ตอนที่ 12 : โกหก 100%
เห้อออออ!!!!!
ยองแจถอนหายใจยาวก่อนจะทิ้งร่างทั้งร่างลงบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน หลังจากจบงานประชุมเมื่อวานเขาก็ต้องไปค้างคืนอยู่กับแจ็คสันอีกตั้งหนึ่งคืน และมันแน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะถูกอีกฝ่ายแทะโลม หาเศษหาเลย แทบจะทั้งกลางวันกลางคืน
กว่าที่แจ็คสันจะยอมตื่นแล้วพาเขากลับเข้าเมืองมาก็ต้องเถียงกันอีกยกใหญ่แล้วก็อย่างทุกทีแขนเขาขึ้นรอยช้ำซ้ำจุดที่มันยังไม่หายเป็นของแถมที่ระลึกหลังจากไปประชุมงานด้วยกัน ปะทะคารมกันทีไรต้องเจ็บตัวอยู่ทุกครั้งไป
“อ่า พี่จงฮยอนจะเป็นยังไงมั่งนะ?”
พึมพำอยู่กับตัวเองก่อนจะล้วงเอามือถือมากดโทรหาแฟนที่แทบไม่ได้คุยกันเลยมาทั้งวัน ไม่รู้ว่าจงฮยอนจะน้อยใจเขาไหมที่ไม่ยอมรับสาย
ไม่ใช่ไม่อยากคุยด้วยหรอกนะ แต่พอเขาทำท่าจะรับสายจงฮยอนทีไรแจ็คสันเป็นต้องมาถูกเนื้อถูกตัวเขาทุกที!!
“พี่จงฮยอน”
‘ว่าไง หายไปทั้งวันเลยนะ’ เสียงปลายสายที่ส่งกลับมาบ่งบอกมากเลยว่ากำลังไม่พอใจ ยองแจรู้สึกคอแห้งขึ้นมานิดๆไม่รู้จะเริ่มแก้ตัวจากตรงไหน
“ผมไปประชุมที่ต่างจังหวัดนี่นา ผมบอกพี่ในข้อความไปแล้ว” ทำตามนิสัยอย่างเคย ยองแจเลือกโยนความผิดไปให้จงฮยอนแทน
‘เสียเวลารับสายพี่สักนิดไม่ได้รึไงยองแจ พี่เป็นห่วงเรามากขนาดไหนรู้หรือเปล่า ส่งข้อความไปตั้งยาวก็ตอบมานิดเดียว จะให้พี่ทำยังไง’
“ผมขอโทษครับ คราวนี้ผมผิดเองมันกะทันหันไปหมด อีกอย่างตอนประชุมผมก็ต้องปิดมือถือนี่”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เขาไม่มีอารมณ์เถียงกับใครเลยตอนนี้ทั้งๆที่อยากจะโต้แย้งมากก็เหอะ
‘ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะยองแจ พี่รู้สึกกังวลมากๆเลยนะ’
“ผมไปทำงานจริงๆ พี่ไม่เชื่อใจผมเหรอ?”
‘พี่เชื่อใจยองแจ แต่พี่ก็แค่กลัวว่าเราจะเป็นอะไรหรือเปล่า…ว่าแต่ไปกับใคร’
“ผมก็ต้องไปคนเดียวสิ พี่จะให้ผมไปกับใคร??”
