คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 06 - คำสารภาพบาป
The Main Character
From The Twins
ตัวละครหลัก
สองพี่น้องฝาแฝด
ตัวละครเสริม
-แม่มดชุดขาว-
- วิกตอเรีย -
-ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-
- เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -
หลังจากที่กล่าวคำถามนั้นออกไป มอร์แกนนั้นไม่ได้คำตอบจากปากผู้เป็นน้องชายตนเองแม้แต่น้อย เมลอสมองเขาด้วยสายตาลอยๆ อยู่นานก่อนเลื่อนขึ้นมองเพดานห้องราวกับกำลังปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อยทำให้มอร์แกนตัดสินใจออกมาจากห้องแทน ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวราวกับพงไพรเลื่อนขึ้นมองเพดานสีแดงขุ่นก่อนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นที่เย็นเฉียบ
มอร์แกนชันเขาขึ้นกอดเล็กน้อยก่อนซุกหน้าลงไปท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืน เสียงนกฮูกร้องดังขึ้นมาต่อเนื่องจากในขณะที่แสงจากพระจันทร์ลอยผ่านม่านสีขาวผืนใหญ่ หยดน้ำตาที่ร้อนราวกับน้ำอุ่นไหลออกมาจากดวงตานั้น ร่างเริ่มสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย เขาอยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
เพราะคำพูดของชายคนนั้นทำให้เขาเข้าใจถึงความรู้สึกตนเองทุกอย่าง...เมลอสคงอยากมีพี่ชายแบบนี้สินะ แม้จะพยายามปลอบตนเองให้เย็นลงแค่ไหนก็ตาม..สุดท้ายแล้วน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาอยู่ดี หากแต่เพราะความเงียบสงบนั้นทำให้เขาได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน ภายในความเงียบกลับมีเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นมาในหัว
เสียงหัวเราะของผู้คน...เมื่อพวกนั้นรู้เรื่องที่เขารักน้องตนเองนั้น พวกนั้นคงขยะแขยงไม่ก็มองเขาเป็นตัวประหลาดแน่ๆ และเพราะความคิดนั้นมันทำให้มอร์แกนได้ยินเสียงหัวเราะของเหล่าผู้ดีที่สูงศักดิ์ทั้งหลายดังขึ้นมาแว่วๆ หากแต่สุดท้ายมันกลับถูกกลบด้วยเสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นมาทีหลัง...แต่ว่าชัดเจน
เสียงหัวเราะแหลมของหญิงสาวดังขึ้นมาในหัว เสียงนั้นไม่สามารถแปลความหมายที่หัวเราะออกมาได้ชัดเจน..มันผสมกันไปมั่ว ระหว่างความสะใจ สนุกสนาน มีความสุข...รังเกียจ ดูถูก ความโกรธ ความเกลียดชัง และความโศกเศร้า เสียงหัวเราะที่สามารถบอกได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นรู้สึกยังไงกันแน่
หากแต่ทุกอย่างกลับเลื่อนหายไปเมื่อเขาได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง เมลอสเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ หากแต่ยังคงปนความสับสนอยู่ นัยน์ตาสีเดียวกับเขาเลื่อนมาสบตากับชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนริมฝีปากสีพีชจะขยับกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“.......”
“เข้ามาได้แล้ว”
เมลอสก่อนต่อพร้อมเดินมานั่งลงข้างๆ เขาทำให้มอร์แกนมองเขาอย่างงุนงง นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองเขาอย่างไม่วางตาพร้อมทั้งกล่าวคำพูดที่ทำเอาแม้แต่มอร์แกนยังนิ่งไปออกมา
“ข้ารักพี่”
“.......”
