ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังของไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก

    ลำดับตอนที่ #3 : AuFic | KNB × -- Tale ---

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 59


      CR.SHL
     

    Application



         "เจ้าจงจำไว้..ว่าคนอย่างข้าไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้หรอกนะ ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับใน

    ตัวข้าและความสามารถของข้าให้จงได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าจะไม่ยอมมองเห็นมันก็เถอะ"


    ชื่อ - สกุล : ฮาเดวิก กิลแบร์เท / Hadewig Gilberte

    ความหมาย ::   Hadewig ในภาษาเยอรมันแปลว่าความพยายาม

                            Gilberte ในภาษาเยอรมันแปลว่า ความมุ่งมั่นที่ชัดเจน

                            ถ้าเอาชื่อนามสกุลมารวมกันจะแปลว่า ความพยายามที่มุ่งมั่นชัดเจน

    ชื่อเล่น : เฮดิ / Hedi  (Hedi ในภาษาเยอรมันแปลว่าความพยายาม)

    บทบาท : นางเอกของฮันเซล & เกรเทล

    อายุ :: 21 ปี

    ลักษณะ รูปร่าง หน้าตา : เอดิเป็นหญิงสาวที่มีร่างกายที่สูงสำหรับผู้หญิงไม่รู้ว่าเพราะชอบดื่มนมมาตั้งแต่เด็กหรือเพราะอะไรก็ตามแต่เฮดิจะสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป ร่างกายของเธอไม่ได้อ้อนแอ้นอรชรแต่จะมีกล้ามเนื้อเป็นส่วนๆเพราะต้องทำงานหนัก ร่างกายของเธอค่อนข้างสมส่วน ในตอนนี้เธอสูง 174 เซนติเมตรและหนัก 61 กิโลกรัม ส่วนลักษณะร่างกายเธอเป็นผู้หญิงที่มีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนแซมน้ำตาลเข้มยาวสลวย (เธอคิดจะตัดออกหลายครั้งเพราะมันค่อนข้างเกะกะการทำงาน) นัยต์ตาสีเทาปนดำที่แทบจะถอดฉบับบอกมาจากแม่ของเธอ ริมฝีปากที่มักมีสีแดงอ่อนอยู่เกือบตลอดเวลา ส่วนสีผิวของเธอคือขาวค่อนข้างไปทางซีดเพราะที่ที่เธออยู่มีหิมะตกเกือบตลอดจึงทำให้ไม่ค่อยได้รับแสงแดดมากเท่าไหร่นัก

    ลักษณะคำพูดคำจา

                เฮดิในสมัยเด็กจะเป็นพูดน้อยและไม่ค่อยพูดจาตรงประเด็นเธอมักจะพูดอ้อมๆให้คนอื่นสบายใจเสมอ แต่เมื่อเติบโตขึ้นมาและหนีออกจากบ้านมาได้สังคมที่อยู่ในปัจจุบันก็ค่อยๆหล่อหลอมให้เธอเป็นพูดแข็งทื่อ ตรงๆ คิดอะไรก็พูดแบบนั้นอาจจะไม่ค่อยจะรักษาน้ำใจของใครสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่ได้คิดร้ายกับใคร

    ตัวอย่างการพูด

                “ท่านพ่อจะไปทำงานแล้วเหรอคะ แหะๆตั้งใจทำงานนะคะเดี๋ยวเย็นนี้เฮดิจะทำของโปรดให้คุณพ่อท่าน” พูดกับพ่อสมัยเด็ก

    นี่เจ้าจะเอาเปรียบคนอื่นเกินไปหรือเปล่าเจ้าของร้านก็หาใช่ เป็นลูกจ้างเหมือนกันแท้ๆแต่กลับเอาแต่นั่งชี้นิ้วสั่งคนอื่นเพียงเพราะเจ้าเข้ามาทำงานก่อนคนอื่นงั้นรึ หึพูดกับคนที่ทำงานด้วยกัน

