ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามเมืองยักษ์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๓ บ้านที่ว่างเปล่า

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 47


    The War of Giants

    สงครามเมืองยักษ์

    Chapter 3: House, not Home

    บทที่ ๓: บ้านที่ว่างเปล่า






    “เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ”  จอร์แอนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย  เนื่องจากเด็กหญิงกำลังฝันว่าได้กินไอศกรีมราสเบอร์รี่ของโปรดอยู่เชียว  “มีอะไรหรือ”



    “เธอไม่ได้ยินหรือไง  ที่เมื่อกี้ฉันพูดว่า บ้านต้นไม้ ไงล่ะ”  เนตรมณีพูดด้วยความกระตือรือร้นและตื่นเต้นระคนกัน  ขณะโบกมือไปมาตรงหน้าจอร์แอน  “และนั่น”  พูดต่อไป  ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีนิ่วหน้าของจอร์แอนสักนิด  “ก็คือที่ที่เธอจะอยู่ได้”



    “บ้านต้นไม้อะไรของเธอ”



    “บ้านทำจากไม้ที่วางไว้บนต้นไม้ไงล่ะ  ทรีเฮาส์(Tree House)น่ะ  พ่อฉันสร้างให้  ตั้งแต่แม่ฉันตาย  พ่อก็ดูแลฉันดีตลอดมา”  ดวงตาของเนตรมณีเป็นประกายเจิดจ้าเมื่อหวนนึกถึงความหลัง



    จอร์แอนพินิจมองหน้าเนตรมณีด้วยความคาดไม่ถึงและสงสัย  เด็กหญิงชาวอเมริกันผู้นี้กำลังงุนงงกับเพื่อนชาวไทยของตัวเอง  ตอนแรกเธอคิดว่าเนตรมณีจะล้อเธอเล่นเสียอีก  แต่นี่พิสูจน์ว่าเธอ ‘เอาจริง’ แน่นอน



    จอร์แอนเริ่มลำบากใจขึ้นมาบ้าง  “นี่เธอจะเอาจริงหรือเนตร”  เธอถามเสียงอ่อน  และถอนใจ  “งั้นขอเวลาคิดสักครู่”  เด็กหญิงเองก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไงกันนะถ้าเธอเลือกเส้นทางที่เนตรมณีเสนอให้นี้  เส้นทางที่คงจะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามจำนวนหนึ่ง  แต่ก็คงจะตื่นเต้นระทึกใจ  เพราะตั้งแต่จำความได้  เธอก็ต้องทำงานหาเงินมาตลอด  ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ  ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้  แต่เหตุผลแท้จริงคือเธอชักเริ่ม ‘เบื่อ’ กับชีวิตที่ไม่ได้มีอะไรใหม่  เด็กคนอื่นๆยังได้ประสบอะไรมามากกว่าเธอเสียอีก  จอร์แอนคิดเช่นนั้น  เด็กหญิงใจหายกับความรู้สึกที่ว่าจิตใจของเธอนั้นมันด้านชาไปหมด  ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจหรือเศร้าโศกอะไรมากมายนักในช่วงนี้  เธอชักรู้สึกว่าตัวเองนั้นเหมือน…เหมือน ‘มนุษย์หุ่นยนต์’ เข้าไปทุกที!



    แต่จู่ๆก็มีเด็กหญิงต่างชาติ ต่างศาสนาและต่างฐานะ  มาหยิบยื่นโอกาสที่จะทำให้ชีวิตมีความกระชุ่มกระชวยขึ้นให้แก่เธออย่างไม่ทันตั้งตัว



    จอร์แอนหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง  ครุ่นคิดหนักอยู่หลายนาที  แล้วจึงหันมามองหน้าเนตรมณี



    “ตกลงว่ายังไง”  เนตรมณีถามอย่างกระหายใคร่รู้  แต่ก็เผื่อใจไว้ถ้าจอร์แอนตอบปฏิเสธ…  เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับจินตนาการหลุดโลกของเธอเสมอไปหรอกนะ!



    “โอย  ฉัน…ฉันไม่รู้  --  ”  จอร์แอนอึดอัดใจมากขึ้น  ตอบตะกุกตะกัก  แต่แล้วก็พรั่งพรูความคิดที่เคยผุดขึ้นในหัวเป็นบางครั้งให้เนตรมณีฟังจนหมด  “  --  แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ  เฮ้อ  ความจริงไปอยู่กับเธอก็ไม่เลวหรอก  ตั้งแต่พ่อแม่ฉันตาย  อาจารย์จัสเฟร็ชก็ดูแลฉันมาตลอด  ฉันพักอยู่ที่หอ  ถึงที่นี่จะไม่แย่เกินไป  แต่ฉันก็รู้สึกเบื่อเหมือนกัน  เพราะเวลาผ่านไปเป็นวันๆ  ไม่เคยมีอะไรเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลย  ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย  อ้อ  เรื่องดีๆน่ะไม่นับเรื่องที่มีใครก็ไม่รู้เอากบมาใส่ในรองเท้าครู  และหยอดจิ้งจกยางในกระเป๋าสะพายของอาจารย์เรโฟนี่จนเธอร้องกรี๊ดลั่นโรงเรียนหรอกนะ”  เนตรมณีกับจอร์แอนกลั้นหัวเราะกันทั้งคู่  เนตรมณีคิดไปถึงที่บ้านของเธอ  บ้านของเธอใช่ว่าจะมีแต่เรื่องธรรมดาหรอกนะ  แค่มีหนูพูดได้ชื่อแบมบี้ก็เป็นสิ่งที่ดี แปลกประหลาด และน่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตแล้ว  “เฮ้อ!  เอาล่ะ  เอาเป็นว่า  --  ”



