ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    What's the Love ? [I don't know]

    ลำดับตอนที่ #1 : เชียร์ริโอ ชิดนีย์

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    "เชียร์ริโอ (บ้ายบาย) สตีวี่ ฉันจะคิดถึงนายนะ" นั้นเป็นคำสุดท้ายที่ฉันพูดกับเขาก่อนที่ฉันจะขึ้น

    เครื่องบินเพื่อไปยังประเทศอังกฤษอันเป็นดินแดนของบรรพบุรุษเรา  เมื่อพ่อของฉันจากไปแล้วแม่ก็

    ตัดสินใจที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเราที่นั้นและเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันเสียใจมากที่จะต้องจากคนที่

    ฉันรักและคนที่รักฉันไป พวกพี่ๆน้องๆกับญาติของฉันก็ไปส่งเราที่สนามบินฉันกอดและยิ้มให้พวก

    เขาทุกคนแล้วก็เดินไปโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปมองเพราะฉันไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่าฉัน

    กำลังร้องไห้
     ชื่อของฉันคือ พามีล่า สก๊อต บ้านฉันอยู่ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ฉันมีความสุขมากๆที่นั้น

    เพราะที่นั้นมีทั้งญาติและเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะไปยังที่ที่ฉันไม่รู้จักใครไม่ถูกซิต้องเป็นไม่มี

    ใครรู้จักฉัน ความจริงแล้วการมาอยู่ที่อังกฤษมันก็เป็นความฝันอย่างหนึ่งของฉัน ฉันฝันว่าฉันจะต้อง

    ได้ไปเจอคนดัง ฮึฮึ อย่างน้อยการมาที่นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่แล้วความฝันของฉันก็พังไม่มีชิ้นดี
    "แม่ค่ะแล้วเราจะไปอยู่เมืองไหน ลอนดอนหรือเปล่า" ฉันถาม
    "เปล่าหรอกจ๊ะ เราจะไปอยู่ที่เมืองลีดส์ แล้วแม่ก็ได้งานที่นั้นแล้วด้วย " นั้นล่ะคำที่ทำลายความฝัน

    ของฉัน แต่มันทำให้ฉันท้อใจไม่ได้หรอก ฉันก็ปลอบใจตัวเองว่าบ้างที่พวกเขาอาจเปลี่ยนบรรยากาศ

    ไปเที่ยวที่นั้นก็ได้  
     ฉันยอมรับนะว่าไม่รู้ว่าเมืองที่ฉันจะไปอยู่มันจะเป็นอย่างไง ก่อนที่จะมาฉันก็ไปถามกับ

    สตีวี่เพื่อนรักของฉัน
    "นายรู้จักเมืองลีดส์มั้ย สตีวี่"
    "อือ รู้จักทำไม เธอจะไปอยู่ที่นั้นหรอ"
    "ใช่"
    "โฮ้ สุดยอดเลยละนี้เธอไม่รู้หรือว่า แฮรี่ก็เล่นให้กับทีมของเมืองนั้น"
    "แฮรี่ คีแวลล์ นะหรือ"
    "ก็ใช่นะซิ"
    "งั้น ฉันก็จะได้เจอสุดหล่อของฉันแล้วละซิ"แล้วใจก็ตาลอยคิดถึงหน้าอันหล่อเหลาของเขา
    "เธอนี้มันจริงๆเลยนะ ที่ฉันพาไปดูฟุตบอลด้วยกันนี้แสดงว่าไปดูแต่คนเล่นใช่มะ"
     ความหวังของฉันก็เริ่มจุดประกายขึ้นมาอีกครั้งและมันก็มาพร้อมกบความคิดชั่วร้ายว่าถ้า

    ฉันเจอเขาฉันก็จะบอกว่าฉันเป็นชาวออซซ์ (ออสเตรเลีย) เขาคงดีใจที่ได้เจอคนชาติเดียวกัน แล้วบาง

    ทีเราอาจจะได้อยู่บ้านใกล้ๆกันก็ได้ใครจะไปรู้ ฮะฮ่า
     ในที่สุดเราก็มาถึงพอมมีแลนด์(อังกฤษ) ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางฉันรู้ได้อย่าง

    เดียวว่าฉันอยากนอนนนน แต่ก็มีอันต้องทำให้ฉันยังนอนไม่ได้เพราะพวกเรายังต้องเดินทางต่อไปยัง

    เมืองที่สตีวี่เรียกว่าดินแดนแห่งกุหลาบขาว แต่จะดอกอะไรก็ไม่ทำให้ฉันเลิกล้มความตั้งใจที่จะนอน

    ของฉันได้หรอก  แล้วแม่ก็ลากฉันไปขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางต่อ เราใช่เวลาไม่นานก็มาถึงสนามบินขอ

