ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #18 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 09 - ทางเลือกสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -





    The Twins[ฝาแฝด] 09
    ทางเลือกสุดท้าย



    ถูกขังไว้ในพื้นที่ที่จำกัด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา หากแต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่ชายหนุ่มทั้งสองเท่านั้นที่ถูกขัง ในอนาคตที่พวกเขาไม่มีวันมีชีวิตไปถึงนั้น ใครบางคนถูกขังไว้ในพื้นที่ที่จำกัดไว้เช่นเดียวกัน...แน่นอนว่าไม่มีทางรู้เลย


    มอร์แกนก้มหน้าลงมองแผ่นกระดาษสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าตนเองด้วยสายตานิ่งๆ พลางเลื่อนสายตาไปยังบานประตูที่ถูกปิดสนิทด้วยสายตาว่างเปล่า พวกเขาถูกขังไว้ที่นี่นานนับสัปดาห์แล้วแม้จะไม่ได้อดยากเหมือนนักโทษ แต่ว่ากลับไม่ได้เห็นโลกภายนอกเลยสักครั้ง ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองน้องชายฝาแฝดตนเองที่กำลังซุกหน้ากับเข่าตนเองบนเตียงกว้างเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้


    ก่อนที่จะหันกลับมามองแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าอีกครั้ง มันน่าเบื่อและน่ารำคาญ..นั่นสินะ น่ารำคาญสุดๆ ไปเลยล่ะ แถมยังรู้สึกเหมือนว่าถูกปฏิบัติต่างจากมนุษย์เลยแฮะ มอร์แกนลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมตรงไปยังเตียงกว้างของตนเองก่อนที่จะเอนตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าที่จะพยายามทำให้ใครบางคนเข้าใจตนเอง


    ทำให้เข้าใจสักทีว่าพวกเขาไม่ใช่ตัวประหลาดเสียหน่อย แม้อยากให้รู้แต่ว่ามอร์แกนเองก็เหนื่อยที่จะพูดอะไรแล้ว แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ได้สนใจที่เขาพูดแม้แต่น้อยทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรแล้วล่ะ มอร์แกนเดินตรงมานั่งบนเตียงข้างเมลอสเล็กน้อยทำให้ผู้เป็นน้องชายเลื่อนสายตามองนิดๆ พลางเปลี่ยนท่านั่งไปนั่งท่าที่สบายกว่าเดิมแทนก่อนที่จะกล่าวต่อเสียงเรียบๆ


    “พวกเราควรทำยังไงดี”


    “ไม่รู้สิ ไม่มีใครฟังที่พี่พูดเลย”


    มอร์แกนกล่าวต่อพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ความสงบของวันนั้นเมื่อเทียบกับความเงียบและน่าอึดอัดภายในห้องนี้แล้วมันช่างน้อยนิดมาก พวกเขาได้แค่ได้แค่รอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รุ้ว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดที่ไหน และไม่รู้ว่าวงจรแบบนี้จะหยุดเมื่อไร


    ควรทำอย่างไรดี


    นั่นคือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวของพี่น้องฝาแฝดตั้งแต่มาถึงที่นี่ พวกเขาควรทำอย่างไรดี พวกเขาควรที่จะอยู่ที่ไหนดีล่ะ? คำถามมากมายที่แม้กระทั่งตนเองยังตอบไม่ได้...คงไม่มีใครที่สามารถมาตอบมันได้แล้วล่ะ นัยน์ตาสีเขียวราวกับพงไพรจ้องมองน้องชายตนเองอีกครั้งก่อนที่จะเลื่อนกลับไปมองภาพตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย


    รอให้วันนี้ผ่านไปเป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น แม้ยามค่ำคืนที่เงียบสงบมอร์แกนก็ยังคงเห็นผู้คนที่ถูกจ้างวานเฝ้าอยู่ไม่เลิกทำให้ชายหนุ่มได้เพียงแค่ยืนมองเงียบๆ ที่หน้าระเบียง ในขณะที่เมลอสนอนหลับไปแล้วนั่น อันที่จริงหลายวันมานี้เขาไม่ได้บอกกับน้องชายเลยว่าตนเองเห็นใครบางคนอยู่ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ด้วย


    แม่มดขาวยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ราวกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ทำให้มอร์แกนอดที่จะมองทุกครั้งที่เห็นเธอไม่ได้ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของเธอนั้นช่างไม่สามารถเดาความคิดได้ชัดเจน ว่ากันว่าเธอคือสัญลักษณ์ของความตาย แต่ว่ามอร์แกนแอบสงสัยว่าเธอคือสัญลักษณ์ของความตายจริงๆ งั้นหรือ?