    เนตรมณีรอฟังคำตอบจากจอร์แอนอย่างลุ้นระทึกใจเป็นที่สุด  จอร์แอนหลับตา สูดหายใจลึกๆ แล้วจึงหันมาสบตาเนตรมณีตรงๆอย่างเปิดเผยแล้วยิ้มกว้าง  “  --  โอเค!  ฉันจะไป”



    “โหจอร์แอน!  ขอบคุณมากๆ“  เธอว่าอย่างรื่นเริง  แทบจะกระโดดกอดเพื่อนต่างชาติที่พบกันยังไม่ถึงครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว  “งั้นเดี๋ยวฉันอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับที่นั่นก็แล้วกัน”



    เนตรมณีเล่าถึงบ้านต้นไม้  ลักษณะ  สิ่งของภายใน  เครื่องกลต่างๆอย่างคร่าวๆ  ซึ่งจอร์แอนฟังแล้วรู้สึกทึ่งปนอึ้งไปไม่น้อย  “โอ้โหเนตรมณี!”  เธอกล่าวออกมา  “มันดีเยี่ยมเลยล่ะ  เดี๋ยวฉันไปเอาของก่อนนะ”



    “ได้”  เนตรมณีตอบรับ



    จอร์แอนวิ่งเข้าไปในโรงเรียนจัสเฟร็ช  เนตรมณีรอสักประมาณสิบนาที  เพื่อนของเธอก็ออกมาพร้อมเป้ใบใหญ่สองใบ



    ก่อนเธอก้าวออกนอกรั้วโรงเรียนพร้อมกับเนตรมณีนั้น  จอร์แอนเหลียวกลับไปมองโรงเรียน  --  ที่เป็น ‘บ้าน’ มาหลายปี  จอร์แอนตระหนักขึ้นมาในทันใดถึงความรู้สึกผูกผันต่อโรงเรียนแห่งนี้  รวมทั้งถึงอาจารย์จัสเฟร็ชผู้อุปการะเธอมาตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย  เธอรู้สึกถึงความเหงา  --  ความเหงาอันแรงกล้าซึ่งเกิดจากความคิดที่ว่าเธอกำลังก้าวออกจากเกราะอันแข็งแกร่งที่คุ้มกันเธอมาตลอดนับสิบกว่าปี  จอร์แอนคิดถึงอนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้  รวมทั้งความเสี่ยงในบ้านใหม่ของเธอด้วย  แต่จอร์แอนตัดสินใจในวินาทีนั้นเอง  เธอกระชับเป้ทั้งสองบนไหล่ให้แน่นขึ้น  สูดลมหายใจลึกๆ  แล้วก้าวออกไปพร้อมกับเนตรมณี  โดยพยายามจะไม่เหลียวหลังกลับไป  พยายามจะไม่หันกลับไปมอง…



    …อดีต ‘บ้าน’ ของเธอ





    เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าบ้านเนตรมณีแล้ว  จอร์แอนกับเนตรมณีก็โล่งใจสุดๆที่ไม่มีใครอยู่ในสวน  เนตรมณีเล่าแผนการที่วางไว้ให้จอร์แอนฟังคร่าวๆ  “เธอคงรู้แล้วใช่ไหม”  เนตรมณีพูดย้ำเป็นครั้งที่สี่หรือห้า  “ถ้ามีคนจับเราได้  ฉันต้องถูกยัยวาลีบ่นๆๆๆๆจนหูระบมแน่  แผนก็คือฉันจะเดินเข้าไปในบ้าน  เพื่อดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆบ้านต้นไม้  แล้วฉันจะส่งสัญญาณจากระเบียงพร้อมใช้รีโมทกดลิฟต์ลงมา  จากนั้นก็ให้เธอวิ่งไปนั่งที่ลิฟต์  แล้วเธอก็จะขึ้นไป  และก็…จบ!”