‘พี่ถามเฉยๆนี่ อย่าหงุดหงิดใส่พี่นักสิ แค่นี้ก็น้อยใจจะแย่อยู่แล้วนะ’
น้ำเสียงงอแงที่ส่งมาเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี ยองแจพลิกตัวไปมาบนเตียงก่อนจะเอ่ยเสียงใสกลับไปหา
“วันนี้ผมไปหาได้ไหม? ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งวันนึง คิดถึงจนใจจะขาด”
‘มาจริงเหรอ ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ’
“ผมพูดจริง ว่าจะไปนอนค้างกับพี่เลยด้วยอยากกอด”
‘ให้พี่ไปรับไหมครับ? พี่จะได้ออกไปเลย’
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะนอนสักหน่อยแล้วตอนเย็นๆผมจะเข้าไปเองดีกว่า ผมเหนื่อยแล้วก็ง่วงมากด้วยเอาไว้เดี๋ยวเจอกันนะครับ”
กดวางสายแล้วดันมือถือไปไว้ไกลๆตัว ยองแจปิดเปลือกตาลงอย่างต้องการพัก ร่างขาวนวลถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่ต้องลืมตา เขาขว้างเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกไปตรงมุมห้องแล้วนอนเปลือยอกอยู่บนเตียง หายใจเข้าออกช้าๆอย่างต้องการสงบจิตใจ
ถึงปากจะพูดว่าอยากเจอจงฮยอนแต่ความเป็นจริงแล้วไม่เลยสักนิด ไม่ใช่ว่าแค่ไปค้างคืนกับแจ็คสันแล้วเขาจะเปลี่ยนใจไปชอบฝ่ายนั้นหรอกนะ
ใครมันจะไปใจง่ายขนาดนั้นกัน!!!!
ก็เพียงแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง การต้องสู้รบกับแจ็คสันไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะต้องมาคอยโกหกจงฮยอนอีก เขาไม่อยากทำอะไรแบบนี้สักหน่อย คิดว่ามันง่ายนักหรือไงการต้องมาแบกรับอะไรทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่คนผิด
จะโทษว่าเป็นเพราะเขามารักกับจงฮยอนมันก็คงไม่ใช่ แต่ถึงมันจะใช่จริงๆต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็เลือกที่จะรักผู้ชายคนนี้อีกอยู่ดี
“ขอโทษนะครับ ที่ผมโกหกพี่อีกแล้ว…
“แต่ผมจะปกป้องหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเข้ามาทั้งนั้นนอกจากพี่นะ จงฮยอน”
พูดกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความล้าก่อนที่ร่างขาวผ่องจะขยับตัวให้เข้าที่เข้าทางแล้วเข้าสู่ความมืด อย่างต้องการหยุดความคิดวุ่นวายทั้งหมดไว้ข้างหลัง
20%
“ไปกินข้าวกัน”
เฮือกกกกก!!!!!!
ยองแจที่ยืนอยู่คนเดียวสะดุ้งกับเสียงทุ้มแหบที่กระซิบข้างหู หลังเลิกเรียนพอแยกกับสองคนนั่นเขาก็กะว่าจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโดสักหน่อย ไม่คิดว่าจะโชคร้ายเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด แจ็คสันยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับกำลังอัดบุหรี่ไปด้วยพรางๆก่อนจะพ้นควันกลิ่นเหม็นใส่หน้าอย่างหยาบคาย เขาได้แต่ตีสีหน้าไม่พอใจส่งไปให้ก่อนจะสาวเท้าเดินหนีทันที
“นั่นกำลังคิดจะไปไหน?”
“ผมจะกลับคอนโด”
“บอกว่าให้ไปกินข้าวกันไง!!”
“ไม่ไป อ๊ะ!” พูดลิ้นยังไม่ทันเข้าปาก แจ็คสันก็พุ่งมาประชิดตัว คว้าแขนที่พึ่งหายจากรอยช้ำไปบีบกุมอีกครั้งพร้อมกับกระชากให้เขาเดินตามไปที่รถอย่างเอาแต่ใจ
“อะไรของพี่?? ปล่อยผมนะ ผมไม่หิวข้าวนี่!!”
“อยากไปกินข้าวที่ไหน?”
“อะไร พี่ไม่ได้ฟังผมพูดเลยรึไงกัน???”
