ตอนที่ 11 : ค้างคืน 100%
“ถือว่าเป็นการเริ่มต้นในสายงานของครอบครัวละกันนะยองแจ ลูกไปประชุมแทนแม่หน่อยอีกอย่างพี่แจ็คสันเค้าก็ไปด้วย ลูกจะได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจกับพี่เขาไปในตัว”
ยองแจได้แต่นึกโมโหอยู่คนเดียวเงียบๆ ประโยคคำพูดแกมบังคับของแม่ยังดังก้องอยู่ในหูจนเขาเริ่มรู้สึกตาลาย ถึงแม้จะพยายามหาข้ออ้างว่าเขาติดเรียนบ้างล่ะ ติดกิจกรรมบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็ขัดอำนาจของแม่ตัวเองไม่ได้ถึงต้องมานั่งอยู่บนรถกับคนเจ้าแผนการที่ไปเป่าหูแม่เขาอีท่าไหนไม่รู้
ยองแจแทบไม่ทันได้เตรียมตัวแถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเดินทางออกจากเมืองไปตั้งไกลเพื่อร่วมงานของบริษัทที่ไม่รู้ว่าจะถ่อไปทำไมถึงริมทะเล จัดแถวๆนี้ไม่ได้รึยังไงนะ
“หงุดหงิดอะไรนักหนา” เสียงของคนที่เขาพยายามหนีมาหลายอาทิตย์ดังขึ้นข้างๆแถมน้ำเสียงยังบ่งบอกอีกด้วยว่าอารมณ์ดี
“เสียใจเหรอที่หนีฉันไม่พ้นน่ะ”
“ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าพยายามหนีฉัน หนีไปฉันก็หานายจนเจออยู่ดี”
ยองแจที่ไม่อยากจะโต้เถียงด้วยจัดการเอาหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนจะเปิดเพลงให้มันดังที่สุดเพื่อกลบเสียงน่ารำคาญของแจ็คสันที่ยังคงพูดก่อกวนเขาไม่หยุด แต่ก็อย่างทุกครั้งนั่นแหละแจ็คสันไม่เคยปล่อยให้เขาได้อยู่เงียบๆคนเดียว อีกฝ่ายกระชากหูฟังของเขาไปหน้าตาเฉยแล้วยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองทันที
“อะไร? อยากได้คืนเหรอ? มาล้วงเอาเองสิ” พูดหน้าตายแล้วฉีกยิ้มร้ายใส่เขา ยองแจเลยได้แค่ทำเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอแต่ก็ไม่ยอมพูดตอบกลับไปอย่างที่อีกคนต้องการ
“หึ! ไม่อยากพูดก็แล้วแต่นาย ว่าแต่แม่นายลืมบอกนายไปอย่างนึงนะ”
“พวกเราต้องไปนอนค้างคืนกันสองวัน”
“ห๊ะ!!!!”
ยองแจถึงกับผงะเมื่อได้ยิน มือเรียวขาวสั่นระริกเพราะแรงบีบกำ เขาเผลอกัดริมฝีปากจนห้อเลือดด้วยความหงุดหงิด ทำไมแม่ถึงต้องให้เขามากับผู้ชายหยาบคายคนนี้แถมยังต้องไปค้างคืนอีก
ปวดประสาท!!!
