ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์หลงยุคภาค3

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำ...(Memory)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 47


    ฟาโรห์หลงยุคภาค๓

    ตอนที่๑  ความทรงจำ…




    ยามเช้าตรู่นี้  บ้านเลขที่ยี่สิบเจ็ดในซอยเทมพลีตัน เทอร์เรสช่างดูเงียบเหงาเหลือเกิน  ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆในบ้านหลังนั้น  ตระกูลไลท์สปีด  ซึ่งเป็นครอบครัวในบ้าน  กับฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณนามว่าเซนนาพอด  ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านไปถาวรแล้วนั้น  ยังคงนอนหลับอยู่



    นกกระจิบตัวน้อยๆตัวหนึ่งลงมาเกาะร้องเพลงที่หน้าต่าง  แต่มันก็ต้องเหลียวหลังหันกลับไปทันทีที่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากดวงตาสองคู่ที่จ้องมันอยู่  หนึ่งในเจ้าของดวงตานั้นคือรัสท์บัคเก็ต  แมวสีขิงของครอบครัวไลท์สปีด  อีกตัวคือทิดเดิ้ลส์หรือตัวเหยียบย่ำเจ้าหนอน  แมวของเซนนาพอด  มันเป็นแมวสีดำรูปร่างผอมเพรียว  ดวงตาสีเขียวดูมีสเน่ห์  มันมีตุ้มหูสีทองรูปห่วงที่หูข้างหนึ่ง  ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง



    แม้ว่าจะมีทั้งกระจกและมุ้งลวดกั้นเจ้านกน้อยออกจากแมวทั้งสองตัวก็ตาม  แต่มันก็ยังไม่อาจทนร้องเพลงอย่างสบายใจได้  ชั่วครู่ต่อมา  เสียงปีกกระพือพึ่บพั่บจากเจ้านกน้อยดังขึ้นและจางหายไป



    แมวทั้งสองถอนหายใจอย่างผิดหวัง  รัสท์บัคเก็ตร้องเมี้ยวเบาๆแล้วกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่าง  ปล่อยให้ทิดเดิ้ลส์นั่งมองทัศนียภาพชุ่มน้ำค้างไปตามลำพัง  รัสท์บัคเก็ตเดินเข้าไปในครัว  ชามอาหารที่ว่างเปล่าของมันวางอยู่ข้างๆชามอาหารของทิดเดิ้ลส์ที่ว่างเปล่าด้วยเช่นกัน  แม้จะยังไม่ถึงเวลาอาหาร  แต่มันก็หิวแล้ว  มันมองนาฬิกา  ตีห้าสี่สิบห้านาที  ถึงแม้รัสท์บัคเก็ตจะดูนาฬิกาไม่เป็น  แต่มันก็เดาว่าคงยังเช้าเกินไปสำหรับอาหารเช้ากระมัง  แต่มันก็เดินออกมา  พลางคิดว่าจะลองไปปลุกสามีภรรยาไลท์สปีดดู  บางทีมันอาจจะได้กินอาหารเช้าก็ได้ถ้ามันไปขอ!



    เมื่อเห็นรัสท์บัคเก็ตกำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง  ทิดเดิ้ลส์ก็รีบตามไปทันที  มันไม่ชอบถูกปล่อยไว้ตามลำพัง  อีกทั้งมันก็อยากจะไปหาเจ้านายของมันยิ่งนัก



    ****



    สิบนาทีต่อมา  ทุกคนรวมทั้งเซนนาพอดมารวมตัวกันด้วยท่าทางสลึมสะลือ  เนื่องจากเจ้าแมวตัวดีทั้งสองปลุกพวกเขาด้วยการร้องเหมียวเสียงดังลั่น



    “ยังกับว่าเราตื่นเองไม่เป็นงั้นแหละ”  แครี่บ่นอุบอิบ  “น่าจับไปทำแมวย่างซะให้เข็ด”