    เมืองนี้( ตามที่ฉันเข้าใจ) แต่ก็นั้นละแม่บอกอีกว่ายังไม่ถึงเราต้องขึ้นรถเพื่อไปยังเมืองลีดส์อีกเพราะ

    สนามบินนี้เป็นของเมืองแบรดฟอร์ด ฉันอยากจะบ้าตายเมืองอะไรบ้านนอกสุดๆ ขนาดสนามบินยัง

    ไม่มีเลย แต่ฉันต้องเก็บความคิดนี้ไวในใจเท่านั้นเพราะถ้าโวยวายละก็มีหวังต้องขายหน้ากันมากๆแน่

    เลย
     จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้วเราใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข(อย่างนั้นหรือ)  ตลอด5ปีทีผ่าน

    มาทำให้ฉันรักที่นี้ ถึงเมืองนี้จะไม่เจริญเท่าลอนดอนแต่ก็ใช่ว่าจะขาดสีสัน ที่นี้มีสโมสรฟุตบอลที่ยิ่ง

    ใหญ่ เป็นศูนย์กลางด้านการเงินแล้วที่สมใจฉันก็คือการได้พบแฮรี่! โอ้ยเขาน่ารักมากทีเดียว แต่ฉันก็

    ไม่ได้บอกว่าเป็นออซซี่หรอกนะเพราะเขาน่ารักจนฉันไม่กล้าพูดด้วยเลยละหวังว่าคงเข้าใจนะว่าตอน

    เวลาเจอคนที่เราชอบแล้วมันพูดไม่ออกเลย  แต่ตอนนี้ฉันก็คงไม่ได้เจอเขาบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

    เพราะเขาย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่มันก็ไม่ทำให้ฉันเสียใจเท่าไหร่หรอก ฉันสารภาพก็ได้นะว่าฉันเจอคนที่

    น่ารักกว่าเขาอีก     ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาในหนังสือพิมพ์ฉันก็คิดว่าผู้ชายคนนี้ใครกันหล่อเป็นบ้า

    แล้วฉันก็อ่านบทความที่เกี่ยวกับเขา เขาน่ารักมากๆเลย ผมสีบอลน์ ทำผมทรงชี้ชี้ ตอนนั้นก็ไม่ได้

    สนใจอะไรเพราะมีเรื่องน่าสนใจกว่า แต่ตอนได้เจอตัวจริงนี้สิทำเอาฉันแทบเป็นลม เขาน่ารักมากๆ

    มากกว่าตอนที่เห็นในหนังสือพิมพ์ซะอีก ฉันเลยลืมแฮรี่ไปเลย จะว่าฉันบ้าก็ได้นะฉันคลั่งเข้ามากที่

    เดียว แล้มันเลยส่งผลถึงตัวฉันวันเต็มๆเลยว่าถ้าจะมีแฟนต้องให้ดีกว่าเขา จนบัดนี้ฉันเลยยังไม่มีแฟน

    ซักคน
    "สมน้ำหน้า"  แม่ว่า
    "ไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาว่าอีก" ฉันตอบกลับ
    แล้ววันที่ฉันเสียใจก็มาถึงวันนั้นฉันไปดูทีมเล่นตามปกติ ฉันรู้ว่ามันไม่ปกติเท่าไหรเพราะถ้าทมเราแพ้

    นั้นแสดงว่าเราก็ต้องตกชั้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทีมเราประสบปัญหามากที่เดียว ฉันเข้าไปในสนาม

    ด้วยความหวังที่ทีมเราจะชนะ แต่ฉันก็เตรียมใจไว้อยู่เหมือนกัน สุดท้ายทีมเราแพ้ ฉันบอกตัวเอง

    ตลอดว่าจะไม่ร้องไห้แต่ก็เท่านั้น ในที่สุดฉันก็ร้องไห้เพราะฉันกำลังเห็นเขาร้องไห้คนที่ฉันชอบมา

    ตลอดสาบานได้ว่าฉันไม่เคยชอบใครมากขนาดนี้ยืนร้องไห้โดยไม่อายใคร ใครบอกว่าน้ำตาของ

    ผู้หญิงดูแล้วน่าสงสารฉันจะบอกอะไรให้ว่าน้ำตาของผู้ชายมันน่าสงสารกว่าหลายเท่า เมื่อทีมเราต้อง

    ตกชั้นเขาก็ต้องถูกขายออกไปให้กับทีมอื่นโดยการตัดสินใจของเขาที่ย้ายไปอยู่กับทีมคู่แข่งของพวก

    เราทำให้คนที่นี้โกรธเขามากๆ  แต่ฉันก็เข้าใจเขานะใครจะว่าอะไรก็ช่างเถอะเขาทำดีที่สุดแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×