ตอนที่ 5 : ก่อนจะเริ่มต้น
"เข้าห้องน้ำมาน่ะ แล้วบังเอิญเจอคนรู้จัก"ชินูดะตอบพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เจ้าญาติตัวดีที่บัดนี้นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีขาวสะอาด
สายตาของมาซาชิเหลือบมองไปยังข้อมือที่เข้าเฝือกเอาไว้ของชินูดะอยู่นานจนคนถูกจ้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าจะมองอะไรนักหนา? หรือว่ามันรู้ตัวว่ามันทำอะไรลงไป? เอ๊ะหรือมันสงสัยว่าเราไปทำอะไรมาเพราะมันจำอะไรไม่ได้?
สายตาของทุกคนในห้องเองก็จ้องมองมาที่ชินูดะเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะพ่อของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างคุณลุงคุณน้า รวมไปถึงบอดี้การ์ดบางคนที่ยืนรายล้อมอยู่ด้วย
คิดแล้วก็แอบเหงื่อตกในใจ ไม่น่าตอบไปว่าซุ่มซ่ามเล้ย...
"แขนนาย... โดนอะไรน่ะ"เจ้าคนที่นอนอยู่ถามด้วยแววตาใสซื่อ ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงแทบอยากจะถีบมันให้ตกเตียงไปนัก! ทำเองแล้วยังจะมาถามอีก แต่เอาเถอะ เห็นแก่ว่ามันจำอะไรไม่ได้...
"อ๋อ... แค่ซุ่มซ่ามนิดหน่อยน่ะ"
"ซุ่มซ่าม?"มาซาชิขมวดคิ้วบ้าง "ตอนไหน? แล้วเพราะอะไร?"
ถ้าไม่เกรงใจเขาจะจับมันกดส้วม!พูดมากจริง!
"ก็เอาเหอะน่า"ชินูดะรีบพูดตัดบท
ส่วนมาซาชินั้นก็ได้แต่คิดในใจ คนอุตส่าห์เป็นห่วง...
ในใจของชินูดะก็คิด... ว่าทำยังไงถึงจะถามเรื่องไอ้ปานรูปจันทร์เสี้ยวนี่แบบมีกันแค่สองคนในห้องนี้ได้ บางที... มาซาชิเองอาจจะรู้!
ก็เจ้าตัวเองมีไอ้ปานต๊องก่อนเขานี่!
"เอ้อ... ชินูดะ คือ... อาอยากจะฝากมาซาชิให้ดูแลสักสามวันน่ะ จะได้รึเปล่า คือ...อามีธุระด่วนที่ต่างประเทศน่ะ..."พ่อของมาซาชิพูดด้วยความลำบากใจ ฟังดูจากน้ำเสียงและแววตาที่หม่นหมองนั้นก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขารู้สึกผิดเพียงใดที่ไม่มีเวลาว่างอยู่ดูแลลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองได้
โอ้... นี่แหละฟ้าประทาน!
"ครับ ผมจะดูแลมาซาชิให้ดี"ชินูดะยิ้มกว้างอย่างถูกใจพร้อมกับหันไปมองคนที่นอนป่วยอยู่พลางยักคิ้ว ในขณะที่มาซาชิกลืนน้ำลายเอื๊อก ไอ้หมอนี่มันคิดอะไรอยู่ล่ะ
ลูกชายมาเฟียนี่ไว้ใจได้ซะที่ไหน!
"แล้วจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหนล่ะครับ?"
