ตอนที่ 15 : บังคับ 100%
ว่างเปล่า…คือสิ่งเดียวที่อยู่ภายในจิตสำนึกของเขา
ยองแจพลิกร่างของตัวเองไปอีกข้างหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมา น้ำตาที่เคยหลุดไหลก่อนหน้านี้เริ่มไหลออกมาอีกครั้งทั้งๆที่คิดว่าเขาคงไม่มีน้ำตาอีกแต่มันก็ยังคงไหลไม่หยุดจนแสบไปทั้งสองนัยตา
ภาพเหตุการณ์และคำพูดมากมายของแจ็คสันเมื่อหลายวันก่อนยังเวียนย้อนอยู่ในหัว เขายังจำท่าทางและสีหน้าสนุกสนานของอีกฝ่ายได้ดี ยังจำความรู้สึกรวดร้าวของตัวเองได้ไม่ลืมเหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าเมื่อกี้
แม้จะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่มีความรู้สึกเกลียดเจือปนอยู่ด้วยเลย…
มันมีแต่ความเสียใจ น้อยใจ และสมเพชตัวเอง
“ชอบไปแล้วจริงๆสินะ” เปรยกับตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะยันร่างลุกขึ้นนั่ง สองมือขาวเช็ดปาดน้ำตาออกจากใบหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆอีกหลายครั้งพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา
“บ้าบอจัง ไปชอบเขาทำไมเล่า ฮึก..เขาไม่ได้คิดแม้แต่จะชอบเราสักหน่อย” ยิ่งพยายามห้ามมันไว้เท่าไหร่ น้ำตาเจ้ากรรมก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้นและคนที่ทำอะไรไม่ได้อย่างเขาก็จำยอมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อีกครั้ง
“ฮึก..พอสักที เฮ้อ…ไม่ไหวเลยเรา ร้องไห้งอแงอยู่คนเดียว”
คนตัวขาวผุดลุกจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่หน้ากระจกก่อนจะตกใจกับสภาพใบหน้าของตัวเอง เขาดูโทรมนจนน่าเกลียด ใบหน้าที่เคยขาวใสตอนนี้ซีดราวกับกระดาษ จมูกกับปากขึ้นสีแดงเพราะร้องไห้ไม่หยุดแถมขอบตาทั้งสองข้างยังบวมช้ำจนแทบจะดูไม่เหมือนเขา
ทำเหมือนคนอกหักไปได้นะ ทั้งๆที่แฟนก็ยังอยู่อีกทั้งคน…
พอได้แล้วล่ะ เขาร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนมามากพอแล้ว นับจากนี้เขาคงต้องปรับความคิดของตัวเองซะใหม่ ความรู้สึกแปลกๆที่มีตอนนี้ก็ควรจะตัดทิ้งซะ เลิกหลบหน้าจงฮยอนสักทีแล้วก็ควรจะหาเวลาไปอยู่กับแฟนให้มากๆด้วยเผื่อไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาแบบผิดๆนี่มันจะได้จางหายไป
“ยูคยอมหรอ? มารับหน่อยสิ”
“ใช่ วันนี้ฉันอยากไปเรียนน่ะใกล้จะสอบแล้วเดี๋ยวจะไม่รู้เรื่องเอา”
“สบายดีสิ คิดว่าฉันจะนอนเป็นผักอยู่ที่ห้องตลอดไปรึไงกัน”
รอไม่นานนักเพื่อนตัวโตก็ขับรถมาจอดรอที่ด้านหน้าคอนโดเรียบร้อย ยองแจส่งยิ้มเล็กๆไปให้ก่อนจะเดินเข้าไปหาพร้อมกับพยายามทำตัวร่าเริงกลบเกลื่อนความรู้สึกหน่วงๆของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เพื่อนสัมผัสอารมณ์ตัวเองได้
“เป็นไง ดีขึ้นแล้วสิหน้าตาดูสดใสนะ” น้ำเสียงที่ทักมาบ่งบอกมากกว่าเป็นห่วงถึงแม้ดูเหมือนจะเป็นประโยคธรรมดาทั่วๆไปแต่ยองแจก็ยังรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของคนตรงหน้า
“แน่นอน ฉันซะอย่างแค่นี้สบายๆอยู่แล้ว”
“หึ! เหนื่อยไหม?”