“ชเว ยองแจ! วันนี้ฉันอารมณ์ดีนะแต่ตอนนี้กำลังจะหงุดหงิดเพราะนาย ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หุบปากแล้วมาขึ้นรถดีๆ”
แจ็คสันเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะกระชากเขาให้ตามไปอีกครั้ง ถึงแม้จะพยายามฝืนแค่ไหนแต่สุดท้ายยองแจก็จำยอมต้องเดินตามคนๆนี้ไปอยู่ดี เหนื่อยแล้วที่จะต้องออกแรงสู้ด้วย
“เมื่อไหร่พี่จะเบื่อแล้วก็เลิกวุ่นวายกับผม?”
“เมื่อไหร่ที่นายจะเลิกถามคำถามปัญญาอ่อนพวกนี้?”
อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามแถมยังถามกลับมาให้เจ็บใจเล่นอีก ยองแจเลยได้แต่นั่งเงียบๆไม่เอ่ยเถียงเหมือนอย่างเคย มือเรียวขาวคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองเพราะยังไม่ไว้ใจการขับรถของแจ็คสันที่ผีเข้า ผีออกเท่าไหร่
Rrrrrrrrrrrrrrrr
ทุกทีเลย…พออยู่กับแจ็คสันทีไร จงฮยอนเป็นต้องโทรเข้ามาทุกที
สองคนนี้มันมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับกันและกันหรือไง???
ไม่อยากรับเลย ไม่อยากให้จงฮยอนรู้ว่าเขาอยู่กับแจ็คสัน ไม่อยากให้คนๆนั้นไม่สบายใจ ไม่อยากให้คิดมาก!!!
เกลียดสถานการณ์แบบนี้ที่สุด!!!!!!!!!!!
“รับสายซะสิ ฉันรำคาญ”
“ผมไม่อยากรับนี่!”
“หรือจะให้ฉันรับให้นายดีล่ะ?”
“อย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผมนักจะได้ไหม?”
“รับซะ ถ้าไม่อยากให้ฉันรับแทน”
ไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่นัก ยองแจจำต้องหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสายอย่างเสียไม่ได้
“ครับ พี่จงฮยอน”
“ผมเหรอ ตอนนี้กำลังจะกลับคอนโดแล้วล่ะครับ”
“รถไฟฟ้าครับ หือ? พี่ไม่ต้องมารับผมหรอก ผมอยู่กับยูคยอมแล้วก็แบมแบมครับ”
“เอาไว้เจอกันนะครับ ครับ ผมรักพี่นะ”
อีกแล้ว…ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ ‘โกหก’
ถ้าเลือกได้เขาจะโกหกคนที่เขารักไหม มันไม่มีใครอยากโกหกหรอกแต่จะให้บอกว่าอยู่กับแจ็คสันก็ไม่ได้ เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้…
จำเป็นต้องปิดบังไม่ให้จงฮยอนรับรู้เรื่องพวกนี้ ไม่อยากให้รู้เลยสักอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างเขากับแจ็คสัน หรือแม้กระทั่งที่เขาถูกผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้บังคับอะไรสารพัด
ผมขอโทษนะ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกพี่เลยสักนิด
“หึ! โกหกอย่างนั้นเหรอ? นายนี่ก็ฉลาดไม่เบาเลยนะเลือกที่จะปิดบังไอ้โง่นั่น” เสียงเสียดสีของคนที่นั่งฟังเงียบๆแทรกขึ้นมาอย่างนึกสนุก เขาได้แต่กำมือแน่นๆด้วยความโกรธไม่นึกไม่ฝันว่าแจ็คสันจะทรามได้ขนาดนี้
“ถ้านายยอมเลิกกับมันมาคบกับฉันดีๆ ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาโกหกให้เปลืองน้ำลาย”
“นี่! พี่เลิกพูดสักทีได้ไหมครับ จะกินข้าวไม่ใช่รึไงขับๆรถไปสิ” ทนฟังไม่ไหวยองแจเองก็เผลอระเบิดเสียงกลับไปเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้มันยังไง? ที่บ้านไม่รักหรือว่าตอนเด็กแม่ไม่ซื้อตุ๊กตาให้ทำไมร้ายกาจนัก
“ทำไมฉันจะต้องเลิกพูดในสิ่งที่ฉันอยากจะพูดด้วย นายในตอนนี้น่ะถ้าไอ้จงฮยอนมันรู้ความจริงจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? มันจะทิ้งนายหรือเปล่านะ”
“หรือว่าจะยังไง มันจะอกแตกตายไหมถ้ารู้ว่าฉันได้นอนกอดนายมาตั้งสองคืน ได้หอมแก้มนิ่มๆของนาย ได้จูบคอขาวๆนั่น”
“อยากรู้จริงๆว่าสีหน้ามันจะเป็นแบบไหน…”
“พอสักทีเถอะ!!! พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไงกัน”
“พอเหรอ??? มันจะง่ายไปหน่อยไหมมาบอกให้ฉันพอ”
“ผมไม่ใช่สิ่งของที่พี่นึกจะอยากได้ก็จะมาหยิบมาคว้าไปนะ!!!”
