ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic Boku No Hero Academia / BNHA || Only U [ Midoriya x OC ]

    ลำดับตอนที่ #4 : ARC 0 :: 2. [ A thing of the past ]

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 64


     

     


     

    o n l y  u | fanfic bnha

    midoriya izuku x shiori sachita (oc)

    อัพตอนสมบูรณ์ ; 6 January 2021

    แก้ไขย่อหน้า ; 8 June 2021


     

    ARC 0 :: 2. [ A thing of the past ]

    warning - PSTD , suicide though , suicide attempt , blood


     


     


     

     

         สามปี

         ซาจิตะอยู่ที่นี่มาสามปีเห็นจะได้แล้ว ตอนนี้เธอเป็นเด็กหญิงเจ็ดขวบผู้กำพร้าแม่อยู่ในสถานรับเลี้ยงแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยสังคมใหม่…

         โลกใบนี้เหมือนเป็นสีเทาไปหมด ไร้สีสัน และเสียงหัวเราะ

         เป็นโลกที่เดียวดาย

         และไม่ว่าจะพยายามข่มตาหลับ ก็จะเห็นภาพเดิมๆขึ้นมาทุกครา อ้อมกอดของร่างที่สิ้นลมเมื่อสามปีก่อน

         สามปี

         ฟังดูนาน - แต่ซาจิตะกลับคิดว่ามันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน


     

         "ซาจิตะจัง"


     

         พี่เลี้ยงที่ซาจิตะไม่คิดจะจำชื่อเรียกเธอ เด็กหญิงเจ็ดขวบที่นั่งอยู่มุมห้องกอดเข่าตัวเองและกำลังโงนเงนเหมือนจะหลับในเวลากลางวัน ถูกพี่เลี้ยงสาวเรียกจนต้องเงยหน้ามอง


     

         "ถึงเวลาของว่างแล้วนะคะ"


     

         "ไม่หิว"


     

         เด็กหญิงตอบไปอย่างเสียมารยาท ทำเอาคนได้รับคำตอบหน้าเสียกับคำตอบที่ได้รับ แต่คนอายุมากกว่าก็ยังยิ้มเจื่อนแล้วเชิญชวนเธอ "เป็นเค้กเลยนะคะ ไม่ชอบเหรอ?"


     

         "ไม่"


     

         "กินเถอะนะคะ"


     

         "ก็บอกว่าไม่ไง!"


     

         เธอตะคอกออกไป ตาสีฟ้าอ่อนแสดงความแข็งกร้าวออกมาเป็นแววตาที่เจ็บปวดและแหลกสลาย จนกระทั่งพี่เลี้ยงมดความอดทนกับเด็กหญิง นางจึงลุกขึ้นยืนและไม่มายุ่งอะไรกับซาจิตะอีก

         มือของเธอปิดใบหูของตัวเอง หน้าซบลงกับขาที่ชันขึ้นมา ปิดหูไม่รับรู้ว่าทุกคนวิพากย์วิจารณ์นิสัยของเธออย่างไร ซาจิตะรู้เพียงแค่ว่าความรู้สึกเมื่อสามปีก่อนมันยังคงเด่นชัดมาตลอด และ มันก็ไม่อาจถูกทดแทนด้วยความรู้สึกจากที่นี่ ความรู้สึกของเธอไม่มีวันลดลง

         ซาจิตะเป็นโรคนอนไม่หลับ

         เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลย

         มันจึงไม่แปลกที่ตอนนี้ ร่างกายจะเริ่มง่วงนอนขึ้นมา

         ไม่ดีเลย

         หม่าม๊า...ทำไมถึงไม่รอหนูกันนะ

         หนูเป็นเด็กไม่ดีเหรอ?


