ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ลักพาตัวและคำขู่!(Kidnappers\' Hijack)
ฟาโรห์หลงยุคภาค2
ตอนที่6  ลักพาตัวและคำขู่!
“ค่อยๆแกะสิ”  เบนเอ็ดแครี่  ในขณะที่ทั้งสองกำลังแกะของอยู่  โดยมีคนอื่นๆนั่งมองอยู่รอบๆ  “กระจุยอย่างนี้ก็แย่กันพอดี!”
“เถอะน่า”  แครี่บอกอย่างรำคาญ  ในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดคลายปมเชือกบนกระดาษอันเหนียวแน่น  “นี่เป็นของที่พี่คิดว่าคงดีแน่ๆ”
“เป็นอย่างนั้นจริงเถ้อะ”  เบนว่า  “มันคงไม่เป็นพรผสมนะ”
ที่เบนพูดถึง  “พรผสม”  ที่หมายถึง  “พรที่ดีครึ่งแย่ครึ่ง”  ในที่นี้เขาหมายถึง  “ของขวัญคงไม่ทั้งน่าดีใจและผิดหวังพร้อมกันไป”  แต่ความจริงแล้วเบนก็พูดถูก  แต่เขาหมายความผิด  ที่เบนพูด  ความจริงแล้วน่าจะหมายถึง  “ดีใจเหลือเกินตอนแกะกล่องแต่เสียใจสุดขีดตอนค้นพบ”  มากกว่า  เพราะเมื่อแครี่เปิดฝาไม้ขึ้นมาแล้ว  --
“กริมสโตน!”
****
ศาสตราจารย์เจลลี่เริ่มหงุดหงิด  ทำไมกริมสโตนยังไม่มาซะที  “เอ๊ะ!”  เขาพึมพำอย่างข้องใจ  “หรือว่าเขาอาจจะขาดอากาศหายใจจนตายไปแล้ว  --  ไม่ใช่น่า!  มีรูระบายอากาศนะ  หรือพวกไลท์สปีดจะเอาไว้แกะทีหลัง  --  ก็ไม่น่าใช่  แล้วทำไม  คงไม่ใช่ว่า  กริมสโตนแพ้นะ  --  ไม่มีทาง  ไม้เบสบอลเนี่ยนะ  หรือจะเป็นเพราะพวกไลท์สปีดกำลังต่อสู้!  ถ้าอย่างนั้นก็  --  ”
“เรียบร้อยดี!”
ศาสตราจารย์เจลลี่หันขวับ  กริมสโตนอยู่ที่ชานบันไดหน้าประตูบ้านของครอบครัวไลท์สปีด  โบกมือให้อย่างตื่นเต้น  “สลบกันหมดเลย  ฉันมัดพวกเขาไว้แล้วด้วย”
ศาสตราจารย์เจลลี่แม้จะดีใจแต่ก็ยังอดกังวลใจอีกไม่ได้ตามแบบฉบับ  ’เดอะวอรี่แมน’(ชายขี้กังวล)  ของเขา  “พวกนั้นไม่ตายแน่นะ”  เขาพึมพำ  แต่หูที่อยู่บนใบหน้ายาวๆของกริมสโตนนั้นเหมือนจานเรดาห์เป็นอย่างยิ่ง  สามารถหาคลื่นเสียงและแปลมันออกได้ในทันที  “ไม่หรอก  เลือดไม่ออกซักกะหยด  มีแต่รอยช้ำนิดๆหน่อยๆ  --”
นั่นยิ่งทำให้ศาสตราจารย์เจลลี่กังวลหนักขึ้นไปอีก  ครั้งหนึ่งตอนเขาไปกินข้าวที่บ้านกริมสโตน  ขณะที่เขานั่งอ่านนิตยสาร  “อียิปต์แม๊กกาซีน”  รออาหาร  เกิดเสียงระเบิดดัง  ปัง!  ขึ้น  พร้อมกับกลุ่มควันเหม็นไหม้พวยพุ่งออกจากห้องครัว  ศาสตราจารย์เจลลี่สะดุ้งสุดตัวจนนิตยสารหล่นลงไปในชามใส่นมสำหรับหมา  รูปภาพของพีระมิดบนหน้าปกค่อยๆจมลงอย่างช้าๆ  จนกระทั่งนิตยสารทั้งเล่มจมลงไปใต้ผิวนม  เขากำลังคิดอยู่ว่าจะวิ่งออกไปหน้าบ้านและตะโกนว่า  ”ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ!!!”  