“อะไร?”
“ไม่ต้องพยายามทำตัวปกติหรอกน่า แสดงความรู้สึกออกมาก็ได้สภาพนายไม่ได้บอกเลยนะว่ามีความสุข”
“…”
“เอาเถอะ..เห็นนายยอมออกมามองโลกบ้างก็ดีใจแล้วล่ะ แบมมันบ่นคิดถึงนายทุกวัน เจ้านั่นก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะช่วงนี้ เนื้อตัวเป็นรอยมาเรียนทุกวัน”
“หือ? แบมเป็นอะไร มีเรื่องหรือใครทำอะไร”
“ไม่ถามมันเอาเองละกัน กินอะไรมาหรือยังล่ะแวะหาอะไรกินก่อนไหม?”
“แล้วแต่นายเลยละกัน”
“หายหน้าหายตาไปหลายวันเลยนะ โทรไปก็ไม่รับ โทรกลับไม่เคยมี” น้ำเสียงประชดประชันลอยเข้าโสตประสาททันทีที่พบหน้ากัน ยองแจส่งยิ้มละไมไปให้ฝ่ายตรงข้ามที่ปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ก่อนจะก้าวเข้าไปหาช้าๆแล้วหย่อนตัวลงนั่งด้านข้าง
“ก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยก็เลยอยากอยู่คนเดียว ขอโทษทีนะที่หายไปหลายวันแต่ตอนนี้ก็มาแล้วนี่ไง”
“อย่ามาทำน้ำเสียงนุ่มนวลใส่ฉันหน่อยเลยยองแจ นายหายไปปล่อยให้ฉันต้องทนทุกข์อยู่กับเจ้าตึกนี่ที่คอยแกล้งเช้าแกล้งเย็น”
“เอ๋! มาเรียนเป็นเพื่อนยังมีหน้ามาด่าอีกเหรอแบม” บุคคลที่สามที่ถูกพาดพิงส่งเสียงประท้วงมาบ้าง คนตัวสูงสุดในกลุ่มเดินมานั่งเบียดทั้งคู่จนเกือบตกเก้าอี้จนไม่วายถูกแบมๆโวยวายใส่อีกพักใหญ่ กว่ากรณีพิพาทจะจบลงยองแจก็ถึงกับเวียนหัวด้วยนิสัยของทั้งสองคนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยในเรื่องไม่ยอมลงให้กัน
“ไม่ได้ฟังเสียงพวกนายทะเลาะกันตั้งนาน รู้สึกดีแปลกๆแหะ” ยองแจเปรยเบาๆหลังจากแยกทั้งคู่ที่จิกตีกันไปคนละทาง รอยยิ้มที่หายไปก่อนหน้านี้กำลังฉาบอยู่บนหน้าขาวจนเพื่อนทั้งสองยังยิ้มตามไปด้วย
“ถ้างั้นนับจากนี้ก็อย่าหายไปแบบนี้อีกล่ะ รู้ไหมฉันเหงามากเลยเนี่ยยูคยอมก็งี่เง่าไม่ค่อยสนใจฉัน”
“อีกแล้วนะแบม”
“เอาน่า พวกนายนี่ยังไงทำไมต้องให้บ่น เอ้อ! แบมว่าแต่ไอ้รอยช้ำๆจ้ำๆพวกนี้มันอะไร ระหว่างที่ฉันไม่ได้มาเรียนนายไปทำอะไรมา?” ยองแจถือโอกาสถามเพื่อนร่างเล็กออกไปทันทีหลังจากแอบลอบสังเกตฝ่ายนี้อยู่นานจนเห็นว่าจริงอย่างที่ยูคยอมบอก
เนื้อตัวของแบมแบมเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำ ไม่ว่าจะตามแขน ข้อมือ และโดยเฉพาะบริเวณคอที่มีรอยแดงจ้ำๆอยู่มากที่สุด ไหนจะในส่วนร่มผ้าที่เขาไม่เห็นอีก…
“เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกน่า ปกติฉันก็มีรอยพวกนี้ประจำ”
“หือ? มีประจำ? ปกตินายไม่เคยให้ใครทิ้งร่องรอยไว้บนตัวนายนี่ขนาดฮันบินที่ว่าเบอร์หนึ่งยังทำรอยบนตัวนายไม่ได้ นี่ฝีมือใครกัน?”