    หูของเซนนาพอดไวมาก  ประหนึ่งจานดาวเทียมเลยทีเดียว  เขาหันขวับไปหาแครี่ด้วยท่าทางกินเลือดกินเนื้อ  “อย่าบังอาจมาทำแมวของข้าเป็นแมวย่างนะ”  เขาพูดเสียงเย็นชา  “ทิดเดิ้ลส์เป็นแมวชั้นสูง  มันมีสายเลือดขัตติยะ  ผิดกับเจ้า  ที่มีเลือดคนเป็นทาส”



    ถึงแม้ว่าเซนนาพอดจะญาติดีกับครอบครัวนี้แล้วก็ตาม  แต่เขาก็อดรำคาญแครี่บ้างไม่ได้  เธอออกจะเป็นคนที่จู้จี้อยู่บ้าง  ซึ่งไม่เข้ากับ ‘เลือดขัตติยะ’ ของเซนนาพอดเลย



    ‘เลือดคนเป็นทาส’ แทบจะเดือดพล่านขึ้นมาในตัวแครี่  เธอรู้ว่าเซนนาพอดมีนิสัยชอบเปรียบเปรยความเป็นฟาโรห์ของเขากับทุกคนอยู่เสมอ  แต่ในสภาวะอันไม่โสภา  ที่เธอกำลังง่วงงุน หงุดหงิด หัวเสีย  เธอก็ไม่ต้องการให้เขามาเตือนถึงความจริงข้อนี้  “ค่ะ  เลือดขัตติยะ  แต่มันน่าจะระเหยไปนานแล้วนะคะ  เวลาผ่านมาตั้งพันกว่าปี  คงเหลือแค่เลือดธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละค่ะ”



    “ว่าไงนะ!”  เซนนาพอดตาลุกวาว  “ไม่มีทาง!  เลือดมันต้องข้นกว่าน้ำอยู่แล้วล่ะ  มันจะแห้งอยู่ในตัวจนกว่าร่างจะถูกปลุกขึ้นมาใหม่!”



    “หรือคะ”  แครี่โต้เสียงเย็น  “ถ้าอย่างนั้นมันคงบูดหรือไร้คุณภาพไปนานแล้วล่ะค่ะ  แห้งไปตั้งพันปี!”



    จากข้างๆ  เซนนาพอดคิดว่าได้ยินเสียงมิสเตอร์ไลท์สปีดหลุดหัวเราะพรืดออกมาเบาๆ  นั่นยิ่งทำให้เขาเดือดดาลมากขึ้นไปอีก  เสียงของเขาที่พูดกับแครี่ขณะนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ  “นี่เจ้า…”



    “…กล้าดียังไงมาขัดสุรเสียงของฟาโรห์ผู้ยิ่ง ห-ญ่-า-ย ได้!”  แครี่ต่อให้  มิสเตอร์ไลท์สปีดพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น



    เซนนาพอดตะโกนออกมาด้วยความโมโหโทโสสุดขีด



    “นี่เจ้า  --  ”



    แครี่ทำท่าจะต่อคำพูดของฟาโรห์ด้วยเสียงตะโกนเหมือนกัน  ดีที่มิสซิซไลท์สปีดรีบตรงเข้ากู้สถานการณ์  “เซนนาพอดคะ!  นี่ซอสค่ะ!”  เธอพูดเสียงดังขณะวางขวดซอสดังโครมลงตรงหน้าเซนนาพอด  แล้วหันไปหาแครี่  “แครี่  ช่วยไปหยิบเกลือให้หน่อยสิจ๊ะ”  เธอตวัดสายตามองคนทั้งคู่อย่างตำหนิในขณะที่แครี่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากโต๊ะ  มิสเตอร์ไลท์สปีดหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นเซนนาพอดทำท่าหงอเหมือนเด็กนิสัยเสียถูกผู้ใหญ่ดุ  นั่นทำให้มิสซิซไลท์สปีดหันขวับทันที  “คุณคะ  ช่วยไปเอาไม้หนีบผ้ามาหน่อยสิคะ  ฉันจะเอามาหนีบปากคนเสียงกิ๊กกั๊กบางคน!”