ให้ดังสุดปอดก็ตอนที่กริมสโตนโผล่ใบหน้าเปื้อนเขม่าดำปี๋ออกมาจากกรอบประตูและร้องว่า  “ไม่มีอะไรหรอก  เจลลี่  แค่ไมโครเวฟที่ฉันกำลังจะใช้ทำปลาทับทิมย่างอบทอดกรอบระเบิดน่ะ  นิดๆหน่อยๆเอง  เป็นอย่างนี้ประจำล่ะ  ฉันชินแล้ว”
เพราะฉะนั้น  ครั้งนี้ศาสตราจารย์เจลลี่จึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่า  “นิดๆหน่อยๆ”  ของกริมสโตนหมายถึงอะไร  เขาหวังว่ามันคงจะเป็น  “ตกใจแล้วสลบ”  มากกว่า
เขาตามกริมสโตนเข้าไปในบ้าน  แล้วก็โล่งอกที่ได้เห็นพรผสม  เขาหมายถึง  “พวกไลท์สปีดกับเซนนาพอด(ดัน)ตื่นขึ้นมาจากการสลบแล้ว  และดูโกรธมากจากการถูกมัดและทุบหัวด้วยไม้เบสบอล  แต่อย่างน้อยก็ไม่เป็นอะไรที่  ’นิดๆหน่อยๆ’  ”  เจลลี่กวาดตามองไปรอบๆห้อง  แล้วถามกริมสโตนว่า  “ไอ้แมวสองตัวนั่นล่ะ  ชื่อว่ารักมักเอ็ดกับตัวเหยียบย่ำเจ้าหนอนอะไรเนี่ยแหละ”
“รัสท์บัคเก็ตต่างหาก  คุณเจลลี่-เมลลี่  อย่างี่เง่าไปหน่อยเลย”  มิสเตอร์ไลท์สปีดคำราม
หน้าของกลมๆของเจลลี่มีเลือดขึ้นจางๆเหมือนดวงจันทร์เดือด  “หุบปาก!  หรือจะให้ฉันจัดการพวกแกด้วย  --  ”
“เฆี่ยนเราจนนั่งไม่ได้รึ”  เบนพูดด้วยน้ำเสียงแบบ ฉัน-อยาก-เห็น-นาย-ลอง-ทำ-ดู-จัง
“หรือจะให้เราเขียนประโยค ‘พวกเราจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว’ ยี่สิบเที่ยว”  แครี่ว่า  พร้อมกับมองด้วยสายตาที่สื่อได้ว่า  น่า-สนุก-ดี-นี่
“ไม่หรอก”  กริมสโตนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น  ผิดกับเจลลี่ที่โกรธจนตัวสั่น  “ก็แค่กรีดพวกแมวที่เราจับได้ซักสองสามแผลลึกๆ”
เบนดูตกใจ  เขาผงะ  แล้วเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆแบบ ผม-จะ-ไม่-ดื้อ-อีก-แล้ว-คร้าบ  “อย่านะ”
“พูดง่ายดีนี่”  กริมสโตนว่า  “เอาอย่างนี้  ฉันจะไม่ทำก็ได้!”
เบนถอนหายใจอย่างโล่งอก  คนอื่นก็เหมือนกัน  ถึงแม้เบนจะคิดไม่ออกเลยว่าทำไมพวกกริมสโตนถึงขู่เรื่องแมวและบุกเข้ามาได้ยังไง
“แต่!”  กริมสโตนเน้นต่อไป  “ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย!  ไม่งั้นไม่ยุติธรรมแย่”
“เดี๋ยวก่อน!“  มิสเตอร์ไลท์สปีดร้อง  “พวกนายเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน  ฉันไม่เข้าใจ  อยู่ๆกริมสโตนก็ออกมาจากลังนั่น .”
