ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ลำดับตอนที่ #9 : ระทึกขวัญในความมืด!(Trespasser in the Dark!)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 46


    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ตอนที่9  ระทึกขวัญในความมืด!



    ในตอนเย็นวันต่อมา  เบนกำลังขบปลายดินสออย่างครุ่นคิดอยู่ในห้องตัวเอง  แล้วเขียนลงไปอย่างระมัดระวังในสมุดโน้ตสีมรกต

    กริมกับเจลจะนำอาหารเช้าขึ้นมาตอนประมาณแปดโมง  อาหารเที่ยงสิบสองโมงครึ่ง  และอาหารเย็นห้าโมงครึ่ง  แล้วตอนกลางคืนก็จะมาตรวจความเรียบร้อยเวลาสามทุ่ม  จากนั้นก็จะไม่โผล่มาที่ห้องผมอีกเลยจนกระทั่งถึงแปดโมง  เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    เบนนำกระดาษคาร์บอนสอดด้านหลังขณะเขียน  มันจึงทำให้เกิดสิ่งที่เขาเขียนไปอีกแผ่นหนึ่ง  แผ่นหนึ่งจะเอาไว้สำหรับตัวเขาเอง  อีกแผ่นหนึ่งจะเอาไว้สำหรับพ่อแม่ แครี่ และเซนนาพอด  เพื่อที่ทางนั้นจะได้ข้อมูลเท่าเทียมกันกับเขา  และสามารถใช้ข้อมูลนี้วางแผนอะไรก็ได้  ตามลำพังเด็กสิบขวบคนเดียวอาจจะวางแผนไม่พอ  --  เขาอายุสิบปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา  เห่อมากที่ครบหนึ่งทศวรรษจนเก็บแม้กระทั่งกระดาษห่อของขวัญไว้เลย  เขาพับกระดาษเป็นรูปเครื่องบิน  แล้วร่อนลงไปที่สวนเบื้องล่าง  เขาเหม่อมองจนกระทั่งเห็นแครี่วิ่งมาหยิบแล้วหายเข้าไปในพุ่มไม้แล้ว  จึงผละออกมา

                                            ****

    ค่ำวันเดียวกัน  ระหว่างที่นั่งเบื่อๆอยู่ที่เตียงนั้น  เบนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  เขาต้องการสำรวจทำเลของเหล่าร้ายในบ้นหลังนี้  เขาสูดหายใจลึกๆ  แล้วตะโกนออกมาดังๆ  “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”  แล้วก็ลงไปดิ้นกับพื้น  ทำท่าทำทางให้ดูราวกับทรมานสุดขีด  เขาดิ้นพรวดพราดและชักกระตุกราวกับในห้องนั้นไม่มีอากาศเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย  พร้อมกันนั้นก็ยังคงไม่หยุดร้องราวกับถูกเชือด

    เป็นไปตามที่เบนคาดไว้  เขาได้ยินเสียงส้นเท้ากระแทกกับขั้นบันไดดังๆ  แล้ววินาทีต่อมาประตูก็ถูกไขกุญแจลูกบิด(ลูกบิดห้องเบนเป็นแบบมีรูให้ไขทั้งสองด้าน  เพราะฉะนั้นเมื่อกริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่เอาไปแล้วเขาจึงหมุนลูกบิดออกไปไม่ได้)  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ก็เข้ามา  “เฮ้ย!”  กริมสโตนตกอกตกใจ  “นี่มันอะไรกันล่ะ!”

    เบนทำท่าเวลาพูดให้เหมือนกับเขาพูดโดยมีคนบีบคออยู่  “ยา…”  เบนรีบหอบ  “ยา…”

    ศาสตราจารย์เจลลี่เข้าใจทันทีว่าอะไร  “มันคงมีโรคประจำตัวเป็นหืดหรือไม่ก็ภูมิแพ้แน่!”  เขาตะโกน  “รีบพามันลงไปที่ตู้เก็บยาเร็ว  มันคงเลือกขวดได้เอง”