     

         ทุกสิ่งอย่างดับลง ซาจิตะหลับกลางวันแบบทุกครั้งโดยที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ที่มุมห้องแบบทุกครั้ง แบบสามปีที่ผ่านมา ไม่ต่างจากทุกครั้ง - ไม่ต่างเลยจริงๆ

         เธอหลับไป

         เปลือกตาปิดนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนที่หมองลงไปมาก จนไม่เหลือประกายสดใสแบบเด็กหญิงอายุสามขวบในตอนนั้น 

         ไม่เหลือแม้แต่ตัวเธอคนเดิม

         ไม่มีใครรับรู้หรือเข้ามาสนใจ

         ไม่มีใครสักคน


     

         หยดน้ำใสไหลออกจากเปลือกตาที่ปิด

         มันไหลผ่านแก้มของเด็กหญิงเจ็ดขวบ

         และซึมแห้งหายไป

         โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอทรมานกับความรู้สึกนี้ขนาดไหน


     


     


     


     


     



     

         อยากตายชะมัดเลย

         อยากตาย อยากหายไปจากโลกใบนี้

         ถ้าตายไป

         จะเจอหม่าม๊าไหมนะ














     

         "กรี๊ด!!"


     

         เสียงกรีดร้องของเด็กในสถานรับเลี้ยงคนนึงกรีดร้องดังลั่นไปทั่ว จนฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ดังขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเด็กหญิงเจ็ดขวบที่กำลังเหยียบอยู่บนเก้าอี้พลาสติกกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อให้ศีรษะของตนเข้าไปในบ่วงเชือกที่ถูกผูกกับขื่อของบ้าน

         ซาจิตะกำลังจะแขวนคอของตนเอง


     

         "ซาจิตะจัง!"


     

         ความโกลาหลเกิดขึ้นกับพวกผู้ใหญ่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กหญิงที่สอดหัวเข้าไปในบ่วงเชือกได้แล้ว กำลังรอให้เชือกกระตุก - หากแต่ทุกอย่าง ทุกความตั้งใจก็พังทลายหลังพวกผู้ใหญ่รีบเข้ามาดึงเธอให้ออกจากบ่วงของเชือก ซาจิตะกรีดร้องดิ้นพล่านส่งเสียงโวยวายไม่หยุดหย่อน

         ร่างกายเล็กๆของเด็กเจ็ดขวบถูกอุ้มออกมา เธอกรีดร้อง เป็นภาพหดหู่ที่เกิดขึ้นในสายตาของทุกคน

         พวกเขาสงสารเธอ - แต่ไม่เคยเลยที่พวกเขาจะช่วยปัดเป่าความรู้สึกทั้งหมดของเธอให้หายไปได้

         ไม่มีเลยสักครั้ง


     

         "คนบ้า"


     

         คำนินทาจากพี่เลี้ยงสักคนว่าเธอแบบนั้น


     

         "เด็กคนนั้นมันบ้า"


     

         พวกเขานินทาเธอในครัว ซาจิตะได้ยินมันทุกถ้อยคำ ได้ยินทุกสิ่งอย่าง ได้ยินมาตลอด แต่เธอเหนื่อย...เหนื่อยเกินที่จะวิ่งตามคำเหล่านั้น เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนแทบบ้า ทำไมกันนะ - ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอได้เลย

         จิตใจของเธอแหลกสลาย

         และโลกไม่อนุญาตให้เธอตาย


     

         ซาจิตะไม่ได้ไปเรียน ไม่ได้ไปเรียนแบบเด็กคนอื่นในสถานรับเลี้ยง พวกเขาเห็นว่าเธอจะเป็นปัญหาเลยไม่ยอมส่งให้เธอได้เรียนอะไรตามที่ควรจะได้เรียน

         วันเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ

         และแววตาสีฟ้าอ่อนก็หม่นลง


     

         เด็กหญิงมองตัวเองผ่านกระจก

         เส้นผมสีเทาที่คุณแม่มักถักเปียให้ บัดนี้มันยุ่งเหยิงไปหมดเลย ทั้งยุ่ง ทั้งรุ่มร่าม

         คัตเตอร์ในลิ้นชักของโต๊ะเครื่องแป้งถูกซ่อนเอาไว้ เผื่อว่าวันนึงซาจิตะจะจับมันขึ้นมาปาดคอของตัวเอง - หากแต่เธอกลับขี้ขลาดเกินไป

         เพราะทุกคนส่งสายตามาบอกว่าถ้าเธอตาย

         เธอจะสร้างปัญหา

         โลกไม่อนุญาตให้เธอที่แหลกสลายตาย


     