“นั่นเพราะแกมันโง่จริง!”  ศาสตราจารย์เจลลี่ตวาด  จิตใจและคำพูดของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อยู่ในคุกร่วมกับนักโทษคนอื่นๆ(โง่รึ  แล้วแกล่ะ  ไอ้โคบวกกระบือบวกหมูสามชั้นแต่สมองศูนย์ชั้นรึไงฟะ!  มิสเตอร์ไลท์สปีดคิดฉุนๆ)  “แต่จะบอกให้ก็ได้  ฉันได้บทเรียนมาจากการอยู่ในคุก  --  ”
(“จากการโดนพวกเราหลอกสิไม่ว่า  ทิฐิแรงเหลือเกินนะ”  เบนพึมพำ)
“  --  ว่าควรวางแผนให้อย่างร-อ-บ-ค-อ-บและร-ะ-มั-ด-ร-ะ-วั-ง  ดังนั้นฉันจึงโทรศัพท์ไปหาพนักงานส่งของบริษัทหนึ่ง  ทำเป็นว่าสั่งลูกกวาด(และลูกกวาดกว่าครึ่งหนึ่งได้อันตธานเข้าไปในท้องของเขาเองแล้ว)  จากนั้นก็ทุบหัวเขาจนสลบ(เกือบตายเหมือนกัน)  แล้วฉันก็สวมเสื้อผ้าเขา(กว่าจะยัดตัวลงไปในชุดได้ก็ลำบากเหมือนกัน  พนักงานขนของไซค์เอ็กซ์  แต่เจลลี่เอ็กซ์แอล)  แล้วก็ให้กริมสโตนเข้าไปอยู่ในลัง  จากนั้นฉันก็เดินมาส่งของหน้าบ้านพวกแก  ต่อจากนั้นก็  บลา  บลา  บลา  ขี้เกียจเล่า  พวกแกก็รู้อยู่แล้วนี่”
ครอบครัวไลท์สปีดถอนหายใจ  ยอมจำนนกับแผนอันไม่เบานี้(แต่ศาสตราจารย์เจลลี่ไม่ได้คิดแค่นั้น  เขากลับคิดไปอีกว่าแผนของตัวเอง  --->  ฉลาดลึกล้ำอะไรจะปานนั้นซะไม่มี)  แต่เซนนาพอดเริ่มหงุดหงิดและขวัญเสีย  ถ้าเป็นเมื่อสองพันปีก่อน  เหตุการณ์นี้เทียบได้กับประเทศข้างเคียงยกกองทัพมาถล่มอียิปต์เลยทีเดียว  แต่ในยุคนี้ก็คงเป็นแค่หนึ่งในคดีอันร้ายแรงอีกหลายล้านคดีของลอนดอนเท่านั้นเอง  “ข้าจะทำยังไงดีนี่”  เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด
หูเรดาห์ของกริมสโตนทำงานอีกครั้ง  “ไม่ต้องห่วง  ไม่มากไปหรอก”  เขาพูด  “แค่ไปที่อียิปต์แล้วเอาสมบัติมา  จากนั้นก็นำกลับมาให้เรา  แค่นี้  ก็เรียบร้อย  ง่ายๆ”
เบนแสยะยิ้ม  “แล้วพวกนายแน่ใจได้ยังไงว่าเราจะไม่หนีไปล่ะ”  คราวนี้น้ำเสียงเปลี่ยนเป็น  ความ-คิด-นาย-ไม่-เลว-นี่-นา
กริมสโตนแสยะยิ้มเหมือนกัน  น่าอัศจรรย์ที่เขาสามารถทำได้กว้างกว่าเบนหลายเท่า  “ลืมแมวของพวกนายกับคุณฟาโรห์แล้วรึไง”
รอยยิ้มของเบนค้าง  ประโยคนี้หมายถึง  “ยังคงยิ้มอยู่  แต่มุมปากข้างหนึ่งห้อยต่องแต่ง”  ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าปากทั้งปากของเบนกำลังพลิกตั้งขึ้น  “นายจะทำอะไรอีกล่ะ  อย่านะ”
