอนหายใจออกมาก่อนหลับตาลงเพื่อพักผ่อนอย่างช่วยไม่ได้
สวรรค์ช่วยพาเธออกจากที่นี่ทีเถอะ!
ทว่าไม่นานนักรุ่งเช้ากลับมาเยือนทำให้พวกเธอต้องลุกตามที่เสียงระฆังดังขึ้นมา
หลังจากที่ทำธุระทุกอย่างเสร็จ พวกเขารีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ผู้ดูแลเรียกอย่างไม่ลังเล
แน่นอนว่าทั้งวันพวกเธอถูกใช้งานราวกับทาสไม่มีผิดเพี้ยน ตั้งแต่งานบ้าน งานสวน
หรือแม้กระทั่งบางคนต้องตกเป็นของเล่นของพวกผู้ใหญ่
ดาร์เลเน่กับโฮเซคิเหลือบมองเด็กวัยเดียวกันี่ถูกลากไปยังที่พักอีกครั้งด้วยสีหน้าเห็นใจ
“พวกโสโครกไม่เลือกแม้กระทั่งหญิงชายหรือไร”
โฮเซคิบ่นออกมาเบาๆ
กับดาร์เลเน่ก่อนหันมองด้านหลังตนเองอย่างไม่พอใจ...ก่อนหันกลับมาตัดกิ่งไม้ตรงหน้าตนเองต่อ
ทว่าเพราะเสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทำให้พวกเธอหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว
“ใช่ พวกนั้นไม่เลือก”
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนเดินเข้ามาช่วยพวกเขาตัดแต่งกิ่งไม้
ดาร์เลเน่เห็นว่าดวงตาของเขามีสีคล้ำเล็กน้อยก่อนยิ้มอ่อนๆ
ให้กบัทั้งสองคนทำเอาแม้แต่โฮเซคิยังอดถามไม่ได้
“นายเคยโดน?”
แต่คำตอบคือส่ายหน้า...
“เพื่อนสนิทของข้าน่ะ...”
เขาบอกก่อนมองไปยังเด็กหนุ่มที่เป็นหนึ่งในคนที่โดนลากเข้าไปก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เบาจนน่ากลัว
“เขากลับมาพร้อมคราบแบบนั้นตลอด...ตอนนี้ประสารทเริ่มหลอนจนบางครั้งทำลายตัวเอง...”
“พวกนั้นมันเลว”
“ข้าเกลียดที่นี่
ถ้าจะโดนทำแบบนั้นขอตายดีกว่า”
“เจ้าชื่ออะไรนะ”
“ซาอัส”
“งั้นเหรอ?.....”
ดาร์เลเน่เอ่ยเสียงเรียบๆ
ก่อนที่จะมีเสียงเรียกจากชายหนุ่มทำให้ทั้งสามเลิกคุยกันก่อนวิ่งไปยังคนที่เรียกตนเองทันทีด้วยความไม่เต็มใจนัก
ทว่าสีหน้าของคนๆ นั้นกลับทำให้ทั้งสามงุนงงเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้าแลดูอ่อนโยนกว่าคนอื่นๆ
หลายเท่าก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล
“ดาร์เลเน่...โฮเซคิและซาอัสใช่ไหม?”
คำถามของชายหนุ่มทำให้ทั้งสามพยักหน้าน้อยๆ
แทนคำตอบก่อรอยยิ้มจะระบายบนใบหน้าของเขา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะทั้งสามเล็กน้อยก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม
“หลังจากนี้พวกเธอไปเก็บข้าวของของตนเองเสีย”
“ทำไมหรือคะ?”