“ฉันไม่สน!! อะไรที่ฉันอยากได้ฉันก็ต้องได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของไอ้จงฮยอนทุกๆอย่างรวมไปถึงตัวของนายด้วย จำเอาไว้!!!!”
ตกใจกับเสียงตะคอกจนต้องเบือนหน้าหนี ยองแจกำลังรู้สึกกลัว…สองมือประสานเข้าหากันแล้วบีบสุดแรงที่มีเพื่อบรรเทาอาการสั่นไม่ให้มันแสดงออกมา หน้าหวานใสเชิดขึ้นถึงแม้ตอนนี้เขาจะกลัวแจ็คสันจนอยากจะร้องไห้ก็ตาม แต่ยิ่งพยายามฝืนเท่าไหร่ ร่างกายเขาก็ยิ่งสั่นเท่านั้น
อดทนไว้ยองแจ…
ไม่รู้ว่าแจ็คสันหงุดหงิดหรือเป็นเพราะอะไร อีกฝ่ายเร่งเครื่องยนต์จนรถที่วิ่งเร็วอยู่แล้วแทบจะบินได้ ยองแจเกร็งตัวให้ฝังติดเบาะมากที่สุดด้วยกลัวว่าถ้าเสียหลักมาเขาอาจจะทะลุออกไปนอกรถก็ได้ถึงแม้จะขาดเข็มขัดไว้อย่างนี้
แต่พอมองออกไปนอกรถนี่มันทางกลับคอนโดเขานี่ ทำไมถึงพาเขามาแถวๆนี้กัน ได้แต่นึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่เอ่ยถามออกไปด้วยยังรู้สึกกลัวท่าทางเมื่อกี้ของแจ็คสันอยู่ แต่ไม่ทันให้ต่อมสงสัยได้ทำงานหนัก แจ็คสันก็จอดรถที่หน้าคอนโดของเขาพอดี คนขับดับเครื่องยนต์แล้วหันหน้ากลับมาหา
“ฉันไม่อยากกินข้าวแล้ว ลงไปซะ”
เสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ที่ส่งมาทำให้ยองแจทำตัวไม่ถูก เหมือนสติยังไม่กลับเข้าร่างยองแจเลยได้แต่นั่งนิ่งๆไม่ขยับตัวไปไหนสักทีซึ่งนั่นคงสร้างความรำคาญใจให้เจ้าของรถเพราะอึดใจต่อมาแจ็คสันก็ตะคอกกลับมาอีกจนร่างบางสะดุ้งสุดตัว
“ฉันบอกให้ลงไปไง ทำไมยังไม่ลงไปอีก!!!”