“แน่นอน”  กริมสโตนบอกเสียงอำมหิต  “เหมือนเดิมน่ะแหละ  พวกเราแน่ใจพอว่าพวกแกจะไม่ทรยศไปบอกตำรวจแน่  เพราะเซนนาพอดคงไม่ยอมให้มีหลุมฝังศพของทิดเดิ้ลส์หรอก”
เซนนาพอดทำท่าจะระเบิดทันทีที่ได้ยิน  “บังอาจ!  พวกแกกล้ามาเรียกแมวของข้าอย่างนั้นได้ยังไง  และห้ามทำอะไรทิดเดิ้ลส์นะ  ถ้าทำ  ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกแกไม่มีทางได้ผุดได้เกิดแน่  และข้าก็จะ .”
“ .จะยอมทำตามแผนที่พวกเราตั้งไว้แต่โดยดี”  ศาสตราจารย์เจลลี่ต่อให้จบ  “และถ้ายังไม่หุบปาก  ฉันก็จะทำเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ครอบครัวไลท์สปีดไม่อยากเชื่อว่า  ยังมีคนที่สามารถทำให้เซนนาพอดหุบปากได้อีกนอกจากอีฟ ไลท์สปีด  แต่ก็เป็นไปแล้ว  เซนนาพอดทำท่าจะพูดอะไรอีก  แต่ก็หุบปากลงแต่โดยดี  นั่นเปิดโอกาสให้กริมสโตนถามคำถามที่สำคัญที่สุดในทันที
“เอ้า  ตกลง  พวกแกจะยอมร่วมมือกับเราไหม?”
(To Be Continued )
ตอนที่6  ลักพาตัวและคำขู่!
“ค่อยๆแกะสิ”  เบนเอ็ดแครี่  ในขณะที่ทั้งสองกำลังแกะของอยู่  โดยมีคนอื่นๆนั่งมองอยู่รอบๆ  “กระจุยอย่างนี้ก็แย่กันพอดี!”
“เถอะน่า”  แครี่บอกอย่างรำคาญ  ในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดคลายปมเชือกบนกระดาษอันเหนียวแน่น  “นี่เป็นของที่พี่คิดว่าคงดีแน่ๆ”
“เป็นอย่างนั้นจริงเถ้อะ”  เบนว่า  “มันคงไม่เป็นพรผสมนะ”
ที่เบนพูดถึง  “พรผสม”  ที่หมายถึง  “พรที่ดีครึ่งแย่ครึ่ง”  ในที่นี้เขาหมายถึง  “ของขวัญคงไม่ทั้งน่าดีใจและผิดหวังพร้อมกันไป”  แต่ความจริงแล้วเบนก็พูดถูก  แต่เขาหมายความผิด  ที่เบนพูด  ความจริงแล้วน่าจะหมายถึง  “ดีใจเหลือเกินตอนแกะกล่องแต่เสียใจสุดขีดตอนค้นพบ”  มากกว่า  เพราะเมื่อแครี่เปิดฝาไม้ขึ้นมาแล้ว  --
“กริมสโตน!”
****
ศาสตราจารย์เจลลี่เริ่มหงุดหงิด  ทำไมกริมสโตนยังไม่มาซะที  “เอ๊ะ!”  เขาพึมพำอย่างข้องใจ  “หรือว่าเขาอาจจะขาดอากาศหายใจจนตายไปแล้ว  --  ไม่ใช่น่า!  มีรูระบายอากาศนะ  หรือพวกไลท์สปีดจะเอาไว้แกะทีหลัง  --  ก็ไม่น่าใช่  แล้วทำไม  คงไม่ใช่ว่า  กริมสโตนแพ้นะ  --  ไม่มีทาง  ไม้เบสบอลเนี่ยนะ  หรือจะเป็นเพราะพวกไลท์สปีดกำลังต่อสู้!  ถ้าอย่างนั้นก็  --  ”
“เรียบร้อยดี!”