    กริมสโตนเหวี่ยงร่างของเบนมาพาดไหล่อย่างชำนาญราวกับเขาเคยประกอบอาชีพเป็นพนักงานดับเพลิงผู้มากฝีมือมาก่อนแล้ว  แรงกระแทกระหว่างท้องของเขากับไหล่ของกริมสโตนทำเอาเบนไอโขลกออกมาจริงๆ  นั่นทำให้คนทั้งสองคิดไปอีกว่าอาการของเขารุนแรงจริงๆ(ดีต่อแผน  แต่อันตรายต่อระบบย่อยอาหาร)  พวกเขารีบพาเบนลงไปที่ครัวทันที  ศาสตราจารย์เจลลี่เป็นคนแรกที่ไปถึงตู้ใส่ยาก่อน  เขากระชากตู้เปิดออก  แล้วถอยห่าง  ส่วนกริมสโตนเองก็หันหลังเพื่อให้หน้าเบนอยู่หน้าตู้ยาพอดี  เบนวางแผนไว้ก่อนแล้ว  เขาหยิบขวดยาที่ไม่มีฉลาก  เปิดฝาขวดแล้วโยนยาสีส้มสองเม็ดเข้าปากทันที  เบนแสดงได้ดีมากจนน่าแปลกใจที่เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบปีเท่านั้นเอง  เขาทำทีเป็นว่าเริ่มหอบน้อยลง  แล้วค่อยๆหายใจตามปกติ  ระหว่างนั้นเขาก็แอบชำเลืองมองรอบๆอย่างเงียบๆ  ประตูเปิดอยู่จนสามารถมองทะลุไปเห็นสภาพทั้งทิดเดิ้ลส์และรัสท์บัคเก็ตได้  เบนสลดใจที่เห็นว่าพวกมันอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเขาอีก  ถึงพวกมันจะทำเรื่องวุ่นๆบ้างแต่ก็เป็นแมวที่มีอัธยาศัยดี(ไม่นับคำว่า  บ๊องๆบวมๆ  โกลาหล  ชุลมุน  อลเวง  อลวน  แสบสันต์  และ  กระเจิดกระเจิง)  เขาแสร้งทำเป็นขอโทษขอโพยแต่แฝงประชดนิดๆเพื่อเหล่าร้ายตายใจ  “โทษทีนะที่รบกวนเวลาอันมีค่าของพวกนาย”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคลือบยาพิษ  ซึ่งเป็นเสียงเดียวกับที่เวลาจอร์จ บุชพูดถึงโอซาม่า บินลาดิน  “ทั้งสองคนคงจะยุ่งอยู่กับงานกันใช่ไหมล่ะ”  เขามองทั้งสองเขม็ง

    ศาสตราจารย์เจลลี่ถอนหายใจอย่างเบื่อๆปนรำคาญ  “แค่เราสองคนต้องมากังวลไอ้แมวสองตัวนี่ทั้งคืนก็แย่อยู่แล้วนะ  ต้องผลัดกันนั่งเฝ้าผลัดกันนอนในห้องนั้นทั้งคืนจนเช้าขึ้นมาแทบจะลุกไม่ไหวเลย  อย่ามาบ่นให้รำคาญได้ไหม  เป็นบุญแค่ไหนแล้วที่ช่วยให้แกรอดตายจากไอ้โรคอะไรบ้าๆนี่”

    เบนหูผึ่งทันที  ผลัดกันนั่งเฝ้าผลัดกันนอนในห้องนั้นทั้งคืนจนเช้า  นี่หมายความว่า  พวกเขาจะไม่ขยับออกจากห้องนั้นตั้งแต่ประมาณสามทุ่มกว่าจนถึงประมาณเช้าเลยใช่ไหม  เขากะเวลาที่พวกนั้นน่าจะออกจากห้องมาเอาอาหารตอนประมาณหกโมงครึ่งเป็นต้นไป  เพราะต่างคนคงอยากนอนให้เยอะด้วยกันทั้งนั้น  นี่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก

    ในขณะที่เขาไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่นั้น  กริมสโตนก็กระชากเขาขึ้นมาทันที  “เอาล่ะ  หมดเวลาเล่นเกมได้แล้ว  เจ้าหนู”  เขาบอกอย่างเคร่งขรึม  ทำเอาเบนใจสั่นเพราะนึกว่ากริมสโตนจะรู้เรื่องแผนที่จะลงมาสำรวจของเขา  แต่ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกริมสโตนพูดต่อไป  “อย่ามาพยายามเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้เลย  ชวนคุยแล้วนึกว่าพวกเราจะลืมเอาแกใส่กลับห้องไปซักพักเหรอ  ไม่มีทางล่ะ  เดี๋ยว!  เอาขวดยานี่ไปด้วย!”  เขายัดขวดที่เบนหยิบมาใส่ลงไปในมือของเบน  “คราวหลังจะได้ไม่ต้องให้พวกเราช่วยนำตัวแกลงมากินยาให้แล้ว  เอ้า!  ขึ้นไปซะ!”

