ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ลำดับตอนที่ #5 : เสร็จกัน!(Oh No!)

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 46


    ฟาโรห์หลงยุคภาค2

    ตอนที่5  เสร็จกัน!



    “แน่ใจนะว่าแผนนี้จะได้ผล”  กริมสโตนกระซิบกับศาสตราจารย์เจลลี่ระหว่างที่พวกเขาแอบอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เซนนาพอดเคยอยู่  “ฉันยังไม่รู้เลยว่านายวางแผนอะไรไว้”

    เจลลี่ยังไม่เล่าแผนให้กริมสโตนฟังเลย  พวกเขาแอบดอดไปที่พิพิธภัณฑ์เพื่อขโมยเงินจำนวนหนึ่ง  โดยสามารถเดินตัดตัวเมืองได้เนื่องจากทั้งสองคนสามารถมองหาแว่นกันแดดและหมวกกับไม้เบสบอลในกองขยะได้ในที่สุด  จากนั้น  ศาสตราจารย์เจลลี่ไปที่ตู้โทรศัพท์และโทรหาบริษัทส่งของให้มาส่งของ(เขาเลือกเอาลูกกวาด)ที่พิพิธภัณฑ์โดยด่วน  เนื่องจากวันนี้พิพิธภัณฑ์ปิด  และตอนนี้  ศาสตราจารย์เจลลี่ก็แอบอยู่ในตัวตึกพิพิธภัณฑ์รอให้คนส่งของมาส่งโดยแอบถือไม้เบสบอลไว้  กริมสโตนพอจะเดาได้ว่าศาสตราจารย์เจลลี่ต้องตีหัวพนักงานส่งของคนนั้นด้วยไม้เบสบอลแน่  แต่เขายังเดาเรื่องต่อจากนั้นไม่ออกเลย

    “รอก่อนแล้วค่อยถามได้ไหมล่ะ”  ศาสตราจารย์เจลลี่ว่าอย่างรำคาญ  “ฉันกำลังฝึกใช้ให้ไม้นี้ตีแรงๆได้”

    “อย่าตีแรงเกินไปล่ะ  ไม่งั้น  บ๊ายบาย  ต่างประเทศ  ฮัลโหล  คุกสำหรับคดีฆ่าคน”

    “ฮ่า  ฮ่า”  เขาพูด  “ไอเดียเข้าท่านี่  งั้นฉันให้นายถือดีไหม  นายจะได้ควบคุมระบบการใช้ความแรงของกล้ามเนื้อมือและแขนกับไหล่ได้  นั่นคงอธิบายอะไรได้เยอะนะ  ว่าไหม”

    “ ******** ! (เซ็นเซอร์)  กริมสโตนตะโกนใส่เจลลี่อย่างหมดความอดทน

    “นายนั่นแหละ  ไอ้  --  (คุณสามารถต่อคำนี้ได้โดยฟังจากนักเลงในบาร์เหล้าซะ)  --  งี่เง่า!”

    ทั้งสองคนเกือบจะเล่นมวยปล้ำโทสะกันแล้วเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังมาจากหน้าพิพิธภัณฑ์  ทั้งสองชะงักแล้วเปลี่ยนหูของพวกเขาเป็นจานดาวเทียมคุณภาพสูงทันที

    “มีใครอยู่ไหมครับ  คนที่สั่งลูกกวาดหนึ่งลังน่ะครับ!  โปรดมาเซ็นชื่อและจ่ายเงินด้วยคร้าบบ!”

    “พนักงานส่งของ”  ศาสตราจารย์เจลลี่กระซิบอย่างตื่นเต้น  กระชับไม้เบสบอลในมือราวกับมันเป็นดาบฝังพลอย  “นายส่งเสียงเรียกเขาให้เข้ามาข้างในซิ”

    กริมสโตนตะโกน  “เข้ามาเลยครับ  พวกเราอยู่ทางนี้!”