    “ครั้งที่เท่าไรแล้วนี่ที่เธอพูดอย่างนี้”  จอร์แอนยั่วเย้า  ทำเอาเนตรมณีค้อนควักเข้าให้วงโต  และนั่นยิ่งทำให้จอร์แอนขบขันมากเข้าไปอีก  เธอไม่ค่อยเห็นท่าทางแบบนี้จากคนไทยเท่าไรนัก



    เนตรมณีกำลังจะวิ่งเข้าไปในบ้านอยู่รอมร่อแล้ว  แต่เธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  จึงเอ่ยปากถามอย่างลังเล  “เอ่อ…จอร์แอน  เธอเป็นคนกลัวหนูรึเปล่า”



    คิ้วของจอร์แอนขมวดเข้าหากัน  “เปล่าหรอก  ฉันอยากเลี้ยงด้วยซ้ำ”  เธอสะดุด  “ทำไมหรือ”



    เนตรมณีหันซ้ายหันขวาราวกับว่าจะมีใครเข้ามาแอบยืนฟังกลศึกอยู่ใกล้ๆ  แต่ก็มีเพียงรถยนต์สองสามคันเท่านั้นที่แล่นผ่านไปมา  “นี่เป็นความลับสุดยอดเลยนะ”  เนตรมณีกระซิบด้วยน้ำเสียงลึกลับซ่อนความนัยที่เหมือนแม่เลี้ยงวาลีตอนใช้น้ำเสียงนี้บอกเพื่อนบ้านเพื่อเผยหัวข้อการนินทาอันใหม่เอี่ยมไม่มีผิด  จนจอร์แอนสนใจมาก  “แม้แต่แม่เลี้ยงกับพี่ฉันยังไม่รู้เลย  ฉันมีหนูตัวหนึ่ง  ตอนนี้มันอยู่บนบ้านต้นไม้  ที่สำคัญ  มันพูดได้ด้วย!  เฮ้จอร์แอน!  นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ!”  เด็กหญิงทำเสียงสูงด้วยความฉุนโกรธเมื่อเห็นจอร์แอนหัวเราะพรืดออกมาอย่างขบขัน  “มันพูดด้ายยยยยยยยยย!  เอาลูกตา จมูก ปาก  และเส้นผมทั้งหมดของฉันเป็นพนันได้เลย!”



    แม้ตอนที่เนตรมณีโกรธ  เธอยังทำทุกเรื่องให้กลายเป็นเรื่องตลกได้เลย  จอร์แอนนึกในใจขณะพิจารณาท่าทีของเนตรมณีชั่วขณะ  เพื่อนของเธอดูโกรธกว่าที่เคย  ไม่มีท่าทีล้อเล่นเหมือนยามที่เธอยั่วเลย  จอร์แอนชั่งใจอยู่ครู่แล้วจึงพูดสรุปไปว่า  “ก็ได้  ฉันจะเชื่อเธอ  เพราะเชื่อว่าเธอคงไม่อยากพิการตาจมูกปากและหัวล้านหรอก!”



    เนตรมณียิ้มให้นิดหนึ่งแล้วรีบก้าวฉับๆเข้าไปในบ้านของเธอ  วาลีกำลังคุยโทรศัพท์อย่างเมามัน(ส์)ปากอยู่(เม้าท์แหลกสุดชีวิต)  ส่วนดวงแก้วกำลังพลิกดูตำราอาหารอยู่ในห้องทำงาน  ปากก็พึมพำราวกับท่องคาถาเป็นอะไรคล้ายๆ  “..ห้ามใส่น้ำมันมะกอก  เกลือนิดนึง  น้ำตาลด้วยสองช้อน…”  ทำนองนี้



    เนตรมณีรีบวิ่งเร็วจี๋ไปยังห้องนอนของเธอที่ชั้นบน  แล้วหยิบรีโมทขึ้นมา  จากนั้นก็ไปที่ระเบียง  จึงเห็นจอร์แอนผลุบๆโผล่ๆอยู่ตรงประตูใหญ่หน้าบ้านซึ่งเปิดอ้าซ่าไว้เรียบร้อยแล้ว  เมื่อเนตรมณีตรวจดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเพ่นพ่านทั้งในและนอกรั้วบ้านแล้วนั้น  เด็กหญิงก็ให้สัญญาณโดยการชูมือขึ้นและขยิบตาให้จอร์แอน  ในขณะที่จอร์แอนวิ่งตรงไปยังต้นไม้ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านต้นไม้อยู่นั้น  เนตรมณีหวังว่าทุกอย่างคงจะราบรื่นดี…



    …หากทว่า…



    “เนตรมณี  ทำอะไรอยู่หรือ”



    เนตรมณีตัวแข็งทื่อในทันใด  เด็กหญิงหันขวับ  ดวงแก้วนั่นเองที่เข้ามาในห้อง  และกำลังมุ่งตรงมาที่ระเบียง!



    โอย  พ่อแก้วแม่แก้วเอย  ตั้งแต่เกิดมา  เนตรมณีเพิ่งเข้าใจว่าไอ้ความรู้สึก ‘กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ นั้นเป็นยังไงก็วันนี้เอง!



