ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #15 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 06 - คำสารภาพบาป

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -






    The Twins[ฝาแฝด] 06
    คำสารภาพบาป



    หลังจากที่กล่าวคำถามนั้นออกไป มอร์แกนนั้นไม่ได้คำตอบจากปากผู้เป็นน้องชายตนเองแม้แต่น้อย เมลอสมองเขาด้วยสายตาลอยๆ อยู่นานก่อนเลื่อนขึ้นมองเพดานห้องราวกับกำลังปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อยทำให้มอร์แกนตัดสินใจออกมาจากห้องแทน ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวราวกับพงไพรเลื่อนขึ้นมองเพดานสีแดงขุ่นก่อนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นที่เย็นเฉียบ


    มอร์แกนชันเขาขึ้นกอดเล็กน้อยก่อนซุกหน้าลงไปท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืน เสียงนกฮูกร้องดังขึ้นมาต่อเนื่องจากในขณะที่แสงจากพระจันทร์ลอยผ่านม่านสีขาวผืนใหญ่ หยดน้ำตาที่ร้อนราวกับน้ำอุ่นไหลออกมาจากดวงตานั้น ร่างเริ่มสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย เขาอยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น


    เพราะคำพูดของชายคนนั้นทำให้เขาเข้าใจถึงความรู้สึกตนเองทุกอย่าง...เมลอสคงอยากมีพี่ชายแบบนี้สินะ แม้จะพยายามปลอบตนเองให้เย็นลงแค่ไหนก็ตาม..สุดท้ายแล้วน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาอยู่ดี หากแต่เพราะความเงียบสงบนั้นทำให้เขาได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน ภายในความเงียบกลับมีเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นมาในหัว


    เสียงหัวเราะของผู้คน...เมื่อพวกนั้นรู้เรื่องที่เขารักน้องตนเองนั้น พวกนั้นคงขยะแขยงไม่ก็มองเขาเป็นตัวประหลาดแน่ๆ และเพราะความคิดนั้นมันทำให้มอร์แกนได้ยินเสียงหัวเราะของเหล่าผู้ดีที่สูงศักดิ์ทั้งหลายดังขึ้นมาแว่วๆ หากแต่สุดท้ายมันกลับถูกกลบด้วยเสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นมาทีหลัง...แต่ว่าชัดเจน


    เสียงหัวเราะแหลมของหญิงสาวดังขึ้นมาในหัว เสียงนั้นไม่สามารถแปลความหมายที่หัวเราะออกมาได้ชัดเจน..มันผสมกันไปมั่ว ระหว่างความสะใจ สนุกสนาน มีความสุข...รังเกียจ ดูถูก ความโกรธ ความเกลียดชัง และความโศกเศร้า เสียงหัวเราะที่สามารถบอกได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นรู้สึกยังไงกันแน่


    หากแต่ทุกอย่างกลับเลื่อนหายไปเมื่อเขาได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง เมลอสเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ หากแต่ยังคงปนความสับสนอยู่ นัยน์ตาสีเดียวกับเขาเลื่อนมาสบตากับชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนริมฝีปากสีพีชจะขยับกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


    “เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”


    “.......”


    “เข้ามาได้แล้ว”


    เมลอสก่อนต่อพร้อมเดินมานั่งลงข้างๆ เขาทำให้มอร์แกนมองเขาอย่างงุนงง นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองเขาอย่างไม่วางตาพร้อมทั้งกล่าวคำพูดที่ทำเอาแม้แต่มอร์แกนยังนิ่งไปออกมา


    “ข้ารักพี่”


    “.......”