    หรือเป็นอย่างอื่นแทน?


    แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีวันที่จะรู้ความหมายของคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วแม้แต่น้อย หากแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือนับวันเขายิ่งเห็นแม่มดขาวบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนที่ยังคงเห็นเธออยู่ที่จริงตอนแรกเขาเองก็หวาดกลัว ทว่าเมื่อเห็นบ่อยเข้ากลับกลายเป็นความสงสัยแทน นัยน์ตาจ้องมองไปยังร่างของแม่มดขาวด้วยสายตานิ่งๆ ทว่าเพราะอะไรบางอย่างทำให้เขาเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้งก่อนที่แม่มดขาวจะเลื่อนหายไปกับหมอกที่กำลังเคลื่อนตัวมา


    ทว่าจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งนั้นเสียงของใครบางคนกลับดังขึ้นมาทำให้เขาชะงักฝีเท้าน้อยๆ ก่อนเหลือบมองด้านหลัง หากแต่มันกลับไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า


    ...นายน่ะ เลือกได้หรือยัง?...


    มันคือคำถามที่ดังขึ้นมาเมื่อครู่ มอร์แกนยืนนิ่งนิดๆ ก่อนที่จะส่ายหน้าไล่ความมึนงงออกไปอย่างรวดเร็ว บางทีเขาอาจจะหูแว่วไปเองก็ได้ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องก่อนที่จะปิดหน้าต่างลงอย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่เขาไม่รับรู้ก็คือคำถามเมื่อครู่นั้นไม่ใช่หูแว่วไป มันเปรียบเสมือนตัวตัดสินชะตากรรมของชายหนุ่มทั้งสอง


    แต่ว่าไม่ว่าเลือกทางไหนสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่มีวันพบกับความสงบสุขอยู่ดี สองพี่น้องปริศนานั่งจ้องมองคฤหาสน์ที่อยู่ห่างจากสถานที่ที่ตนเองอยู่ไม่ไกลนัก นัยน์ตาสีแดงราวกับปีศาจเพ่งมองไปยังสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากที่มนุษย์ทำลายมันลงด้วยสายตาที่ไม่มีสามารถบอกได้ว่ากำลังสนุกหรือสมเพชผู้คนกันแน่


    จุดจบที่เลือกเอง


    พวกเขาทำเพียงแค่เฝ้ามองทางเลือกของมนุษย์เท่านั้น ไม่ต่างจากแม่มดขาวที่เฝ้ามองทางเลือกของคนอื่นๆ ทั้งนี้เธอไม่ใช่สัญลักษณ์ของความตายแต่อย่างใด อย่างที่กล่าวมาเธอไม่ใช่ตัวแทนของความตาย แต่ว่าเป็นตัวแทนของบางสิ่งที่เลวร้ายพอๆ กับความตายเลยก็ว่าได้


    รุ่งเช้าที่เลวร้ายยังคงมาเยือนเรื่อยๆ หากแต่อีกไม่นานสองฝาแฝดนั้นอาจจะไม่ได้อยุ่ต่อดูท้องฟ้าที่สดใสในยามเช้าอีกแล้ว มอร์แกนที่ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะฟังคำด่าทอและสาปแช่งว่าตนเองเป็นปีศาจนั้นทนแบกรับสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการจากปากผู้คนที่อาศัยอยู่ที่เดียวกัน


    แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันใดวันหนึ่งความโศกเศร้าที่ก่อตัวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้นั้น ทุกอย่างเริ่มจากการก่อตัวเล็กๆ เป็นสิ่งที่น่ากลัวขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับความโกรธและไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองต้องเจอของมอร์แกนและเมลอส หลังจากที่ทนฟังแบบนั้นแล้วชายหนุ่มเลือกอะไรกันแน่ น้ำตาแห่งความโกรธไหลอาบใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่ว่ามันกลับไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกคำพูดของเขานั้นไม่สามารถส่งถึงผู้คนได้เลย


    และที่เลวร้ายกว่านั้นคืออีกไม่กี่วันทางบ้านของเขาจะมีงานเลี้ยงทำให้พวกเขาต้องทนฟังเสียงหัวเราะของผู้คนจำนวนมาก แน่นอนว่ามันมีส่วนดีไม่น้อยที่พวกเขาไม่ได้ออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน ทว่าหลายอย่างบนโลกนี้มีทั้งเลวร้ายและสวยงามเสมอไม่ต่างไปจากมนุษย์เท่าไร มอร์แกนได้ยินเสียงคุยกันจากด้านนอกห้องดังขึ้นมาแว่วๆ ทำให้เขากับเมลอสหันมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจพยายามเงียบเพื่อฟังเล็กน้อย


    เสียงนั้นกำลังพูดถึงครอบครัวของพวกเขาด้วยสิ หากแต่คำพูดของเจ้าตัวนั้นกลับทำให้มอร์แกนยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เขาเริ่มไม่เข้าใจคนพวกนี้ขึ้นทุกวันแล้ว...ทั้งๆ ที่ภายนอกงดงามแท้ๆ แต่ภายในไม่ได้ต่างอะไรไปจากมนุษย์ที่หลงตนเองแม้แต่น้อย แถมคำพูดนั้นทำให้มอร์แกนเริ่มเข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงได้กดดันพวกเขาถึงขนาดนี้ด้วย


    “ลูกชายสองคนรักกันเองงั้นเหรอ? น่าขยะแขยงชะมัดเลย ถ้าเป็นข้าคงไม่กล้าสู้หน้าสังคมแน่ๆ แล้วก็ฝาแฝดนั้นน่ะ ตายๆ ไปซะก็ดี”


    แน่นอนว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งสองได้ยินปากคนที่ขึ้นชื่อว่าผู้ดีของเมืองแห่งนี้ บางทีคนพวกนี้อาจจะดีแค่รูปลักษณ์และฐานะก็ได้ แต่ว่าจิตใจกลับไม่ใช่โดยสิ้นเชิง...พวกเขาพอที่จะรู้แล้วล่ะว่าทำไมหญิงสาวถึงกดดันพวกเขา ทำไมถึงพยายามทำให้พวกเขาเลิกที่จะรักกันเองแบบนี้


    หากแต่เมื่อพวกเขารู้เหตุผลนั้นมันกลับทำให้ชายหนุ่มเข้าใจคำถามก่อนหน้านี้ นายจะเลือกทางไหน? คำตอบคือมันมีแค่สองทางเท่านั้นชายหนุ่มหันมองน้องชายฝาแฝดตนเองที่นั่งอยู่บนเตียงโดนที่ไม่คิดจะขยับไปไหนแม้แต่น้อย


    ร่างของผู้เป็นพี่หันไปส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับน้องชายตนเองเป็นผลให้นัยน์ตาสีสวยนั้นเลื่อนมองใบหน้ามอร์แกนเล็กน้อยก่อนริมฝีปากของเมลอสจะขยับยิ้มตามพี่ชายตนเอง มอร์แกนจ้องมองน้องชายตนเองเพียงครู่ก่อนที่จะเอนตัวลงไปจูบเมลอส


    ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าทำแบบนี้แท้ๆ แต่ว่านะ...ชายหนุ่มเอนตัวออกจากน้องชายตนเองพร้อมทั้งจ้องมองใบหน้าที่เหมือนกับตนเองราวกับภาพพิมพ์ หากแตสุดท้ายกลับอดที่จะกอดไม่ได้ มอร์แกนกอดเมลอสนิ่งๆ อยู่นานพอสมควรก่อนที่จะกระซิบเสียงแผ่วเบา


    “นี่ เมลอส”


    “หืม?”


    “พี่เลือกได้แล้ว เจ้าล่ะ?”