    มิสซิซไลท์สปีดพยายามซ่อนรอยยิ้ม  ในขณะที่ ‘คนเสียงกิ๊กกั๊ก’ ทำสีหน้าปั้นยาก



    “มีอะไรกันเหรอคะ”  แครี่ที่เดินกลับมาพร้อมเกลือถาม



    มิสซิซไลท์สปีดทำเสียงประชด  “เปล่าจ้ะ  แม่แค่สั่งสอนพ่อเขาเรื่องกิ๊กกั๊ก  ไม่รู้ไปติดมาจากเบนหรือไง…”



    เสียงของเธอสะดุดลงกระทันหันจนเงียบไป  บรรยากาศอึดอัดเข้าครอบคลุมทั่วห้อง



    มิสซิซไลท์สปีดหน้าซีดเผือด  ริมฝีปากสั่นระริก  มิสเตอร์ไลท์สปีดทำหน้าเคร่งและตรงเข้าปลอบ  เซนนาพอดทำเป็นเล่นกับทิดเดิ้ลส์ในขณะที่ดวงตามีแววครุ่นคิดและสับสน  แมวทั้งสองตัวก็ไม่กระดุกกระดิกราวกับจับคลื่นความเครียดที่แผ่คลุมทั่วห้องได้  ส่วนแครี่พึมพำขอตัวและเดินออกจากห้องด้วยดวงตาแดงก่ำ



    ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่คำๆเดียวจะมีอิทธิพลขนาดนี้  แครี่คิดขณะเดินขึ้นบันได  ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะเบน  ทุกคนคงหัวเราะไปกับแม่  แม้แต่…เธอด้วย



    แครี่ถอนใจขณะนอนแผ่หราบนเตียง  ตาหลับลง  แต่สมองยังคงครุ่นคิดถึงคำที่มีอิทธิพลนี้…



    เบน…



    ****



    เซนนาพอดเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณซึ่งบัดนี้มีอายุมาประมาณสี่พันกว่าปีแล้ว  เขาฟื้นมาจากความตายได้เพราะมีคนอ่านคำสาปของอนูบิส(เทพเจ้าแห่งความตาย) ซึ่งก็คือศาสตราจารย์เจลลี่ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอียิปต์โบราณ  และกริมสโตน หัวหน้าฝ่ายสะสมของพิพิธภัณฑ์ที่มีโลงใส่มัมมี่ซึ่งเซนนาพอดเคยอยู่ข้างใน  พวกเขาตามหาเซนนาพอดในพิพิธภัณฑ์มานานแล้ว  วัตถุประสงค์คือต้องการแผนที่สมบัติของเซนนาพอดมาไว้ในครอบครอง  ในที่สุดก็พบเขา  แต่บังเอิญไปอ่านคำสาปของอนูบิสเข้า  เซนนาพอดจึงฟื้นขึ้นและหนีไป  ซึ่งก็มาพบกับครอบครัวไลท์สปีดเข้า  ในขณะเดียวกันพวกเหล่าร้ายก็ตามมาพบที่อยู่ของเซนนาพอด  และใช้แผนลักพาตัวโดยต้องการแลกแผนที่สมบัติของเซนนาพอดกับแมวของฟาโรห์(ตัวเหยียบย่ำเจ้าหนอนหรือทิดเดิ้ลส์)  มิสเตอร์และมิสซิซไลท์สปีดไปเป็นเพื่อนกับเซนนาพอดเมื่อเขาไปที่พิพิธภัณฑ์เพื่อแลกเปลี่ยนของ  แต่เป็นกับดัก  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ขังสองสามีภรรยาไลท์สปีดไว้  และคุมตัวเซนนาพอด  โชคดีที่เบนกับแครี่ซึ่งแอบตามมาหลอกพวกเหล่าร้าย(สมทบโดยแมวอีกสี่สิบตัว)ไว้ได้จนชนะ  พวกเขาเป็นอิสระ  และกริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ถูกนำตัวไปเข้าคุก



    แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น  กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่แหกคุกออกมา  พวกเขาใช้แผนการชั่วร้ายจับทิดเดิ้ลส์และรัสท์บัคเก็ตเป็นตัวประกัน  เบนเสี่ยงโดยร่วมเป็นตัวประกันอีกคนด้วยเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวในบ้าน  เบนใช้แผนการหลอกล่อและกับดักทำเอาพวกเหล่าร้ายจนแต้ม   แต่ในขณะที่ตำรวจมาถึงหลังจากพวกเขาแจ้งไปนั้นเอง  เรื่องร้ายก็เกิดขึ้น…



    เบนถูกกริมสโตนยิงตาย!