    ดวงแก้ว  (ที่ไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าน้องเลี้ยงของตนเองกำลังทำท่า ‘ตาเหลือก’ อยู่)  ยิ้มแย้มให้เนตรมณี  เนตรมณีนั้นยังคงอ้าปากหวอด้วยท่าทางเหวอราวกับได้เห็นจานบินกำลังพุ่งมาโจมตีโลกอยู่  แต่ดีที่เธอสามารถบังคับให้ขากรรไกรของเธอหุบลงได้ทันเวลาก่อนที่พี่สาวเลี้ยงจะผิดสังเกต  และยิ้มฝืนๆกลับไป



    “เนตรมณี  เอารีโมทไปที่ระเบียงทำไมกัน  จะขึ้นบ้านต้นไม้หรือไง”  ดวงแก้วถามอีก  พลางหันศีรษะไปทิศทางที่บ้านต้นไม้ตั้งอยู่  เนตรมณีเห็นดังนั้นก็รีบ ‘สไลด์’ ขาให้ลำตัวของเธอมาบดบังมุมที่ดวงแก้วสามารถเห็นบ้านต้นไม้ได้ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ  และพูดปดเร็วปรื๋อว่า  “หนูมาทดสอบสมรรถภาพของลิฟต์น่ะค่ะ”  เธอแอบไขว้นิ้ว  ขณะที่ในใจก็คิดอยู่ว่า  โกหกครั้งนี้คงไม่บาปหรอกนะ…ไม่บาปหรอก  ขอสวรรค์จงโปรดยกโทษให้ลูกช้างด้วยเถิด



    “อืม  พี่ขอดูหน่อยนะว่ามันยังคงสภาพดีอยู่รึเปล่า”  ดวงแก้วพูดด้วยท่าทีเรื่อยเปื่อยพลางเดินไปที่ระเบียง  แต่เนตรมณีรู้สึกเหมือนว่าเธอถูกพิพากษาโทษประหารชีวิตไปแล้ว  เธอหลับตาปี๋  เตรียมพร้อมจะรับคำถามที่เธอหวาดกลัว



    “เนตร!  เฮ้เนตรมณี! เป็นอะไรน่ะ  ทำหน้ายังกะโดนใครจับแก้ผ้างั้นแหละ”



    ผิดคาดอย่างที่สุด  เนตรมณีจึงลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง  เธอชะเง้อไปดูนอกระเบียง  ปรากฎว่า  ไม่เห็นจอร์แอนแล้ว!



    เนตรมณีอ้าปากค้างอีกครั้ง  แล้วหุบลงอย่างรวดเร็ว  “เอ่อ…  หนูขยี้ตาน่ะค่ะ”



    “เธอนี่แปลกดีนะ”  ดวงแก้วพูดเสียงงงๆปนขบขัน  “พี่เห็นเธอรีบวิ่งขึ้นมาเลยขึ้นมาดู  เอาล่ะ  พี่จะลงไปก่อนนะ”



    หลังจากเสียงฝีเท้าของดวงแก้วจางลงแล้ว  เนตรมณีก็ตัวอ่อนยวบยาบ  “เฮ้อ  ใจฉันสั่นหมดเลย”  เธอพึมพำ  รู้สึกโล่งใจ  ทั้งที่ยังไม่หายสงสัย  จึงยื่นหน้าออกไปที่สนามอีกครั้ง  --



    จอร์แอนโผล่ใบหน้าออกมาจากหลังต้นไม้  เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นิดๆขณะขยิบตาและทำมือรูปร่างคล้ายๆการจีบนิ้ว  เหมือนจะบอกว่า  “ไงเนตรมณี!  ฉันอยู่นี่แล้ว  ครบสามสิบสองด้วยล่ะ”  เนตรมณียิ้มตอบกลับไป  เธอหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดสวิตช์ลิฟต์ทันที  จอร์แอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นเชือกหย่อนลงมา  --  ซึ่งเชือกเส้นนั้นตรงปลายมีไม้กระดานอยู่  เชือกได้ลอดผ่านตรงกลางไม้กระดานที่เจาะไว้เป็นรู  และได้ผูกปมขนาดใหญ่ไว้เพื่อที่ไม้กระดานจะได้ไม่หลุด  จนคนคนหนึ่งสามารถขึ้นไปนั่งคร่อมเส้นเชือกได้อย่างสบายๆ  --  เด็กหญิงรีบวิ่งขึ้นไปนั่งทันที  ในระหว่างที่รอกดึงเชือก  และเชือกดึงไม้กระดานที่มีจอร์แอนนั่งอยู่ขึ้นไปนั้น  เนตรมณีหวังอย่างเดียวว่า  ขออย่าให้สมาชิกอีกสองคนที่อยู่ชั้นล่างมองออกมาเห็นจอร์แอนขึ้นบ้านต้นไม้ด้วยเถิด….