“เพราะฉะนั้น...ขอแค่ไม่มีใครรู้ด้วยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเช่นปกติของเขาในขณะที่มอร์แกนหันมองน้องชายตนเอง...ใช่ เขาลืมคิดไปถ้าไม่มีใครรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มผมขาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาลตนเองเล็กน้อยก่อนเอนตัวเข้าไปสวมกอดนน้องชายตนเองพร้อมทั้งกล่าวต่อเสียงร่าเริงเช่นปกติของตนเอง
“ใช่ ขอแค่ไม่มีใครรู้ พี่รักเมลอส...และจะรักแบบนี้ตลอดไป”
“เหมือนกัน ข้าไม่มีวันแต่งงานกับใครเด็ดขาด”
“พี่ก็เหมือนกัน”
“เอาล่ะ กลับเข้าไปกันเถอะ”
เมลอสพึมพำข้างๆ หูเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแม้เสียงจะดูเข้มแข็ง แต่ว่าตอนนี้ร่างของชายหนุ่มผู้เป็นน้องนั้นเริ่มสั่นเทาราวกับจะร้องไห้ออกมา เมลอสเป็นแบบนี้เสมอ เหมือนจะเข้มแข็งหากแต่ความจริงนั้นก็มีบางอย่างที่เปราะบางพอๆ กับเขา มือทั้งสองข้างเริ่มออกแรงกำเสื้อเขาแน่นทำให้มอร์แกนอุ้มอีกคนขึ้น แน่นอนว่ามันทำให้ฝ่ายที่โดนอุ้มถึงกับถามออกมาด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวทำอะไรน่ะ!?”
“เปล่าแค่จะเข้าไปในห้อง”
“ปล่อยลงก่อน”
“ไม่เป็นไร ร้องไห้ต่อไปสิ...ไม่ต้องทำตัวเข็มแข็งต่อหน้าพี่หรอกนะ”
มอร์แกนบอกทำให้อีกคนเงียบเล็กน้อยก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นมาเบาๆ มือข้างขวาของมอร์แกนยกมือขึ้นลูบศีรษะผู้เป็นน้องชายเล็กน้อยก่อนอุ้ม...ใช่ อุ้มนั้นแหละน้องชายตนเองกลับเข้าไปในห้อง แม้ว่านิสัยเขาจะไม่ได้ดูแทนก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูนุ่มนวลกว่าน้องชาย แต่ใช่ว่าสภาพร่างกายจะอ่อนแอกว่าเสมอชายหนุ่มวางผู้เป็นน้องชายตนเองลงบนเตียงเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวเป็นประกายของเมลอส
ยิ่งแสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามายิ่งทำให้มันดูเป็นประกายกว่าเดิม เขาก้มตัวลงใกล้กับเมลอสเล็กน้อยทำให้หน้าผากชนกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนส่งยิ้มให้น้องชายตนเอง เมลอสยกมือขึ้นขยี้ตาด้านขวาตนเองอีกคนก่อนเอื้อมมือขึ้นกอดเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายยิ่งออกมาเล็กน้อยก่อนกอดอีกคนตอบพร้อมทั้งเผลอหลับไปท่ามกลางความเงียบสงบ ถ้าไม่มีใครรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาคิดแบบนั้น อันทีจริงมันก็ถูกต้องแต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นความลับไปตลอดไปไม่ว่าวันใดวันหนึ่งสุดท้ายแล้วมันก็เผยออกมาอยู่ดี...แม้จะช้าเกินไปแต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป
ช่วงเวลาตลอดหลายวันหลังจากที่เขากับเมลอสตัดสินใจปิดเรื่องที่พวกเขาเริ่มคบกันเกิดคำว่าพี่น้องนั้น อันที่จริงมอร์แกนเองก็ไม่ได้ทำอะไรเมลอสมากไปก่อนการจูบแม้แต่น้อย แต่ว่าถึงจะแค่จูบก็ตามสุดท้ายการที่ได้อยู่กับคนที่รักมากที่สุดคงเป็นปรารถนาของคนทั่วไป หากแต่ไม่นานนักทุกอย่างกลับจบลง จบลงด้วยน้ำมือของผู้คนที่คลั่งศาสนาและพ่อแม่ของพวกเขาเอง
ในวันที่ท้องฟ้าเริ่มมืดหม่นนั้นในวันหยุด ขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่นั้นเสียงเดินของผู้เป็นแม่ดังขึ้นมาพร้อมทั้งหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง คำด่าท่อมากมายดังออกมาจากปากของหล่อนมันทำให้ในความคิดของสองฝาแฝดเริ่มว่างเปล่า......พวกเขาเกลียดแบบนี้ที่สุดเลย
หล่อนเอาแต่เข้าใจทุกอย่างผิดไปเอง...ใช่ การรักกับพี่น้องตนเองมันผิด แต่ว่าพวกเขาห้ามตนเองได้งั้นหรือ พวกเขาสามารถหยุดตนเองไว้แค่นี้งั้นหรือ ทุกอย่างบนโลกนี้มีกฎเกณฑ์แม้กระทั่งความรักด้วย ความรักที่ห่างเพียงแค่เอื้อมมือแต่ว่ากลับไม่มีวันไปถึงได้ พวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ใช่หลงรักอีกฝ่ายทั้งๆ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผู้เป็นแม่พาพวกเขาไปสารบาปต่อหน้าบาทหลวง...แน่นอนว่าพวกเขาไม่สารภาพออกมาแม้แต่คนเดียว
ทำให้ทุกอย่างยังคงเดิมมอร์แกนยังรักเมลอสไม่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับฝ่ายน้องที่ยังรักพี่ชายตนเอง แม้ว่าแรงกดดันจากครอบครัวก็ตาม วิกตอเรียผู้เป็นน้องสาวนั้นเหมือนเองจะเข้าใจพวกเขา เด็กสาวมองพวกเขาสีหน้าเห็นใจพร้อมมองสลับกับแม่ที่ด่าทั้งสองอย่างไม่หยุด แต่ว่าสุดท้ายเธอกลับถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ทั้งสอง น้องสาวมองพวกเขาด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนยอมเดินตามผู้เป็นพ่อไป อันที่จริงคำด่าทอของหญิงสาวมันเจ็บมากเลยทีเดียว แต่ว่ามันไม่เจ็บเท่าคำนั้นที่เธอพูดออกมา
“พวกแกไม่น่าเกิดมาเลย”
และ
“ข้าไม่อยากมีลูกเป็นพวกราคะแบบนี้”
นั้นแหละเป็นคำที่ทำให้น้ำตาของมอร์แกนเริ่มไหลออกมาอีกครั้งกับคำด่าทอของเธอ เพียงเพราะรักพี่น้องตนเองกลับถูกว่าราวกับไม่ใช่มนุษย์ หลังจากที่หญิงสาวเดินออกจากห้องไปนั้นมอร์แกนได้แค่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าตนเองเงียบๆ ในขณะที่เมลอสนั่งกอดเข่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยยิ่งกว่าเดิม ความสุขที่เคยมีเมื่อวันวานนั้นหายไปราวกับเรื่องโกหก
ในยามค่ำคืนมาเยือนทั้งสองถูกห้ามไม่ให้ไปทานอาหารกับครอบครัว ถูกแบ่งแยกออกอย่างไม่มีเหตุผล ห้ามแต่เพราะนึกบางอย่างขึ้นได้ทำให้มอร์แกนยกมือขึ้นซับน้ำตาตนเองเล็กน้อยก่อนหันมองเมลอสที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมพร้อมทั้งกล่าวเสียงเบา
“เมลอสไปกันเถอะ”
“...ไปไหน?...”