         คัตเตอร์ที่ค่อยๆเปิดให้เห็นใบมีดแหลมคม ซาจิขยับมือข้างหนึ่งยกขึ้นจับรวบเส้นผมสีเทาหยักศกปลายให้รวมกัน และออกแรงใช้คัตเตอร์หั่นเส้นผมด้วยความทุลักทุเล

         สภาพดูไม่ได้เลย

         ดูไม่ได้กว่าเดิมเสียอีก

         ดูไม่ได้เลย ซาจิตะ


     

         "หม่าม๊า…"

         
     

         เธอร้องไห้

         และเสียงร้องตกใจของพี่เลี้ยงก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาเข้ามาแย่งยื้อคัตเตอร์จากมือของซาจิตะ ไม่ทันไรความยื้อแย่งก็จบลง แต่มันจบด้วยการที่คัตเตอร์มันแทงเข้ามาในฝ่ามือของซาจิตะ

         เด็กหญิงเจ็ดขวบร้องไห้

         มันไม่ได้เจ็บเลยที่ฝ่ามือจะถูกเสียบด้วยคัตเตอร์จนเลือดไหลออกมา กลิ่นสนิมตีขึ้นจมูก ไม่เลย ไม่ได้เจ็บที่ตรงนั้น


     

         เธอเจ็บที่สุดท้ายก็เป็นตัวปัญหาอีกแล้วต่างหาก


     

         การทำแผลเป็นไปอย่างทุลักทุเล พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแผลให้เธอเลย แต่ซาจิตะก็ไม่รู้สึกเจ็บอยู่ดี

         เด็กหญิงได้กลิ่น กลิ่นของแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจากตัวเอง

         และมันก็ไม่เจ็บเท่าที่คิด

         เหมือนอะไรสักอย่างมากดความเจ็บของแผลเอาไว้













     

         ตอนนี้เธอสิบขวบแล้ว

         บางคนก็มีครับไปเลี้ยง บางคนก็ยังอยู่

         และพี่เลี้ยงบางคนก็ออกไป


     

         "ซาจิตะจัง วันนี้จะมีคนมาอุปถัมน์หนูนะ ดีใจด้วยนะ"


     

         เธอต่างหากที่ต้องพูดกับอีกฝ่ายว่าดีใจด้วยที่เขี่ยเธอทิ้งออกไปได้

         แต่เธอคิดถึงบ้านหลังเดิม…

         คิดถึงบ้านหลังเดิมที่ไม่มีวันได้กลับไปอยู่อีกแล้ว

         คิดถึงผู้หญิงที่เธอรักที่สุดในโลก

         ความรู้สึกโหวงเหวงเกิดขึ้น ยามคิดถึง แต่ไม่อาจกลับ


     

         "เธอ"


     

         เสียงเรียกทำให้ซาจิหลุดจากภวังค์ เด็กหญิงเบิกตากว้าง ยามเห็นคนที่เคยเจอ เธอยืนนิ่งค้าง ขณะที่เขาก้าวเข้ามาใกล้และย่อตัวอยู่ข้างหน้าเธอ เส้นผมสีมะเกลือ ตาสีดำสนิทที่กำลังมองมาทางเด็กหญิง เขาย่อตัวแล้วค่อยๆจับแขนทั้งสองข้าง

         คำพูดของรุ่นพี่สาวที่ตนชอบดังขึ้นมาในหัว


     

         "ซาจิตะ"


     

         'เธอมีชื่อนะ - ซาจิตะ ใช่ ซาจิตะจังคือชื่อของเธอ'


     

         คำพูดที่เหมือนให้ทางแก่เขา


     

         "มารับกลับบ้าน"


     

         เธอตาเบิกกว้าง เด็กหญิงสิบขวบดูไม่เข้าใจในท่าทางของเขา ไอซาวะ โชตะ มองเธอ นัยน์ตาสีดำมองจ้องเข้าไปในตาสีฟ้าอ่อน มันหม่นแสงจนไม่เหมือนรุ่นพี่สาวคนนั้น เด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้าดูสั่นกลัวขึ้นมา - ท่าทางที่สั่นจนส่งความกลัวออกมายังมือของเขาที่จับอยู่