    ในที่สุด  เมื่อภารกิจอันแสนยากลำบาก(บวกความหนักหนาสาหัสเข้าไปด้วย)จบลง  เนตรมณีก็ขึ้นไปบนบ้านต้นไม้พร้อมเค้กสองสามชิ้น  เนยแข็งสองก้อน  และน้ำผลไม้หนึ่งขวด(ทั้งหมดล้วนแอบนำมาจากตู้เย็นในห้องครัว)  เพื่อเป็นเสบียงให้จอร์แอน  เธอกำลังคิดอยู่ว่า  การพบกันครั้งแรกของเด็กหญิงจอร์แอน  กับหนูพูดได้แบมบี้  จะประสบผลดีหรือไม่



    ผลปรากฎว่าดี…เกินคาดเสียด้วย  เมื่อเนตรมณีขึ้นไปบนบ้านต้นไม้  เด็กหญิงแอบเห็นว่า  แบมบี้กำลังพูดเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องที่เขากับเนตรมณีพบกันให้จอร์แอนฟังอยู่  โดยที่ฝ่ายผู้ฟังนั้นนั่งนิ่งฟังอย่างตั้งใจตาแทบไม่กระพริบเลยทีเดียว  จอร์แอนจะทำเสียง  “อืม  อืม”  ทุกครั้งที่เรื่องถูกเล่ามาถึงตอนน่าตื่นเต้น



    เนตรมณีที่แอบฟังโดยเอาหูแนบผนังบ้านอยู่ด้านนอกอดหมั่นไส้แบมบี้นิดๆไม่ได้  ดู๊…ดู  ดูซิดู  พูดยังกับว่าตัวเองเป็นพระเอกขวัญใจประชาชนงั้นแหละ



    “…ตอนเนตรมณีพบกระผมเข้านะ…”



    แน่ะ  มี ‘กระผม’ เสียด้วย!



    “…เธอน่ะอ้าปากกรีดร้องด้วยความตกใจ  กระผมต้องตรงเข้าปลอบอยู่ตั้งนานกว่าจะสงบลง…”



    เนตรมณีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ  หน็อยแน่!  ไอ้หมอนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ  “ฉันไม่เคยกรีดร้องเลยนะยะ  เธอนั่นแหละแบมบี้  ตอนพบฉันน่ะ  ร้องว้ากลั่นป่าเลย  ชิชะ!”  เธอกัดฟันพูดเบาๆ



    ยิ่งฟังแบมบี้พูดต่อไป  เธอก็ยิ่งรู้สึกรันทดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ  ในที่สุด  เนตรมณีก็ทนไม่ไหว  --



    “แฮ่มๆ!”



    เธอแกล้งกระแอมเสียงดังสองสามที  หนูช่างคุยกับคนช่างฟังในบ้านต้นไม้สะดุ้งโหยงทันที  เนตรมณีก้าวเข้าไปในบ้านต้นไม้  แล้วหันขวับจ้องมองแบมบี้เขม็ง  เจ้าหนูช่างเม้าท์ทำเป็นหันหน้าไปผิวปากทางอื่น  แม้ว่าเหงื่อจะไหลซิกๆก็ตาม  จอร์แอนจึงรีบตรงเข้าช่วยทันที



    “โอ้โห”  เธอว่า  “บ้านเธอนี่มีแต่ของไม่ธรรมดาเลยนะ  ทำไมไม่ตั้งชื่อแบมบี้ให้ใหม่ล่ะ  สจ๊วต  ลิตเติ้ล  เป็นไง”



    เนตรมณีพยายามยิ้มและส่ายหน้า  แล้วหันหน้าไปมองแบมบี้(ที่กำลังกลืนน้ำลาย)เขม็งราวกับจะบอกว่า



    ฝาก-ไว้-ก่อน-นะ-ไอ้-ตัว-แสบ!



    “เออนี่”  เนตรมณีเอ่ยพร้อมกับวางถุงลงตรงหน้าจอร์แอน  “นี่คืออาหารของเธอ  จอร์แอน  ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”



    จอร์แอนละสายตามาจากแบมบี้ที่ห้อยหัวลงโดยเอาหางพันที่ดึงลิ้นชักของตู้แล้วแกว่งตัวไปมาเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา  “อะไรหรือ”



    “ฉันลืมเรื่องสำคัญไปสนิทเลย”  เนตรมณีพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ  “ถ้าเธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านต้นไม้ฉัน  ก็ต้องมีใครบางคนสังเกตเห็นว่าเธอหายหน้าไปจากโรงเรียนสิ  จะทำยังไงล่ะ”