“เอ่อ คือว่านะยองแจ…มัน”
“อะไร?”
“ก็แค่คนนิสัยเสียที่เอาแต่ใจก็แค่นั้นเอง”
“แน่ใจเหรอแบม นายจะปิดบังยองแจ?” ยูคยอมแทรกเสียงขึ้นบ้างจนคนตัวเล็กด้านหน้าถึงกับหน้าซีดไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะกลับมาทำหน้าปกติเหมือนเดิม
“นาย..ไอ้ตึก! กล้าดียังไงฟ้องยองแจห๊ะ! หึ้ย!! ก็ได้ๆ อยากรู้ก็จะเล่าให้ฟัง”
“คือว่านะ…”
กว่าจะหมดเรียนวันนี้ได้ยองแจแทบจะหมดแรง คนตัวขาวเดินซบเพื่อนตัวโตมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาขาดเรียนไปหลายวันเลยยังงงๆกับเนื้อหาบางส่วนของรายวิชาแต่ดีหน่อยที่ยูคยอมคอยอธิบายรายๆละเอียดให้ฟังเป็นระยะๆแต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาเขาถึงกับมึนไปเลยเหมือนกัน
“ไปกินข้าวกันไหม เราไม่ได้เที่ยวเลยช่วงนี้ฉันยังไม่อยากกลับห้องด้วย” แบมแบมที่เดินจิ้มๆมือถืออยู่ด้านข้างหันมาถามก่อนจะคว้าจับมือยองแจไปกุมเล่นอย่างที่มักจะทำเสมอ
“ก็ดีนะ หิวแล้วด้วยตอนนี้” ยองแจพยักหน้ารับก่อนจะกระชับมือแบมแบม เขารู้ดีว่าที่แบมแบมยังไม่อยากกลับห้องเพราะอะไร ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เจอกับปัญหา เพื่อนรักข้างๆก็ไม่ต่างกันหลังจากที่ฟังเรื่องที่แบมแบมเล่าแล้วเขาเองยังรู้สึกแย่ตามไปด้วย
ผู้ชายพวกนี้อันตรายจริงๆ อันตรายกันทุกคน!!!!