ด้วยความที่กลัวอยู่ก่อนหน้าแล้ว ยองแจจึงรนลานทำอะไรไม่ถูก มือเรียวสั่นระริกไปหมดจนไม่สามารถจะปลดล็อกเข็มขัดที่คาดตัวเขาอยู่กับเบาะเอาไว้ได้ ยิ่งพยายามแกะเท่าไหร่มือก็ยิ่งสั่นมากขึ้นไปเท่านั้น ไหล่บางเองก็เริ่มไหวอย่างควบคุมไม่ได้ก่อนที่หยดน้ำตาจะล่วงแหมะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮึก ฮึกก”
หลุดเสียงสะอื้นออกมาในที่สุดใบหน้าหวานนองไปด้วยน้ำตา สองมือที่พยายามจะปลดเข็มขัดแต่แรกเปลี่ยนเป็นเขย่าสายรัดนิรภัยอย่างแรงเพื่อหวังจะให้มันหลุดออกมาสักที ตอนนี้เขาไม่มีสติแม้แต่จะฉุกคิดว่าวิธีปลดเข็มขัดมันทำยังไง
เขากลัวการต้องนั่งอยู่ตรงนี้…ข้างๆผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
หลังจากพยายามกระชากจนสุดแรงมันก็หลุดออกมาสักที ยองแจหมุนตัวกลับไปจะเปิดประตูรถแต่แล้วร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกดึงให้หันกลับไปสู่ทิศทางเดิมด้วยแรงของคนที่นั่งมองเงียบๆอยู่ตั้งแต่แรก
“…”
ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากจูบแผ่วเบาที่จู่โจมริมฝีปากของเขา สองมือหนาของแจ็คสันโอบล้อมใบหน้าขาวนวลไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสได้ขัดขืน จูบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวครั้งนี้ไม่ได้มีความรุนแรงเหมือนครั้งก่อนหน้า
มันนุ่มนวล อ่อนหวาน ราวกับว่าอีกคนกำลังปลอบโยนให้เขาเลิกร้องไห้…
แจ็คสันค่อยๆเลาะเล็มไปตามริมฝีปากที่สั่นระริกของเขามอบความหวานละมุนให้เนิ่นนานจนเสียงสะอื้นที่มีถูกกลืนหายลงไปในลำคอก่อนจะผละออกไปอย่างเชื่องช้า
มือหนาที่ครอบกุมใบหน้าไว้แต่แรก ส่งนิ้วมาเกลี่ยหยดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน แต่ยิ่งแจ็คสันพยายามจะเช็ดมันออกไปเท่าไหร่ น้ำตาของเขายิ่งไหลออกมาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ยองแจก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
“เลิกร้องได้แล้ว…ฉันไม่ชอบน้ำตาเท่าไหร่นักหรอกนะ”
“ยิ่งเวลามันอยู่บนใบหน้าของคนปากดีอย่างนาย…ฉันยิ่งไม่ชอบ”
“เพราะอย่างงั้นหยุดร้องเหอะนะ”
เสียงทุ้มแหบเอ่ยออกมาพร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากและข้างแก้มทั้งสองของเขาอย่างแผ่วเบาจนหัวใจของยองแจกระตุกวูบด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ตีรวนปนเปกันไปหมด
มือสั่นระริกถูกส่งไปดันหน้าอกกว้างของคนที่พยายามปลอบออกอย่างช้าๆ ยองแจไม่ได้พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว เขาหันหลังกลับมาแล้วรีบลงไปจากรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
คนตัวขาววิ่งสุดฝีเท้าเพื่อจะกลับเข้าไปในคอนโด เขาร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังหวั่นไหวกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้
ไม่อยากยอมรับเลยแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า…หัวใจของเขาไหววูบกับท่าทีแบบนั้นของแจ็คสัน
ทำอะไรไม่ถูก…
แจ็คสันเองถึงกับประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่คิดว่ายองแจจะกลัวเขาขนาดนั้นแล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเด็กคนนั่นจะ ‘ร้องไห้’
น้ำตาสีใสๆที่ไหลลงมาจากดวงตาเรียวเล็กคู่สวยมันเหมือนกับเข็มแหลมๆที่ทิ่มเข้ามาในหัวเขาไม่มีผิด ไหนจะท่าทางสั่นกลัวเหมือนลูกนกนั่นอีก ทั้งหมดที่ยองแจแสดงออกมามันทำให้เขาเสียการควบคุมไปเหมือนกัน
ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะทำให้ยองแจร้องไห้ ตอนแรกกะแค่ยั่วโมโหอีกฝ่ายเล่นเฉยๆแต่ไปๆมาๆก็เป็นเขาเองที่เผลออารมณ์เสียจนพาลทำให้ยองแจต้องเป็นแบบนั้น
ขอโทษนะยองแจ…
ต่อให้ฉันต้องทำให้นายร้องไห้อีกกี่ครั้ง ฉันก็จะไม่หยุด
จนกว่านายจะเป็นคนของฉัน!!!