    “เพราะฉะนั้น...ขอแค่ไม่มีใครรู้ด้วยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”


    ชายหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเช่นปกติของเขาในขณะที่มอร์แกนหันมองน้องชายตนเอง...ใช่ เขาลืมคิดไปถ้าไม่มีใครรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มผมขาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาลตนเองเล็กน้อยก่อนเอนตัวเข้าไปสวมกอดนน้องชายตนเองพร้อมทั้งกล่าวต่อเสียงร่าเริงเช่นปกติของตนเอง


    “ใช่ ขอแค่ไม่มีใครรู้ พี่รักเมลอส...และจะรักแบบนี้ตลอดไป”


    “เหมือนกัน ข้าไม่มีวันแต่งงานกับใครเด็ดขาด”


    “พี่ก็เหมือนกัน”


    “เอาล่ะ กลับเข้าไปกันเถอะ”


    เมลอสพึมพำข้างๆ หูเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแม้เสียงจะดูเข้มแข็ง แต่ว่าตอนนี้ร่างของชายหนุ่มผู้เป็นน้องนั้นเริ่มสั่นเทาราวกับจะร้องไห้ออกมา เมลอสเป็นแบบนี้เสมอ เหมือนจะเข้มแข็งหากแต่ความจริงนั้นก็มีบางอย่างที่เปราะบางพอๆ กับเขา มือทั้งสองข้างเริ่มออกแรงกำเสื้อเขาแน่นทำให้มอร์แกนอุ้มอีกคนขึ้น แน่นอนว่ามันทำให้ฝ่ายที่โดนอุ้มถึงกับถามออกมาด้วยความตกใจ


    “เดี๋ยวทำอะไรน่ะ!?


    “เปล่าแค่จะเข้าไปในห้อง”


    “ปล่อยลงก่อน”


    “ไม่เป็นไร ร้องไห้ต่อไปสิ...ไม่ต้องทำตัวเข็มแข็งต่อหน้าพี่หรอกนะ”


    มอร์แกนบอกทำให้อีกคนเงียบเล็กน้อยก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นมาเบาๆ มือข้างขวาของมอร์แกนยกมือขึ้นลูบศีรษะผู้เป็นน้องชายเล็กน้อยก่อนอุ้ม...ใช่ อุ้มนั้นแหละน้องชายตนเองกลับเข้าไปในห้อง แม้ว่านิสัยเขาจะไม่ได้ดูแทนก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูนุ่มนวลกว่าน้องชาย แต่ใช่ว่าสภาพร่างกายจะอ่อนแอกว่าเสมอชายหนุ่มวางผู้เป็นน้องชายตนเองลงบนเตียงเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวเป็นประกายของเมลอส


    ยิ่งแสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามายิ่งทำให้มันดูเป็นประกายกว่าเดิม เขาก้มตัวลงใกล้กับเมลอสเล็กน้อยทำให้หน้าผากชนกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนส่งยิ้มให้น้องชายตนเอง เมลอสยกมือขึ้นขยี้ตาด้านขวาตนเองอีกคนก่อนเอื้อมมือขึ้นกอดเขาอีกครั้ง


    ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายยิ่งออกมาเล็กน้อยก่อนกอดอีกคนตอบพร้อมทั้งเผลอหลับไปท่ามกลางความเงียบสงบ ถ้าไม่มีใครรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาคิดแบบนั้น อันทีจริงมันก็ถูกต้องแต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นความลับไปตลอดไปไม่ว่าวันใดวันหนึ่งสุดท้ายแล้วมันก็เผยออกมาอยู่ดี...แม้จะช้าเกินไปแต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป


    ช่วงเวลาตลอดหลายวันหลังจากที่เขากับเมลอสตัดสินใจปิดเรื่องที่พวกเขาเริ่มคบกันเกิดคำว่าพี่น้องนั้น อันที่จริงมอร์แกนเองก็ไม่ได้ทำอะไรเมลอสมากไปก่อนการจูบแม้แต่น้อย แต่ว่าถึงจะแค่จูบก็ตามสุดท้ายการที่ได้อยู่กับคนที่รักมากที่สุดคงเป็นปรารถนาของคนทั่วไป หากแต่ไม่นานนักทุกอย่างกลับจบลง จบลงด้วยน้ำมือของผู้คนที่คลั่งศาสนาและพ่อแม่ของพวกเขาเอง


