ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #14 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 05 - ชายหนุ่มดวงตาสีแดง

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -




    The Twins[ฝาแฝด] 05
    ชายหนุ่มดวงตาสีแดง



    โดยปกตินั้นฝาแฝดยอมมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง...หน้าตา รูปร่าง หรืออาจจะรวมไปถึงนิสัยด้วย หากแต่บางคนแม้รูปร่างจะพิมพ์เดียวกัน ทว่านิสัยอาจจะไม่ใช่ มอร์แกนนั่งมองทุ่งดอกไม้สีขาวท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสตรงข้ามกับก่อนหน้านี้ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำให้เขามีเวลาพักมากพอสมควร นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองไปยังภาพตรงหน้าอีกครั้ง หากแต่เพราะเสียงเปิดประตูบานใหญ่ที่ทำจากกระจกทำให้เขาหันมองเล็กน้อย


    เมลอสที่เพิ่งกลับมาจากการรักษาคนไข้ในวันหยุดนั่นเอง อันที่จริงวันนี้เจ้าตัวไม่ได้ไปที่ทำงาน แต่ก็นะ...บางครั้งก็แบบนี้แหละมีคนมาขอให้รักษาถึงบ้าน โชคดีที่เจ้าตัวหายดีแล้ว แต่ทางผู้เป็นมารดายังคงโกรธพวกเขาอยู่เลยที่ทำให้งานดูตัวต้องเกือบพังไป


    ย้อนไปห้าวันก่อนหน้านี้ เมลอสโดนบังคับให้ไปงานนั้นด้วยสภาพที่ยังป่วยอยู่แน่นอนว่าแม้เขาไม่ชอบโวยวายอะไรก็ตามแต่มันเกินทนจริงๆ ทั้งๆ น้องชายป่วยอยู่แท้ๆ กลับโดนบังคับให้มา อันที่จริงมอร์แกนเองก็พยายามจะไม่โวยวายอะไรทว่าเพราะอากาศที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวกับเสียงคุยของผู้คนยิ่งทำให้เมลอสอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เจ้าตัวยังฝืนทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    หากแต่พี่ชายอย่างเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยังไงก็ดูออกว่ากำลังอาการแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้เมลอสต้องพาเขากลับโดยไม่สนใจว่าครอบครัวจะเสียหน้ารึเปล่า....อันที่จริงคงจะรู้สึกอับอายล่ะ...เพราะมอร์แกนเดินไปพาเมลอสออกมาทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังคงคุยอยู่กับลูกสาวของขุนนางชื่อดัง ตอนที่เดินออกมาเหมือนได้ยินเสียงตะโกนด่าของผู้เป็นแม่ด้วย แต่ว่าโดนว่าอย่างไรก็ไม่สำคัญ...เมลอสสำคัญกว่าชื่อเสียงของเขาอยู่แล้ว


    ตลอดที่นั่งรถม้ามานั้นเขารู้สึกว่าเมลอสตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะความหนาว และด้วยความที่โตๆ กันแล้วทำให้เขาลังเลที่จะเหมือนตอนเด็กเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจกอดน้องชายตนเองไว้ แม้สมัยเด็กจะกอดบ่อยก็เถอะ แต่พอโตมาเหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบให้เขากอดเหมือนยังเล็กเท่าไร หากแต่คงเพราะพิษไข้ทำให้เจ้าตัวไม่ขัดขืนอะไรเลย แถมยังนิ่งอยู่แบบนั้นจนถึงบ้าน


    และหลังจากที่ผู้เป็นแม่กลับมา...มอร์แกนก็โดนโวยวายใส่เรื่องที่พาเมลอสกลับ อันที่จริงถึงจะก้มหน้าแต่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ไม่นานสองวันถัดมาเมลอสก็หายไปปกติทำให้เขาโล่งอกไม่น้อยที่เจ้าตัวหายดีและไปทำงานได้เหมือนปกติ ส่วนเขาเองตลอดที่น้องชายป่วยนั้นมักเดินไปกลับบ้านกับท่าเรือบ่อยๆ จนชายหนุ่มคนน้องหายดีถึงทำงานได้อย่างปกติ


    นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองภาพทุ่งดอกไม้เบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยในขณะที่ผู้เป็นน้องชายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ทุกครั้งที่มองไปยังตรงนั้นเขาจะเห็นเด็กสาวชุดขาวอยู่ ทว่าวันนี้กลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของเธอ...อันที่จริงเธอมักมาในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเสียมากกว่าเนื่องจากทุกครั้งที่เห็นมักจะเป็นช่วงเวลาที่พายุกำลังจะมา เมลอสเหลือบมองผู้เป็นพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง


    “นี่...พี่เคยเห็นเหมือนกันใช่ไหม? ผู้หญิงชุดขาว”


    “ใช่ แต่คนส่วนใหญ่บอกว่าเธอคือวิญญาณของแม่มด”


    “อะไรล่ะ นั่น”


    “ผู้หญิงชุดขาวไง ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของแม่มดขาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน”


    “งมงายสิ้นดี”


    “นั่นสินะ ถ้าตายไปแล้วเธอจะยังอยู่ที่นี่ทำไม”


    “ถึงจะดูไร้สาระก็เถอะ แต่ว่าถ้ายังอยู่มองตามความเชื่อแล้วน่าจะยังมีอะไรค้างคาอยู่”


    เมลอสบอกก่อนทอดมองทุ่งดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในขณะที่คนพี่เหลือบมองเขาเล็กน้อยก่นเลื่อนสายตากลับกล่าวต่อ


    “นายคิดว่าอะไรที่ทำให้เธอยังคงอยู่?”


    “บางทีอาจจะเป็นปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง”


    ชายหนุ่มคนน้องบอกเสียงเรียบๆ พลางยิ้มออกมาอ่อนๆ ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง...มันคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสินะ เธอคนนั้นต้องการอะไรพวกเขาแทบจะไม่รู้เลย หากแต่รู้สึกเหมือนตนเองจะมีความปรารถนานั้นเหมือนกัน ปรารถนาที่ผิดศีลธรรมและผิดบาป ยังคงมีอยู่ในตัวเหมือนกัน ในวันสุดท้ายของเส้นทางที่บิดเบี้ยวนั้นมันจะเหมือนกันรึเปล่านะ...สุดท้ายแล้วพวกเขาจะพบเจอเรื่องที่เหมือนกันรึเปล่านะ...


    ทว่าเพราะนั่งเหม่ออยู่นานทำให้เมลอสนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาทอดมองผู้เป็นพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนฉีกยิ้มกว้างทำเอาคนเป็นพี่หันมองอย่างงุนงง จะว่าไปเขาไม่เห็นเมลอสยิ้มแบบนี้นานแล้วแฮะ เมื่อก่อนบ่อยมากเนื่องจากค่อนข้างซนตามประสาเด็ก ตอนนี้ผู้เป็นน้องชายจ้องหน้าเขาอีกครั้งก่อนกล่าวต่อ


    “ได้ยินว่าใกล้บ้านมีโบสถ์ร้างด้วยล่ะ”


    “อ่า เอ๊ะ!?


    “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองไปกันไหม...เหมือนตอนเด็กน่ะ”


    เมลอสบอกพลางยิ้มให้เขาเล็กน้อยทำให้มอร์แกนมองอย่างตกใจนิดๆ ดูเหมือนว่าตอนเด็กจะชอบทำอะไรเสี่ยงๆ อยู่เรื่อย อันที่จริงคิดว่าเมลอสคงลืมนิสัยส่วนที่ชอบทำอะไรท้าทายไปแล้วแท้ๆ ทว่ามันยังอยู่...ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามจะไม่สนใจเพราะรู้สึกว่าตนเองโตมากเกินกว่าจะทำอะไรแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มอร์แกนหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะคำช่วยของน้องชายตนเองก่อนที่จะเงยหน้ามองพร้อมตอบกลับเสียงใส


    “ตกลง”


    ......

    .........

    ...............


    ในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาวจำนวนมากนั้น แสงประกายจากมันส่องแสงทำให้ยามที่มืดมิดนั้นสว่างขึ้น มอร์แกนกับเมลอสเดินออกจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบพลางมองรอบๆ เพื่อดูว่ามีแม่บ้านอยู่รึเปล่า พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการส่อง(?)ก่อนที่จะเดินต่อไปอย่างเบาเสียงที่สุด...เพราะตอนเด็กทำบ่อยๆ เลยชินตัวนิดหน่อย