“อะไรนะ”
“ไม่ล่ะครับ วันนี้ผมเบื่อไม่อยากไปค้างที่ไหนกับใครทั้งนั้น”
“ก็แล้วแต่เลยละกัน จะพาใครไปนอนด้วยก็ไม่จำเป็นจะต้องมาบอกผมนี่”
“น่ารำคาญ”
แบมแบมกดตัดสายด้วยความท่าทางไม่สนโลก มือเรียวเล็กยัดมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างสบายใจโดยไม่สนเลยว่าคู่สนทนาในสายจะเป็นอย่างไร เขาจำเป็นต้องแคร์คนที่เคยนอนด้วยเสียเมื่อไหร่ ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกสักหน่อยที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกายกับเขา ที่ผ่านมาก็มีแต่พวกน่าเบื่อทั้งนั้นคนที่อยู่ทนอยู่นานที่สุดเห็นว่าจะเป็นฮันบินนั่นแหละ
จะว่าไปเขาเองก็ชื่นชอบฮันบินอยู่เหมือนกัน…หน้าตาก็หล่อเหลาเอาเรื่อง แถมลีลาบนเตียงยังไม่เบาอีกต่างหาก
แต่ถ้าหากจะให้ผูกมัดก็คงต้องโบกมือลา เขาไม่พร้อมจะผูกตัวเองไว้กับใครทั้งสิ้น
พอเลิกเรียนแล้วไม่ได้อยู่กับสองคนนั่นก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน ยองแจก็กลับคอนโดเพราะอยากนอน ยูคยอมก็รีบกลับไปเล่นเกมส์อีกเลยมีแต่เขาที่ต้องมาเดินเที่ยวที่ห้างคนเดียวแบบนี้
ไหนๆก็มาแล้วถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าใหม่เลยแล้วกัน แฟชั่นที่เข้าอาทิตย์นี้ก็น่าสนใจมากๆซะด้วย
คิดอย่างนั้นร่างเพรียวเล็กเลยพาตัวเองไปยังร้านเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดและมีแบบเสื้อผ้าถูกใจเขามากที่สุด แบมแบมเลือกตัวนั้นตัวนี้มาวางเรียงไว้ก่อนจะลองทุกตัวด้วยความอารมณ์ดี
“มาร์คขา ตัวนี้เหมาะกับจินนี่ไหม?”
“ครับ”
“พูดจริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ จินนี่ใส่อะไรก็ดูสวยไปหมดแหละครับ”
แบมแบมที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องลองเสื้อเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้ทันทีเมื่อได้ยิน
แหยะ!!! ไอ้ประโยคสนทนาเน่าหนอนนั่นมันอะไรกัน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยมันไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่อยู่บนเรือนร่างหรอกมันจ้องแต่จะถอดออกทั้งนั้นแหละ ว่าแต่เสียงไอ้ผู้ชายนี่มันก็คุ้นๆดีนะ…
ช่างเหอะ เสียงผู้ชายส่วนใหญ่มันก็ทุ้มแบบนั้นเหมือนกันหมด…
คนตัวเล็กส่ายหัวไปมาอย่างนึกขำๆความคิดตัวเอง หลังจากสำรวจดูว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่เหมาะกับรูปร่างแล้วแบมแบมก็จัดการเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมแต่อยู่ดีๆมือถือเจ้ากรรมดันส่งเสียงร้องขึ้นมาซะก่อน
“ว่าไงยูคยอม”
“อะไรนะ รายงานนายอยู่ที่ฉันงั้นเหรอ?”