    เมื่อพนักงานยกของเข้ามาใกล้พอ  ศาสตราจารย์เจลลี่ก็โผล่ออกจากเงามืดด้านหลังเขาทันที  “ย๊ากกกกกกกกกกกก!!”  เขาตะโกนพลางหวดเต็มแรงที่หลังคอของชายคนนั้น  เขาทิ้งกล่องใส่ลูกกวาดและยืนโงนเงนอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะล้มจนฝุ่นกระจาย  ของเหลวสีแดงไหลออกมาจากใบหน้าที่คว่ำอยู่  “ตายรึเปล่าเนี่ย”  กริมสโตนกระซิบพลางใช้เท้าเขี่ยตัวพนักงานส่งของให้หงายขึ้นมาอย่างสยดสยอง  เขามีเลือดไหลออกมาจากจมูกและปาก  ศาสตราจารย์เจลลี่ย่อตัวลงและเอานิ้วชี้จ่อจมูกเขา  แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก  “โชคดียังไม่ตาย  แต่ฉันคิดว่าเอาเขาไปทิ้งที่โรงพยาบาลดีกว่า”

    “ทำยังไงล่ะ”

    “ก็รอตอนกลางคืน  แล้วกลิ้งตัวเขาไปอยู่หน้าโรงพยาบาลสิ”

    “ก็ได้  แล้วเราจะทำยังไงต่อไป”

    “ถอดเสื้อชั้นนอกรวมทั้งหมวกของเขาออกให้หมดน่ะสิ”

    ทั้งสองจึงทำตามนั้น  พนักงานส่งของดูแปลกพิลึกเมื่อเหลือแค่กางเกงขาสั้นชั้นใน  กริมสโตนเงยหน้ามองศาสตาจารย์เจลลี่  เริ่มหงุดหงิด  “แล้วยังไงต่อล่ะ”

    ศาสตราจารย์เจลลี่ยิ้ม  เขากระซิบกระซาบใส่หูกริมสโตน  รอยยิ้มค่อยๆแผ่ขึ้นเหมือนดอกไม้บานบนใบหน้าของเขาขณะที่ฟัง

    “แผนนี้ยอดเยี่ยมมาก”  กริมสโตนชม  “แล้วใครจะเป็นคนแบกล่ะ”

    ศาสตราจารย์เจลลี่ใคร่ครวญ  “ฉันหนักกว่านาย  เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าฉันควรจะแบกนะ”

    “คราวนี้ต้องสำเร็จแน่”  กริมสโตนพูดเสียงเหี้ยมเกรียม

    ดวงตาของเขาวาวโรจน์เหมือนตาของสุนัขป่ายามออกล่า

    ****

    “เฮ้อ  คราวนี้สำเร็จซะที”  เบนว่า  โยนเศษกระจกชิ้นสุดท้ายลงถังขยะได้แม่นราวกับนักเบสบอลมืออาชีพจนทำให้รัสท์บัคเก็ตที่นั่งอยู่ใกล้ๆถึงกับสะดุ้งโหยงและวิ่งเตลิดหนีไป

    ทุกคนในครอบครัวไลท์สปีด  --  ไม่เว้นแม้แต่เซนนาพอด  --  กำลังเก็บเศษกระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้หมดไปจากพื้นหน้าต่าง  เหลือไว้เพียงแค่กระจกแก้วแหลมๆสำหรับกันขโมย  มิสซิซไลท์สปีดกำลังช่วยสามีของเธอติดตั้งกระจกใหม่  ส่วนเบนกับแครี่และเซนนาพอดก็ช่วยกันตรวจตรากับดักต่างๆภายในบ้าน

    “หนังตาซ้ายผมมันกระตุกน่ะครับ”  เบนบอก  เอามือแตะหนังตาตัวเองราวกับว่ามันมีสิ่งน่าสงสัยอยู่บนนั้น  หน้าตาของแครี่สว่างวับขึ้นมาทันที  ท่าทางสมองของเธอคงมีไอเดียตลกๆอันเข้าท่าเกี่ยวกับลางสังหรณ์นี้เป็นแน่  เธออ้าปาก  แต่ก่อนเธอจะพูดอะไร  เซนนาพอดก็พูดขึ้นว่า  “แล้วมันเป็นยังไงล่ะ”