“ทำไมนายชอบกัดปาก” แจ็คสันถามเสียงเรียบก่อนที่มือหนาหยาบจะคว้าเข้าที่ใบหน้า ยองแจที่ตกใจกับการถูกจู่โจมได้แต่นั่งตัวแข็งขณะที่นิ้วของแจ็คสันก็ไล้ไปตามริมฝีปากช้าๆแผ่วเบา ต่างจากทุกครั้ง
“อย่ากัดปากอีก ฉันไม่ชอบเวลามันห้อเลือด” แจ็คสันเอ่ยเบาๆแต่ก็มากพอที่จะดึงสติของยองแจให้กลับมาได้ เขาปัดมือใหญ่ออกแล้วเชิดหน้าหนี
“ยุ่งอะไร นี่ปากผม ผมจะทำอะไรก็ได้”
“ใช่ ปากนาย แต่เดี๋ยวมันก็ต้องเป็นของฉันเพราะอย่างนั้นก็ดูแลมันให้ดีๆ”
“เหอะ ขับรถไปเถอะอย่ามาแตะตัวผม”
“ปากดีจริงๆ” แจ็คสันสวนมาพร้อมกับเพิ่มแรงบีบที่ใบหน้าเขาจนรู้สึกปวดนิดๆแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ ยองแจเลยได้แต่นิ่งไม่สู้ คนที่บีบอยู่ถึงปล่อยมือแล้วหันไปสนใจกับการขับรถเหมือนเดิม
แม่นะแม่…กลับไปได้เมื่อไหร่จะไม่คุยด้วยเลย
หลังจากนั่งรถกันมาได้เกือบสามชั่วโมงก็ถึงโรงแรมที่จัดงาน ทั้งเขาและแจ็คสันรีบเข้าประชุมทันทีงานประชุมครั้งนี้ถึงจะไม่ใช่งานที่ใหญ่โตอะไรแต่ยองแจยอมรับเลยว่าเขาได้ความรู้มามากเลยทีเดียว
หัวข้อบรรยายของนักธุรกิจแต่ละคนมีประโยชน์สำหรับนักศึกษาอย่างเขามาก ยองแจพยายามซึมซับและจดจำท่าทาง วิธีการ รวมไปถึงกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละบริษัทอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่เคยรู้เลยว่าความคิดของพวกผู้ใหญ่ที่มีกิจการใหญ่โตเป็นยังไงและพวกเขาบริหารเวลาแบบไหนการมาประชุมครั้งนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
แต่อะไรๆมันคงจะดีและราบรื่นกว่านี้ ถ้าหากว่าแจ็คสันจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับเขา!!!!
ทั้งๆที่ได้นั่งกันคนละฝากโต๊ะแล้วแท้ๆแต่ผู้ชายหน้าด้านอย่างแจ็คสันก็ยังจะขอเปลี่ยนที่นั่งกับนักธุรกิจหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขาอีก ไอ้ตาคนนั้นก็ดันใจง่ายยอมเปลี่ยนซะได้
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำแบบนี้สักที” ยองแจเค้นเสียงถามด้วยความหงุดหงิด แล้วพยายามขืนมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนข้างๆที่บีบแน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่เลิก มือนายนิ่มฉันอยากจับ” อีกฝ่ายกระซิบตอบขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่กับการนำเสนอโครงการใหม่ของบริษัทคู่ค้าอีกราย
“ผมบอกให้ปล่อย”
“เฮ้ นายอยากรบกวนคนอื่นหรือไงกัน” แจ็คสันขยับเข้ามาใกล้แล้วเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่า เขาที่ไม่อยากสร้างความรำคาญให้ผู้ฟังคนอื่นเลยจำต้องเงียบเสียงลงแล้วยอมให้คนนิสัยเสียข้างๆกุมมือของตัวเองต่อไป
แต่แจ็คสันคงเป็นพวกมักมากและนิสัยเสียจนไม่สามารถแก้ไขได้ พอเขาไม่ขัดขืนจากที่กุมมืออยู่ในตอนแรกแจ็คสันเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆแล้วกดสันจมูกลงบนแก้มเขาอย่างหน้าไม่อาย ยองแจที่ทนไม่ไหวหันกลับไปมองด้วยความไม่พอใจซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก
จุ๊บ!!
พอหันกลับไปสิ่งที่แรกผ่านเข้าสู่สายตาคือปลายจมูกโด่งของคนข้างหลังไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก็ถูกขโมยจูบไปเรียบร้อยโดยไม่มีโอกาสได้ขัดขืนใดๆทั้งสิ้น
“หึ เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด”
แจ็คสันกระซิบด้วยเสียงเหนือกว่าแล้วผละออกไปนั่งกุมมือเขาไว้เหมือนเดิม ยองแจที่พลาดไปแล้วได้แต่สะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้โวยวายออกไป เขาบีบมือที่ถูกกุมไว้อย่างแรงต้องการให้มืออีกข้างที่กุมอยู่เจ็บปวดบ้างแต่พอฝ่ายนั้นส่งแรงกลับมาก็เป็นเขาที่เจ็บซะเอง
เกลียด แต่ก็รู้สึกแปลกๆด้วย!!!
นี่เขากำลังเขินหรือไง ทำไมรู้สึกร้อนที่หน้าขนาดนี้นะ???
