คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 05 - ชายหนุ่มดวงตาสีแดง
The Main Character
From The Twins
ตัวละครหลัก
สองพี่น้องฝาแฝด
ตัวละครเสริม
-แม่มดชุดขาว-
- วิกตอเรีย -
-ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-
- เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -
โดยปกตินั้นฝาแฝดยอมมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง...หน้าตา
รูปร่าง หรืออาจจะรวมไปถึงนิสัยด้วย หากแต่บางคนแม้รูปร่างจะพิมพ์เดียวกัน
ทว่านิสัยอาจจะไม่ใช่
มอร์แกนนั่งมองทุ่งดอกไม้สีขาวท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสตรงข้ามกับก่อนหน้านี้
เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำให้เขามีเวลาพักมากพอสมควร นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองไปยังภาพตรงหน้าอีกครั้ง
หากแต่เพราะเสียงเปิดประตูบานใหญ่ที่ทำจากกระจกทำให้เขาหันมองเล็กน้อย
เมลอสที่เพิ่งกลับมาจากการรักษาคนไข้ในวันหยุดนั่นเอง
อันที่จริงวันนี้เจ้าตัวไม่ได้ไปที่ทำงาน
แต่ก็นะ...บางครั้งก็แบบนี้แหละมีคนมาขอให้รักษาถึงบ้าน โชคดีที่เจ้าตัวหายดีแล้ว
แต่ทางผู้เป็นมารดายังคงโกรธพวกเขาอยู่เลยที่ทำให้งานดูตัวต้องเกือบพังไป
ย้อนไปห้าวันก่อนหน้านี้
เมลอสโดนบังคับให้ไปงานนั้นด้วยสภาพที่ยังป่วยอยู่แน่นอนว่าแม้เขาไม่ชอบโวยวายอะไรก็ตามแต่มันเกินทนจริงๆ
ทั้งๆ น้องชายป่วยอยู่แท้ๆ กลับโดนบังคับให้มา อันที่จริงมอร์แกนเองก็พยายามจะไม่โวยวายอะไรทว่าเพราะอากาศที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวกับเสียงคุยของผู้คนยิ่งทำให้เมลอสอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่เจ้าตัวยังฝืนทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากแต่พี่ชายอย่างเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ยังไงก็ดูออกว่ากำลังอาการแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้เมลอสต้องพาเขากลับโดยไม่สนใจว่าครอบครัวจะเสียหน้ารึเปล่า....อันที่จริงคงจะรู้สึกอับอายล่ะ...เพราะมอร์แกนเดินไปพาเมลอสออกมาทั้งๆ
ที่เจ้าตัวยังคงคุยอยู่กับลูกสาวของขุนนางชื่อดัง ตอนที่เดินออกมาเหมือนได้ยินเสียงตะโกนด่าของผู้เป็นแม่ด้วย
แต่ว่าโดนว่าอย่างไรก็ไม่สำคัญ...เมลอสสำคัญกว่าชื่อเสียงของเขาอยู่แล้ว
ตลอดที่นั่งรถม้ามานั้นเขารู้สึกว่าเมลอสตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ
เพราะความหนาว และด้วยความที่โตๆ กันแล้วทำให้เขาลังเลที่จะเหมือนตอนเด็กเล็กน้อย
ทว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจกอดน้องชายตนเองไว้ แม้สมัยเด็กจะกอดบ่อยก็เถอะ
แต่พอโตมาเหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบให้เขากอดเหมือนยังเล็กเท่าไร หากแต่คงเพราะพิษไข้ทำให้เจ้าตัวไม่ขัดขืนอะไรเลย
แถมยังนิ่งอยู่แบบนั้นจนถึงบ้าน
และหลังจากที่ผู้เป็นแม่กลับมา...มอร์แกนก็โดนโวยวายใส่เรื่องที่พาเมลอสกลับ
อันที่จริงถึงจะก้มหน้าแต่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ไม่นานสองวันถัดมาเมลอสก็หายไปปกติทำให้เขาโล่งอกไม่น้อยที่เจ้าตัวหายดีและไปทำงานได้เหมือนปกติ