"ก็ออกวันนี้แหละจ้ะ ที่ให้ดูแลหมายถึงหลานต้องไปค้างที่บ้านน้าสามวันน่ะ ขอบคุณมิคุมะมากนะที่ยอมให้ชินูดะดูแลมาซาชิน่ะ"แม่ของมาซาชิอธิบายพลางหันไปเอ่ยขอบคุณกับพ่อของชินูดะด้วยรอยยิ้ม
"เรื่องเสื้อผ้าข้าวของพ่อให้ลูกน้องไปเอาให้แล้วนะ เอาล่ะพี่ชาย ถ้าไม่รีบไปตอนนี้จะไปไม่ทันขึ้นเครื่องนะเอ้อ..."พ่อของชินูดะพูดเสียงเรียบหลังจากเลิกแขนเสื้อสูทสีดำราคาแพงขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูนาฬิกาข้อมือ
"อ้อ... นั่นสิ มาซาชิ พ่อกับแม่ไปก่อนนะลูก เดี๋ยวเราค่อยเจอกัน"มาซาชิยิ้มให้ผู้เป็นแม่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นไรเพราะดูจากสีหน้าของทั้งพ่อและแม่ของเขาแล้วไม่ได้อยากจากไปจากเขาตอนนี้เลย ถึงมันจะแค่เวลาสามวันก็เถอะ แต่สำหรับพ่อแม่ที่ต้องไปต่างประเทศทั้งๆที่ลูกไม่สบายเนี่ย... มันก็ทำใจลำบากอยู่หรอก
หลังจากที่ทั้งสาม... อันประกอบไปด้วยพ่อของชินูดะ พ่อและแม่ของมาซาชิ พร้อมด้วยลูกน้องอีกประมาณห้าหกคนที่เดินตามออกไปป้องกันเจ้านายของตัวเองยังเต็มที่ แต่ก็ยังไม่วายสั่งลูกน้องมาเฝ้าที่ห้องพยาบาลเพิ่ม!!
เห็นทีว่าพยาบาลหรือหมอก็ไม่กล้าเข้ามาดูอาการก็คราวนี้!
ชินูดะเหลียวมองรอบตัว อืม... ลูกน้องของเขาสามคน ลูกน้องของมาซาชิสี่คน รวมๆแล้วก็เจ็ดคน แล้วจะพูดยังไงล่ะเนี่ย? ไอ้ชินมันก็ชินอยู่หรอกกับไอ้เรื่องที่ต้องมีคนคอยติดตามล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลาเนี่ย แต่มันต้องไม่ใช่ตอนที่เขาอยากจะคุยเรื่องความลับสิ!
เอาเถอะ... ไว้รอให้ถึงคฤหาสน์(ของมาซาชิ)ก่อนก็แล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชินูดะแทบจะหลุดปากพูดออกไปหลายครั้ง ก็จะให้ทำยังไงล่ะ มันอยากรู้นี!
พอถึงคฤหาสน์ของมาซาชิปุ๊บ ชินูดะก็แทบจะลากมาซาชิเข้ามาคุยจนลูกน้องของมาซาชิแทบจะเข้าไปห้าม และลูกน้องของชินูดะก็จะเข้าไปกันท่าอีกที... เอ้อ... ท่ามกลางเสียงปะทะคารมของกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายภายใต้สังกัดเดียวกัน(!?)
"นี่! หลีกทางนะ! นั่นคุณหนูชินูดะจะพาคุณหนูมาซาชิไปไหนน่! เบาๆหน่อยสิ!!"
"โธ่เอ๊ยยย เขาดูแลกันเองได้น่า! คุณหนูเขาเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ!"
+ห้องของมาซาชิ+
"โอ๊ยๆๆๆ เบาๆหน่อย!!"มาซาชิโวยวายเพราะโดนลูกพี่ลูกน้องที่อดทนเก็บอาการมานานลากมาเสียเต็มแรงจนแขนของเขาระบมไปหมด นี่อีกฝ่ายมันก็ข้อมือหักอยู่ไม่ใช่เรอะ! แต่แรงมันนี่ไม่ลดลงไปเลยนะ!
"เออๆๆขอโทษๆๆๆ แต่นี่มันมีเรื่องด่วน!!"
"เรื่องด่วนอะไร?"