“เอามาใส่กระเป๋าฉันทำไมเล่าไอ่โง่ เออๆเดี๋ยวจะเอาไปให้ที่ห้องก็แล้วกัน งี่เง่าจริงๆ”
“ห๊ะ! รีบด้วยเหรอ อืมๆอีกชั่วโมงละกันซื้อของอยู่”
แบมแบมกดวางสายอย่างหัวเสีย ก่อนจะรวบเอาเสื้อผ้าที่จะซื้อขึ้นมาถือไวโดยไม่ใส่ใจจะติดกระดุมด้านบนให้ครบทุกเม็ดเพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องระวังอะไรมาก
ร่างบางเปิดประตูห้องลองเสื้อออกมาสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างระหงของผู้หญิงเจ้าของเสียงเล็กแหลมนั่นเข้าพอดี เธอเป็นคนที่หุ่นดีมากๆมีสัดส่วนที่น่าจับจ้องและผิวพรรณนวลผ่องน่าหลงใหลหน้าตาก็จัดว่าสวยมากเลยเหมือนกันแต่คงจะดีกว่านี้ถ้าลดเครื่องสำอางที่โบกหนาอยู่บนใบหน้าลงอีกสักนิด
“มาร์คคะ จินนี่อยากได้ชุดนี่จัง”
หญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงเพลิงหมุนตัวไปมาหน้ากระจกก่อนจะหันไปหาผู้ชายตัวสูงที่ก้มๆเงยๆอยู่กับมือถือมากกว่าจะสนใจคู่เดทของตัวเอง
“ไหนครับ”
เจ้าของชื่อขานรับเนือยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นสำรวจผู้หญิงที่กำลังอวดชุดสีสวยที่สวมอยู่บนร่างเธอ พอคนที่ก้มหน้าในตอนแรกเงยหน้าขึ้นมาแบมแบมแทบจะหยุดลมหายใจของตัวเอง
สายตาของเขาที่มองผ่านกระจกเงาสบเข้ากับดวงตาคมมีเสน่ห์ชวนฝันอย่างไม่ตั้งใจ คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอถึงแม้จะอยากเจอมากขนาดไหนก็ตามตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าแถมดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าเขาเหมือนกัน ถึงว่าสิทั้งชื่อทั้งน้ำเสียงมันคุ้นหูจนน่าประหลาด
“สวัสดีครับพี่มาร์ค”
เอ่ยทักไปด้วยเสียงสดใสพร้อมกับรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดส่งไปให้ คนที่ถูกทักกะทันหันลุกพรวดพราดขึ้นมาจนผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าเกือบจะหงายหลังลงไปกองกับพื้น
“น้องแบมแบม”
เสียงเลื่อนลอยที่ตอบกลับมาเรียกรอยยิ้มของเขาให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า คงจะช็อกเลยละสิที่บังเอิญมาเจอกันขนาดนี้แถมยังมากับสาวสุดสวยซะด้วย
“ไม่เจอกันตั้งนาน…สงสัยลืมแบมไปแล้วแน่ๆใช่ไหมครับ”
พูดไม่พูดเปล่า เขาเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะวางเสื้อผ้าที่หอบอยู่ลงบนโซฟาที่นั่งรับรองแขก ด้วยเสื้อที่ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ดกับการก้มลงต่ำทำให้คอเสื้อเชิ้ตเปิดกว้างออกจนมองเห็นไปถึงหน้าอกขาวเนียนเปลือยเปล่าด้านในของเขาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ต้องเงยหน้าดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสอดสายตาเข้าไปสำรวจผิวเนื้อด้านในเขาเรียบร้อย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้โดยสมบูรณ์ แบมแบมผละออกจากกองเสื้อผ้าแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาผู้หญิงที่ชื่อจินนี่ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าสงสัยกับการปรากฏตัวของเขา
“สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยเดียวกับพี่มาร์คยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอ”
“เอ่อ สวัสดีค่ะฉันจินนี่ คุณ…”
“แบมครับ ผมชื่อแบม”
“อุ้ย! ชื่อน่ารักจังเลยนะคะ หน้าตาก็น่ารักด้วย”
ผู้หญิงชุดแดงแสนสวยที่ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วเปลี่ยนท่าทาจากจ้องจับผิดเป็นหญิงสาวอัธยาศัยดีทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่นี่เสแสร้งสุดๆแถมสายตาที่มองส่งมาให้เขายังแฝงไปด้วยอะไรสักอย่างที่ผู้ชายทุกคนรู้ดี
อ่อย!!!!
“บังเอิญจังเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่มาร์คกับ ‘แฟน’ ที่นี่”
“เอ่อ แบมแบมคือว่า”
“เอ๊ะ! ได้เวลาพอดีเลยผมต้องไปแล้ว พอดีนัดเพื่อนไว้ ขอตัวนะครับ”
รวบรัดตัดตอนเอาง่ายๆไม่ปล่อยให้มาร์คได้มีโอกาสพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ร่างบางหันไปคว้ามือนุ่มสวยของผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้ามาก่อนจะก้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หลังมือนั้นพร้อมส่งยิ้มละไมไปให้ แน่นอนว่ายังไงซะเขาเองก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งทำแบบนี้มีเหรอมันจะไม่ได้ผล
จินนี่หัวเราะนิดๆอย่างเขินอายก่อนจะชักมือกลับอย่างไว้ตัว เขาเองก็ทำเพียงแค่ยักไหล่นิดๆก่อนจะเดินไปหยิบกองเสื้อผ้าขึ้นมาหอบเอาไว้แล้วเลยไปที่เคาน์เตอร์ทันที
“ไปก่อนนะครับจินนี่ สวัสดีครับพี่มาร์ค”
“ผมว่าที่เรานัดกันไว้..คงต้องยกเลิกแล้วล่ะ”
“เดทกับแฟนให้สนุกนะครับ”
สาวเท้าออกมาจากร้านด้วยอารมณ์เบิกบานใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแม่นั่นก็เป็นแค่คู่ควงชั่วคราวแต่เขาก็แค่อยากจะแกล้งแหย่ผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นเล่นเฉยๆ บอกว่าจะหาโอกาสไปเดทด้วยกันแต่ตัวเองก็พาสาวมาซื้อเสื้อผ้าเนี่ยนะ ร้ายไม่เบาจริงๆ
มาร์ค ต้วน กิตติศัพท์กระฉ่อนในเรื่องเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า วนมาเจอกับเขาที่ควงผู้ชายไม่ซ้ำคนมันก็สมน้ำสมเนื้อดีเหมือนกันนี่นา
จะว่าไป…มันชักจะสนุกขึ้นมาซะแล้วสิ
*********************
ครบแล้วนะรีดเด้อจ๋า!!!!!!!
ปั่นให้แล้วน้อ ถ้ายังกากๆอยู่ขออภัยนะคะ
หลังจากนี้ จะงดอัพยาวเลยนะคะ ไรท์ใกล้สอบแล้ว
แต่ถ้าสอบเสร็จเมื่อไหร่ ไรท์จะอัพรัวๆๆๆๆๆๆเลยเนอะ ^^
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ <3 <3 <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สู้ๆ นะ ติดตาม กดเฟบแปบ
ดีมากลุกยองแจ หนูจะต้องไม่ใจง่ายนะ เล่นตัวเข้าไว้เยอะๆๆ ฮ่าๆๆ
อย่าไปยอมเฮียแจ็คง่ายๆ