    “อืม ได้แล้ว”


    ผู้เป็นน้องชายตอบเสียงแผ่วเบาทำให้มอร์แกนหัวเราะออกมาเล็กน้อย มันไม่ใช่เสียงหัวเราะร่าเริงเหมือนทุกครั้ง แน่ล่ะ...ในตอนนี้จิตใจเขาแทบไม่เหลือความร่าเริงเลยนี้ เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสมเพชตนเองดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมานั่งท่าเดิมของตนเอง


    ความเงียบสงบในฝั่งขวามือ..กับเสียงดนตรีดนตรีฝั่งซ้ายมือมันช่างต่างกันมากโดนสิ้นเชิง และที่สำคัญวันนี้มีงานเลี้ยงทำให้ผู้คนที่ค่อยคุมนั้นหายไปในงานแทน มอร์แกนจับมือเมลอสตรงไปยังหน้าระเบียงสูงตรงหน้าของตนเอง สายลมที่พัดผ่านยามเย็นยังคงพัดมาเรื่อยๆ มอร์แกนยิ้มออกมาด้วยนัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึกก่อนเมลอสจะกล่าวถามต่อ


    “ทางเลือกสุดท้ายสินะ?”


    “อืม”


    “น่าสมเพชจัง”


    “นั่นสินะ”


    “นี่ เจ้ายังจำเรื่องตอนเด็กๆ ได้หรือเปล่า มอร์แกน”


    เมลอสกล่าวถามทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นพี่หันมองเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปยิ้มให้อีกคนพร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายตนเองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตอบออกมา


    “จำได้สิ พี่จำได้ทุกอย่าง”

     


    ....

    ........


     

    หากแต่อีกฟากหนึ่งภายในความเงียบสงบนั้นแม่มดขาวที่เฝ้ามองได้เพียงแค่มองสองฝาแฝดอย่างเงียบเชียบ เธอไม่มีความเห็นใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น ไม่สิ เธอในตอนนี้ไม่มีความคิดอะไรอีกต่อไปแล้วต่างจากอีกสองคนโดนสิ้นเชิง


    เจเนซิส...ชายหนุ่มผู้มีชื่อที่มีความหมายว่า ถือกำเนิด นั้น ทั้งนี้หมายถึงถือกำเนิดในด้านดีทว่าสิ่งที่เขากระทำกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับชื่อ จาคอป ที่มีความหมายว่า ผู้ทรงอำนาจ ชื่อที่ถูกต้องขึ้นอย่างประณีต หากแต่พวกเขาทั้งสองกลับบิดเบี้ยวไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในนิทานเท่าไร


    นิทานในวัยเด็กที่เลวร้าย นิทานที่มนุษยสร้างขึ้นมาในรูปแบบของความจริง แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาเคยอ่านในหนังสือนั้นไม่ใช่แค่เรื่องโกหก แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามสุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากลับไม่ได้แตกต่างไปจากผู้คนเหล่านี้เท่าไร ไม่มีวันปฏิเสธได้


    ...และสุดท้ายนี้...

    ...มาจบคำสาปที่หนึ่งกันเถอะ...

    ..ทางเลือกของพี่น้องฝาแฝดคือจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง...

    ..ไม่ว่าจะจบแบบไหนก็ตามสุดท้ายกลับสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าปีศาจได้อยู่ดี...

    ...รวมทั้งสร้างรอยยิ้มและคำสาปถัดไป...

    ..พร้อมทั้งเสียงกระซิบที่แผ่วเบาจากแม่มด...

    “ไปยังโลกที่ไม่ต้องกังวลเรื่องต่างๆ กันเถอะ หลังจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เอาล่ะ...ไปกันเถอะ


    พี่น้องฝาแฝด’ 


    ----------------------------------------------------

    กำลังจะจบแล้ว กลั้นหนักมากค่ะ

    พยายามให้มันจบตามที่กำหนดไว้

    ตอนนี้เลยมาแบบสั้นๆ ง่ายๆ (?) ไปก่อน #แถมยังมาแบบเมาๆ ด้วยค่----

     

     



    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×