         หกปี

         เธออยู่ที่นี่คนเดียวมาหกถึงเจ็ดปีได้แล้ว


     

         ชิโอริ ซาโตมิบอกเขาว่าอย่าเกลียดเธอ

         ไอซาวะ โชตะ กอดร่างของเด็กผู้หญิงตาฟ้าหม่น และเส้นผมที่ดูเหมือนหั่นออกอย่างไม่เป็นทรง


     

         "กลับบ้านกันเถอะ - อย่าเสียใจอีกเลย"


     

         ซาจิตะร้องไห้ออกมาไม่หยุด เด็กหญิงร้องไห้ดังลั่น พร้อมกอดเขาแน่น ไม่ยอมปล่อยมือออก

         ไอซาวะในวัยยี่สิบห้าปีรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขากำลังกอดเศษแก้วอยู่ - ความรู้สึกที่แตกเป็นเศษแก้วของเด็กหญิงสิบขวบ ความรู้สึกเปราะบางที่ไม่มีใครมารับมันไว้ตลอดหกปี


     

         เศษแก้วมันจะบาดเขาได้เสมอ - แต่ไอซาวะก็ยินดีที่จะกอดเศษแก้วนี้เอาไว้


     

         เขาทำเรื่องส่งเรื่องรับเธอมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของตัวเอง

         แต่ว่านะ - ปัญหาก็ใช่ว่าจะไม่จบลงเสียหน่อย













     

         "ซาจิตะไม่พูด"


     

         เขาเอ่ยขึ้นในที่ทำงานของตนเอง ทำให้คนที่กำลังนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะด้วยกัน คนหนึ่งเท้าคางมองอย่างสนใจ ขณะที่อีกคนแทบจะพ่นน้ำออกมา เพราะไม่คิดว่าคนเฉื่อยชาอย่างไอซาวะจะสนใจเรื่องที่เด็กคนนึงไม่พูด


     

         "เห...เธอสนใจด้วยเหรอ?"


     

         "เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายมาก!"


     

         เสียงแรกมาจาก คายามะ เนมูริ และเสียงที่สองจาก ยามาดะ ฮิซาชิ เพื่อนร่วมงานของเขา ความสนใจที่เกิดขึ้นทำให้ไอซาวะถอนหายใจขึ้นมากับท่าทางของเพื่อนสองคนที่มีปฏิกิริยาตอบรับเขา


     

         "ก็นิดหน่อย"


     

         "เธอเป็นลูกสาวของรุ่นพี่ที่นายแอบปิ๊งนี่นา อีเรเซอร์!"


     

         ยามาดะส่งเสียงดัง - เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ไอซาวะไม่ชอบเลยสักนิด "ตอนนั้นนายเฮิร์ทเอามากๆเลยที่เขามีลูก"


     

         "เงียบไป ยามาดะ"


     

         "แหม อย่าพึ่งโกรธกันซี่!"


     

         ระหว่างที่เขาเถียงกับคนผมทอง สาวผมดำยาวก็เอ่ยขึ้น


     

         "พวกเราตกใจนะ ที่อยู่ดีๆนายก็ไปรับเธอมาเป็นลูกบุญธรรมน่ะ"


     

         เขาพยักหน้าขึ้นลงรับฟังคำพูดจากเพื่อนร่วมงานสาว


     

         "อายุพึ่งถึงเกณฑ์รับเด็กน่ะ"


     

         "เห นี่แสดงว่าเล็งว่าจะรับมาเป็นลูกสาวนานแล้วสินะ"


     

         เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอต่อ แต่เลือกที่จะถามคำถามเดิมที่ค้างในใจของตัวเองอีก "ซาจิตะไม่ยอมพูด" เขาเกริ่น นึกไปถึงตอนเช้าที่ก่อนออกจากบ้าน ลูกสาวบุญธรรมสิบขวบคนนั้นก็ไม่ยอมพูดอะไร แม้ว่าเธอจะเห็นเขาอยู่ในบ้านก็ตาม


     

         "เอาน่า ให้เวลาเธอหน่อยเถอะ อีเรเซอร์!"