“โบสถ์เก่า”
มอร์แกนบอกอันที่จริงไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่จู่ๆ เขาก็นึกถึงโบสถ์นั้นขึ้นมา เมลอสมอเขาด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินออกจากคฤหาสน์ท่ามกลางความเงียบสงบก่อนตรงไปยังโบสถ์แห่งนั้น หากแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป...เด็กหนุ่มเจ้าของชุดคลุมสีดำนั่งรออยู่ที่บันไดชั้นบนสุด ทันทีที่เห็นพวกนั้นเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนเดินเข้าไปภายในโบสถ์นั้น
สองฝาแฝดเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบก่อนที่จะพบชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงคนเดิมยืนนิ่งอยู่ข้างรูปปั้นที่เป็นตราสัญลักษณ์ของศาสนา แขนทั้งสองข้างอ้ากว้างออกก่อนกล่าวคำพูดหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เอาล่ะ สารภาพบาปของคุณมาสิ”
คำกล่าวของชายหนุ่มนั้นทำให้มอร์แกนกับเมลอสหันมองหน้ากันเล็กน้อย...มันเหมือนที่ที่เขาไปก่อนหน้านี้ แต่ว่าบรรยากาศต่างกันเยอะ ที่นั้นรู้สึกถึงสายตารังเกียจจากผู้คนแต่ว่าที่นี่ไม่ใช่มันดูเงียบสงบและพร้อมที่จะเข้าใจพวกเขามอร์แกนกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าขอโทษที่หลงรักน้องชายตนเอง...แต่ว่าท่านคงเข้าใจสินะ ข้าน่ะ ไม่มีวันถอยกลับไปได้แล้ว แม้ว่าผู้คนจะรังเกียจก็ตามแต่ว่าสุดท้ายแล้วพวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”
มอร์แกนกล่าวพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาในขณะที่เมลอสเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่เงียบๆ หลังจากที่เขากล่าวไปนั้นสายลมที่เหมือนกับลมในยามเช้าพัดผ่านพร้อมเสียงหัวเราะก่อนหน้านี้ดังขึ้น ทว่าเมื่องได้ยินอีกครั้งมันกลับทำให้มอร์แกนเข้าใจถึงเสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่ความสุขหรือความทุกข์เลย แต่ว่ามันคือ....
....สมเพชตนเอง...
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสมเพชในโชคชะตาที่ตนเองเจอเข้า เขาไม่รู้หรอกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใครแต่ว่าสุดท้ายแล้วมอร์แกนก็เผลอหัวเราะออกมาตามเสียงนั้น ทั้งๆ ที่หยาดน้ำตายังคงร่วงหล่นลงมา ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงจ้องพวกเขาเล็กน้อยก่อนกล่าวถามต่อทำให้มอร์แกนหยุดหัวเราะพร้อมหันมองพวกเขา
“เอาล่ะ พวกนายจะหนีหรืออยู่ที่นี่ต่อไป”
“แน่นอนสิ ว่าต้องหนี”
มอร์แกนกล่าวพลางเหลือบมองเมลอสที่พยักหน้าน้อยๆ ราวกับบอกว่าเขาไม่ว่าอะไรให้พี่ชายตัดสินใจไป และคำตอบนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งลงเงียบๆ สองฝาแฝดมองชายคนนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนเปลี่ยนทิศทางหากแต่ก่อนจะพ้นประตูเหมือนครั้งก่อนชายหนุ่มกลับกล่าวออกมาเสียงเรียบๆ
“นี่ คุณแฝด”
“......”
“ถ้าหนีไปแล้วยังไม่พ้นล่ะก็ฉันมีอีกทางหนึ่ง”
“.......”
“ละทิ้งทุกอย่าง จนสุดท้ายเหลือพวกคุณเพียงสองคนเท่านั้น”
มอร์แกนปิดประตูลง เขาเข้าใจดีกว่าชายคนนั้นหมายถึงอะไร สิ่งที่ชายคนนั้นบอกนั้นคือทางเลือกสุดท้ายของพวกเขา
...ความตาย...
ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนเหลือบมองเมลอสพร้อมทั้งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
--------------------------------------------------
อย่าเพิ่งตกใจค่ะ แฝดยังไม่ตายนะคะ
ตอนนี้แค่ตัดสินใจหนีเท่านั้น เอาเป็นว่าจะเร่งปั่นเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุดค่ะ
เหลืออีกสี่ตอน พยายามต่อไป รู้สึกว่ามันหวานสลับกับหน่วงแฮะ TT
อนึ่งตอนนี้อารมณ์เสียเพราะบันทึกไม่ได้สักที กว่าจะบันทึกได้
ความคิดเห็น