ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ลำดับตอนที่ #7 : ทำอย่างไรดี?(Ben\'s Idea)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 46


    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ตอนที่7  ทำอย่างไรดี?



    บรรยากาศโดยรอบเงียบไปถนัด  ได้ยินเพียงสายลมที่พัดเอื่อยๆผ่านหน้าต่างเข้ามา  เสียงต้นหญ้ากระทบกันดังแกรกกราก  เสียงนกร้องอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งในสวน  และเสียงเครื่องยนต์ของรถที่แล่นผ่านไปมาหน้าบ้าน

    มันควรจะเป็นบรรยากาศเงียบๆที่น่าสบาย  แต่ไม่ใช่เลย  มันกลับเป็นความเงียบแห่งการตึงเครียด  เบนสงสัยว่า  เคยมีบ้างไหมที่บรรยากาศภายในบ้านจะเงียบถึงขนาดนี้ในตอนกลางวัน  เคยมีบ้างไหมที่มีความเงียบที่ทุกคนต้องคิดหนักขนาดนี้  อันตรายขนาดนี้  และร้ายกาจขนาดนี้  เขาต้องการจะอยู่อย่างสงบๆ  ไม่มีใครต้องการแก้แค้น  ไม่มีใครต้องมามัดตัวเขากับครอบครัวและเพื่อนบ้าน(เพื่อนบ้านจริงๆรึ?  เบนคิดในใจ)  ไม่มีใครมาขู่ลักพาตัวแมวเขา  ไม่มีใครต้องการจะมาบังคับพวกเขาให้ไปอียิปต์  ไม่มีใครจะมาบังคับให้พวกเขาไปเอาสมบัติที่มีเพียงเซนนาพอดคนเดียวที่รู้เท่านั้น  ไม่มี…

    เอ๊ะ!!

    ความคิดหนึ่งสว่างวาบในใจเบน  ราวกับมีใครเอาประทัดไปจุดข้างใน  ความคิดของเขาแล่นจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง  เขาสงสัยว่ามันจะใช้ได้หรือไม่  เขาไม่ได้วางแผนอะไรเลย  คงต้องมาคิดทีหลัง  เขาชำเลืองมองใบหน้าของแต่ละคน

    แครี่ยังคงดูกวนๆแบบว่า  พวก-แก-ไม่-แน่-จริง-นี่-หว่า-มา-ลอบ-กัด  แต่ลดน้อยลงกว่าเดิมไปโข  เพราะคำขู่จากศาสตราจารย์เจลลี่และกริมสโตนเรื่องที่จะ ****** รัสท์บัคเก็ตกับทิดเดิ้ลส์(กรุณาคิดถึงคำที่มีความหมายเหมือนกับคำว่า  ‘เชือด’  แต่แรงกว่าด้วย)  ก็เหมือนกับเวลาที่เรามีความมั่นใจสูงสุดราวกับนั่งอยู่บนยอดเขาแต่มีคนเอาเรื่องหน้าขายหน้ามาเผยจนเราไถลลงมาเกือบถึงตีนเขาน่ะแหละ

    มิสเตอร์ไลท์สปีดกำลังขบริมฝีปากแน่นอย่างใช้ความคิด  เขาคงตกอยู่ในสภาวะที่เบนเป็นเมื่อกี้แน่  ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้

    มิสซิซไลท์สปีดทำท่าราวกับว่า  เธอสามารถยอมเล่นบัมจี้จัมพ์หรือกระโดดร่มจากความสูงกี่(กิโล)เมตรก็ได้  แต่ต้องให้วายร้ายสองตัวนี้หายสาบสูญไปจากพื้นผิวโลกซะ(เพียงแต่ว่า  --  ความคิดอย่างนั้นมันเหมือนนิยายน้ำเน่าที่เกิดปาฎิหารย์บ่อยอย่างเหลือเชื่อ)