“รออยู่นี่ก่อนละกันเดี๋ยวไปเอารถมารับนะ ห้ามไปกับใครล่ะ”
“รู้แล้วล่ะน่า รำคาญจริงๆเลย ไป๊ คนขับรถ” แบมแบมหันไปทำเสียงเขียวใส่ยูคยอมที่แกล้งกำชับพวกเขาราวกับเด็กๆ จนคนที่โดนดุถึงกับยิ้มหวานที่กวนอารมณ์เพื่อนได้สำเร็จอย่างทุกครั้ง
“ครับๆ ไปแล้วครับ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปเอารถที่จอดอยู่อีกด้านของอาคารเรียน จนตอนนี้เหลือแค่เขากับแบมแบมเพียงลำพัง
ไม่ทันจะได้เปิดปากคุยกับเพื่อน ร่างทั้งร่างของยองแจถูกกระชากอย่างแรงจนแม้แต่แบมแบมที่กุมมืออยู่ด้วยกันยังปลิวหวือตามเขามา หลังของเขาปะทะกับอกแกร่งของใครบางคน กลิ่นที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูกจนยองแจแทบจะหยุดหายใจจนเผลอกุมมือเพื่อนรักเสียแน่นจนข้อขึ้นสีขาว
ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ยองแจสะบัดตัวหลุดออกมาได้ก็รีบสาวเท้าหนีทันทีโดยที่ยังกุมมือแบมแบมเอาไว้ด้วย เขาวิ่งสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้แถมยังพ่วงเอาเพื่อนรักติดมือมาด้วยอีกถึงแม้จะรับรู้ถึงความตกใจของแบมแบมได้แต่ยองแจไม่เสียเวลาหยุดแม้แต่ก้าวเดียว เขาวิ่งออกมาจนคิดว่าพ้นแล้วถึงได้หยุด
“พ้นหรือยังแบม แฮ่กๆ” หอบหายใจถี่ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น เพื่อนรักไม่ตอบอะไรเพราะก็หอบไม่ต่างไปจากเขา ยองแจทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน ปล่อยมือที่กุมเพื่อนอยู่ออกแล้วพยายามปรับการหายใจของตัวเองอย่างยากลำบาก
“พี่คนนั้น แฮ่ก ยังมายุ่งกับนาย อีกรึไงนะ!!” หอบไปด้วยหงุดหงิดไปด้วย แบมแบมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา แก้มใสของเพื่อนรักขึ้นสีแดงจัดด้วยความตกใจปนเหนื่อย ยองแจทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันซ้ายหันขวามองว่าแจ็คสันได้ตามมาไหม?
“ให้ตายสิ! คนพวกนี้มันยังงะ”
“อยู่นี่เองเหรอแบม!” เสียงห้าวใหญ่ของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลังขัดเสียงบ่นของแบมแบมแทบจะทันที ยองแจหันกลับไปมองก็เจอเข้ากับเพื่อนหน้าหล่อของแจ็คสัน ผู้ชายที่ชื่อมาร์คคนนั้นกำลังยืนกอดอกมองมาทางพวกเขาทั้งคู่อยู่
“พี่มาร์ค!!”
“ไม่รับโทรศัพท์พี่ กลับห้องไม่ตรงเวลาแล้วยังมาพาน้องยองแจวิ่งหนีเพื่อนพี่อย่างนี้อีกใช้ไม่ได้เลยนะ”
“แล้วพี่มายุ่งอะไรด้วย ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม ไปเหอะยองแจ” แบมแบมชันตัวลุกขึ้นก่อนจะเอื้อมดึงมือเขาที่ยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ให้ลุกขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปจากตรงนั้นผู้ชายร่างสูงที่มีท่าทีวางอำนาจก็เข้าประชิดตัวเพื่อนเขาและกระชากแบมแบมเข้าไปหาต่อหน้าต่อตา
“พี่ขอตัวพา ‘เมีย’ พี่กลับนะครับ” พูดอย่างนั้นแล้วก็ดึงแบมแบมออกไปหน้าตาเฉย ส่วนเขาที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่จนทั้งคู่ลับสายตาไปแล้วถึงได้มามีสติ รีบหยิบมือถืออกมาจะโทรหายูคยอมแต่เขาแทบจะทำมันหล่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอกับคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด
“หนีทำไม?”
“…” ไม่มีคำตอบใดๆสำหรับคำถามนั้น ยองแจหันหลังเตรียมตัววิ่งหนีอีกครั้งแต่คราวนี้อะไรๆมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อแขนของเขาถูกคว้าจับเอาไว้ก่อนและก็อย่างทุกทีแรงบีบมหาศาลจนกระดูกแทบหักทำให้เขาไม่กล้าขืนตัว
“ไปกับฉัน”
“อย่ามาโดนตัวผม!”
“ยองแจ เราต้องคุยกัน ไปกับฉัน”
“ไม่! ผมไม่อยากคุย ปล่อยนะ!”
