ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fd mail

    ลำดับตอนที่ #5 : น่ารักมากเลยอะ

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 51


    เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
    และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
    แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
    และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
    ---------------------------------------
    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
    ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
    นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
    แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
    ------------------------------------
    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
    เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
    '
    ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..'
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
    -------------------------------------
    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'
    --------------------------------------
    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
    ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
    ว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
    'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
    เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
    -----------------------------------
    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย
    ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
    ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
    '
    เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
    ------------------------------------
    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    '
    ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
    ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
    ------------------------------------
    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
    ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
    พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
    ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
    แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
    'ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง'
    แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
    แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
    แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
    แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
    ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
    'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
    ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'
    -------------------
    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
    พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

    คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
    อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
    ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
    ------------------------------

    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
    ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    '
    เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน>**
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×