    เซนนาพอดนั้นเปรียบเหมือนเอาความทุกข์ของทุกคนมาอยู่รวมพร้อมๆกัน  กวนๆ  --  ใช้ความคิด  --  คาดหวัง  --  และสงสัย  เบนไม่เคยเห็นเซนนาพอดทำท่าราวกับว่าอาจจะร้องไห้ออกมาได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งอย่างนี้เลย  หน้าของเขาแดงก่ำราวกับมะเขือเทศบูดและคิ้วขมวดกันเป็นปม  และดูระทมทุกข์อย่างเหลือเชื่อ

    เบนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว  ไม่มีใครที่ดูเหมือนจะมีความคิดอะไรดีๆเลยนอกจากเขา  เขาเป็นหัวหลักของเรื่องนี้แล้ว  ความปลอดภัยของทุกคนไม่มั่นคง  ต้องรีบให้  --

    “ก็ได้!!”

    ใครคนหนึ่งพูดออกไป  เบนตกใจที่ได้ยินมันดังมาจากปากเขาเอง  เขารู้ว่าเขาอาจพูดประโยคนี้ได้ทุกเมื่อ  แต่ไม่รู้เลยว่าสมองของเขาจะควบคุมลิ้นไปเองแบบนี้  แต่ไม่มีทางเลือกแล้ว  --  เขาพูดออกมาแล้วก็ต้องลุยตามแผนที่คิดเอาไว้ในตอนแรกเลย

    “อะไร!”  กริมสโตนตะคอก  แต่ท่าทางเขาดูประหลาดใจที่เบนเป็นคนพูด  “แกได้รับความเห็นชอบจากทุกคนแล้วหรือยัง  ถ้าแกยังทำเป็นอวดฉลาด  ฉันอาจเพิ่มตัวประกันก็ได้นะ!”

    เบนประหลาดใจ  --  กริมสโตนพูดได้เข้ากับสิ่งที่เขาวางแผนไว้เป๊ะ  เป็นเรื่องบังเอิญที่วิเศษที่สุด  เขาลุยต่อ  “ใช่  ถูกไหมทุกคน”  เขาตอบรับ  พลางหันไปยังทุกคนอย่างวิงวอน  ทุกคนนอกจากเซนนาพอดสามารถเห็นได้ชัดเจนเลยว่า  เบนมีแผนการอะไรอยู่  จึงรีบตอบอย่างพร้อมเพรียงกันว่า  “ใช่!”  แต่เซนนาพอดอ้าปากหวอและกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา  แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็รู้ว่าคำพูดที่ออกมาจากปากเขาคงจะไม่พิศมัยไพเราะเสนาะหูเป็นแน่  มิสเตอร์ไลท์สปีด  ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด  จึงรีบเอาหัวโขกเซนนาพอดทันที  เซนนาพอดตาเหลือกแล้วก็เงียบลง  โชคดีที่ผู้ร้ายทั้งสองไม่สังเกตเห็นว่าหัวของทั้งสองโขกกัน  จึงพยักหน้าอย่างตกลง

    “ดี”  ศาสตราจารย์เจลลี่พูดเรียบๆราวกับว่าพวกเขากำลังตกลงกันเรื่องใครจะเป็นคนไปซื้อเครื่องปรุงต่างๆมาทำอาหารค่ำ  ไม่ใช่ข้อตกลงเรื่องลักพาตัว  “งั้น  --  ไลท์สปีด  พวกแกไปเอาเงินมาเตรียมพร้อมไว้ซะ  เดินทางไปอียิปต์  ส่วนแกเซนนาพอด  --  ไปเอาแผนที่สมบัติมาจากที่ซ่อนซะ  อ๊ะ  อ๊ะ  เกือบลืมไป  --  ไม่ใช่ใบเสร็จนะ  ไม่ต้องห่วง  พวกเราไม่แอบดูหรอกว่าแกเอาไปซ่อนไว้ไหน  ไป๊!!”

    ทุกคนทำตามทันที  มิสเตอร์ไลท์สปีดตรงไปที่ห้องนอนของเขาแล้วล้วงเอาเงินสดกับบัตรเครดิตและพาสปอร์ตของทุกคนออกมาจากใต้เตียงอย่างเศร้าซึม  ส่วนเซนนาพอดเองก็รีบพุ่งไปที่ห้องน้ำแล้วดึงแผนที่สมบัติออกมาจากหลังกระจกบานใหญ่

    เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันแล้ว  กริมสโตนก็พูดว่า  “งั้นก็รีบไปกันซะที  กลับมาเร็วๆล่ะ  เราให้เวลาพวกแกไม่เกินหนึ่งเดือน!”

    เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นแล้ว  จึงรีบออกไป  แต่แครี่ยังไม่วายหันกลับไปตะโกนใส่พวกกริมสโตน

    “พวกแกมัน  --  (ช่างเป็นคำที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก)  --  ทุเรศสิ้นดี!”

    “ระวังปากไว้หน่อยเถอะ!”  ศาสตราจารย์เจลลี่ตะโกนพลางปิดประตูใส่หลังพวกเขาดังปัง!

    ทุกคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน  เคว้งคว้าง  ไม่รู้จะไปไหนดี  แต่ต่อมาทุกคนก็จ้องมองเบน  รอให้เขาซึ่งเป็นผู้นำในขณะนี้พูดขึ้น  แต่เบนก็ไม่ได้พูดอะไร  เขาเอาแต่ก้มมองรองเท้าตัวเอง  ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  ในที่สุด  เมื่อเขาดูเหมือนจะได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างแล้ว  เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม  --

    …….

    “พี่ไปเอาคำมาจากไหนหรือ  แครี่”  เบนเอ่ยปากถาม

    ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง  แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้มๆกัน  ไม่เว้นแม้แต่เซนนาพอด  “อ๋อ  เพื่อนพี่สอนคำมาให้น่ะ” แครี่ตอบทั้งน้ำตา  “พี่ได้เรียนรู้คำไพเราะทุกวันเลยที่โรงเรียน”  แล้วเธอก็เปลี่ยนมาทำหน้าเคร่งขรึม  “แล้วเธอล่ะมีแผนอะไรกันแน่ฮึ  ตอบพี่มา  เบน  โรมานัน  ไลท์สปีด”

    คราวนี้ทุกคนจ้องมองเบน

    เบนยิ้มอ่อนๆ  “เอาหัวเข้ามาใกล้ๆกันหน่อยซิ  ทุกคน”

    ทุกคนทำตาม  เบนกระซิบแผนการเป็นเวลาราวๆสิบนาที  เมื่อทุกคนได้ฟังจบก็มองเบน  --  อย่างตะลึงพรึงเพริด  เบนกำลังจะเอาตัวของเขาเองเข้าไปเสี่ยง…..

    ****

    “น่าเบื่อจัง”  ศาสตราจารย์เจลลี่ว่า  พลางเปิดกระป๋องเบียร์  ซึ่งเขาพบในตู้เย็นของไลท์สปีด  “ฉันคงไม่มีอะไรทำเลยใช่ไหมเนี่ย  นอกจากนั่งดูแมวใจแตกสองตัวนี่”

    ตอนแรกศาสตราจารย์เจลลี่กับกริมสโตนไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงให้แมวทั้งสองหยุดอยู่นิ่งๆได้  แต่กริมสโตนเกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา  เขาเอาถังพลาสติกสองถังมาเจาะรูหายใจแล้วเอาแมวทั้งสองตัวใส่เข้าไป  โดยเจาะรูใหญ่เบ้อเริ่มอีกรูหนึ่ง  ซึ่งใหญ่พอที่แมวสามารถยื่นหัวออกมาได้แต่ไม่สามารถเอาตัวออกมาได้  ไว้สำหรับให้อาหารและน้ำ

    กริมสโตนปฏิเสฐทันทีที่รู้ว่าต้องมีคนเฝ้าแมว  เขาเป็นโรคแพ้ขนแมว  จึงไปอยู่มุมห้อง  “แกเฝ้าไปเถอะน่า”

    “แต่ก็เถอะนะ”  ศาสตราจารย์เจลลี่บ่นต่อไป  “ฉันกลัวว่าพวกมันอาจเบี้ยวก็ได้  แค่แมวสองตัวอาจจะเป็นหลักประกันไม่พอ  รู้งี้ฉันน่าจะจับไอ้ตัวเด็กกวนประสาทที่ชื่อเบนนั่นมาไว้เป็นตัวประกันอีกตัวดีกว่า  จะได้ดูน่าเชื่อถือหน่อย”