    มอร์แกนปิดประตูไม้บานใหญ่อย่างเบามือก่อนเดินตามเมลอสไปอย่างรวดเร็ว ทางเดินขึ้นไปยังโบสถ์เก่านั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศมือครึ้มผิดกับที่อื่น ทางเดินที่รกจนดูขวางหูขวางตาเนื่องจากไม่มีใครเดินผ่านมานาน...ทำให้รู้ว่าถูกทิ้งมานานแค่ไหนแล้ว อีกทั้งหนทางเบื้องหน้ายังมืดมิดทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดึงพวกเขาเข้าสู้ความมืด


    ทั้งสองก้าวขึ้นบนพื้นที่ทำจากปูนสีขาว หากแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีเทาหม่นเต็มไปด้วยวัชพืช สิ่งปลูกาสร้างที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือโบสถ์สีขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่ไร้การดูแลรักษาเลยคงไม่มีทางทำให้กลับมาสภาพเดิมได้ ทว่าเพราะแสงไฟจากตะเกียงส่องสว่างลอดออกมาจากบานประตูที่ถูกเปิดค้างไว้น้อยๆ ทำให้ทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างงุนงง


    ที่นี่ยังมีคนอยู่งั้นหรือ?


    พวกเขาเดินเข้าไปมองผ่านกระจกที่เต็มไปด้วยฝุ่น ภายในโบสถ์นั้นแทบไม่มีอะไรนอกจากที่นั่งสำหรับทำพิธีผุๆ หากแต่กลับมีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ แสงที่ส่องกระทบดวงตานั้นทำให้รู้ว่านัยน์ตาของเจ้าตัวมีสีแดง ทว่าเหมือนกำลังมองบางอย่างอยู่ก่อนพึมพำออกมาทำให้ทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย


    “ไม่ต้องซ่อนแล้วล่ะ ผมเห็นพวกคุณแล้ว”


    ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงกล่าวเสียงเรียบๆ แน่นอนว่าทั้งสองแทบหันมองหน้ากันทันทีก่อนเดินไปหาเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ กลับรู้ว่าเจ้าตัวกำลังมองอะไรอยู่ บนตักของชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงนั้นมีร่างของคนที่เหมือนจะอายุน้อยกว่านิดหน่อยนอนหลับอยู่ เขาคนนั้นอยู่ในชุดคลุมสีดำสนิท...หากแต่รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแฮะ


    เขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ในขณะที่มือกำลังไล่ตามแก้มของอีกคนก่อนหันมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ หากแต่คำพูดของเขานั้นกลับทำให้ทั้งสองชะงักอย่างช่วยไม่ได้


    “พวกคุณน่ะ เคยทำผิดบาปรึเปล่า?”


    “...พูดเรื่องอะไรน่ะ?...”


    เมลอสถามอย่างไม่เข้าใจก่อนจ้องมองรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าชายหนุ่มอีกคนและนัยน์ตาสีแดงจ้องพวกเขาไม่ต่างกันก่อนกล่าวเสียงเรียบๆ


    “เมื่อครั้งยังเป็นเด็กพวกเราชอบฟังนิทานก่อนนอนล่ะ”


    “.......”


    “แต่ว่านิทานความรักที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นไม่ได้มีกันทุกคน...นิทานสำหรับเด็กส่วนใหญ่มักจะจบแบบสวยงามทั้งๆ ที่ความจริงมันซ่อนความมืดมิดอยู่...แต่เพราะแบบนั้นทำให้พวกเราสนใจในนิทานนั้นจนสุดท้าย...นิทานแห่งความรัก...จุดจบของนิทานคืออะไรกันนะ”


    ชายหนุ่มกล่าวออกมาเสียงเรียบๆ อันที่จริงรู้สึกเหมือนกำลังพูดคนเดียวมากกว่าพูดกับพวกเขา ดวงตาสีแดงเลื่อนขึ้นมองเพดานสีขาวที่เต็มไปด้วยฝุ่นพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาและหันมองหน้าพวกเขาพลางถามเสียงเรียบๆ


    “คุณน่ะ เลือกอะไรกัน?”


    เขาถามทำให้สองพี่น้องถอยหลังเล็กน้อยก่อนที่มอร์แกนจะจับมือเมลอสพร้อมพาเดินออกไป คนๆ นั้นเพี้ยนไปแล้วสินะ...หรืออะไร ทำไมถึงได้ถามคำถามแปลกๆ แบบนั้น หากแต่จังหวะที่กำลังจะก้าวประตูนั้นชายหนุ่มคนนั้นกลับกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง


    “คุณน่ะ เคยรู้สึกทรมานที่หลงรักใครบางคนไหม?”


