คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : The Tale 3 :: Dear Friend [เพื่อนรัก] 01 - เหยื่อรายที่สอง
The Main Character
From Dear Friend
ตัวละครหลัก
สองเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
ตัวละครเสริม
-แม่มดชุดขาว-
-ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-
- ลิลลี่ (หญิงสาวที่ทำงานที่เดียวกัน) -
- มอร์แกน (ชายหนุ่มที่ทำงานที่เดียวกัน) -
ข้ากับเธอคนนั้นคือเพื่อนรัก’
‘เพื่อนที่ไม่มีวันพรากจากกัน’
ผู้ให้นิยามคำว่าปีศาจคือตัวมนุษย์เอง
ผู้ให้คำว่าความชั่วร้ายคือมนุษย์ ผู้ที่สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาคือมนุษย์เอง
ทว่าสุดท้ายแล้วปีศาจก็คือตัวมนุษย์ ความชั่วก็คือมนุษย์ คนที่ทำร้ายกฎเกณฑ์ก็คือมนุษย์เอง
มนุษย์สร้างนิยามของบางอย่างขึ้นมาเพื่อที่จะรอวันทำลายมันเสียเองในอนาคต
เมื่อครั้งอดีต
คุณเคยทำพลาดหรือเปล่า คุณเคยอยากกลับไปแก้ไขมันได้หรือเปล่า
คุณอยากเปลี่ยนอดีตที่มีผลต่อปัจจุบันหรือเปล่า แน่นอน อยากสิ..แต่เรื่องพรรค์นั้นน่ะ
ทำไม่ได้หรอก อดีตยังคงเป็นแค่อดีต สามารถมองเห็นมันได้ แต่ไม่มีวันเปลี่ยนมันได้
แสงสว่างส่องลงมาภายใต้บ้านที่ทำมาจากไม้อย่างดีสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
ด้านล่างของบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของขนมปังที่เพิ่งอบใหม่ ขนมปังสีสันต่างกันมันช่างดูสร้างสรรค์และงดงามในเวลาเดียวกัน
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนหยิบถาดขนมปังสีเงินขึ้นจากโต๊ะไม้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แอนนา
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนสั้นดูแปลกตารับกับดวงตาสีม่วงเข้มเพิ่งความโดดเด่นให้แก่เส้นผม
เธอคือเจ้าของร้านขนมปังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางประตูของอาณาจักร
ทำเลมีผู้คนจากอาณาจักรอื่นเดินผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย หากแต่ถึงกระนั้นร้านขนมปังก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าร้านเสื้อผ้าที่ต้องค่อยรับแล้วก็ตอบถามลูกค้าทำให้แอนนามีเวลาว่างเยอะผิดกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กที่อยู่ตรงกันข้ามมาก
อีกฟากหนึ่งของถนนคือร้านเสื้อผ้าของเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของแอนนา
หญิงสาวเรือนผมสีบลอนด์โรสคล้ายกับดอกกุหลาบ
ดวงตาสีชมพูเสริมความอ่อนหวานภายในตัวของเธอ เธอคนนั้นนามว่า เอลก้า เอลก้าเป็นสตรีแสนอ่อนหวาน ใสซื่อ
ต่างกันแอนนาที่ออกจะตรงไปตรงมาไป แต่ไม่ว่าต่างกันแค่ไหนก็ตามสุดท้ายพวกเธอก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
หญิงสาวผมม่วงก้มลงจัดเรียงขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จ
หากแต่ระหว่างที่กำลังจัดวางพร้อมมองไปรอบๆ
นั้นหญิงสาวกลับมองเห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันคุ้นเคยคนหนึ่งเดินตรงเข้าไปยังร้านเสื้อผ้า
เขาคนนั้นถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะสนิทกับเอลก้าพอสมควรเลยทีเดียว
แต่เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
เพราะจากที่มองแล้วชายคนนั้นดูไม่ได้มีพิษภัยอะไรแม้แต่นิด
เท่าที่รู้ดูเหมือนจะเป็นบุตรชายของเจ้าของร้านดอกไม้ที่อยู่ห่างจากพวกเธอเกือบกิโลเมตร
แอนนาไม่รู้หรอกว่าทั้งสองคนเจอกันอย่างไร
สนิทกันตอนไหน ตราบเท่าที่เขาไม่ได้มุ่งร้ายกับเพื่อนสาวของเธอ
แอนนาก็ไม่จำเป็นต้องไปขัดขวางอะไร...ใช่ ตอนนี้เธอคิดเช่นนี้
ทว่าในอนาคตบางทีเมื่อเธอเข้าใจความรู้สึกตนเอง เธออาจจะไม่ได้คิดเช่นนี้อีกต่อไป
แต่อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรับรู้
ฉะนั้นแอนนาจึงไม่ได้รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นฃ
ขณะที่กำลังมองภาพเพื่อนสาวกับชายหนุ่มคนนั้นเพลินๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอชะงักนิดหน่อยำลางทั้งลุกขึ้นเพื่อต้อนรับลูกค้า
ทว่าจังหวะที่เงยขึ้นสบตา แอนนาถึงกับผงะด้วยความตกใจ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้า
ถ้ามองดูจากระยะไกลคงไม่มีอะไรแปลกเท่าไร เพราะผมดำ ชุดสีดำ
แทบไม่มีจุดเด่นอะไรเลย หากแต่เมื่อมองใกล้ๆ
จะมองเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำคล้ายกับปีศาจ
แอนนาจ้องดวงตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มนานก่อนที่จะรีบสลัดความคิดภายในหัวทิ้งพลางหันไปส่งยิ้มตามมารยาทให้แก่ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงมองเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเพียงครู่เดียวก่อนเดินไปหยิบขนมปังที่วางอยู่ในชั้นวาง
ชายหนุ่มนำเงินมาจ่ายกับหญิงสาวที่นิ่งอยู่ไม่ไกลโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไปไม่นานนัก
เพื่อนร่วมงานของเธอเดินออกมาพอดี ลีโอนาร์ท ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง เส้นผมสีดำสนิทมัดรวบหางม้ายาวถึงกลางหลัง
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเลื่อนมองไปยังลูกค้าคนเมื่อครู่พร้อมทั้งกล่าวต่อ
“คนเมื่อครู่..ช่วงนี้มาบ่อยแฮะ”
“เคยเจอเหรอ?”