    “ไม่มีปัญหา”  จอร์แอนบอก  “บางครั้งฉันก็เคยไปค้างคืนที่บ้านเพื่อน  เอ่อ..  แต่ไม่เคยอาศัยอยู่อย่างนี้หรอกนะ  ตราบใดที่ฉันยังไปเรียน  อาจารย์จัสเฟร็ชก็จะไม่ผิดสังเกตอะไร  ยิ่งวันนี้ท่านกับอาจารย์เรโฟนี่เห็นฉันมีเพื่อนใหม่ด้วย  ก็อาจจะคิดว่าไปค้างคืนเพราะเห่อน่ะ”



    “เธอนี่อิสระดีนะ”  เนตรมณีว่า  พลางทรุดตัวลงนั่ง  “ตอนที่ฉันทะเลาะกับยายวาลีน่ะนะ  ฉันเคยคิดเลยว่าจะออกไปเร่ร่อนกลางถนนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”



    จอร์แอนหัวเราะหวาดๆ  ท่าทางเนตรมณีดูน่ากลัวเหลือเกิน  “แม่ของเธอคงนิสัยไม่ค่อยดีนักหรอกใช่ไหม”  เธอถาม  คิดว่าลูกประเภทไหนกันที่ไม่ชอบแม่ของตัวเองได้ลงคอ



    เนตรมณีตวัดสายตามองเธอเขม็ง  จอร์แอนสะดุ้งสุดตัว  เธอพูดอะไรผิดไปนะ  เนตรมณีถึงมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น  เนตรมณีดูโกรธและเจ็บปวดอยู่ลึกๆ  “ห้ามมาเรียกยายวาลีว่าแม่ฉันเป็นอันขาด”  เธอพูดเสียงแผ่ว  แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น  “ยัยนั่นก็แค่ผู้หญิงของพ่อฉันเท่านั้นแหละ”



    แม้จะไม่รู้สำนวนไทยมากนัก  แต่จอร์แอนก็เข้าใจทันที  “โอ้  ขอโทษนะเนตรมณี  แต่…”  เด็กหญิงลังเลที่จะถาม



    แบมบี้ทำหนวดกระตุกราวกับจับสัญญาณอันตรายได้  เนตรมณีก็เข้าใจเช่นกัน  จึงรีบตอบก่อนที่จอร์แอนจะถามจบ  “เมื่อก่อนน่ะ  ฉันก็มีพ่อ  มีแม่  เหมือนทุกๆคนน่ะแหละ”  เธอเล่าเรียบๆ  “ถ้าเป็นไปได้  ฉันอยากหยุดเวลาไว้ตอนนั้น  โดยไม่ให้เวลาผ่านมาถึงตอนนี้หรอก  แม่ของฉันเริ่มทำงานหนักขึ้น  เพราะท่านกับพ่อต้องการสร้างบ้านหลังใหม่  ซึ่งก็คือที่นี่  ตอนนั้นฉันยังไม่เกิดเลย..



    “หลังจากฉันเกิดแล้ว  พวกเราก็ย้ายมาอยู่บ้านนี้  พวกเราก็มีความสุขกันอยู่หรอก  แต่อุปสรรคเพียงอย่างเดียวของพ่อกับแม่คือ  ค่าผ่อนบ้าน  พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักขึ้น  --  หนักขึ้นจนแม่เป็นโรคโลหิตจาง  หมอสั่งให้แม่พักซะ  แต่แม่ก็ไม่ยอมหยุดพัก  เพราะตอนนั้นกำหนดหนี้ใกล้จะมาแล้ว  ถ้าไม่มีเงินตามที่กำหนด  บ้านจะถูกยึด…



    “ร่างกายของแม่อ่อนแอลงทุกขณะ  แล้วในที่สุด  หลังจากครบรอบวันเกิดห้าขวบของฉันไปห้าวัน  ท่านก็เสียชีวิตลง”  เสียงเนตรมณีสั่นเครือ  “ฉันเสียใจมาก  พ่อฉันก็เสียใจมากเหมือนกัน  พวกเราทุกคนเศร้ากันมาก  หลังจากแม่ ตาย  พ่อก็ไม่เคยทำงานหนักอีกเลย  ก็ไม่สำคัญเท่าไร  เพราะเงินค่าประกันของแม่จ่ายหนี้ได้หมดเลย



    “จากนั้นพ่อพยายามทุ่มเทเวลากับฉันและเรื่องอื่นๆมากขึ้น  เพราะเหตุผลสองอย่าง  หนึ่ง  มันทำให้พ่อไม่คิดถึงแม่มากเกินไป  สอง  พ่อไม่อยากทำให้ตัวเองป่วย  พ่อไม่อยากคิดเลยว่าฉันจะทำยังไงถ้าพ่อ ตายไปอีกคน



    “สองปีต่อมา  พ่อก็แต่งงานกับวาลี”  เด็กหญิงพ่นลมหายใจอย่างดูถูก  “พ่อพบเธอที่ชุมนุมเพื่อนเก่ามหาลัย  ฉันไม่ชอบเขาเลย  เขานิสัยไม่ดี  แต่ฉันยอมรับว่าเขาดีกับพ่อมาก  เขารักพ่อ  และพ่อก็รักเขา  ดวงแก้วเป็นพี่สาวเลี้ยงของฉัน