     

         ยามาดะบอกเขาให้เวลาลูกสาว


     

         "เธอเจอเรื่องหนักๆมาเยอะ"คายามะแสดงความเห็น "นายเองก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าสถานรับเลี้ยงพูดถึงเธอว่ายังไง"


     

         อ่า


     

         จำได้สิ


     

         สถานรับเลี้ยงพูดว่าอะไร เขาจำได้หมดเลย


     

         ที่เข้ามาจับมือของเขาบอกว่าขอบคุณมากๆที่เอาเด็กคนนี้ออกไป คำพูดนั้นทำให้เขายังกัดปากของตนเองแน่นไม่ให้พ่นคำพูดจาร้ายกาจออกไป

         ก็เพราะบรรยากาศแบบนี้ไง เด็กคนนั้นถึงได้ไม่อาจพูดอะไรได้และกลายเป็นแก้วที่แตกสลาย


     

         "ความรู้สึกของเด็กมันเปราะบางมากเลยนะ"


     

         "ฉันรู้"


     

         เขาตอบคำพูดของคายามะไป แสดงออกชัดเจนว่าตนเองเห็นด้วยในคำพูดของเธอ


     

         "ว่างๆก็พาเธอออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีไหม อีเรเซอร์"


     

         คำแนะนำจากยามาดะ ก็น่าสนใจดี

         พาออกไปเที่ยวบ้างงั้นเหรอ - เธอจะโอเคไหมนะ


     

         "อ่า...ก็ดี"


     

         เขาคิดแต่ดูเหมือนจะคิดดังไปหน่อย


     

         "ไม่ก็พามาหาพวกเราบ้างก็ได้นะ"


     

         เพื่อนสาวบอกออกมา ยังแนะนำอีกทาง "จะได้ช่วยๆกันเลี้ยงหลานด้วย"


     

         ให้ตายสิ เจ้าพวกนี้


     

         "เออ รู้แล้ว"


     

         "ไหง ทำเย็นชาแบบนั้นกันเล่า! อุตส่าห์ช่วยให้คำปรึกษานายนะ!"


     

         "ก็รู้แล้วไง"


     

         เขาเถียงกับเพื่อนผมทองตั้งทรงสูงคนนั้นไป พลางหัวเราะออกมา


     

         "ว่าแต่วันนี้หลังเลิกงาน นายถูกเรียกตัวให้ไปช่วยพวกตำรวจใช่ไหม?"


     

         "ก็ใช่ เดี๋ยวก็คงต้องไปเตรียมตัวแล้ว"


     

         เขาเอ่ยบอกเพื่อนสองคน ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ โบกมือลาทั้งสองคนออกไป ขณะที่ก้าวออกจากห้องเพื่อตรงไปยังจุดนัดหมาย

         ไอซาวะขึ้นแท็กซี่ไป

         ขณะที่รถกำลังวิ่งไปตามถนน - เขาก็มองออกไปนอกหน้าต่าง


     

         ถ้าเธอยิ้ม

         หรือพูดอะไรสักนิด

         บางทีไอซาวะอาจรู้ว่าเธอต้องการอะไรก็ได้


     


     


     


     


     



     

         จะมีความสุขได้ไหมนะ เด็กคนนั้น

         เพราะบางสิ่งที่สำคัญของเธอ มันสูญหายไปแล้ว

         และไอซาวะก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง

         ว่าเขาจะสามารถทำให้เธอได้รับบางสิ่งที่ว่าได้คืน











     

    |||||


     

    Talk with มาวว ♡

    รีไรท์เหมือนเทิร์นดาร์กเลยค่ะ ไหนสโลแกน เด็กๆจีบกัน

    รอพ้น Arc 0 ไปก่อนนะคะทุกคน แง tt

    มะรู้ว่าจะยังชอบกันอยู่รึเปล่า แต่ตั้งใจเขียนมากๆเลยนะคะ!

    ฮือ รักค่ะ หวังว่าจะชอบงานฟิคเล็กๆฟิคนี้อยู่นะคะ ❤


     


     

     

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×