    “ฉันยอมรับว่าความคิดนายไม่เลวนะ  แต่พูดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วแหละ  เพื่อนเอ๊ย  เขาไปกันแล้ว”

    “ไม่แน่นะ”  ศาสตราจารย์เจลลี่แย้ง  “บางทีพวกมันคนใดคนหนึ่งอาจจะกลับมาดูเพราะคิดว่าอาจจะมีทางที่จะเอาแมวสองตัวออกมาได้  ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะกำลังย่องอยู่ในบ้านก็ได้  --  ”

    เพล้ง!!!

    เสียงแก้วแตกดังกระจายมาจากห้องครัว  ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งสุดตัว  พวกเขาสบตากัน  บางทีการที่ศาสตราจารย์เจลลี่พูดขึ้นมาอาจเป็นการขอพรที่เป็นจริงก็ได้  ไม่มีทางพิสูจน์นอกจากไปตามต้นเสียงซะ  พวกเขาจึงทำตามนั้น

    เบนยืนอยู่ที่พื้นห้องครัวท่ามกลางเศษแก้วแตกกระจาย  หน้าซีดปากสั่น  ศาสตราจารย์เจลลี่เห็นแล้วแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ  “แกแอบเข้ามาจากทางหน้าต่างใช่ไหม!”  เขาตะคอกใส่เบน  “ดี!  งั้นฉันจะให้บทเรียนที่สาสมกับแก!  แกจะถูกขังอยู่ในห้องตลอดไปจนกว่าพวกนั้นจะเอาสมบัติมาได้!”

    กริมสโตนไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไป  ครอบครัวไลท์สปีดที่เหลือและเซนนาพอดกำลังเกาะกลุ่มกันอยู่ที่รั้วบ้าน  ท่าทางตกใจ  “พวกแกได้ยินแล้วใช่ไหม”  เขากระซิบด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว  “ทีนี้พวกแกรู้แล้วใช่ไหมว่าเรามีตัวประกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว  ถ้าพวกแกยังขืนเล่นไม่ซื่ออีก  เขาไม่รอดแน่”  แล้วเขาก็ปิดกระจกดังปัง  จากนั้นก็หันกลับมายังเบนและศาสตราจารย์เจลลี่  “เอาตัวมันขึ้นไปไว้ที่ห้องของมัน”  เขาสั่ง  “ล็อกห้องด้วย  เปิดหน้าต่างหน่อยพอให้อากาศเข้านะ  แต่ห้ามเปิดกว้างเด็ดขาด  ไม่งั้นมันหนีไปได้แน่”

    ศาสตราจารย์เจลลี่รับคำแล้วหันกลับขึ้นไปที่บันไดทันที  เขาถือคอเสื้อของเบนไว้แน่น  โดยที่ไม่รู้เลยว่าเบนกำลังแอบยิ้มกับตัวเอง  เขานี่ก็เป็นนักแสดงที่แสดงเก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ  โดยเฉพาะท่าตกใจน่ะ  เป็นไปได้สวย  เขาคิด  ตรงตัวเป๊ะทุกอย่างตามแผนที่เขาวางไว้  คือการได้ถูกขังที่ห้องของเขาและหน้าต่างห้องจะถูกเปิดแง้มไว้  ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่  เขาคิดต่อไป  เขาต้องคิดแผนขั้นต่อไปให้อย่างรอบคอบ  ต้องใช้ความคิดทั้งหมดที่เขามีอยู่  ความฉลาดทั้งหมดของเขา  และความสามัคคีของทุกคน  ตอนนี้เหลือเพียงปัญหาเดียวเท่านั้น  ที่ถ้าเขาแก้ได้ก็อาจจะช่วยทุกๆคนไว้ได้  ปัญหานั้นก็คือ  ทำอย่างไรดีล่ะ?



    (To Be Continued…)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×