    “และเมื่อสามปีก่อน  กลางฤดูฝน  พ่อกลับมาจากการทำงาน  ตอนนั้นฝนตกหนัก  และรถบรรทุกก็มีคนหลับใน  มันพุ่งมาหาพ่อ  พ่อหักหลบเลี้ยว  แล้วรถก็ไถลข้ามถนนเปียกๆ  ทะลุทางกั้น  ตกหน้าผา  แล้วกระแทกแรง…แรงมาก…”  เนตรมณีนัยน์ตาเลื่อนลอย  สองสามประโยคสุดท้ายราวกับเธอพูดออกมาโดยไม่มีสติอยู่เลย  แบมบี้ถอนหายใจ  จอร์แอนมองเธอด้วยความเป็นห่วง



    เนตรมณีโยกตัวไปมา  เหมือนกล่อมเด็กที่มองไม่เห็นอยู่   ปากเผยอน้อยๆ  ตาจับจ้องอยู่ที่แบมบี้  แต่แบมบี้รู้สึกเหมือนเธอมองทะลุผ่านตัวเขาไป  จอร์แอนทนไม่ไหว  จึงรีบกอดปลอบใจเพื่อนที่สติไม่อยู่กับตัวแล้ว



    “ฉันเข้าใจจ้ะ”  เธอกระซิบเสียงแผ่วเบา  “ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้น  ฉันเองก็เป็นเหมือนกันไง”



    เนตรมณีกระพริบตา



    เด็กหญิงกลับมาดูมีสติอีกครั้ง  เธอกอดจอร์แอนกลับ  แบมบี้ยิ้มด้วยความโล่งอก  เนตรมณีกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว  “ขอโทษนะที่ฉันพล่ามมากไปหน่อย”  เธอถอนหายใจ  “ฉันรู้ว่าฉันยังโชคดีกว่าเธอ  อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องทำงานหนักแล้วกันน่า”



    จอร์แอนยิ้มกว้าง  “ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเหมือนถูกชะตากัน”  เด็กหญิงพูด  “เพราะเราเหมือนตัวแทนกันและกัน  มีเบื้องหลังของชีวิตที่คล้ายกันไง”





    เนตรมณีกลับลงมาจากบ้านต้นไม้เพื่อนำขยะจากมื้อเที่ยงทั้งหมดไปทิ้ง  ในระหว่างทาง  เธอสวนกับแม่เลี้ยงวาลีเข้าพอดี



    แม่เลี้ยงวาลีเป็นหญิงผอมเก้งก้าง  แต่หน้าตาสะสวยพอใช้ได้เลยทีเดียว  นางมีบุคลิกแย่ๆอยู่เพียงอย่างเดียวคือ  ชอบย่นจมูกอยู่เสมอ  จนมันดูน่าเกลียดจริงๆ  “ไปไหนมาหรือ  เนตรมณี”  วาลีถามพลางย่นจมูก  นางไม่เคยเรียกเนตรมณีว่า ‘ลูก’ เลยซักครั้งเดียว  เนตรมณีก็ไม่เคยเรียกวาลีว่า ‘แม่’ ด้วยเช่นกัน  “แล้วนั่นเศษอาหารอะไรล่ะ”



    ในขณะที่วาลีถามเรื่องอาหาร  ในใจของเนตรมณีแล่นพรวดกลับไปที่บ้านต้นไม้ทันที  ให้ตายเถอะ!  เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย!  จะเป็นยังไงนะถ้าวันดีคืนดีวาลีเกิดนึกอยากตรวจตราบ้านขึ้นมา?  เธอมักจะตรวจตราบ้านเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว  รวมถึงบ้านต้นไม้ด้วย  เนตรมณีกำลังวาดภาพอันไม่น่าพิศมัยในช่วงวินาทีที่วาลีพบจอร์แอนเข้าเมื่อวาลีเริ่มออกสำเนียงหงุดหงิดใส่เธอ



    “นี่  ฉันถามแล้วทำไมไม่ตอบ”