    ข้าว่าเจ้าเอาเวลากลับไปดูแลเมียของเจ้าที่นอนป่วยไข้อยู่ที่บ้านเถอะ ข้าไม่เอาผู้ชายที่มีเมียมีลูกอยู่แล้วมาทำเป็นสามีหรอกนะพูดกับคนที่เข้ามาจีบ

    ถ้าจะไล่ข้าออกทำไมไม่ไล่เจ้าคนนั้นออกเสียด้วยล่ะ อ่อหรือเพราะว่าคุณหญิงจะกลัวเรื่องที่เจ้านั่นกับคุณหญิงแอบมีสัมพันธ์สวาทแดงออกมากันคะพูดกับเจ้าของร้านอาหารที่กำลังจะไล่เธอออก

    เจ้าเป็นโจรรึ ข้าไม่มีทรัพย์สินมีค่าติดตัวหรอกนะ อ้อแต่ข้ามีอะไรจะให้เจ้านะ /หยิบสเปรย์เครื่องเทศมาฉีดใส่ตาแล้วเตะเข้าตรงจุดยุทธศาสตร์กลางลำตัว หึ เจ้าโจรไม่รู้จักเจียมตัวข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้านักหรอกนะพูดกับโจรที่เข้ามาปล้น

    ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับข้า แต่ข้าต้องขอโทษเจ้านะในชีวิตนี้ข้าคงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากตัวข้าเอง” พูดกับคนที่มาทำดีด้วย

    “เห นี่เจ้ากำลังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอเจ้าเหยี่ยว เลือดเจ้าไหลออกมาเต็มเลย อดทนไว้หน่อยนะเดี๋ยวข้าจะไปเอาสมุนไพรในกระท่อมก่อน” พูดกับเหยี่ยวที่บาดเจ็บอยู่หน้าบ้าน

    เจ้าจะยืนขวางข้าอีกนานไหม อ๋อหรือเพราะคิดว่าตัวเจ้าใหญ่และสูงกว่าคนทั่วไปเลยคิดว่าจะขวางข้าได้ แต่ขอโทษเถอะนะข้าไม่ใช่พวกคนกระจอกงอกง่อยแบบนั้น /ผลักสุดแรงเกิด) พูดกับยักษ์หน้ามึนหัวม่วง

    ไม่ได้นะเฮดิ เจ้าจะร้องไห้ออกมาไม่ได้ เจ้าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เจ้าเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกเจ้าจะมาทำตัวอ่อนแอแบบนี้อยู่ไม่ได้ พูดกับตัวเอง 

    ลักษณะนิสัย

    1.เฮดิไม่เชื่อใครนอกจากตัวเอง

                เนื่องจากแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เด็กทำให้เฮดิต้องอยู่กับพ่อเพียงลำพังแค่สองคน จนวันหนึ่งพ่อเธอได้พาแม่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน แม่เลี้ยงคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของเธอเธอจะเป็นคนอ่อนโยนใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงความรักกับเฮดิอยู่เสมอแต่เมื่อลับหลังพ่อของเธอ แม่เลี้ยงคนนี้จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอแสดงอาการรังเกียจเฮดิอย่างออกหน้าออกตา ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงและทำร้ายร่างกายของหญิงสาวด้วย จนสุดท้ายเฮดิทนไม่ไหวจึงเลือกที่จะไปบอกพ่อของเธอ แต่ว่าพ่อของเฮดิกลับไม่เชื่อเรื่องนี้หาว่าเฮดิเป็นเด็กเลี้ยงแกะและบังคับให้เด็กหญิงไปขอโทษแม่เลี้ยง ทำให้เฮดิเสียใจเป็นอย่างมากแล้วในที่สุดเธอจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 13 ปี และปมที่ผูกอยู่ในใจจึงทำให้เฮดิไม่เชื่อใครอีกเลยนอกจากตัวเอง