30%
“หิวรึยัง? อยากกินอะไร”
เสียงแหบถามหลังจากที่งานประชุมของวันนี้หยุดลง ยองแจที่เดินนำอยู่ด้านหน้าชะงักเท้าเล็กน้อยแต่ก็ยอมหันกลับไปตอบตามมารยาท
“อยากกลับไปกินข้าวที่บ้าน”
ตอบตามจริง เพราะเขาไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนถามสักเท่าไหร่ ยังเคืองๆและยังคงไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้อยู่ดีถึงแม้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะทำให้เขาใจเต้นแปลกๆก็ตาม
“อยากกลับไปกินที่บ้าน บ้านฉันน่ะเหรอ?” เจ้าของคำถามยียวนกลับมาก่อนจะสาวเท้าขึ้นมาประกบด้านข้างอย่างจาบจ้วงจนยองแจผงะไปเล็กน้อย
“พี่นี่ควรจะไปรักษาหูและหายาแก้มโนมากินนะครับ ผมบอกตอนไหนว่าอยากไปบ้านพี่”
“นายไม่ได้บอก แต่หากอยากกลับบ้านก็ต้องเป็นบ้านฉันเท่านั้น”
“งี่เง่า”
ยองแจได้แต่บ่นเบาๆอยู่กับตัวเอง พยายามคิดในแง่ดีว่าอีกหน่อยผู้ชายคนนี้ก็คงจะเบื่อแล้วก็เลิกยุ่งกับเขาไปเองแหละมั้งถึงแม้จะคิดมาเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม แต่ลิ้นยังไม่ทันจะเข้าปากแขนขาวเนียนก็ถูกกระชากอย่างแรงจนแทบล้ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝีมือใคร
“บ่นอะไร ฉันได้ยิน”
“…”
“ฉันหิวแล้ว หาอะไรกินกันเถอะ”
พูดไม่พูดเปล่า มือหนาที่บีบแขนในตอนแรกเปลี่ยนเป็นกุมมือเขาไว้แทนก่อนจะทำสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ถนัดที่สุด บังคับ และ กระชาก ให้เขาเดินตามไป แล้วเขาจะขัดได้ไหมกับแรงขนาดนั้น
“มีแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขออนุญาตทวนรายการอาหารอีกรอบนะครับ”
เสียงบริกรที่มารับออเดอร์บ่นรายชื่ออาหารรัวๆออกมาก่อนจะเดินไปหลังครัว ยองแจที่เบื่อหน่ายได้แต่นั่งเทาคางแล้วเบือนหน้าออกไปมองวิวด้านนอกร้าน
แจ็คสันพาเขามาที่ร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศดูสบายๆถึงแม้ว่าร้านจะดูหรูหรา รอบๆร้านเป็นกระจกที่มองเห็นด้านนอก เปิดเพลงที่เหมาะกับการมานั่งกินอะไรเพลินๆที่ริมหาดมากแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนที่เขาต้องมานั่งด้วยไม่ใช่แจ็คสัน
“ชอบทะเลมากเหรอ?”
“…”
“ฉันถามนี่ได้ยินไหมชเว ยองแจ”
“…”
“ถ้านายยังพยายามทำเหมือนฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้หรือทำเป็นไม่ได้ยินอีก ฉันรับรองได้เลยว่าเราจะจูบกันต่อหน้าคนทั้งร้าน”
สิ้นเสียงของคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า ยองแจถึงกับต้องรีบเบือนหน้ากลับมามองแทบจะทันที เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าแจ็คสันทำอย่างที่ปากพูดแน่ๆและเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเขาก็ควรจะตอบคำถามดีๆและเลิกเมินอีกฝ่าย
“เห้อ ใช่! ผมชอบทะเล”
“อือ คราวหลังจะได้พามาอีก”
แจ็คสันเปรยออกมาเบาๆแต่นั่นก็เรียกให้คิ้วของยองแจขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง??
“ทำไมถึงชอบทะเล?”
