ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #16 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 07 - คำสาปของแม่มด

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -





    The Twins[ฝาแฝด] 07
    คำสาปของแม่มด



    หนีนั่นคือทางเลือกของพวกเขา แค่หนีจากครอบครัวให้จนได้ แม้ว่าจะอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วทั้งสองก็หนีออกจากบ้านในยามค่ำคืน พวกเขาคิดว่าคนที่บ้านคงไม่มีทางตามหาปีศาจแห่งราคะอย่างพวกเขาแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นทั้งสองก็ไม่ได้ไปไกลจากเมืองเลย เพราะถ้าพวกเขาออกไปนั้นต้องมีคนรู้จักกับพ่อแม่เขารู้แน่ๆ ทำให้ทั้งสองเลือกที่จะอยู่ในเมืองต่อแต่ว่ามาในเขตที่แน่ใจว่าพ่อแม่ไม่มานั่นคือเขตสลัม


    มอร์แกนนั่งกอดน้องชายตนเองภายใต้ห้องสีขาวเล็กๆ ในเมือง...พวกเขาหยิบเงินออกมาจำนวนมากเลยทีเดียว ตอนแรกกะว่าจะข้ามทะเลไปแต่ว่าถ้าทำแบบนั้นคนที่บ้านและที่ทำงานรู้แน่ๆ ทำให้มอร์แกนเปลี่ยนใจ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบผมน้องชายตนเองที่กำลังนอนหลับ แม้จะออกมาแบบนั้นแต่พวกเขายังจำเป็นต้องกินต้องใช้


    เงินที่หยิบมาจากบ้านไม่มีวันพอแน่ๆ ทำให้เมลอสที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรต้องเริ่มหาเงินไปเรื่อยๆ โดยการที่บ่นสมุนไพรและไปขายที่ตลาดแน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่พ่อและแม่ของพวกเขาไม่มีวันมาเหยียบเลย พวกเขานั้นชื่นชอบความสูงศักดิ์คงไม่มีวันมาในสถานที่ที่สามัญชนอยู่แน่ๆ


    เมลอสกระพริบตาถี่ๆ หลังจากที่หลับไปนานก่อนเงยขึ้นมองมอร์แกนที่ยิ่งให้ตนเองเล็กน้อย...เช้าวันนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเขาต้องทำเช่นเดิมบดสมุนไพรไปที่ตลาดอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปพวกเขาพบบุคคลที่ไม่คาดคิดนั่นคือวิกตอเรีย น้องสาวคนสุดท้องของพวกเขา อันที่จริงตอนแรกทั้งสองตั้งท่าจะเมินทำเป็นไม่รู้จัก แต่ว่าสุดท้ายก็พาเธอแยกออกจากตลาดนั้นพร้อมทั้งกล่าวถามเสียงเรียบๆ


    “น้องออกจากคฤหาสน์ได้ยังไง”


    “คนรับใช้หาตัวพวกท่านพี่จนไม่ว่างดูแลค่ะ”


    “งั้นเหรอ?”


    “ค่ะ พี่คะ กลับบ้านกันเถอะ”


    “....ไม่ล่ะ....”


    “ทำไมล่ะคะ?”


    “วิกตอเรีย รักระหว่างพี่น้องมันผิดนะรู้ไหม?”


    “แต่น้องเองก็รักพวกพี่นะคะ”


    “ความหมายมันต่างกันวิกตอเรีย...พี่กับเมลอสไม่ได้รักแบบพี่น้องอีกต่อไปแล้ว ถ้ากลับไปคฤหาสน์นั้นมีแค่จะเสียใจเปล่าๆ เพราะฉะนั้นพวกพี่จะไม่กลับไป”


    “...แต่ว่า....แบบนี้พวกพี่ลำบากไม่ใช่หรือ?”


    “ใช่ แต่ว่าดีกว่าทรมานทางจิตใจนะ”


    “..........”


    “วิกตอเรีย ช่วยปิดเรื่องที่เจอกับพวกพี่เป็นความลับทีนะ”


    “เข้าใจแล้ว”


    วิกตอเรียตอบกลับทำให้ทั้งสองยิ้มให้เธอเล็กน้อยในขณะที่เด็กสาวเหลือบมองตลาดตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่จะหันมากล่าวถามพี่ชายของตนเอง


    “ทำไมพวกท่านพี่ไม่ไปต่างเมืองล่ะ?”


    “ด่านตรวจคนเข้าเมือง”


    “?”