    พวกเขาดันหลังเบนขึ้นไป  เบนกำขวดยาไว้แน่นพร้อมกับนึกเสียใจที่เขาไม่มีโอกาสมองไปรอบๆและหาข้อมูลให้เยอะกว่านี้  แต่ในขณะที่เขาได้ยินเสียงไขกุญแจดังกริ๊ก  และเสียงฝีเท้าห่างออกไป  เขาก็ยิ้มขึ้นมาได้นิดหน่อย  เอาเถอะ  เขาคิด  อย่างน้อยเราก็มีของว่างไว้เคี้ยวเล่นตอนเบื่อๆแล้ว

    เขาเปิดฝาขวดยาออก  แล้วปาเม็ดยาสีส้มเม็ดหนึ่งเข้าปาก  จากนั้นก็รอให้มันละลายอย่างช้าๆ

    เบน ไลท์สปีดนี่ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินอายุจริงๆ….

    สิ่งที่กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่เข้าใจว่ามันคือยาแก้โรค  ที่แท้ก็คือวิตามินซีรสส้มนั่นเอง!

                                            ****

    หลังจากที่เบนจดบันทึกเรื่องเวลาการเฝ้ายามของพวกเหล่าร้ายแล้ว  เขาก็ส่งกระดาษก็อปปี้ทำจากคาร์บอนอีกแผ่นลงไปข้างล่างเพื่อให้พวกข้างล่างรู้ข่าวนี้ด้วย  เขาเฝ้าดูมันถูกแครี่หยิบไปอย่างเงียบๆ  แล้วก็เข้านอน

    เขานอนไม่หลับอยู่เป็นชาติ  ครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆที่อื้ออึงอยู่ในหัว  เขาจะทำอย่างไรดี?  เวลาผ่านมาสองวันแล้ว  ยังไม่มีแผนอะไรคืบหน้าเลย  พวกมันให้เวลาหนึ่งเดือน  ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปทุกวัน  พอหมดหนึ่งเดือน  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ก็คงหมดความอดทนด้วยเช่นกัน  บางที….บางที  พวกเขาควรจะเรียกตำรวจมาจัดการดีไหมนะ?  พวกตำรวจอาจจะบุกเข้ามาก็ได้  แต่จะทำอย่างไรเรื่องแมวสองตัวนั่นล่ะ?  พวกตำรวจคงจะบอกว่าการจับกุมคนร้ายสำคัญกว่าชีวิตแมวสองตัว  แต่ครอบครัวไลท์สปีดผูกผันกับรัสท์บัคเก็ตจริงๆ  มันอยู่มากับพวกเขาตั้งแต่งแครี่ยังไม่เกิดเลย  ในขณะเดียวกันเซนนาพอดคงไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับทิดเดิ้ลส์ได้เช่นกัน  พวกเขาคงต้องจัดการกันเองเสียแล้ว  เขาถอนหายใจแล้วพลิกตัวอีกที  คิดต่อไปเรื่อยๆจนหลับไป

                                            ****

    เบนอยู่ในห้องที่เหมือนห้องขังนักโทษ  เขามีโซ่ตรวนอยู่ที่ข้อมือกับข้อเท้า  แถมใส่ชุดนักโทษอีกด้วย  ขณะที่เขากำลังงุนงงว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนั้น  ประตูห้องขังก็เปิดออก  ผู้คุมนักโทษหน้าตาโหดร้ายและมีรอยแผลเป็นบนคางเป็นรูปยิ้ม(หายากจริงๆ  และก็ทำให้หน้าดูน่ากลัวน้อยลงด้วย  เพราะมีแต่คนอมยิ้มเวลาเห็น  แต่แน่นอน  ไม่ทำให้นักโทษที่ถูกคุมตัวยิ้มได้จริงๆ)และมีมืออันใหญ่โตเทอะทะ  “มานี่ได้แล้ว!”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น  “ไปห้องพิจารณาคดีซะ”

    “ใคร?  ผมเหรอ?  ทำไมล่ะ?”  เบนถามอย่างตะกุกตะกัก  เมื่อผู้คุมกำลังดึงตัวเขาขึ้นมาจากพื้น  และลากตัวออกนอกห้องขัง

    ผู้คุมตวัดสายตาไม่สบอารมณ์มาทางเขา  “ทำเป็นไม่รู้เรื่องเรอะ  นายคิดว่านายจะหลอกผู้คุมอย่างโพเดซีได้เรอะ”

    เบนงงหนักเข้าไปอีก  แต่คราวนี้มีความกังวลใจเข้ามาด้วย  เจ้าโพเดซีคนนี้พูดถึงอะไรนะ  เขาทำผิดอะไรกัน  เขาไม่เคยทำอะไรขั้นร้ายแรงเลยนี่นา(นอกจากตอบโต้แครี่  แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเอากาวมาละเลงบนที่รองนั่งโถส้วม  เบนแอบอยู่ข้างๆห้องน้ำขณะแครี่เข้าไป  สองสามวินาทีต่อมาเบนได้ยินเสียง  แหมะ!  ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของแครี่)