ยังไม่ทันได้หายสงสัยคำถามต่อมาก็ถูกถามอีก ยองแจถอนหายใจนิดๆทิ้งตัวลงเอนกับพนักพิงด้านหลังแล้วตอบอย่างไม่อยากจะคุยด้วยสักเท่าไหร่
“ไม่มีเหตุผล ชอบก็แปลว่าชอบ อ้อ..ไม่สิ”
“เพราะทะเลมันไม่น่ารำคาญไงครับ ทะเลไม่เคยบังคับใครและไม่เอาแต่ใจจนน่าเกลียด” ตอบคำถามพร้อมกับเสียดสีคนถามไปในตัว แจ็คสันยักไหล่นิดๆแล้วเอ่ยบางอย่างออกมาจนทำให้เขาแทบจะกลายเป็นหิน
“ก็ถูกของนาย ทะเลมันไม่น่ารำคาญแต่นายก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าที่ใต้น้ำนั่นมันมีตัวอะไรอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดทะเลมันก็ไม่ ‘ชัดเจน’ เท่ากับฉัน”
ไปไม่เป็น…นอกจากจะไม่เคยเจอใครที่น่ารำคาญเท่าแจ็คสัน ยองแจก็ยังไม่เคยเจอคนที่มั่นคงเท่านี้มาก่อนเหมือนกัน ท่าทางของอีกฝ่ายยามที่พูดประโยคเมื่อกี้มันดูดึงดูดแล้วก็น่าประทับใจเล็กๆ ถึงแม้เขาจะเกลียดที่แจ็คสันทำตัวหยาบช้าใส่ แต่ก็นับถือเหมือนกันที่คนๆนี้มักจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ
เขาคงปลื้มอยู่ไม่น้อย…ถ้าแจ็คสันจะมีนิสัยดีและพูดรู้เรื่องมากกว่านี้
หลังมื้ออาหารอันน่าอึดอัดใจผ่านพ้นไป ยองแจก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องที่พักอีกเพราะแจ็คสันไม่ยอมนอนค้างที่โรงแรมจัดประชุม คนตัวโตกว่าลากเขาขึ้นรถแล้วขับออกมาหาโรงแรมที่ใหม่โดยที่เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขืนอีกเหมือนเดิม
“ขอประทานโทษด้วยนะครับ ตอนนี้ทางโรงแรมเหลือห้องพักแค่ห้องเดียวเพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากเลย แต่ห้องที่เหลืออยู่นี่เป็นห้องสวีทนะครับนอนสองท่านได้สบายๆ” พนักงานต้อนรับหน้าหล่อเอ่ยเสียงสุภาพแต่ตอนนี้ยองแจไม่อยากจะสุภาพกลับไปหรอกนะ
เหลือห้องเดียว นอนด้วยกัน มันคืออะไร?????
ไม่มีทาง ยังไงก็ไม่มีทาง ให้เขานอนในรถคนเดียวเถอะ สบายใจกว่าเยอะ!!!
“ครับ เอาห้องนั้นแหละผมก็ขี้เกียจขับรถไปที่อื่นแล้วเหมือนกัน” แจ็คสันสั่งเสียงเรียบแล้วหันหน้ามาทางเขา ยองแจที่แน่นอนว่าไม่ยอมนอนด้วยชักสีหน้าใส่ทันที
“อะไรของพี่ มันมีแค่ห้องเดียวก็กลับไปที่โรงแรมเดิมสิ เขามีห้องพักรับรองสำหรับนักธุรกิจอยู่แล้วไม่ใช่รึไง??”
“มันไกล ฉันขี้เกียจขับรถ”
“ผมขับให้ก็ได้ พี่ก็แค่นั่งเฉยๆไป เอากุญแจมา”
“รถฉัน ทำไมฉันต้องให้นายขับเกิดพาไปลงข้างทางจะทำยังไง”
“ผมก็ขับรถเป็นนะ ผมไม่อยากนอนที่นี่มันมีห้องเดียว ไม่งั้นก็ขอให้ผมนอนในรถพี่ก็ได้”
“อย่ามาเรื่องมาก ฉันอุตส่าห์เปิดห้องสวีทก็ไปนอนดีๆ”
“ผม ไม่ นอน กับ พี่!!!!”
ยองแจแทบจะตะเบ็งใส่หน้าด้วยความโมโห เรื่องอะไรเขาจะต้องมานอนกับผู้ชายคนนี้ด้วย แจ็คสันที่โดนโวยวายใส่ไม่มีท่าทีแปลกใจแถมยังทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยด้วย
“เอ่อ…ผมว่าใจเย็นๆก่อนนะครับ ถ้าไม่สะดวกใจเดี๋ยวผมจะลองหาดูว่ามีแขกท่าไหนเช็คเอ้าท์ออกไปรึยัง”
“ก็ดี/ไม่ต้อง” เสียงสองเสียงแทบจะประสานกันถึงแม้จะเป็นคนละประโยคแต่เมื่อมันถูกเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันก็แทบจะแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร
“ตกลงเอายังไงครับ” ถึงแม้เสียงจะสั่นๆไปหน่อยแต่พนักงานตอนรับหนุ่มจำเป็นต้องถามออกไป นั่นมากพอที่จะเรียกให้บุคคลทั้งสองหันกลับไปมองที่ใบหน้าคนถามแทบจะทันที
“เอากุญแจมา!!”