แอนนาถามกลับทำให้ลีโอนาร์ทผงกศีรษะเบาๆ
โดยที่ไม่ได้แม้แต่หันของหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมงาน
และเงียบไปอีกครั้งก่อนเล่าต่อ
“มักมาช่วงเย็นๆ น่ะ”
“จะว่าไปสีตาแบบนั้น เพิ่งเคยเห็นจริงๆ
ครั้งแรก”
หญิงสาวพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทว่าถึงกระนั้นลีโอนาร์ทก็ยังคงได้ยิน ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ
ราวกับบอกว่าเห็นด้วยก่อนเดินกลับไปอบขนมปังในครัวต่อ ในขณะที่ฝ่ายแอนนายังคงรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
จนกระทั่งช่วงค่ำมาเยือน หญิงสาวเดินไปเก็บถาดขนมปังในตู้เพื่อนำไปให้ลีโอนาร์ท
หลังจากนั้นเธอกลับไปที่หน้าร้านอีกครั้งเพื่อเก็บป้ายหน้าร้านเข้ามา
หากแต่จังหวะกำลังที่กำลังเดินเข้าไปเสีงทักอันคุ้นหูกลับดังขึ้นทำให้หญิงสาวผมม่วงชะงักฝีเท้าเล็กน้อยก่อนหันมอง
“แอนนา”
เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากเอลก้า
หญิงสาวผมสีบลอดน์โรสโบกมือทักเธอจากอีกฟากของถนนเป็นผลให้แอนนาโบกมือตอบกลับ
ทางด้านเอลก้าเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กหันมาสนใจตนเอง
เธอตัดสินใจเดินเข้ามาหาด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าคะ?”
เอลก้าถามทำให้แอนนานิ่งเพื่อใช้ความคิด
พรุ่งนี้ว่างไหมงั้นหรือ เพราะทำงานในร้านขนมปังทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร
จะมีก็แค่เช้าตรู่ก่อนเตรียมวัตถุดิบ แล้วก็ช่วงหลังร้านปิดเท่านั้น
แอนนาถอนหายใจตอบกลับคำถามของเพื่อนสาว
“พรุ่งนี้? ถ้าตอนเย็นก็พอจะว่าง
มีอะไรงั้นเหรอ?”
“พรุ่งนี้เรามีของที่อยากรบกวนให้ช่วยเลือกหน่อยค่ะ
สะดวกไหม?”