“ข้าซื้อพวกเจ้าแล้ว
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล”
“ล..แล้วเพื่อนของข้าล่ะ”
“เช่นกัน ไม่ต้องห่วง
เอาล่ะ ไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มว่าก่อนปล่อยให้ทั้งสามเดินเข้าไปเก็บของท่ามกลางสีหน้าหงุดหงิดของเหล่าผู้ดูแลที่มองทั้งสามคนอยู่
พวกเขารีบวิ่งเข้าไปเก็บของของตนเองด้วยความงุนงงไม่น้อย..อนึ่งไม่คิดว่าจะมีคนมาซื้อตนเองเร็วขนาดนี้
แถมยังดูใจดีเสียจนน่าตกใจต่างจากลูกค้าคนอื่นๆ ที่เธอเคยเห็นมามากแถมเข้ายังดูอายุไล่เลี่ยกับทั้งสามพอสมควร
พวกเขาเดินออกจากที่พักพร้อมเด็กจำนวนสามถึงสี่คนก่อนรถม้าจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าพร้อมชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้ทั้งสามเล็กน้อย
ดาร์เลเน่เงยขึ้นมองเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มคนนั้นอุ้มเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกับพวกเขาถ้าจำไม่ผิดคนๆ
นั้นน่าจะเป็นเพื่อนของซาอัสแน่ๆ แต่ว่าดวงตาสีมรกตของเจ้าตัวดูเหม่อลอยแปลกๆ
ที่มุมปากมีรอยช้ำเล็กน้อย มือข้างที่ว่างของชายหนุ่มยกขึ้นลูบใบหน้าที่มีรอยแผลของเด็กหนุ่มเล็กน้อยก่อนยิ้มอ่อนๆ
ออกมาพลางบอกให้เด็กคนอื่นๆ เดินขึ้นรถตรงหน้า
แน่นอนว่าพวกเขายอมทำตามอย่างง่ายดาย
“ทำไมถึงซื้อพวกเราล่ะคะ?”
“ข้าน่ะสัญญากับพ่อของพวกเจ้าไว้ว่าจะดูแลลูกๆ
ของเขาแทน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบๆ ทำให้เด็กๆ
ทั้งหมดมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนเขาจะกล่าวต่ออีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ทำร้ายพวกเจ้าเหมือนพวกนั้นหรอก”
เขากล่าวก่อนรถม้าจะเริ่มแล่นต่ออย่างรวดเร็วทำให้ดาร์เลเน่เงยขึ้นมองท้องฟ้าที่สว่างต่างจากที่พักเมื่อครู่มาก
ก่อนยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ดวงตาสีน้ำเงินไล่มองรอบๆ
ก่อนนึกคำพูดบางอย่างออกมาท่ามกลางความเงียบสงัด
ขอบคุณพระเจ้าที่เห็นใจเธอ...
------------------------------------------------------------
เสร็จไปตอนแล้วค่ะ ถถถ
คนที่มีชื่อจะมีเรื่อราวของตนเองค่ะ แต่อยู่ที่เรื่องที่เท่าไรนี้ยังไม่บอก
ของดาร์เลเน่จะออกแนวครอบครัว เพื่อนๆ น่ะค่ะ ไม่ใช่รักแบบหนุ่มสาว
แล้วก็ชายหนุ่มกับเด็กที่ถูกอุ้มน่ะค่ะ..สองคนนี้ก็มีเรื่องราวของตนเอง แต่อยู่ในจบแบบ Happy น่ะค่ะ
(ในสุขนาฏกรรมน่ะค่ะ ส่วนคนอื่นๆ เป็นโสกมหมด)
ถ้างงก็ขออภัยนะคะ พอดีรีบพิมพ์อนึ่งที่บ้านแผ่นกระดาษตอนกลางวันเกือบสี่สิบสามองศาค่ะ
สุขสันต์วันสงกานต์นะคะ แต่ว่าแผ่นกระดาษไม่เล่นสงกานต์ค่ะ ร้อนแดด!!
บ้านยิ่งอยู่ที่ราบสูงอยู่แค่นั่งอยู่ในบ้านก็จะละลายเป็นไอศกรีมแล้ว ฮือ
บวกกับเป็นคนอารมณ์ไม่คงที่(ดีบ้างร้ายบ้าง ตามประสาคนไม่ปกติ(????))อยู่
เจออากาศร้อนเข้าไปยิ่งหนักเลย ฮา แต่ปกติเป็นคนนิ่งๆ ไม่แสดงออกทางสีหน้านะคะ
ปล.ไม่ได้เป็นไพโบล่าร์นะเออ
ความคิดเห็น