    เมื่อเบนเงยหน้าขึ้น  ก็พบว่าตัวเองกำลังประจันหน้ากับแท่นที่นั่งของผู้พิพากษาพอดี    โพเดซีผละออกไปยืนที่ประตูอย่างเงียบๆ

    “เบน โรมานัน ไลท์สปีด  เจ้ากำลังถูกนำมาพิพากษาเรื่อง  แลกเปลี่ยนตัวนักโทษให้อิสระ  เจ้าไม่สามารถช่วยแมวออกมาได้ทันหนึ่งเดือน  เจ้าก็ต้องไปอยู่ในคุกแทนศาสตราจารย์เจลลี่กันนายกริมสโตน“

    “อะไรกัน  ไม่นะ  ไม่จริงใช่ไหม”  เบนตอบอย่างสับสน  เขาชื่อว่ามันไม่จริง  ไม่จริง!  เขาต้องฝันไป!

    เบนหันไปมองรอบๆ  --  โพเดซีกำลังยิ้มเยาะให้เขา  พูดว่า  “ยินดีต้อนรับ  นายได้เป็นนักโทษโดยสมบูรณ์แล้ว!”  --  ครอบครัวของเขากำลังร้องไห้แล้วพูดว่า  “เบน  ทำไมถึงไม่ช่วยรัสท์บัคเก็ต!”  --  เซนนาพอดหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธสุดขีด  “ไอ้หนอ….  ไม่สิ  ไอ้ไข่ข่าง!  แกฆ่าทิดเดิ้ลส์!”  --  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ยืนอยู่ที่ข้างแท่นนั่งผู้พิพากษา  ยิ้มเยาะมาทางเขา  “ขอบใจโว้ย!”  --

    “ไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่!!!”

    ………

    เขาเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียง  ใจเต้นแรง  เหงื่อชุ่มตัว  หอบอย่างกับไปวิ่งร้อยเมตรมา  มองความมืดมิดรอบๆตัว  เที่ยงคืนกว่าแล้ว

    ฝันไปหรือนี่  เขาคิด  เฮ้อ  โชคดีที่ยังเป็นแค่ฝัน  เพราะถ้ามันเป็นความจริง  เขาต้องบ้าตายแน่ๆ

    เขาล้มตัวนอน  กะจะหลับไปอีก  แต่ก็ต้องตัวแข็งทื่อ

    เสียงฝีเท้า..  มีใครคนหนึ่งจะขึ้นมาหรือ  เป็นกริมสโตนหรือไม่ก็ศาสตราจารย์เจลลี่ที่ได้ยินเสียงร้องของเขาหรือเปล่า…

    แต่แล้วเขาก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่ง!  เสียงคำรามเบาๆ!  นั่นไม่ใช่พวกเขาแน่ๆ!  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ไม่ได้มีเสียงคำรามแบบนั้น!

    เบนมายืนอยู่ข้างเตียง  ใจเต้นแรง  --  แรงกว่าตอนฝันเสียอีก  นั่นใครกันน่ะ?  ไม่ใช่ศาสตราจารย์เจลลี่  ไม่ใช่กริมสโตน  แล้วใคร?  ตอนนี้เขาหรือเธอมาหยุดอยู่ที่ประตูแล้ว  เอาเถอะ  อย่างน้อย  ใครคนนั้นก็ไม่มีกุญแจหรอก…

    แต่เขาก็แทบเป็นลมเมื่อได้ยินเสียงกุญแจสอดเข้าในรูกุญแจ!  ใครคนนั้นมีกุญแจด้วยหรือ!  เขาจะทำอย่างไรดี?  ในความมืดเช่นนี้  ไม่มีอาวุธป้องกันตัวอะไรเลย  ทำไงดี  ทำไงดี!  ใจของเขาเต้นแรงด้วยความกลัวและระทึกขวัญจนแทบจะหลุดออกมาจากซี่โครง

    เสียงลูกบิดดังกริ๊กเมื่อกุญแจไขได้แล้ว  เบนกำหมัดแน่น  เหงื่อซึมฝ่ามือ  คิดในใจ  ถ้าอย่างนั้น  ก็ไม่มีทางเลือก  ต้องสู้อย่างเดียว!

    ลูกบิดค่อยๆหมุน  และบานประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ……



    (To Be Continued…)





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×