“อืม ก็ได้อยู่หรอก”
แอนนาพยักหน้าเบาๆ
พร้อมทั้งตอบกลับทำให้เอลก้ายิ้มให้เธอเล็กน้อย จากนั้นพวกเธอคุยกันเรื่องทั่วๆ
ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามันเริ่มค่ำมากแล้วทำให้แยกย้ายกันกลับเข้าในบ้านของตนเอง
ถึงจะพูดว่าบ้านก็เถอะ อันที่จริงมันก็ชั้นสองของร้านนี่แหละ เธออยู่ที่นี่คนเดียว
ส่วนลีโอนาร์ทพักอยู่กับครอบครัว
หญิงสาวเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของร้านหลังจากที่เก็บทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย
ห้องนอนที่เต็มไปด้วยกระดาษจำนวนมากทิ้งใกล้ๆ กับโต๊ะ
เนื่องจากเธอเขียนสูตรทำขนมปังพลาดหลายครั้งเมื่อวันก่อนทำให้ภายในห้องรกมาก
แม้แต่คนที่ทำห้องรกอย่างแอนนายังอดถอดหายใจไม่ได้เสียเอง
แน่นอนว่าต้องเก็บกวาดก่อนเข้านอน เธอยกมือขึ้นหนวกไหลตนเองเบาๆ
และเดินไปเก็บกระดาษนั้นลงในถังสีดำสนิทใกล้มือ เมื่อทำความสะอาดพื้นเสร็จเธอเดินตรงไปเปิดหน้าต่างอย่างเบามือ
ทว่าจังหวะที่มองลงยังสวนด้านหลังของร้านนั้น
แอนนามองเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ในสวนพอดี
แม้ว่าพื้นเบื้องล่างจะมืดแค่ไหนก็ตาม
แต่กลับมองเห็นร่างนั้นชัดเจน ทว่าตัวเธอกลับไม่ได้เอะใจเรื่องนี้เลย
ร่างคนที่อยู่เบื้องล่างนั้นคือหญิงสาวเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์นั่งนิ่งบนม้านั่งใกล้ๆ
กับสวนผัก ความจริงแอนนาเห็นแค่สีผมแต่ว่าไม่เห็นใบหน้าของคนๆ นั้นแม้แต่นิด
หากแต่เพราะตอนนี้มันดึกแล้วทำให้หญิงสาวตัดสินใจทักคนๆ นั้น
“ขออภัยค่ะ”
ไม่มีการตอบรับ แต่อย่างใด
ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับตัว ไม่แม้แต่เงยขึ้นมองแอนนา
หญิงสาวแน่ใจว่าเสียงระดับนี้น่าจะได้ยินแท้ๆ
แน่นอนเพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ตอบรับทำให้แอนนาเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อเข้าไปทักคนๆ
นั้น อย่างน้อยเธอควรบอกให้หญิงสาวคนนั้นกลับบ้านหรือถ้าไม่มีบ้านจริงๆ
ให้พักที่นี่สักคืนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่าง
หญิงสาวมองออกไปที่สวนอีกครั้ง
แต่กลับไม่พบใครเลยสร้างความงุนงงให้แก่หญิงสาวผมม่วงมากพอสมควร
บางทีเธออาจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจนเกินไปทำให้เผลอคิดไปว่าคนๆ นั้นคงกลับบ้านไป
เพราะเธอไม่ได้รู้เรื่องแม่มดสีขาวเลยทำให้ไม่เอะใจเลยแม้แต่นิด
เมื่อหญิงสาวเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนอีกครั้ง
ร่างของหญิงสาวผมขาวที่ทุกคนรู้จักในชื่อแม่มดขาวปรากฏในเงามืด
ดวงตาสีหม่นของเธอเลื่อนมองขึ้นไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ
คลี่ยิ้มออกมาเบาๆ
แอนนา หญิงสาวที่อนาคตกลายเป็นสีเทา
เนื่องจากเป็นช่วงดึกมากทำให้ถนนไร้ซึ่งผู้คน
ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีแดงจ้องมองไปยังร้านขนมปังด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มผู้สวมฮู้ดที่ยืนข้างๆ ทั้งสองจ้องมองร้านของแอนนานานก่อนที่เด็กหนุ่มจะเลื่อนสายตาไปมองร้านเสื้อผ้าอีกฟากหนึ่งของถนน
มือเรียวสีซีดถือหนังสือเล่มหนาค้างเอาไว้พลางกล่าวกับพี่ชายของตนเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เพื่อนสนิท...เหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก สายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันขาด
แต่ถ้าเสียชีวิตมันก็หายไปอยู่ดี”
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าเด็กหนุ่มผู้เป็นน้องชายของตนเอง
แม้ว่าฝ่ามือนั้นจะเย็นเฉียบแค่ไหนก็ตาม
แม้ว่าคำกล่าวจะชวนให้ใครมองว่าเขาเป็นปีศาจก็ตาม
แต่เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจหรอก...ถ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นปีศาจจริงๆ เขาเองก็คงไม่ต่างกัน
ดวงตาสีแดงที่อยู่ภายใต้เสื้อฮู้ดค่อยๆ หลับลงพร้อมทั้งเสียงตอบกลับที่
“นั่นสินะครับ”
“นิทานทอันยาวนานจบเมื่อไร
พวกเราคงได้นอนสักที”
ผู้เป็นพี่ชายกล่าวออกมาลอยๆ
ทำให้เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ
หลังจากนั้นพวกเขาเดินกลับไปยังสถานที่ที่ตนเองอยู่อีกครั้ง
เหยื่อรายแรก...นิทานเรื่องแรก คือ พี่น้องฝาแฝด ส่วนนิทานเรื่องที่สอง คือ
เพื่อสนิทตั้งแต่เด็ก และแน่นอน
เหยื่อรายที่สอง
ผู้ที่เต็มใจจะมอบชีวิตให้แก่ คำสาปที่น่าสังเวช
---------------------------
ขอสารภาพว่าเนื้อเรื่องจะค่อนข้างสั้นกว่าสองเรื่องก่อน
กำลังคิดว่าลงเดือนละตอนมันจะไหวไหม อยากทำได้ แต่ก็...อย่างที่เห็นค่ะ ขออภัยด้วย
ความคิดเห็น