    ในวันที่ท้องฟ้าเริ่มมืดหม่นนั้นในวันหยุด ขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่นั้นเสียงเดินของผู้เป็นแม่ดังขึ้นมาพร้อมทั้งหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง คำด่าท่อมากมายดังออกมาจากปากของหล่อนมันทำให้ในความคิดของสองฝาแฝดเริ่มว่างเปล่า......พวกเขาเกลียดแบบนี้ที่สุดเลย


    หล่อนเอาแต่เข้าใจทุกอย่างผิดไปเอง...ใช่ การรักกับพี่น้องตนเองมันผิด แต่ว่าพวกเขาห้ามตนเองได้งั้นหรือ พวกเขาสามารถหยุดตนเองไว้แค่นี้งั้นหรือ ทุกอย่างบนโลกนี้มีกฎเกณฑ์แม้กระทั่งความรักด้วย ความรักที่ห่างเพียงแค่เอื้อมมือแต่ว่ากลับไม่มีวันไปถึงได้ พวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ใช่หลงรักอีกฝ่ายทั้งๆ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผู้เป็นแม่พาพวกเขาไปสารบาปต่อหน้าบาทหลวง...แน่นอนว่าพวกเขาไม่สารภาพออกมาแม้แต่คนเดียว


    ทำให้ทุกอย่างยังคงเดิมมอร์แกนยังรักเมลอสไม่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับฝ่ายน้องที่ยังรักพี่ชายตนเอง แม้ว่าแรงกดดันจากครอบครัวก็ตาม วิกตอเรียผู้เป็นน้องสาวนั้นเหมือนเองจะเข้าใจพวกเขา เด็กสาวมองพวกเขาสีหน้าเห็นใจพร้อมมองสลับกับแม่ที่ด่าทั้งสองอย่างไม่หยุด แต่ว่าสุดท้ายเธอกลับถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ทั้งสอง น้องสาวมองพวกเขาด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนยอมเดินตามผู้เป็นพ่อไป อันที่จริงคำด่าทอของหญิงสาวมันเจ็บมากเลยทีเดียว แต่ว่ามันไม่เจ็บเท่าคำนั้นที่เธอพูดออกมา


    “พวกแกไม่น่าเกิดมาเลย”


    และ


    “ข้าไม่อยากมีลูกเป็นพวกราคะแบบนี้”


    นั้นแหละเป็นคำที่ทำให้น้ำตาของมอร์แกนเริ่มไหลออกมาอีกครั้งกับคำด่าทอของเธอ เพียงเพราะรักพี่น้องตนเองกลับถูกว่าราวกับไม่ใช่มนุษย์ หลังจากที่หญิงสาวเดินออกจากห้องไปนั้นมอร์แกนได้แค่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าตนเองเงียบๆ ในขณะที่เมลอสนั่งกอดเข่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยยิ่งกว่าเดิม ความสุขที่เคยมีเมื่อวันวานนั้นหายไปราวกับเรื่องโกหก


    ในยามค่ำคืนมาเยือนทั้งสองถูกห้ามไม่ให้ไปทานอาหารกับครอบครัว ถูกแบ่งแยกออกอย่างไม่มีเหตุผล ห้ามแต่เพราะนึกบางอย่างขึ้นได้ทำให้มอร์แกนยกมือขึ้นซับน้ำตาตนเองเล็กน้อยก่อนหันมองเมลอสที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมพร้อมทั้งกล่าวเสียงเบา


    “เมลอสไปกันเถอะ”


    “...ไปไหน?...”


    “โบสถ์เก่า”


    มอร์แกนบอกอันที่จริงไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่จู่ๆ เขาก็นึกถึงโบสถ์นั้นขึ้นมา เมลอสมอเขาด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินออกจากคฤหาสน์ท่ามกลางความเงียบสงบก่อนตรงไปยังโบสถ์แห่งนั้น หากแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป...เด็กหนุ่มเจ้าของชุดคลุมสีดำนั่งรออยู่ที่บันไดชั้นบนสุด ทันทีที่เห็นพวกนั้นเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนเดินเข้าไปภายในโบสถ์นั้น


    สองฝาแฝดเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบก่อนที่จะพบชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงคนเดิมยืนนิ่งอยู่ข้างรูปปั้นที่เป็นตราสัญลักษณ์ของศาสนา แขนทั้งสองข้างอ้ากว้างออกก่อนกล่าวคำพูดหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง


    “เอาล่ะ สารภาพบาปของคุณมาสิ”


    คำกล่าวของชายหนุ่มนั้นทำให้มอร์แกนกับเมลอสหันมองหน้ากันเล็กน้อย...มันเหมือนที่ที่เขาไปก่อนหน้านี้ แต่ว่าบรรยากาศต่างกันเยอะ ที่นั้นรู้สึกถึงสายตารังเกียจจากผู้คนแต่ว่าที่นี่ไม่ใช่มันดูเงียบสงบและพร้อมที่จะเข้าใจพวกเขามอร์แกนกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


    “ข้าขอโทษที่หลงรักน้องชายตนเอง...แต่ว่าท่านคงเข้าใจสินะ ข้าน่ะ ไม่มีวันถอยกลับไปได้แล้ว แม้ว่าผู้คนจะรังเกียจก็ตามแต่ว่าสุดท้ายแล้วพวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”


    มอร์แกนกล่าวพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาในขณะที่เมลอสเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่เงียบๆ หลังจากที่เขากล่าวไปนั้นสายลมที่เหมือนกับลมในยามเช้าพัดผ่านพร้อมเสียงหัวเราะก่อนหน้านี้ดังขึ้น ทว่าเมื่องได้ยินอีกครั้งมันกลับทำให้มอร์แกนเข้าใจถึงเสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่ความสุขหรือความทุกข์เลย แต่ว่ามันคือ....


    ....สมเพชตนเอง...


    เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสมเพชในโชคชะตาที่ตนเองเจอเข้า เขาไม่รู้หรอกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใครแต่ว่าสุดท้ายแล้วมอร์แกนก็เผลอหัวเราะออกมาตามเสียงนั้น ทั้งๆ ที่หยาดน้ำตายังคงร่วงหล่นลงมา ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงจ้องพวกเขาเล็กน้อยก่อนกล่าวถามต่อทำให้มอร์แกนหยุดหัวเราะพร้อมหันมองพวกเขา


    “เอาล่ะ พวกนายจะหนีหรืออยู่ที่นี่ต่อไป”


    “แน่นอนสิ ว่าต้องหนี”


    มอร์แกนกล่าวพลางเหลือบมองเมลอสที่พยักหน้าน้อยๆ ราวกับบอกว่าเขาไม่ว่าอะไรให้พี่ชายตัดสินใจไป และคำตอบนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งลงเงียบๆ สองฝาแฝดมองชายคนนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนเปลี่ยนทิศทางหากแต่ก่อนจะพ้นประตูเหมือนครั้งก่อนชายหนุ่มกลับกล่าวออกมาเสียงเรียบๆ


    “นี่ คุณแฝด”


    “......”


    “ถ้าหนีไปแล้วยังไม่พ้นล่ะก็ฉันมีอีกทางหนึ่ง”


    “.......”


    “ละทิ้งทุกอย่าง จนสุดท้ายเหลือพวกคุณเพียงสองคนเท่านั้น”


    มอร์แกนปิดประตูลง เขาเข้าใจดีกว่าชายคนนั้นหมายถึงอะไร สิ่งที่ชายคนนั้นบอกนั้นคือทางเลือกสุดท้ายของพวกเขา


    ...ความตาย...


    ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนเหลือบมองเมลอสพร้อมทั้งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


    “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”



    --------------------------------------------------

    อย่าเพิ่งตกใจค่ะ แฝดยังไม่ตายนะคะ

    ตอนนี้แค่ตัดสินใจหนีเท่านั้น เอาเป็นว่าจะเร่งปั่นเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุดค่ะ

    เหลืออีกสี่ตอน พยายามต่อไป รู้สึกว่ามันหวานสลับกับหน่วงแฮะ TT

    อนึ่งตอนนี้อารมณ์เสียเพราะบันทึกไม่ได้สักที กว่าจะบันทึกได้




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×