    กริมสโตนกับศาสตราจารย์เจลลี่ช็อคมาก(กริมสโตนช็อคตัวเอง  ศาสตราจารย์เจลลี่ช็อคเพื่อน)  จึงถูกจับโดยละม่อม  ส่วนทุกคนก็เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก  แต่ไม่มีใครสังเกตเลยว่า  เซนนาพอดมีท่าทีครุ่นคิดอะไรบางอย่าง…



    และแล้ว  ที่โรงพยาบาล  หลังจากหมอออกมายืนยันว่าเบนตายแล้วแน่  ฟาโรห์ก็แอบเข้าไปอยู่ในห้องชั่วครู่  แล้วออกมา  พอหมอกลับเข้าไป  ก็พบว่าศพเบนหายไปแล้ว!



    หลังจากกลับมาบ้าน  ทุกคนคาดคั้นเซนนาพอด  เขาสารภาพว่าใช้คำสาปให้เบนคืนชีพขึ้น  แต่ข่าวที่น่าตะลึงยิ่งกว่า  คือเบนอยู่ที่อียิปต์!



    แม้ว่าครอบครัวไลท์สปีดและเซนนาพอดจะเตรียมตัวเดินทางไปอียิปต์ในอีกสามวันข้างหน้า  ทุกคนก็ยังไม่ค่อยชินกับการที่ไม่มีเบนอยู่เสียที…



    ****



    วันก่อนจะเดินทาง  ในขณะที่แครี่วุ่นวายตรวจเช็คว่าเอาหมากรุก เกม และหนังสือสองสามเล่มติดกระเป๋าไว้หรือยัง  เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้



    ด้วยความร้อนใจและตื่นตกใจ  แครี่สามารถวิ่งไปยังห้องของพ่อแม่เธอที่มีเซนนาพอดคุยปรึกษากันได้เป็นประวัติการณ์ภายในเวลาสามวินาที



    ”ลูกเป็นอะไรน่ะ”  พ่อเธอถามเมื่อเห็นแครี่หอบฮักๆ



    “นี่ทุกคนลืมความเป็นจริงไปหมดแล้วหรือคะ!”  แครี่ร้องด้วยอาการออกจะกึ่งๆโมโห



    “อะไรล่ะจ๊ะ”  มิสซิซไลท์สปีดขมวดคิ้ว



    “เซนนาพอดต้องไปอียิปต์กับเราด้วยใช่ไหมคะ”  แครี่ย้อนถาม



    “แน่ล่ะสิ  ไม่งั้นจะไปหาเบนกันได้ยังไง”  ฟาโรห์ขมวดคิ้วอีกคน



    “แล้วทุกคนไม่รู้สึกตัวบ้างเลยหรือคะ”



    “อะไรล่ะลูก”  มิสเตอร์ไลท์สปีดขมวดคิ้วเป็นคนที่สาม



    แม้ทุกคนจะขมวดคิ้วใส่แครี่  เธอก็ไม่สนใจ  ที่เธอสนใจมีอยู่อย่างเดียว



    “เซนนาพอดไม่มีพาสปอร์ต  ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน  --  ใช่ไหมคะ”



    เธอกวาดตามองทุกคนด้วยแววตาแสดงความเป็นกังวล  แล้วจึงพูดต่อไปโดยไม่รอให้ใครตอบ  น้ำเสียงนั้นเบาและสั่นนิดๆ  แต่ชัดเจนว่า



    “แล้วเขาจะไปกับเราได้ยังไงคะ?”











    โปรดติดตามตอนต่อไปได้ใน  \"สู่อียิปต์!\"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×