    “ถ้าผ่านด่านนั้นท่านพ่อกับท่านแม่คงรู้ตัวแน่ๆ ว่าพวกเราจะไปที่ไหน”


    เมลอสกล่าวเสียงเรียบๆ พลางเหลือบมองออกไปด้านนอกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินไปมา มันดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าฝ่ายวิกตอเรียเองก็เห็นด้วยที่นี่เด็กนั้นดูร่าเริงและอิสระกว่าที่พวกเธอถูกเลี้ยงมาเสียอีก หลังจากนั้นเด็กสาวเดินกลับไปยังบ้านในขณะที่สองฝาแฝดเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเอง


    เวลานั้นผ่านไปเรื่อยๆ โดนที่พวกเขายังอยู่ด้วยกันอย่างปกติดีทุกอย่าง แต่ว่าดูเหมือนไม่มีวี่แววว่าครอบครัวจะเลิกตามหาพวกเขาแม้แต่น้อย วิกตอเรียเองก็ปิดปากเงียบพร้อมทั้งมาหาพวกเขาบางครั้งบางคราว เช่นเดียวกันวันนี้เด็กสาวมาหาพวกเขาในเวลาเช้าตรู่พร้อมคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ว่าให้เมลอสเปิดคลินิกอีกครั้ง เธอแน่ใจว่าพ่อและแม่ไม่มีทางมาหาหมอแถวๆ นี้แน่ๆ


    แน่นอนว่าแม้ตอนแรกจะลังเลแต่ทว่าสุดท้ายทั้งสองก็ทำตามที่วิกตอเรียบอกในที่สุด เมลอสแทบแน่ใจว่าทันทีที่เขาตัดสินใจเปิดนั้นเงินมันยุ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีคนที่มีความสามารถในการรักษาทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตเพราะโรคเล็กๆ น้อยๆ ไปเยอะ ก็แน่ล่ะ ที่นี่มันเป็นเขตสลัมนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถทำงานหลายวันติดต่อกันได้ บางครั้งต้องพักบ้าง แถมคนที่เข้ามาที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นโสเภณีหรือไม่ก็พวกทำงานผิดกฎหมายแล้วถูกซ้อมเสียมากกว่า


    แน่นอนว่าราคาในการรักษานั้นเมลอสต้องลดจากราคาที่เขาเคยตั้งไว้ก่อนหน้านี้ลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว แต่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหามาก แต่ปัญหาอยู่ที่ไม่ค่อยได้พักเท่าไร เพราะบางครั้งมีลูกค้ามายามค่ำคืนในสภาพที่เฉียดตายทำให้เมลอสกับมอร์แกนจำใจบดสมุนไพรพร้อมทำแผลให้เพราความเห็นใจที่โดนทำร้าย


    อันที่จริงจากการที่ลูกค้าหลายคนเล่านั้นพวกเขามักถูกทำร้ายโดนพวกที่มีเงินมากกว่าเสมอ เพราะการอยู่ที่นี่ทำให้สองฝาแฝดเริ่มเข้าใจว่าโลกที่ตนเองอยู่ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรในสายตาคนทั่วไป และแน่นอนว่าทั้งสองไม่เคยบอกกล่าวกับใครว่าตนเองมาจากตระกูลที่สูงส่งเช่นเดียวกัน หลังจากที่ลูกค้าเดินจากไปนั้นเมลอสถึงกับถอนหายใจโล่งอกก่อนเดินเข้าไปในห้องพร้อมทั้งเอนตัวลงนอนบนเตียงของตนเองที่ถูกจัดอย่างดีโดยผู้เป็นพี่ชายอย่างมอร์แกน


    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวนอนขดตัวเล็กน้อย เมื่อกี้เขาแทบไม่รู้ว่ามอร์แกนไปไหนเพราะมัวแต่ยุ่งกับการทำแผลให้ลูกค้าอยู่ หากแต่ยังไม่ทันได้ได้คิดอะไรต่อกลับมีแรงยุบลงข้างๆ ทำให้เมลอสเงยขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินมานั่งข้างๆ ตนเอง มอร์แกนยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยก่อนยกมือขึ้นขยี้เส้นผมนุ่มของน้องชายตนเองพลางกล่าวเสียงสดใส


    “พยายามได้ดีมาก วันพรุ่งนี้พักดีไหม?”