    “มันหมายถึง  อาจมีลางสังหรณ์ไม่ดีน่ะสิครับ“

    แครี่รีบแทรกขึ้นทันที  “จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ  จานบินจากดาวอังคารจะมาถล่มโลกรึไง  ดีเลย  ฉันอยากคุยกับเอเลี่ยน  หรือว่าจะมีก็อดซิล่ามาฉีกบ้านเราเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  อาจจะเป็นไดโนเสาร์ก็ได้นะ  คงตื่นเต้นกว่า  หรือว่า  --  ”

    “  --  หรือว่ากริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่จะโผล่ออกมา”  เบนเสนอบ้าง  แครี่ขมวดคิ้ว  เธอทำท่าจะพูดอะไรที่เป็นการเป็นงานก็ตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาเรียกพอดี  “ลูกๆ  เซนนาพอด  มาทางนี้หน่อย”

    ทั้งสามรีบไปหาพวกเขาทันที  มิสเตอร์และมิสซิซไลท์สปีดยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงนั้น  ท่าทางสบายใจ  “พ่อกับแม่ว่ามารวมกลุ่มกันไว้ดีกว่า  กับดักทุกอย่างคงใช้ได้ดีนะ”

    “มีแต่หนูค่ะที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ถุงพริกไทยเลย”  แครี่บ่นขณะนั่งลงพร้อมกับคนอื่นๆ  “หนูไม่มีเป้าทดลอง”

    แครี่มองรัสท์บัคเก็ต “อย่าเชียวนะ! มันเป็นแมวเรา  ห้ามเปลี่ยนให้เป็นสีเทาเด็ดขาด” พ่อเธอว่า

    แครี่มองทิดเดิ้ลส์  “ห้าม  --  แม้  --  แต่  --  จะ  --  คิด!”  เซนนาพอดขู่เสียงเหี้ยม

    แครี่มองเบน  “แน่จริงก็ลองดูสิ!”  เบนจ้องหน้าเธออย่างดุร้าย

    แครี่มองเซนนาพอด  “คราวนี้แม่ไม่ช่วยแล้วนะ  แครี่”  มิสซิซไลท์สปีดรีบบอก

    แครี่ไม่มองพ่อกับแม่  “ดีแล้ว”  พ่อกับแม่ของเธอพูดพร้อมกัน

    เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น  ทุกคนสะดุ้งโหยงแล้วคอยฟังด้วยความระทึกใจ

    “เอาของมาส่งครับ!”

    ทุกคนสบายใจโข  คงเป็นพนักงานส่งของ  แต่เสียงดูห้าวๆชอบกล  มิสเตอร์ไลท์สปีดออกไป  แล้วกลับเข้ามาพร้อมกล่องใบใหญ่อันหนักอึ้ง  ทุกคนถามพร้อมกัน  “อะไรน่ะ”

    “พนักงานบอกว่า  ทุกๆเดือนพวกเขาที่บริษัทจะเสี่ยงทายเลือกบ้านๆหนึ่ง  แล้วให้ของกำนัลแก่บ้านนั้น  เสียงเขาดูแปร่งๆจนแทบฟังไม่ชัดเลย”  เขาอธิบายหอบๆพร้อมวางกล่องลง  “แล้วเราก็คือบ้านผู้โชคดี!”

    “ไชโย!”  เบนกับแครี่ร้อง  พลางรีบขอพ่อแกะกล่อง

    “ได้สิ”  เขาอนุญาต  แครี่กับเบนรีบช่วยกันแกะกล่องทันที

    ****

    นอกบ้านนั้น  พนักงานส่งของเดินลงบันไดหน้าบ้าน  เขายิ้มกับตัวเองอย่างแปลกๆ

    แทนที่เขาจะออกจากบ้าน  เขากลับเดินเข้าไปในสวนของบ้าน  แล้วกระชากเสื้อกับกางเกงตัวเองพร้อมกับหมวกและแว่นตากันแดดออก  เผยให้เห็นเสื้อลายทางสีเหลืองน้ำเงินกับกางเกงขายาวสีมรกต  --

    ศาสตราจารย์เจลลี่!

    เขายิ้มกับตัวเอง

    “คราวนี้พวกแกเสร็จแน่!”



    (To Be Continued…)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×