ศาสตราจารย์เจลลี่หันขวับ  กริมสโตนอยู่ที่ชานบันไดหน้าประตูบ้านของครอบครัวไลท์สปีด  โบกมือให้อย่างตื่นเต้น  “สลบกันหมดเลย  ฉันมัดพวกเขาไว้แล้วด้วย”
ศาสตราจารย์เจลลี่แม้จะดีใจแต่ก็ยังอดกังวลใจอีกไม่ได้ตามแบบฉบับ  ’เดอะวอรี่แมน’(ชายขี้กังวล)  ของเขา  “พวกนั้นไม่ตายแน่นะ”  เขาพึมพำ  แต่หูที่อยู่บนใบหน้ายาวๆของกริมสโตนนั้นเหมือนจานเรดาห์เป็นอย่างยิ่ง  สามารถหาคลื่นเสียงและแปลมันออกได้ในทันที  “ไม่หรอก  เลือดไม่ออกซักกะหยด  มีแต่รอยช้ำนิดๆหน่อยๆ  --”
นั่นยิ่งทำให้ศาสตราจารย์เจลลี่กังวลหนักขึ้นไปอีก  ครั้งหนึ่งตอนเขาไปกินข้าวที่บ้านกริมสโตน  ขณะที่เขานั่งอ่านนิตยสาร  “อียิปต์แม๊กกาซีน”  รออาหาร  เกิดเสียงระเบิดดัง  ปัง!  ขึ้น  พร้อมกับกลุ่มควันเหม็นไหม้พวยพุ่งออกจากห้องครัว  ศาสตราจารย์เจลลี่สะดุ้งสุดตัวจนนิตยสารหล่นลงไปในชามใส่นมสำหรับหมา  รูปภาพของพีระมิดบนหน้าปกค่อยๆจมลงอย่างช้าๆ  จนกระทั่งนิตยสารทั้งเล่มจมลงไปใต้ผิวนม  เขากำลังคิดอยู่ว่าจะวิ่งออกไปหน้าบ้านและตะโกนว่า  ”ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ!!!”  ให้ดังสุดปอดก็ตอนที่กริมสโตนโผล่ใบหน้าเปื้อนเขม่าดำปี๋ออกมาจากกรอบประตูและร้องว่า  “ไม่มีอะไรหรอก  เจลลี่  แค่ไมโครเวฟที่ฉันกำลังจะใช้ทำปลาทับทิมย่างอบทอดกรอบระเบิดน่ะ  นิดๆหน่อยๆเอง  เป็นอย่างนี้ประจำล่ะ  ฉันชินแล้ว”
เพราะฉะนั้น  ครั้งนี้ศาสตราจารย์เจลลี่จึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่า  “นิดๆหน่อยๆ”  ของกริมสโตนหมายถึงอะไร  เขาหวังว่ามันคงจะเป็น  “ตกใจแล้วสลบ”  มากกว่า
เขาตามกริมสโตนเข้าไปในบ้าน  แล้วก็โล่งอกที่ได้เห็นพรผสม  เขาหมายถึง  “พวกไลท์สปีดกับเซนนาพอด(ดัน)ตื่นขึ้นมาจากการสลบแล้ว  และดูโกรธมากจากการถูกมัดและทุบหัวด้วยไม้เบสบอล  แต่อย่างน้อยก็ไม่เป็นอะไรที่  ’นิดๆหน่อยๆ’  ”  เจลลี่กวาดตามองไปรอบๆห้อง  แล้วถามกริมสโตนว่า  “ไอ้แมวสองตัวนั่นล่ะ  ชื่อว่ารักมักเอ็ดกับตัวเหยียบย่ำเจ้าหนอนอะไรเนี่ยแหละ”
“รัสท์บัคเก็ตต่างหาก  คุณเจลลี่-เมลลี่  อย่างี่เง่าไปหน่อยเลย”  มิสเตอร์ไลท์สปีดคำราม
หน้าของกลมๆของเจลลี่มีเลือดขึ้นจางๆเหมือนดวงจันทร์เดือด  “หุบปาก!  หรือจะให้ฉันจัดการพวกแกด้วย  --  ”