    “อืม ก็ดีนะ”


    “จะตอนนี้ก็ได้ คงไม่มีใครมาแล้วล่ะ”


    มอร์แกนบอกต่อพลางมองประตูห้อง พวกเขาไม่ได้เปิดเป็นร้านโดยตรงแต่ว่าใช้พื้นที่ห้องที่เหลือทางฝั่งขวามือต่างหาก เท่าที่ได้ยินเจ้าของที่พักบอกนั้นเหมือนห้องนั้นจะเป็นคนละห้อง แต่ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนขอร่วมห้องเดียวกันทำให้เขายอมทำตาม แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนๆ นั้นก็จากเมืองนี้ไปแล้วทำให้มันว่าง และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าพวกเขาจะเปิดร้านสำหรับรักษาคนอื่นทำให้เจ้าตัวยกห้องนี้ให้ทั้งสองฟรีๆ


    เนื่องจากไม่มีใครใช้มานานทำให้ต้องทำความสะอาดเป็นวัน และทันทีที่เปิดนั้นกลับกลายเป็นว่างานยุ่งจนถึงวันนี้ เมลอสเองก็เหนื่อยไม่ใช่ย่อยทำให้มอร์แกนปล่อยให้น้องชายตนเองหลับก่อนเดินลงไปยังชั้นล่าง เพื่อบอกเจ้าของร้านเรื่องที่พวกเขาจะปิดรับลูกค้าสักวัน อันที่จริงรู้สึกว่าตนเองรบกวนเขามากเกินไป แต่ว่า..จะว่าอย่างไรดี ตอนแรกคิดว่าเจ้าของร้านน่าจะเป็นคนที่จริงจังและโหดเสียอีก ทว่าพอรู้จักกลับพอจะรู้ว่าไม่ควรตัดสินคนจากใบหน้า


    เจ้าของร้านที่นี่นั้นใจดีกว่าคนอื่นๆ เสียอีก....ดูเหมือนเจ้าตัวจะสนับสนุนให้พวกเขาเปิดร้านอย่างเต็มที เท่าที่ชายหนุ่มวัยกลางคนคนนี้บอกนั้นเขาเองอยู่ที่นี่มานานนับสามสิบปี เห็นผู้คนมากมายตายไปเพราะไม่มีเงินจะเสียค่ารักษาแพงๆ ในเขตที่เจริญกว่า พอเมลอสกับมอร์แกนที่มีความรู้เรื่องยาตั้งใจจะเปิดร้านนั้นทำให้หลายคนพอมีหวังบ้าง แน่นอนว่าพอได้ยินแบบนั้นทำให้พวกเขาลดราคาลงครึ่งหนึ่ง...แถมบางคนยังรักษาให้ฟรีๆ อีกด้วย


    ชายหนุ่มผมขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้านล่างตรงหน้าเจ้าของที่พักอย่างเงียบเชียบพลางมองผู้คนที่ดูมีความสุขกันมาก...แม้จะลำบากแต่พวกเขากลับมีชีวิตชีวามากพอสมควร ในขณะที่นั่งเงียบนั้นเสียเจ้าของร้านกลับดังขึ้นมาทำให้มอร์แกนหันมองไปอย่างช่วยไม่ได้


    “..ได้ยินว่าพวกเธอมาจากแถวๆ คฤหาสน์ที่เคยโดนเปลวเพลิงเผาสินะ”


    “อา...ใช่แล้วล่ะ”


    “จะว่าไปเมื่อกี้ได้ยินลูกค้าคนหนึ่งเล่าเกี่ยวกับคฤหาสน์นั้นด้วย เจ้าคงเคยได้ยินสินะ”


    “ได้ยินว่าเป็นที่อยู่ของแม่มดน่ะ นอกนั้นไม่รู้หรอก”


    มอร์แกนบอกพลางยกน้ำขึ้นดื่มเล็กน้อย อันที่จริงนอกจากที่พักแล้วที่นี่ยังเป็นร้านเหล้าอีก แต่ว่าเขาดื่มเป็นที่ไหนตั้งแต่เล็กจนโตมาถูกห้ามไม่ให้ดื่มของแบบนี้มาตลอดทำให้ชายหนุ่มได้เพียงแค่ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น หากแต่ไม่นานนักเจ้าของร้านกลัวกล่าวต่อทำให้เขาชะงักน้อยๆ เมื่อได้ยินลักษณะของคนที่เล่าเข้า


    “เมื่อกี้ชายชุดคลุมดำเล่ามันให้ข้าฟังด้วยล่ะ”


    “ชุดคลุมดำ?”