"เออน่าๆๆ ก็เรื่องปานรูปจันทร์เสี้ยวของนายน่ะแหละ เฮ้ยมาซาชิ! นี่แกฟังฉันอยู่มั้ยวะ!!"
มาซาชิที่เอาแต่มองไปรอบๆห้องด้วยความไม่พอใจนั้นถึงกับสะดุ้งแล้วหันมายิ้มแหยๆให้กับสีหน้าไม่รับแขกของเพื่อน
ห้องของเจ้าตัวถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านไร้ที่ติด้วยฝีมือของแม่บ้าน แต่สิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้แก่มาซาชิเป็นอย่างมากนั่นก็คือข้าวของโบราณที่ยังอยู่ครบทุกชิ้นเลยเช่นเดียวกัน!
"เรื่องปานรูปจันทร์เสี้ยวน่ะ..."ชินูดะเริ่มเล่าเรื่องก่อนจะรอให้อีก่ายหันมามองหน้าเขาก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง "เอ้อ... ว่าแต่นายจำได้รึเปล่าว่านายทำอะไรกับห้องของนายบ้าง รวมไปถึงนี่.."ชินูดะชี้ไปยังข้อมือของเขาที่เข้าเฝือกอยู่
"จำได้สิ"สีหน้าของมาซาเคร่งเครียดขึ้นทันทีทันใด "แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ตอนนั้นพอฉันขึ้นมาถึงห้องอยู่ๆก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาที่แผลเลยล่ะ แล้วอยู่ๆฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองมันร้อนไปหมดเหมือนนอนกลิ้งเกลือกอยู่ในกองไฟ ฉันพยายามจะอ้าปากร้องให้นายช่วยตอนที่นายขึ้นมา... แต่ก็พูดไม่ได้ รวมไปถึงฉันก็... ทำร้ายนายโยที่ฉันเองก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน..."เจ้าตัวทำหน้าเศร้าก่อนจะปิดท้ายอย่างสำนึกผิด "ฉันขอโทษนะ"
"เออๆๆ อย่าคิดมากเลย อ้อๆ ยังมีอีกนะ ปานรูปจันทร์เสี้ยวน่ะ.."
"ใช่ๆๆ"มาซาชิพยักหน้าทันที "ตอนนั้นเลือดของฉันออกมาจากปานนั่นเยอะมากเลย"
"มันติดตัวนายมาต้งแต่เกิดใช่มั้ย"
"ใช่!"
"งั้นนี่อะไร!!"
ชินูดะพยักเพยิดให้คนตรงหน้าเลิกแขนเสื้อของเขาขึ้นแล้วม้วนไปถึงหัวไหล่เหมือนตอนที่หลินซือหลงทำแผลให้ มาซาชิแกะผ้าพันแผลสีขาวออกอย่างแผ่วเบาก่อนจะอ้าปากค้างตาโตด้วยความตกตะลึง!
"นี่มัน... มันมาจากไหนน่ะ!"
"คำถามนั่นควรจะเป้นของฉันมากกว่า!!"ชินูดะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"ฉันนึกว่านายจะรู้เรื่องปานนี่ซะอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่จริงๆแล้วนายก็ไม่รู้อะไรซักกะติ๊ด"ทายาทมาเฟียถอนหายใจออกทางจมูกพลางทำปากเบะอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
พลันความคิดของมาซาชิก็ไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่ง...
ใครคนหนึ่งที่เขามั่นใจว่าต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ!
"ริโอะ!เรชิ!"มาซาชิเรียกบอดี้การ์ดคนสนิทที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของตัวเองเสียงดัง ทั้งสองก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบกริบแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น พร้อมกับก้มหัวลงรอรับคำสั่งจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ท่ามกลางสายตาแปลกใจของญาติคนสนิทว่ามันจะทำอะไรกันแน่!
"ติดต่อนักโบราณคดีที่ชื่อAให้มาพบฉันเดี๋ยวนี้!"
เพียง20นาทีผ่านไป...