“ฉันบอกว่าให้ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!!!” ไม่รอฟังว่าเขาจะโต้ตอบอะไร แจ็คสันใช้แรงทั้งหมดที่มีลากเขาไปขึ้นรถถึงแม้จะพยายามยื้อตัวเองไว้สักแค่ไหนแต่ก็อย่างที่รู้ว่าเขาไม่เคยสู้แรงคนๆนี้ได้และยิ่งในสถานการณ์แบบนี้แล้วเขายิ่งกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเข้าไปใหญ่
“จะพาผมไปไหน??” ถูกบังคับให้ขึ้นมาบนรถได้สำเร็จก็เปิดปากถามอีกคนด้วยเสียงสั่นๆ เขาพยายามเอนตัวให้ชิดกับประตูรถมากที่สุดและพยายามไม่มองหน้าของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
เห็นแล้วมันอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ
“คอนโดของฉัน ฉันจะพานายไปคอนโดของฉัน”
กว่าที่เขาจะพาคนข้างๆให้ขึ้นรถมาได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ยองแจขัดขืนเขามากกว่าทุกครั้งทั้งทุบตี โวยวายและยังพยายามจะหนีแต่จนแล้วจนรอดเขาก็จับเจ้าเด็กนี่ขึ้นรถมาด้วยได้
ตั้งแต่วันที่ยองแจเจอเขาที่ผับ เขาก็ไม่ได้เห็นหน้าคนๆนี้อีกเลยภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือน้ำตาและสีหน้าเจ็บปวดของยองแจถ้าเป็นก่อนหน้านี่เขาคงไม่รู้สึกอะไรแต่มันกลับไม่ใช่
เหมือนหายใจไม่ออกเสียอย่างนั้นตอนเห็นคนๆนี้วิ่งหนีออกไปด้วยใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตา…
อยากจะฉุดรั้งเอาไว้แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนพูดออกไปอย่างนั้นเองจะให้ไปแก้ตัวตอนนั้นเลยมันก็ดูจะเสียศักดิ์ศรีมากเกินไป เขาเลยจำยอมต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่มันควรจะเป็น
ทั้งๆที่คิดว่าเดี๋ยวอะไรๆมันก็คงดีขึ้นเพราะยังไงซะเขาก็ไม่ได้คิดจะปล่อยยองแจไปอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกทรมานเหมือนใจจะขาดเสียเอง
แค่คิดว่ายองแจเกลียดเขาก็อยากจะต่อยปากตัวเองให้พูดไม่ได้ไปเสียเลย!!
ปล่อยให้ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ได้ไม่กี่วันเขาก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ซะเองเลยต้องมาดักรอยองแจที่คณะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เจอจนกระทั่งวันนี้และเขาจะไม่ยอมให้เสียโอกาสอย่างแน่นอน
“อย่าแม้แต่จะคิดขัดขืนนะยองแจ ที่นี่มันเป็นที่ของฉันถ้านายยังดื้อดึงอยู่ฉันจะปล้ำนายตรงนี้ต่อหน้าทุกคนซะ”
“สารเลว”
“คนอย่างฉันมันยิ่งกว่าสารเลวซะอีก มานี่!!!!” กุมมือนิ่มของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นแล้วจูงให้เดินตามเขามา ยองแจไม่ขัดขืนด้วยเพราะกลัวคำขู่ของเขาถึงแม้บางทีจะพยายามขืนมือออกแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะปล่อยอยู่แล้ว พอถึงห้องเขาผลักยองแจให้เข้าไปด้านในสุดก่อนจะตามเข้าไปอย่างใจเย็น
“นั่งลง แล้วอย่าทำตัวน่ารำคาญ”
“ต้องการอะไรจากผมอีก?” เสียงห้วนสั้นจากอีกฝ่ายแทรกขึ้นมาทันทีอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์ จ้องมองใบหน้าขาวนวลอย่างคิดถึงแต่เลือกที่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกไป
“ฉันอยากให้นายฟังฉันก่อน ที่นายได้ยินวันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“ไม่ใช่!! ตลกแล้วหวัง แจ็คสัน พี่ไม่ต้องมาแก้ตัวผมไม่อยากฟังถ้าธุระของพี่มันมีแค่นี้ก็ปล่อยผมไปได้แล้วผมอยากพักผ่อน!!”