    “ใช่แล้ว”


    เมื่อพูดถึงชุดคลุมดำนั้นมอร์แกนคิดออกแค่สองพี่น้องที่อยู่บนโบสถ์นั้นทำให้เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนตัดสินใจกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง...


    “เล่าให้ข้าฟังที”


    แม้เจ้าของร้านจะงุนงงเพราะปฏิกิริยาตอบรับของเขาก็ตามสุดท้ายแล้วชายหนุ่มกลางวันก็ยอมเล่าให้ฟังในที่สุด....


    เมื่อสิบปีก่อนนั้นเคยมีหมอยาที่ถูกเรียกว่าแม่มดขาวเกิดขึ้นมา เธอนั้นเกิดในตระกูลและฐานะที่สูงส่งหากแต่เพราะสงครามทำให้เธอเปลี่ยนสถานะจากสูงสุดเป็นล่างสุด เดิมทีเด็กสาวนั้นเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง แต่ว่าเมื่อโตขึ้นเธอถูกรับเลี้ยงโดนชายหนุ่มผู้เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง...แม่มดขาวนั้นมีความฝันที่อยากรักษาเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอาการประสาทหลอนตั้งแต่ถูกจับเป็นทาส แม้จะถูกมองด้วยสายตารังเกียจแต่ว่าแม่มดขาวนั้นไม่เคยสนใจแม้แต่น้อยเธอยังคงมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเอง


    แต่ว่าความฝันและความสุขนั้นกลับอยู่ไม่ได้นานในวันที่เธอข้ามฝั่งเพื่อศึกษาวิชาการแพทย์นั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน คฤหาสน์ที่ซึ่งเป็นบ้านของเธอถูกเผาไม่เหลือเพียงเถ้าธุลี หากแต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้นั้นเด็กสาวขาวตะวันออกหนึ่งในนั้นกลุ่มคนที่โดนเผ่านั้นได้สร้างบางอย่างขึ้นมาและส่งออกจากคฤหาสน์ ฝากไว้กับผู้คนที่สูงส่งทั้งหลาย


    และไม่มีใครรู้ของชิ้นพวกนั้นกลับสร้างเรื่องราวที่น่าสังเวชถัดๆ ไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ทางด้านแม่มดขาวนั้นหลังจากที่ทราบข่าวไฟไหม้นั้นเธอตั้งใจจะตามหาพี่น้องที่ออกทะเลอีกสองเพื่อกลับไปยังบ้านของตนเอง...ทว่าสุดท้ายนั้นเรือของทั้งสองก็อับปางลงทำให้ความหวังทุกอย่างเธอหายไป


    แม่มดขาวเดินทางกลับมายังบ้านของตนเองอีกครั้ง แต่เมื่อเธอกลับมาทุกอย่างกลับกลายเป็นเถ้าธุลีไป หลังจากนั้นผู้คนเห็นแค่เพียงว่าเธอเดินขึ้นไปยังเขตโบสถ์ที่ร้างใกล้ๆ กับบ้านตนเอง และไม่กลับมาอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่รู้แน่ชัดแม่มดขาวได้ฝากคำสาปไว้กับสถานที่แห่งนั้น


    คำสาปแช่งกับคำขอของหล่อนนั้นไม่รู้ว่ามีผลอะไรหรือไม่ แต่ว่าผู้คนมักเห็นดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์เบ่งบานเสมอในสวนด้านหลังนั้น มันเป็นดอกไม้ดอกเดียวไม่เคยเหี่ยวเฉาหลังจากแม่มดขาวจากไปก็ตาม...คำสาปของเธอที่มีไม่มีรู้นั่นคือ...


    การที่ขอให้ใครบางคนพบจุดจบที่ไม่ต่างจากเธอ จุดจบเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ทุกอย่างหายไป 


    หายไปจากโลกใบนี้


    ----------------------------------------------

    มีความรู้สึกว่าวนเรื่องตำนานนั้น เอ่อ คือตอนแรกเล่าไม่หมดสักที TT

    ขออภัยนะคะ แต่อีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จบแล้วค่ะ 

    อย่างที่เล่าข้างต้น...จบไม่สวยเท่าไรค่ะ

    ขออนุญาตเรียงชื่อตอนต่อจากนี้ 

    -ปีศาจแห่งราคะ-

    -ทางเลือกสุดท้าย-

    -จุดจบของเรื่องราว-

    แถมตอนส่งท้ายเกี่ยวกับครอบครัวของสองแฝดสั้นๆ ค่ะตอนนี้

    -คำขอโทษที่ไม่มีวันส่งไปถึง-



    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×