“เฆี่ยนเราจนนั่งไม่ได้รึ”  เบนพูดด้วยน้ำเสียงแบบ ฉัน-อยาก-เห็น-นาย-ลอง-ทำ-ดู-จัง
“หรือจะให้เราเขียนประโยค ‘พวกเราจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว’ ยี่สิบเที่ยว”  แครี่ว่า  พร้อมกับมองด้วยสายตาที่สื่อได้ว่า  น่า-สนุก-ดี-นี่
“ไม่หรอก”  กริมสโตนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น  ผิดกับเจลลี่ที่โกรธจนตัวสั่น  “ก็แค่กรีดพวกแมวที่เราจับได้ซักสองสามแผลลึกๆ”
เบนดูตกใจ  เขาผงะ  แล้วเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆแบบ ผม-จะ-ไม่-ดื้อ-อีก-แล้ว-คร้าบ  “อย่านะ”
“พูดง่ายดีนี่”  กริมสโตนว่า  “เอาอย่างนี้  ฉันจะไม่ทำก็ได้!”
เบนถอนหายใจอย่างโล่งอก  คนอื่นก็เหมือนกัน  ถึงแม้เบนจะคิดไม่ออกเลยว่าทำไมพวกกริมสโตนถึงขู่เรื่องแมวและบุกเข้ามาได้ยังไง
“แต่!”  กริมสโตนเน้นต่อไป  “ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย!  ไม่งั้นไม่ยุติธรรมแย่”
“เดี๋ยวก่อน!“  มิสเตอร์ไลท์สปีดร้อง  “พวกนายเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน  ฉันไม่เข้าใจ  อยู่ๆกริมสโตนก็ออกมาจากลังนั่น .”
“นั่นเพราะแกมันโง่จริง!”  ศาสตราจารย์เจลลี่ตวาด  จิตใจและคำพูดของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อยู่ในคุกร่วมกับนักโทษคนอื่นๆ(โง่รึ  แล้วแกล่ะ  ไอ้โคบวกกระบือบวกหมูสามชั้นแต่สมองศูนย์ชั้นรึไงฟะ!  มิสเตอร์ไลท์สปีดคิดฉุนๆ)  “แต่จะบอกให้ก็ได้  ฉันได้บทเรียนมาจากการอยู่ในคุก  --  ”
(“จากการโดนพวกเราหลอกสิไม่ว่า  ทิฐิแรงเหลือเกินนะ”  เบนพึมพำ)
“  --  ว่าควรวางแผนให้อย่างร-อ-บ-ค-อ-บและร-ะ-มั-ด-ร-ะ-วั-ง  ดังนั้นฉันจึงโทรศัพท์ไปหาพนักงานส่งของบริษัทหนึ่ง  ทำเป็นว่าสั่งลูกกวาด(และลูกกวาดกว่าครึ่งหนึ่งได้อันตธานเข้าไปในท้องของเขาเองแล้ว)  จากนั้นก็ทุบหัวเขาจนสลบ(เกือบตายเหมือนกัน)  แล้วฉันก็สวมเสื้อผ้าเขา(กว่าจะยัดตัวลงไปในชุดได้ก็ลำบากเหมือนกัน  พนักงานขนของไซค์เอ็กซ์  แต่เจลลี่เอ็กซ์แอล)  แล้วก็ให้กริมสโตนเข้าไปอยู่ในลัง  จากนั้นฉันก็เดินมาส่งของหน้าบ้านพวกแก  ต่อจากนั้นก็  บลา  บลา  บลา  ขี้เกียจเล่า  พวกแกก็รู้อยู่แล้วนี่”