ส่วนเขาเองตลอดที่น้องชายป่วยนั้นมักเดินไปกลับบ้านกับท่าเรือบ่อยๆ
จนชายหนุ่มคนน้องหายดีถึงทำงานได้อย่างปกติ
นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองภาพทุ่งดอกไม้เบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยในขณะที่ผู้เป็นน้องชายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ
ทุกครั้งที่มองไปยังตรงนั้นเขาจะเห็นเด็กสาวชุดขาวอยู่ ทว่าวันนี้กลับว่างเปล่า
ไร้ซึ่งเงาของเธอ...อันที่จริงเธอมักมาในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเสียมากกว่าเนื่องจากทุกครั้งที่เห็นมักจะเป็นช่วงเวลาที่พายุกำลังจะมา
เมลอสเหลือบมองผู้เป็นพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“นี่...พี่เคยเห็นเหมือนกันใช่ไหม? ผู้หญิงชุดขาว”
“ใช่ แต่คนส่วนใหญ่บอกว่าเธอคือวิญญาณของแม่มด”
“อะไรล่ะ นั่น”
“ผู้หญิงชุดขาวไง
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของแม่มดขาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน”
“งมงายสิ้นดี”
“นั่นสินะ ถ้าตายไปแล้วเธอจะยังอยู่ที่นี่ทำไม”
“ถึงจะดูไร้สาระก็เถอะ แต่ว่าถ้ายังอยู่มองตามความเชื่อแล้วน่าจะยังมีอะไรค้างคาอยู่”
เมลอสบอกก่อนทอดมองทุ่งดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในขณะที่คนพี่เหลือบมองเขาเล็กน้อยก่นเลื่อนสายตากลับกล่าวต่อ
“นายคิดว่าอะไรที่ทำให้เธอยังคงอยู่?”
“บางทีอาจจะเป็นปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง”
ชายหนุ่มคนน้องบอกเสียงเรียบๆ พลางยิ้มออกมาอ่อนๆ
ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง...มันคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสินะ
เธอคนนั้นต้องการอะไรพวกเขาแทบจะไม่รู้เลย
หากแต่รู้สึกเหมือนตนเองจะมีความปรารถนานั้นเหมือนกัน
ปรารถนาที่ผิดศีลธรรมและผิดบาป ยังคงมีอยู่ในตัวเหมือนกัน ในวันสุดท้ายของเส้นทางที่บิดเบี้ยวนั้นมันจะเหมือนกันรึเปล่านะ...สุดท้ายแล้วพวกเขาจะพบเจอเรื่องที่เหมือนกันรึเปล่านะ...
ทว่าเพราะนั่งเหม่ออยู่นานทำให้เมลอสนึกบางอย่างขึ้นได้
เขาทอดมองผู้เป็นพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนฉีกยิ้มกว้างทำเอาคนเป็นพี่หันมองอย่างงุนงง จะว่าไปเขาไม่เห็นเมลอสยิ้มแบบนี้นานแล้วแฮะ
เมื่อก่อนบ่อยมากเนื่องจากค่อนข้างซนตามประสาเด็ก ตอนนี้ผู้เป็นน้องชายจ้องหน้าเขาอีกครั้งก่อนกล่าวต่อ
“ได้ยินว่าใกล้บ้านมีโบสถ์ร้างด้วยล่ะ”
“อ่า เอ๊ะ!?”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองไปกันไหม...เหมือนตอนเด็กน่ะ”
เมลอสบอกพลางยิ้มให้เขาเล็กน้อยทำให้มอร์แกนมองอย่างตกใจนิดๆ
ดูเหมือนว่าตอนเด็กจะชอบทำอะไรเสี่ยงๆ อยู่เรื่อย
อันที่จริงคิดว่าเมลอสคงลืมนิสัยส่วนที่ชอบทำอะไรท้าทายไปแล้วแท้ๆ ทว่ามันยังอยู่...ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามจะไม่สนใจเพราะรู้สึกว่าตนเองโตมากเกินกว่าจะทำอะไรแล้ว
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มอร์แกนหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะคำช่วยของน้องชายตนเองก่อนที่จะเงยหน้ามองพร้อมตอบกลับเสียงใส
“ตกลง”
......
.........
...............
ในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาวจำนวนมากนั้น
แสงประกายจากมันส่องแสงทำให้ยามที่มืดมิดนั้นสว่างขึ้น
มอร์แกนกับเมลอสเดินออกจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบพลางมองรอบๆ
เพื่อดูว่ามีแม่บ้านอยู่รึเปล่า พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการส่อง(?)ก่อนที่จะเดินต่อไปอย่างเบาเสียงที่สุด...เพราะตอนเด็กทำบ่อยๆ
เลยชินตัวนิดหน่อย
มอร์แกนปิดประตูไม้บานใหญ่อย่างเบามือก่อนเดินตามเมลอสไปอย่างรวดเร็ว
ทางเดินขึ้นไปยังโบสถ์เก่านั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศมือครึ้มผิดกับที่อื่น
ทางเดินที่รกจนดูขวางหูขวางตาเนื่องจากไม่มีใครเดินผ่านมานาน...ทำให้รู้ว่าถูกทิ้งมานานแค่ไหนแล้ว
อีกทั้งหนทางเบื้องหน้ายังมืดมิดทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดึงพวกเขาเข้าสู้ความมืด
ทั้งสองก้าวขึ้นบนพื้นที่ทำจากปูนสีขาว
หากแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีเทาหม่นเต็มไปด้วยวัชพืช สิ่งปลูกาสร้างที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือโบสถ์สีขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่ไร้การดูแลรักษาเลยคงไม่มีทางทำให้กลับมาสภาพเดิมได้
ทว่าเพราะแสงไฟจากตะเกียงส่องสว่างลอดออกมาจากบานประตูที่ถูกเปิดค้างไว้น้อยๆ
ทำให้ทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างงุนงง
ที่นี่ยังมีคนอยู่งั้นหรือ?
พวกเขาเดินเข้าไปมองผ่านกระจกที่เต็มไปด้วยฝุ่น
ภายในโบสถ์นั้นแทบไม่มีอะไรนอกจากที่นั่งสำหรับทำพิธีผุๆ หากแต่กลับมีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่
แสงที่ส่องกระทบดวงตานั้นทำให้รู้ว่านัยน์ตาของเจ้าตัวมีสีแดง
ทว่าเหมือนกำลังมองบางอย่างอยู่ก่อนพึมพำออกมาทำให้ทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย
“ไม่ต้องซ่อนแล้วล่ะ ผมเห็นพวกคุณแล้ว”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงกล่าวเสียงเรียบๆ
แน่นอนว่าทั้งสองแทบหันมองหน้ากันทันทีก่อนเดินไปหาเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ
กลับรู้ว่าเจ้าตัวกำลังมองอะไรอยู่
บนตักของชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงนั้นมีร่างของคนที่เหมือนจะอายุน้อยกว่านิดหน่อยนอนหลับอยู่
เขาคนนั้นอยู่ในชุดคลุมสีดำสนิท...หากแต่รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแฮะ
เขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ในขณะที่มือกำลังไล่ตามแก้มของอีกคนก่อนหันมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
หากแต่คำพูดของเขานั้นกลับทำให้ทั้งสองชะงักอย่างช่วยไม่ได้
“พวกคุณน่ะ เคยทำผิดบาปรึเปล่า?”
“...พูดเรื่องอะไรน่ะ?...”
เมลอสถามอย่างไม่เข้าใจก่อนจ้องมองรอยยิ้มจางๆ
บนใบหน้าชายหนุ่มอีกคนและนัยน์ตาสีแดงจ้องพวกเขาไม่ต่างกันก่อนกล่าวเสียงเรียบๆ
“เมื่อครั้งยังเป็นเด็กพวกเราชอบฟังนิทานก่อนนอนล่ะ”
“.......”
“แต่ว่านิทานความรักที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นไม่ได้มีกันทุกคน...นิทานสำหรับเด็กส่วนใหญ่มักจะจบแบบสวยงามทั้งๆ
ที่ความจริงมันซ่อนความมืดมิดอยู่...แต่เพราะแบบนั้นทำให้พวกเราสนใจในนิทานนั้นจนสุดท้าย...นิทานแห่งความรัก...จุดจบของนิทานคืออะไรกันนะ”
ชายหนุ่มกล่าวออกมาเสียงเรียบๆ
อันที่จริงรู้สึกเหมือนกำลังพูดคนเดียวมากกว่าพูดกับพวกเขา
ดวงตาสีแดงเลื่อนขึ้นมองเพดานสีขาวที่เต็มไปด้วยฝุ่นพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาและหันมองหน้าพวกเขาพลางถามเสียงเรียบๆ
“คุณน่ะ เลือกอะไรกัน?”
เขาถามทำให้สองพี่น้องถอยหลังเล็กน้อยก่อนที่มอร์แกนจะจับมือเมลอสพร้อมพาเดินออกไป
คนๆ นั้นเพี้ยนไปแล้วสินะ...หรืออะไร ทำไมถึงได้ถามคำถามแปลกๆ แบบนั้น
หากแต่จังหวะที่กำลังจะก้าวประตูนั้นชายหนุ่มคนนั้นกลับกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง
“คุณน่ะ เคยรู้สึกทรมานที่หลงรักใครบางคนไหม?”