    มอร์แกนกำชับมือผู้เป็นน้องชายตนเองแน่นก่อนเดินหนีไปโดนไม่ตอบอะไร พวกเขาเดินกลับมายังบ้านของตนเองในเวลาไม่นานนัก...หากแต่ตลอดทางเมลอสกลับเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงเจ้าตัวทำแค่เดินตามเงียบๆ มอร์แกนรู้สึกว่าเมลอสกำลังสบสันบางอย่าง...


    ที่จริงไม่ใช่แค่เมลอสหรอก...เพราะคำถามของชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเมื่อครู่ทำให้แม้กระทั่งมอร์แกนยังรู้สึกสับสนเหมือนกัน เขาปล่อยมือจากผู้เป็นน้องชายของตนเองเล็กน้อยก่อนหันมองอีกคนอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าจู่ๆ เสียงของชายหนุ่มคนนั้นกลับดังขึ้นมาในหัวของเขาเอง


    ....คุณน่ะ กำลังหลงรักน้องชายฝาแฝดของตนเองสินะ?....


    ....ไม่...ไม่ใช่...ไม่สิ...เขารักเมลอสแบบน้องชายสินะ...แต่ว่าจริงๆ งั้นเหรอ? รักแบบน้องชายจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ถ้าลองทวนความรู้สึกตนเองดีนั้นมันไม่ใช่...เขาไม่ได้รักเมลอสแบบน้องชายเลย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่รู้สึกแบบนี้ เมลอสเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไร ดูสับสนและเหมือนกำลังปฏิเสธอะไรบางอย่างอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้


    มอรืแกนยกมือขึ้นกุมใบหน้าตนเองก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองเมลอสอีกครั้ง เขาพยายามบอกตนเองว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นน้องชาย แต่ทำไมรู้สึกเหมือนตนเองกำลังหนีความจริง ชายหนุ่มคนพี่ถึงกับน้ำตาเริ่มคลอออกมาเล็กน้อยก่อนโผเข้าไปกอดน้องชายตนเองที่นั่งนิ่งไปตั้งแต่เมื่อกี้ก่อนพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมทั้งหยาดน้ำตาเริ่มไหลออกมา


    “เมลอสบอกพี่ทีว่านี่มันแค่เรื่องโกหก”

    “..........”

    “พวกเราเป็นฝาแฝดกัน”

    “........”

    “พี่ไม่ได้คิดกับนายเกินพี่น้องใช่ไหม?”

     

     


    --------------------------------------------------------

    เหลืออีกครึ่งแล้ว ช่วงหลังๆ นี้รู้ตัวแล้วว่ารักเกินพี่น้องค่ะ มีคำผิดทักได้นะคะ

    นอกจากนิทานสิบสองเรื่องแล้วมีเพิ่มอีกค่ะ....เป็นตัวละครที่ยังไม่มีเรื่องราวของตนเองน่ะค่ะได้แก่

    สายสัมพันธ์ (คาเรย์กับคาฮ์ย่า) ------ เถ้าธุลี (คราริส) ----- รอยยิ้มสุดท้าย (ซาอัสกับอเล็กซ์)

    เวโรนิก้า (โฮเซคิ) ------- พี่ชาย (มาเรียกับไมเคิล) ------- ด้ายแดง (เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยม)

    และเรื่องสุดท้าย นิทานก่อนนอน (คู่พี่น้องปริศนาที่โผล่ทุกเรื่อง เจเนซิสกับจาคอป)



    อนึ่งเขียนชื่อตอนทั้งหมดไว้แล้วค่ะ ตอนต่อไปชื่อว่า...คำสารภาพบาป

    แล้วก็...ขออนุญาตเรียงชื่อตอนต่อจากนี้ 

    -คำสารภาพบาป-

    -คำสาปของแม่มด-

    -ปีศาจแห่งราคะ-

    -ทางเลือกสุดท้าย-

    -จุดจบของเรื่องราว-

    แถมตอนส่งท้ายเกี่ยวกับครอบครัวของสองแฝดสั้นๆ ค่ะตอนนี้

    -คำขอโทษที่ไม่มีวันส่งไปถึง-


    และต่อด้วยเรื่อง

    Dear Friend 




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×