ร่างนิ่มตรงหน้าลุกพรวดขึ้นทันทีพร้อมกับเดินตรงไปที่ประตู อารมณ์ที่ไม่ได้เจอหน้ามาตั้งหลายวันผสมกับความหงุดหงิดเป็นนิสัยของเขาอยู่แล้วยิ่งส่งผลให้เขายิ่งเดือดดาล แจ็คสันทะลึ่งพรวดเข้าไปคว้าแขนขาวนวลก่อนจะเหวี่ยงสุดแรงให้ยองแจกลับมาที่เดิม
พลั่ก!!
ร่างทั้งร่างกระแทกเข้ากับพนักโซฟา ยองแจนิ่วหน้าด้วยความเจ็บก่อนจะยันตัวขึ้นด้วยท่าทีไม่แยแสยิ่งทำให้เขาโมโหหนักเข้าไปมากกว่าเดิมจนต้องเข้าไปประชิดตัวแล้วผลักยองแจให้นอนแผ่ราบลงไปบนโซฟาพร้อมกับคร่อมเอาไว้
“จะดื้อด้านไปถึงไหน พูดกันให้รู้เรื่องก่อนไม่ได้รึยังไง!!”
“พูดหรอ? จะพูดอะไรอีกวันนั้นผมฟังจนจำขึ้นใจแล้วพี่ไม่ต้องพูด ลุกออกไปจากตัวผมนะ!!”
“ฉันไม่ลุก! อย่ามาสั่งฉันยองแจ บอกว่าให้ฟังก่อนทำไมถึงพูดจาเข้าใจยากอย่างนี้วะ???”
“จะให้ผมฟังอะไร ฟังที่พี่โกหกเหรอ ผมไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง!!!"
“โกหก? ฉันไม่ได้โกหก นายเข้าใจฉันผิดอยู่นิ่งๆสิวะ!!” เขาจัดการยึดแขนทั้งสองที่กระหน่ำสวนมัดใส่เขาไม่ยั้งออกแรงกดแขนนิ่มลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!! อย่ามาจับผมได้ยินไหม ปล่อย!!!”
“นายจะยอมอยู่เฉยๆ ฟังฉันพูดหรือจะให้ฉันใช้กำลังกับนายห๊ะ!”
“คนอย่างพี่ผมจำเป็นต้องเชื่อฟังด้วยรึไง!!!!”
เหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลงทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะคุยดีๆแต่ตอนนี้เขาไม่คิดอย่างนั้นอีกต่อไป แจ็คสันออกแรงบีบที่สองแขนเพิ่มมากขึ้นจนมันเริ่มห้อเลือดและช้ำแดงก่อนจะฝังจมูกของตัวเองลงกับซอกคอขาวของคนด้านใต้ด้วยความโมโห เขากวาดริมฝีปากไปบนผิวเนียนแล้วทำรอยไว้ทั่ว ยองแจดิ้นขัดขืนมากเท่าที่จะทำได้ก็ยิ่งทำให้เขาเพิ่มความรุนแรงในการรุกล้ำเช่นกัน สองมือละจากการกดทับเป็นไขว่คว้าสะเปะสะปะพร้อมกับใบหน้าเขาที่เคลื่อนไปตามที่ต่างๆ
ประทับตราจนพอใจเขาก็เลื่อนขึ้นมาปิดริมฝีปากสีสวยที่กำลังสาดคำด่าทอใส่เขาไม่หยุดให้ปิดสนิทลงด้วยปากของเขาเอง กวาดต้อนอย่างดุดันเอาแต่ใจจนคนที่ถูกกระทำเริ่มหายใจติดขัดเขาจึงผละออกมาก่อนจะก้มลงไปเก็บเกี่ยวซ้ำๆอย่างย่ามใจเอาแต่ได้
ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น สัมผัสชื้นแฉะที่ข้างแก้มทำให้เขาชะงัก แจ็คสันถอนริมฝีปากออกแล้วแทบหมดแรง ภาพที่เห็นตรงหน้าบีบหัวใจเขาจนเต้นไม่ถูกจังหวะ ยองแจที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผิวหนังช้ำแดงและใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาทำให้เขาถึงกับรู้สึกเกลียดตัวเอง…
“เอ่อ คือยองแจ..”
“ทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนี้…เมื่อไหร่พี่จะหยุดสักที” น้ำเสียงแผ่วเบาหลุดลอดออกมาจากปากที่สั่นเทา ยองแจยกสองแขนขึ้นรวบคอเสื้อของตัวเองและขยับถอยห่างจากเขาที่ลุกออกมาแล้ว
“สนุกมากไหมครับ? ที่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกทำลายความรู้สึกผม”
“…”
“พี่รู้รึเปล่า ช่วงหลังๆมานี้ผมรู้สึกดีกับพี่มากแค่ไหน…ผมชอบพี่มากแค่ไหน”
“ทั้งๆที่ผมก็มีแฟนแล้วแต่ผมก็ยัง..เผลอมาชอบ ชอบคนนิสัยไม่ดีแบบพี่”
“แต่ดูสิ่งที่พี่ทำกับผมสิ แค่ผมชอบพี่มันก็รู้สึกแย่แล้วนะ”
“เลิกทำเหมือนผมเป็นแค่สิ่งของสักที ผมมีความรู้สึก พี่ต้องการจะทำอะไรกับหัวใจผม..แค่นี้มันก็พังจนไม่มีชิ้นดีแล้ว พอสักที พอ..”
ไม่ได้ฟังให้จบว่ายองแจจะพูดอะไรต่อ เขาคว้าร่างตรงหน้าเข้ามากอดแนบอกด้วยความรู้สึกที่ปนเป คนที่พยายามกลั้นสะอื้นแต่แรกปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่น น้ำตาของยองแจไหลซึมเสื้อของเขาเข้ามาจนรู้สึกได้ ที่ผ่านมาเขาคิดแต่ว่าจะทำยังไงก็ได้ให้ยองแจเลิกกับไอ้จงฮยอนโดยที่เขาไม่เคยล่วงรู้เลยว่ายองแจคิดอะไรอยู่
การที่ได้รับฟังความรู้สึกทั้งหมดของยองแจตอนนี้มันทำให้เขาเจ็บปวด เกลียด และสับสน…
เจ็บปวดที่ต้องมาเห็นคนๆนี้ร้องไห้ เขาไม่เคยชอบน้ำตาแต่ไม่เคยคิดเลยว่าน้ำตาของยองแจมันจะทำให้เขารู้สึกทรมานขนาดนี้ เกลียดที่ตัวเองชอบทำรุนแรงเสมอและสับสนว่าจริงๆแล้วตัวเขาต้องการอะไร?