    ทันใดนั้นเอง  เนตรมณีก็ปิ๊งไอเดียเด็ดขึ้นมาได้



    “อ๋อค่ะ  หนูขึ้นไปอยู่บนบ้านต้นไม้”  เธอพูดพร้อมกับยิ้มสยามอ่อนหวาน  โดยพยายามดัดน้ำเสียงให้อ่อนหวานจ๋อยราวกับน้ำผึ้ง  ซึ่งขณะนี้กำลังไหลลงมาอาบยาพิษ!  “หนูเพิ่งพบหนูสองตัวเข้าเลยเอาไปไว้บนบ้านต้นไม้ค่ะ  เลยเอาอาหารไปให้มันด้วย”  เธอเริ่มปดอย่างรวดเร็วราวมืออาชีพ  “หนูสองตัวนั้นน่ารักมากกกกเลยนะคะ”  เธอเริ่มใส่รายละเอียดและเน้นเสียงส่วนที่สำคัญ  ขณะที่ยินดีกับสีหน้าสะอิดสะเอียนของวาลีเป็นอันมาก  “เป็นหนูสองผัวเมีย  หนูตัวผู้ตัวใหญ่มากๆเลยค่ะ  สีเทาขี้เลื่อย  ฟันนี่คมกริบเลย  เสียอย่างเดียวคือมันชอบอึเรี่ยราด(วาลีสะดุ้งเฮือก)  ส่วนหนูตัวเมียกำลังท้องค่ะ! หนูตัวเมียนี่มีแมลงวันตอมเต็มไปหมดเลย  หนูคิดว่ามันอาจจะคลอดลูกแฝดออกมาก็ได้นะคะ  หรือคุณว่าไงคะ”  เด็กหญิงทำตาแป๋วแหววใส่วาลีอย่างแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา



    วาลีสูดลมหายใจลึกๆเพื่อระงับความโกรธและอาการคลื่นไส้  “ดี!  ต่อไปนี้เธอทำความสะอาดบ้านต้นไม้เองแล้วกัน  ฉันกับดวงแก้วจะไม่มีวันไปทำความสะอาดให้ไอ้บ้านต้นไม้อันแสน…”  เนตรมณีเลิกคิ้วข้างหนึ่งด้วยความทึ่ง  ที่วาลีสามารถใช้ภาษาแทนคำว่า ‘ต่ำช้า’ ได้ดีเยี่ยม  “…ของเธอหรอกนะ  ต่อไปนี้เธอจงทำเองซะเถอะ”  แล้วนางก็เดิน ‘สะบัดก้น’ จากไป



    เนตรมณีมองวาลีเดินจากไป  ในใจรู้แน่ชัดว่านางต้องเอาข่าวนี้ไปบอกดวงแก้วอย่างแน่นอน  ดวงแก้วจะได้ไม่ขึ้นมาบ้านต้นไม้อีกคน  เพราะเธอเองก็เกลียดพวกหนูเหมือนผู้เป็นมารดา



    พลัน  ความรู้สึกหนาวเหน็บก็แล่นขึ้นมาจากสันหลังจนเธอเอามือกอดอกโดยอัตโนมัติ  เธอรู้ดีว่ามันคืออะไร  รู้ดีเป็นที่สุด…



    …ความเหงา…



    …เพื่อนของเนตรมณีส่วนใหญ่แล้ว  มักจะอิจฉาที่เธอมีเงินเยอะแยะ  มีบ้านใหญ่ๆ  และมีของเล่นกับของใช้มากมาย  แต่เวลาที่ใครพูดเช่นนั้น  เนตรมณีรู้สึกอยากเปลี่ยนตัวกับพวกเขาเหลือเกิน  อยากรู้ว่าพวกเขาอยากเข้ามาอยู่ ‘ที่นี่’ จริงๆหรือ  และพวกเขาจะทนความอ้างว้างอย่างเธอได้หรือ  ความอ้างว้างจาก ‘บ้านตุ๊กตา’ อันไร้ซึ่งความสุข  มีแต่ความสวยงามลวงตาทุกคนเท่านั้น…ลวงตาทุกคนให้กระหายอยากได้มาครอบครอง!



    น้ำตาเด็กหญิงคลอหน่วย  แต่เธอรีบเช็ดมันออกทันที  เนตรมณีไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะร้องไห้ทำไม…ในเมื่อเธอประสบกับความรู้สึกเช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว…



    …บางทีอาจเป็นเพราะเธอเพิ่งพูดถึงพ่อแม่ตัวเองไปหยกๆอยู่กระมัง…





    หลังจากพ่อ ตายไปได้ปีเศษ  เนตรมณีเคยอ่านเจอกลอนภาษาอังกฤษจากหนังสือเล่มหนึ่งเข้า  กลอนนั้นทำให้เธอปล่อยโฮออกมาได้ทันที…



    House make from brick and stone

    Home make from love alone




    …ภายหลัง  เด็กหญิงได้ถอดความมันเป็นภาษาไทยเองว่า…



    บ้านหรูหรา สร้างขึ้น จากหินปรัก

    บ้านแห่งรัก สร้างขึ้น เพียงความรัก




    …เมื่อไรหนอที่เธอจะได้ ‘Home’ กลับคืนมาสักที  เมื่อไรกัน  เมื่อไรหนอที่เธอจะได้หวนคืนกลับมามีความสุขอยู่ใน…



    บ้านแห่งรัก



    เมื่อไรหนอ?











    โปรดติดตามตอนต่อไปได้ใน  \"ค้นพบ\"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×