    2.เฮดิไม่พึ่งใครนอกจากตัวเอง

                หลังจากหนีออกจากบ้านมาได้เฮดิก็ไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยตามสถานที่ต่างๆจนสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะสร้างกระท่อมหลังเล็กๆกลางป่า โดยเธอได้ไปลักอุปกรณ์ช่างมากจากบ้านช่างก่อสร้างที่อยู่ในเมืองและใช้ต้นไม้ในป่าสร้างกระท่อมของเธอขึ้นมา ส่วนอาหารเธอก็จะหากินจากตามในป่าหรือไม่บางทีเธอก็จะไปทำงานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นเด็กล้างจาน เด็กตัดฟืน คนให้อาหารม้าหรือแม้แต่ไปรษณีย์รับส่งเพื่อหาเงินมาซื้ออาหาร ในช่วงแรกเฮดิก็ทำงานทั้งหมดไม่ไหว เธอนอนซมป่วยไข้อยู่หลายครั้งเพราะไม่เคยทำงานหนักมาก่อนแต่จนในที่สุดร่างกายของเธอก็เริ่มชิน

    3.เฮดิหัวไวในการเอาตัวรอด

                หลังจากอยู่ตัวคนเดียวมาสักพักใหญ่เฮดิก็เริ่มปรับสภาพตามสังคมที่เธออยู่ได้ ในย่านเมืองจะมีพวกขโมยชุกชุมถ้าไม่ระวังตัวให้ดีจะถูกลากไปปล้นหรือทำอะไรต่อมิอะไรอย่างง่ายๆ จึงทำให้หญิงสาวเริ่มหาวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดจากโจรขโมยพวกนั้น เฮดิตัดสินใจนำเครื่องเทศที่มีรสร้อนแรงเธอได้เครื่องเทศพวกนี้มาจากตอนทำงานในร้านอาหาร หญิงสาวนำเครื่องเทศเหล่านี้ไปผสมกับน้ำและเทใส่ลงไปในขวดน้ำหอมที่เธอพกติดตัวมาจากบ้านเพื่อฉีดเวลาเกิดเหตุการณ์คับขันและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ใช้มันและเอาตัวรอดมาได้ เฮดิเริ่มทำหลายๆอย่างเพิ่มขึ้นเพื่อหาหนทางรอดให้กับชีวิตของตัวเองเพราะเธอยังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ

    4.เฮดิมักสังเกตคนรอบข้างอยู่เสมอ

                เพราะต้องใช้ชีวิตในการเอาตัวรอดอยู่ทุกวันเลยทำให้เฮดิกลายเป็นคนช่างเกตคนรอบข้างเสมอ ต่อหน้าหญิงสาวจะทำตัวเป็นปกติแต่ที่จริงแล้วสายตาของเธอกำลังจับจ้องสิ่งที่ผิดปกติอยู่ หูทั้งสองก็จะคอยฟังไว้อยู่เสมอหรือแม้แต่จมูกก็จะคอยดมกลิ่นเผื่อเวลาเกิดอะไรขึ้นเธอจะได้เคลื่อนไหวอย่างทันท่วงที เพราะตอนที่เธอไปเป็นคนเลี้ยงม้าเจ้าของบ้านได้หมายตาเฮดิไว้ว่าจะนำไปทำมิดีมิร้ายและส่งไปเป็นทาสแต่เพราะสายตาของเฮดิสังเกตถึงความหื่นกระหายของสายตาเจ้าของบ้านได้และหูของเธอก็ได้ยินตอนเจ้าของบ้านแอบกระซิบกับลูกน้องในบ้านว่าจะลงมือกับเธอคืนนี้จึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจหนีออกมาได้ก่อนทันท่วงที

    5.ถ้าเฮดิตั้งเป้าหมายไว้แล้วจะต้องทำให้ได้

                ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แต่ถ้าเฮดิตั้งเป้าหมายไว้แล้วเธอจะต้องทำให้ได้ สิ่งแรกที่เธอมาถึงเมืองนี้คือเธอตั้งหมายว่าจะเก็บเงินให้ได้สักก้อนสองก้อนเพื่อเก็บไว้เป็นเงินทุนในการเปิดร้านอาหารและขนมเป็นของตัวเองและมีมุมหนังสือเล็กๆอยู่ริมร้าน ถึงความหวังนี้จะอยู่อีกค่อนข้างไกลแต่เงินที่เฮดิเริ่มเก็บก็เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ

    6.เฮดิเป็นคนพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม

                อันที่จริงในสมัยเด็กเฮดิเป็นคนค่อนข้างขี้อายและพูดน้อยและอ้อมค้อมแต่หลังจากหนีออกมาจากบ้านหลายๆอย่างสอนให้เธอรู้ว่าการพูดอ้อมค้อมไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาสู้พูดความจริงไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ในหลายครั้งการพูดตรงๆของเฮดิก็ทำให้มีคนหมั่นไส้เธอเพิ่มขึ้นมาแต่เฮดิก็ไม่ได้แคร์อะไรเพราะเธอก็ไม่ได้หวังพึ่งคนเหล่านั้นอยู่แล้ว

    7.เฮดิเป็นคนที่ไม่ชอบการร้องไห้

                ในตอนเด็กๆก่อนที่แม่ของเธอจะเสียไป แม่ได้บอกเฮดิว่าอย่าร้องไห้ถ้าขาดแม่ไปให้ยิ้มและทำตัวปกติเข้าไว้ถ้าร้องไห้มากๆดาวแห่งความโชคดีจะไม่เฉียดเข้าใกล้ ถึงมันจะดูเป็นเรื่องหลอกเด็กแต่เฮดิก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี ในงานศพของแม่เธอไม่มีน้ำตาสักหยดถึงอยากจะร้องไห้มากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องกลั้นไว้ ต้องคอยหยิกตัวเองให้เจ็บและยิ้มออกมาเพื่อให้ดาวแห่งความโชคดีเข้ามาหาเธอ ถึงในตอนนี้เธอจะโตเป็นสาวแล้วและเฮดิก็ไม่ได้เชื่อเรื่องดาวแห่งความโชคดีนั่นแล้วแต่ก็ยังคงอดทนและไม่ร้องไห้ เพราะมันเป็นคำสอนสุดท้ายของแม่เฮดิที่สั่งเสียเอาไว้

    8.เฮดิเก่งทั้งด้านวิชาการและงานทั่วไป

                เพราะต้องออกมาอยู่ตัวคนเดียวจึงทำให้เด็กผู้หญิงที่เก่งแค่ด้านวิชาการ การทำอาหารและการทำขนมต้องฝึกทำอะไรหลายๆอย่างด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นการสร้างกระท่อมที่ตัวเองอยู่ ผ่าฟืนใช้ในการทำอาหาร (ปกติตอนอยู่ที่บ้านจะมีแม่บ้านคอยทำไว้ให้) ซ่อมของชิ้นเล็กๆน้อยไปจนถึงชิ้นใหญ่ ขุดหลุมไว้เพื่อเป็นที่ใส่น้ำถึงแม้เธอจะกลัวน้ำมากก็ตาม ทำเฟอร์นิเจอร์ใช้ในกระท่อมเองไม่ว่าจะเป็นเตียง โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ และของใช้อีกหลายสิ่ง ส่วนที่เก่งด้านวิชาการด้วยเพราะเฮดิได้รับการเล่าเรียนที่ดีมาตั้งแต่เด็กและด้วยความที่เธอชอบอ่านหนังสือต่างๆ

    9.เฮดิไม่เคยหัวเราะเลยสักครั้งตั้งแต่ออกจากบ้านมา

                เมื่อก่อนเสียงหัวเราะจะอยู่กับเฮดิราวกับเพื่อนสนิท เสียงหัวเราะจะดังเสมอเวลาท่านพ่อของเธอทำอะไรตลกๆให้ดู แต่พอหนีออกจากบ้านออกมาเฮดิก็ไม่เคยหัวเราะอีกเลยนกจากจะมียิ้มบางๆกับฮอว์ค (เหยี่ยว) บ้าง  