ขาที่ก้าวออกมาจากรถยุโรปราคาแพงนั้นหยุดยืนนิ่งที่คฤหาน์พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาสีฟ้าถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ผมยาวสีเงินปลิวไสวไปเล็กน้อยตามสายลม
"คุณหนูมาซาชิรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วครับ"
ร่างของชายหนุ่มผมยาวสีเงินคุ้นตาก็โผล่มาให้เห็นอีกครั้ง ครั้งที่สามสำหรับมาซาชิ และครั้งที่สองสำหรับชินูดะ
"ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับมาซาชิซัง ชินูดะซัง"
ชายหนุ่มเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง วันนี้เขามาในชุดสูทสีน้ำตาลอ่อนดูหล่อเหลาไปอีกแบบ แว่นตากันแดดสีดำถูกถอดออกแล้วและเหน็บไว้กับเสื้อสูท
"ผมเรียกคุณมาวันนี้ก็เพราะเรื่องปานรูปจันทร์เสี้ยวของผม"มาซาชิเริ่มต้นเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"อ้อ... และที่คุณเรียกผมมาก็เพราะคิดว่าผมจะรู้เรื่อง"
"ก็แน่ล่ะสิ ก็ตอนนั้นคุณเป็นคนเล่าเรื่องไอ้... เงาจันทราอะไรนั่นให้ผมฟังอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วก็ยังมีโชเน็น... อะไรอีกเนี่ย"
Aหัวเราะหึๆ การสนทนาของคนต่างวัยทั้งสองนั้นอยู่ในสายตาของชินูดะที่มองสลับระหว่างญาติของเขาและนักโบราณคดีคนนี้ พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเองเพราะดูท่าว่าจะไม่มีใครยอมอธิบายให้เขาฟังด้วยอารมณ์ดีๆเป็นแน่!
"ใช่ ผมรู้เรื่องมั้งหมด รู้ไปถึงอาการของคุณด้วย... คนที่มีปานนี้ในตอนนี้มีสามคนเท่าที่ผมรู้จัก นั่นคือคุณ... โอนิชิตะ มาซาชิ และคุณ... ริคุมะ ชินูดะและ... หลิง ซือหลง"
"ใครคือหลิง ซือหลง แล้วทำไมญาติของผมถึงมีปานนี้ได้ เขาไม่เคยมีปานนี้มาก่อนแล้ว..."มาซาชิเก็บคำพูดทั้งหมดกลืนหายไปในลำคอเมื่อนักโบราณคดีตรงหน้ายกมือห้าม
"เรื่องของหลิงซือหลง ไว้คุณเก็บไว้ถามคุณริคุมะเอาก็แล้วกัน"มาวาชิถึงกับหันไปมองเจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีที่บัดนี้นั่งสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยม
"ผมขออธิบาย้อนอีกครั้ง กลุ่มโชเน็นเงาจันทรา หรือกลุ่มสุดยอดของสุดยอดหมอผีในสมัยโบราณเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว กลุ่มคนกลุ่มนี้มีสมาชิกเจ็ดคน ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตเพราะทุ่มเทพลังกายและพลังใจทั้งหมดในการผนึกเหล่าปีศาจทั้งหมดในโลกใบนี้ไม่ให้ไปทำอันตรายมนุษย์ได้อีก แต่วิญญาณของพวกเขาไม่ได้จากไปยังยมโลก..."
มาซาชิเหลือบมองชินูดะ บังเอิญว่ชินูดะเองก็เงยหน้ามามองเขาเช่นกัน เขาสังเกตเห็นชินูดะคิ้วขมวดเล็กน้อย แววตานั้นบ่งบอกอย่างเดียวว่า 'คนๆนี้มันบ้า'
Aยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ... พร้อมด้วยนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูเป้นประกายวาวขึ้นทุกครั้งเมื่อเล่า...
"...วิญญาณของพวกเขายังคงวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากญี่ปุ่น เพราะความผิดพลาดในเรื่องพิธีที่ทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้ผนึกนั้นอยู่ได้ไม่นาน... พวกเขาเฝ้าตามหาตระกูลที่เหมาะสม และเมื่อถึงเวลาที่ไอเวทในตัวผนึกเริ่มคลายลงเพราะกาลเวลา เหล่าปีศาจจะฟื้นคืนชีพมาตามรังควานเหล่ามนุษย์อีกครั้ง พวกเขาก็จะมาเกิดในตระกูลที่ตนเองเล็งเห็แล้วว่าเหมาะสม และเกิดมาเป็นทายาท... ซึ่งก็คือคุณ คุณ หลิงซือหลง และอีกสี่คนที่เหลือ ซึ่งเราต้องตามไล่ล่าเหล่าปีศาจและผนึกมันอีกครั้งตามที่รุ่นก่อนเคยทำ"
Aชี้นิ้วไปยังมาซาชิ ชินูดะ และชี้ขึ้นข้างบนเมื่อพูดถึงหลิงซือหลง มาซาชิไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องชี้นิ้วขึ้น แต่ชินูดะกลับคิดว่าAอาจเคยพบซือหลงมาแล้ว และมาดเจ้าชายของเขาก็ช่างดูน่าเกรงขามเสียจริง!
"คุณพูดเหมือนกับว่ามันสืบทอดกันเป็นรุ่นงั้นแหละไอ้โชเน็นเนี่ย"ชินูดะพูดเบื่อๆ Aพยักหน้าพร้อมกับตอบคำถามที่ทำให้ปากของชินูดะถึงกับถูกเย็บปิดสนิทไปโดยปริยาย
"ซึ่งผู้สืบทอดก็คือพวกคุณ"
"เอาล่ะ มีอะไรสงสัยอีกมั้ย ผมจะให้โอกาสถาม เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับปาน?"มาซาชิถามขัดขึ้น แม้ว่าจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงจะไม่ได้เจอกับAอีก?
"ปานเป็นสัญลักษณ์ว่าใครคือตัวจริงตัวปลอมน่ะสิ"
"แล้วทำไมวันนี้พวกเราถึงเลือดออก"
"หลิงซือหลงด้วย"ชินูดะพูดขึ้นมาอีก "วันนี้ผมเจอเขาที่โรงพยาบาล เขาเองก็มีเลือดออก แล้วก็พลัง... แปลกๆ...เขา... บอกว่าเขาสามารถดึงวัตถุอะไรก็ได้ที่อยู่ไม่ไกลจนเกินไปมาอยู่ตรงหน้าเขาโดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วเขาก็บอกอีกว่าถ้าเขาใช้พลัง เลือดของเขาจะหยุดไหล แต่มันก็ยังไหลอยู่เรื่อยๆ"เจ้าของเรือนผมสีแดงลดเสียงเบาลงเล็กน้อยเมื่อในหัวพลันนึกไปถึงสิ่งที่ซือหลงทำให้เขาเห็นเมื่อตอนนั้น...
มาซาชิละสายตามาจากเพื่อนพร้อมกับคิ้วข้างหนึ่งที่เลิกขึ้น สายตาบ่งบอกถึงความสงสัยที่ล้นทะลักออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"เหล่าโชเน็นเงาจันทราจะมีพลังแตกต่างกันออกไป ประกอบไปด้วยดิน สายฟ้า ลม น้ำ ของซือหลงน่าจะเป็นไร้รูปแบบ ส่วนของคุณ มาซาชิ คือไฟ และของคุณ... ชินูดะ... คุณคือดิน"
"ผม?"ชินูดะชี้มาที่ตัวเองพลางมองไปที่กำปั้นที่วางอยู่บนตัก
"ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเลือดถึงไหลไม่หยุด นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องออกตามหาสมาชิกให้ครบ และจัดการผนึกเหล่าปีศาจซะ..."
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