“ไม่ต้องร้องนะ ที่ผ่านมาทั้งหมดฉันขอโทษ..ฉันอยากให้นายฟังเพราะวันนั้นนายเข้าใจผิดจริงๆ”
“นายไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันพูดอย่างนั้นไปทำไม…รู้แค่ว่าฉันไม่ได้คิดอย่างที่พูดก็พอ”
“ช่างเถอะครับ..วันนี้ปล่อยผมไปได้รึยัง?” เสียงสั่นๆถามกลับมาทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมแขนเขา ยองแจขืนตัวออกมามองหน้า หยาดน้ำตายังไหลไม่ขาดสายจนเขาอดเอื้อมมือไปปาดเช็ดให้ไม่ได้
“ไม่ได้หรอกยองแจ…ฉันปล่อยนายกลับไปไม่ได้”
“ทำไม?” เสียงแผ่วเบาในยามแรกแข็งขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจ เขาจับเชยคางมนของคนตรงหน้าขึ้นเล็กๆก่อนจะส่งยิ้มเย็นไปให้ในเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวราวกับสายฟ้าฟาด
“เพราะนับจากนี้..นายต้องมาอยู่กับฉันที่นี่”
“…”
“ในฐานะ ‘แฟน’ ของฉัน”
“อะไรของพี่???” ยองแจดีดตัวออกห่างทันที สีหน้าที่ส่งกลับมาสับสนและไม่พอใจ
“จะอะไรล่ะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันจะบอกนายในเมื่อนายเองก็ชอบฉันและฉันก็ต้องการนายเราก็คบกันไปเลยสิจริงไหม? อ้อ…อีกอย่างนี่ไม่ใช่การขอร้องนะยองแจ”
“พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ! พี่จะมาบังคับผมไม่ได้!”
“ฉันเคยบังคับให้นายชอบฉันได้แล้วทำไมฉันจะบังคับให้นายคบกับฉันไม่ได้ล่ะชเว ยองแจ” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะลุกเดินหนีไปอีกทาง เขาจะไม่ยอมให้คนๆนี้หายไปจากชีวิตเขาเด็ดขาด ในเมื่อยองแจชอบเขาแล้วนี่ก็เท่ากับเป็นโอกาสของเขาเหมือนกัน
การแย่งชิงที่ดีก็ต้องทำให้มันสุดเส้นทาง ตอนนี้เขาได้ใจยองแจมาแล้วครึ่งหนึ่งการจะเอาอีกครึ่งมามันก็คงจะไม่ยาก…ถึงแม้จะต้องเป็นการบังคับ แต่ถ้าท้ายที่สุดคนที่จะได้ครอบครองหัวใจของยองแจคือเขา เขาก็จะทำ!!!
********************************
เอื๊อก!!!!!!!!!!!!!!!!
ซีนอารมณ์แบบนี้ทำไมมันช่างยากเย็นนัก T^T
หายไปนานเพราะติดงานและสัมมนาจ๊ะ...
ไรท์พยายามปลีกตัวและแอบเมินกองงานมานั่งปั่นฟิคให้
เพราะคิดถึงรีดทุกๆคนที่แวะเวียนมาอ่านความคิดเพี้ยนๆของไรท์ ><
หลังจากนี้ อาจจะมาๆหายๆอีกสักพักเพราะงานหนักมาก
วันนี้วันเกิดเฮียพอดีเลยอัพให้ซะเลย
แอบสปอยส์สักหน่อยละกันเนอะสำหรับตอนหน้า
อะไรเอ่ยแอบคบกัน?? >< อะไรเอ่ยดีแตก อุ๊บส์!!!
เจอกันเมื่อปั่นเสร็จค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อร๊ายยยต้องตื่นเต้นหน้าดู
มาร์คแบมนี่คือาราย แบมไปเป็นเมียมาร์คตอนไหนมาเคลียร์เลยนะ5555555555555
เฮียแจ็คนี่รักแจไหม หรือยังไม่รู้หัวใจตัวเอง โอ๊ยยอินๆๆ
ตกลงนี่บังคับน้องให้เป็นแฟนใช่มั้ยเนี้ยยยย รักเค้าก็บอกไปเลยเซ่><
จริงๆอยากให้จงฮยอนเจ้าชู้โน๊ะ เพราะถ้าจงฮยอนแสนดีแบบนี้ มันเลยดูใจร้ายไปหน่อย สงสาร แจก็สงสาร ยูคก็สงสาร เหลือก็แต่เฮียแจ็คเนี้ยแหละ เมื่อไหร่จะเลิกอารมณ์ สงสารแจบ้าง แจ็คสันคนเลว ชิ
มาต่อเร็วนะคะไรท์ สู้ๆค่า