มอร์แกนกำชับมือผู้เป็นน้องชายตนเองแน่นก่อนเดินหนีไปโดนไม่ตอบอะไร
พวกเขาเดินกลับมายังบ้านของตนเองในเวลาไม่นานนัก...หากแต่ตลอดทางเมลอสกลับเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริงเจ้าตัวทำแค่เดินตามเงียบๆ มอร์แกนรู้สึกว่าเมลอสกำลังสบสันบางอย่าง...
ที่จริงไม่ใช่แค่เมลอสหรอก...เพราะคำถามของชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเมื่อครู่ทำให้แม้กระทั่งมอร์แกนยังรู้สึกสับสนเหมือนกัน
เขาปล่อยมือจากผู้เป็นน้องชายของตนเองเล็กน้อยก่อนหันมองอีกคนอย่างช่วยไม่ได้
ทว่าจู่ๆ เสียงของชายหนุ่มคนนั้นกลับดังขึ้นมาในหัวของเขาเอง
....คุณน่ะ กำลังหลงรักน้องชายฝาแฝดของตนเองสินะ?....
....ไม่...ไม่ใช่...ไม่สิ...เขารักเมลอสแบบน้องชายสินะ...แต่ว่าจริงๆ
งั้นเหรอ? รักแบบน้องชายจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ถ้าลองทวนความรู้สึกตนเองดีนั้นมันไม่ใช่...เขาไม่ได้รักเมลอสแบบน้องชายเลย
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่รู้สึกแบบนี้ เมลอสเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไร
ดูสับสนและเหมือนกำลังปฏิเสธอะไรบางอย่างอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้
มอรืแกนยกมือขึ้นกุมใบหน้าตนเองก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองเมลอสอีกครั้ง
เขาพยายามบอกตนเองว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นน้องชาย แต่ทำไมรู้สึกเหมือนตนเองกำลังหนีความจริง
ชายหนุ่มคนพี่ถึงกับน้ำตาเริ่มคลอออกมาเล็กน้อยก่อนโผเข้าไปกอดน้องชายตนเองที่นั่งนิ่งไปตั้งแต่เมื่อกี้ก่อนพึมพำออกมาเบาๆ
พร้อมทั้งหยาดน้ำตาเริ่มไหลออกมา
“เมลอสบอกพี่ทีว่านี่มันแค่เรื่องโกหก”
“..........”
“พวกเราเป็นฝาแฝดกัน”
“........”
“พี่ไม่ได้คิดกับนายเกินพี่น้องใช่ไหม?”
--------------------------------------------------------
เหลืออีกครึ่งแล้ว ช่วงหลังๆ นี้รู้ตัวแล้วว่ารักเกินพี่น้องค่ะ มีคำผิดทักได้นะคะ
นอกจากนิทานสิบสองเรื่องแล้วมีเพิ่มอีกค่ะ....เป็นตัวละครที่ยังไม่มีเรื่องราวของตนเองน่ะค่ะได้แก่
สายสัมพันธ์ (คาเรย์กับคาฮ์ย่า) ------ เถ้าธุลี (คราริส) ----- รอยยิ้มสุดท้าย (ซาอัสกับอเล็กซ์)
เวโรนิก้า (โฮเซคิ) ------- พี่ชาย (มาเรียกับไมเคิล) ------- ด้ายแดง (เฟลิกซ์กับวิลเลี่ยม)
และเรื่องสุดท้าย นิทานก่อนนอน (คู่พี่น้องปริศนาที่โผล่ทุกเรื่อง เจเนซิสกับจาคอป)
อนึ่งเขียนชื่อตอนทั้งหมดไว้แล้วค่ะ ตอนต่อไปชื่อว่า...คำสารภาพบาป
แล้วก็...ขออนุญาตเรียงชื่อตอนต่อจากนี้
-คำสารภาพบาป-
-คำสาปของแม่มด-
-ปีศาจแห่งราคะ-
-ทางเลือกสุดท้าย-
-จุดจบของเรื่องราว-
แถมตอนส่งท้ายเกี่ยวกับครอบครัวของสองแฝดสั้นๆ ค่ะตอนนี้
-คำขอโทษที่ไม่มีวันส่งไปถึง-
และต่อด้วยเรื่อง
Dear Friend
ความคิดเห็น