ครอบครัวไลท์สปีดถอนหายใจ  ยอมจำนนกับแผนอันไม่เบานี้(แต่ศาสตราจารย์เจลลี่ไม่ได้คิดแค่นั้น  เขากลับคิดไปอีกว่าแผนของตัวเอง  --->  ฉลาดลึกล้ำอะไรจะปานนั้นซะไม่มี)  แต่เซนนาพอดเริ่มหงุดหงิดและขวัญเสีย  ถ้าเป็นเมื่อสองพันปีก่อน  เหตุการณ์นี้เทียบได้กับประเทศข้างเคียงยกกองทัพมาถล่มอียิปต์เลยทีเดียว  แต่ในยุคนี้ก็คงเป็นแค่หนึ่งในคดีอันร้ายแรงอีกหลายล้านคดีของลอนดอนเท่านั้นเอง  “ข้าจะทำยังไงดีนี่”  เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด
หูเรดาห์ของกริมสโตนทำงานอีกครั้ง  “ไม่ต้องห่วง  ไม่มากไปหรอก”  เขาพูด  “แค่ไปที่อียิปต์แล้วเอาสมบัติมา  จากนั้นก็นำกลับมาให้เรา  แค่นี้  ก็เรียบร้อย  ง่ายๆ”
เบนแสยะยิ้ม  “แล้วพวกนายแน่ใจได้ยังไงว่าเราจะไม่หนีไปล่ะ”  คราวนี้น้ำเสียงเปลี่ยนเป็น  ความ-คิด-นาย-ไม่-เลว-นี่-นา
กริมสโตนแสยะยิ้มเหมือนกัน  น่าอัศจรรย์ที่เขาสามารถทำได้กว้างกว่าเบนหลายเท่า  “ลืมแมวของพวกนายกับคุณฟาโรห์แล้วรึไง”
รอยยิ้มของเบนค้าง  ประโยคนี้หมายถึง  “ยังคงยิ้มอยู่  แต่มุมปากข้างหนึ่งห้อยต่องแต่ง”  ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าปากทั้งปากของเบนกำลังพลิกตั้งขึ้น  “นายจะทำอะไรอีกล่ะ  อย่านะ”
“แน่นอน”  กริมสโตนบอกเสียงอำมหิต  “เหมือนเดิมน่ะแหละ  พวกเราแน่ใจพอว่าพวกแกจะไม่ทรยศไปบอกตำรวจแน่  เพราะเซนนาพอดคงไม่ยอมให้มีหลุมฝังศพของทิดเดิ้ลส์หรอก”
เซนนาพอดทำท่าจะระเบิดทันทีที่ได้ยิน  “บังอาจ!  พวกแกกล้ามาเรียกแมวของข้าอย่างนั้นได้ยังไง  และห้ามทำอะไรทิดเดิ้ลส์นะ  ถ้าทำ  ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกแกไม่มีทางได้ผุดได้เกิดแน่  และข้าก็จะ .”
“ .จะยอมทำตามแผนที่พวกเราตั้งไว้แต่โดยดี”  ศาสตราจารย์เจลลี่ต่อให้จบ  “และถ้ายังไม่หุบปาก  ฉันก็จะทำเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ครอบครัวไลท์สปีดไม่อยากเชื่อว่า  ยังมีคนที่สามารถทำให้เซนนาพอดหุบปากได้อีกนอกจากอีฟ ไลท์สปีด  แต่ก็เป็นไปแล้ว  เซนนาพอดทำท่าจะพูดอะไรอีก  แต่ก็หุบปากลงแต่โดยดี  นั่นเปิดโอกาสให้กริมสโตนถามคำถามที่สำคัญที่สุดในทันที
“เอ้า  ตกลง  พวกแกจะยอมร่วมมือกับเราไหม?”
(To Be Continued )
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น