    ชอบ  

    1.เวลาได้รับเงินค่าจ้าง

                เวลาที่รับเงินค่าจ้างเฮดิจะรู้สึกดีใจทุกครั้งเพราะเหมือนความฝันที่จะได้เปิดร้านกำลังก้าวไปอีกขั้น

    2.เวลาเป้าหมายของเธอสำเร็จ

                ถึงเป้าหมายใหญ่ของเธอจะยังไม่สำเร็จแต่เป้าหมายเล็กๆที่เธอตั้งไว้หลายอย่างก็สำเร็จไปบ้างแล้ว ถึงจะเป็นเรื่องเล็กแต่ก็ทำให้เธอมีความสุข

    ไม่ชอบ 

    1.เวลาไม่สบาย

                นอกจากจะทำให้เธออดรับเงินค่าจ้างแล้ว เวลาไม่สบายเฮดิจะรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงแล้วเรื่องในอดีตจะย้อนกลับเข้ามาในหัวตลอด

    แพ้ / กลัว :: เฮดิกลัวน้ำ เพราะตอนเด็กๆเคยถูกแม่เลี้ยงจับกดน้ำจนเกือบตายทำให้เป็นปมฝังใจมาตั้งแต่ตอนนั้นและเฮดิก็ไม่สามารถว่ายน้ำได้

    เพิ่มเติม 

    -          เวลารู้สึกเครียดแล้วอยากผ่อนคลายเฮดิจะนำไวโอลินตัวโปรดของตัวเองนำมาสี

    -          สัตว์เลี้ยงของเฮดิคือเหยี่ยว (เหยี่ยวที่มาบ้านเจ็บหน้าบ้าน) เธอตั้งชื่อว่าฮอว์ค (Hawk) ซึ่งแปลว่าเหยี่ยว

    -          เฮดิฝึกการเตะต่อยต่อสู้ป้องกันตัวไว้บ้างแต่ก็ยังฝีมือพอใช้อยู่ในตอนนี้

    -          เฮดิเกิดในฤดูหนาว และมีเลือดกรุ๊ป O

              เฮดิยังคิดถึงท่านพ่อของเธออยู่เสมอ แต่ด้วยความอคติและยึดมั่นในตัวเองเธอจึงเลือกที่จะไม่กลับไปที่บ้านและหวังไว้ว่าแม่เลี้ยงคนนั้นจะดีกับพ่อของเธอด้วยเหมือนกัน

             ปล.หารูปหืดขึ้นคอมากค่ะ กลัวหน้าเด็กไป ฟฟฟ


    Talk MILAN

    ( 1 ) สวัสดีค่ะ ทางนี้มิลานค่ะ คุณผปค. ชื่ออะไรเอ่ย ?

    -          ชื่อไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก ค่ะ ส่วนชื่อเรียกสั้นๆไม่มีค่ะ /โดนตบกลิ้ง

    ( 2 ) ใบสมัครเรื่องมากไปไหมคะ ?

    -          ไม่เรื่องมากนะคะถือว่าเป็นปกติเลยค่ะ         

    ( 3 ) คำถามยอดฮิตติดชาร์จท็อป---- อะแหม่ ทำไมถึงมาสมัครเหรอคะ ?

    -          เพราะพึ่งฟังนิทานเรื่อง ฮันเซล & เกรเทล มาจากตอนดูพี่เอกแคสเกมค่ะ  แล้วมุคคุงก็ลูกรักเราด้วยค่ะ ฮรือ เจ้าโย่ง!

    ( 4 ) ถ้าไม่ติด อ่า ทางนี้ต้องขอโทษนะคะ //แง้

    -          ไม่เป็นไรค่ะ /ปิดปากร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด

    ( 5 ) ทางนี้หมดคำถามแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่ให้ความสนใจนะคะ !

    -          โอ๊ะ ขอบคุณมากค่ะ ฝากลูกสาวคนนี้ด้วยนะคะ * - * 



     





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×