เป็นแจ็คสันที่ชิงตอบไปก่อน ตัวตัวหนาคว้าหมับเขาที่แขนของเขาแล้วบีบอีกครั้งอย่างแรง แต่ยองแจก็ขืนตัวสู้เต็มที่ให้ตายยังไงเขาก็จะไม่นอนกับแจ็คสันเด็ดขาด
“ไม่ต้องเอากุญแจให้เขา เราจะไม่พักกันที่นี่!!”
แหกปากใส่ทันทีอย่างโมโห ยองแจกระชากแขนตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่มือแกร่งที่จับอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะคลายออกแต่อย่างใด ยิ่งเขาดิ้นรอยแดงที่แขนก็ยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อ..คือ ผม”
“ส่งกุญแจมาได้แล้ว!”
แจ็คสันเอ่ยเสียงเย็นใส่ฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ยอมยื่นกุญแจมาให้สักที สีหน้าที่นิ่งสงบในคราวแรกดูเขียดขึงราวกับยักษ์ ไม่รอให้พูดซ้ำกุญแจห้องถูกส่งให้ถึงมือทันที
แจ็คสันคว้ากุญแจมาได้ก็หันมาจัดการกับเขาที่ยังพยายามงัดแงะมือหนาออกอย่างยากลำบากต่อ คนที่เหนือกว่าเพิ่มแรงบีบจนยองแจต้องนิ่วหน้า เขาเจ็บจนน้ำตาซึมเล็กๆแต่ก็ไม่ยอมแพ้ให้ง่ายๆ
“ปล่อยผมนะ พี่อยากจะนอนก็ไปนอนคนเดียวผมจะนั่งหลับอยู่แถวๆนี้แหละ”
“ชเว ยองแจ!”
“ผมบอกว่าให้ปล่อยผมไงเล่า!!”
“ยองแจ! นายอยากโดนเหมือนคราวที่แล้วหรือไง???”
เงียบเสียงลงในทันใด ภาพเหตุการณ์เดิมวนมาฉายซ้ำในหัวอัตโนมัติอย่างกับมีคนไปเปิดมัน ยองแจนิ่งงันด้วยความกลัว เขายังจำสีหน้าและท่าทางนั้นของแจ็คสันได้ดีและไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
ใบหน้าหวานส่ายไปมาอย่างนึกกลัว สายตาดื้อรั้นในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นคลอหน่อยด้วยน้ำตาขึ้นมาเสียดื้อๆถึงแม้เขาจะเป็นคนไม่ยอมคนแต่ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นอีกก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
“ถ้าอย่างงั้นก็อย่าดื้อให้มาก มานี่”
แจ็คสันคลายแรงบีบที่แขนออกเล็กน้อยก่อนจะดึงให้เขาเดินตามไปติดๆ ยองแจที่รู้ว่าสู้ยังไงก็แพ้จำยอมต้องเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
ทำไมฟ้าต้องส่งคนแบบนี้มาเกิดด้วย…
ทำไมจงฮยอนจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนี้…
แล้วทำไมคนที่ซวยกว่าใครเพื่อนต้องเป็นชเว ยองแจ ด้วยล่ะ!!!
ตั้งแต่ขึ้นห้องมาเขาก็ไล่ให้เจ้าคนตัวขาวไปอาบน้ำก่อน แจ็คสันเดินสำรวจทั่วๆห้องก่อนจะฉีกยิ้มกับตัวเองเล็กๆ ก็จริงอย่างที่ยองแจบอกนั่นแหละโรงแรมที่จัดงานประชุมมีห้องพักรับรองให้แต่นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องแยกห้องนอนกับเด็กนี่
เรื่องอะไรจะต้องแยกห้องนอนด้วย!!!
อุตส่าห์คิดแผนมาตั้งหลายวัน ไหนกว่าจะไปกล่อมแม่อีกฝ่ายให้เห็นด้วยกับเขาก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย แม่ลูกคู่นี้ฉลาดเป็นกรด ทันคนและเหลี่ยมจัดพอตัวถ้าเขาไม่แพรวพราวก็คงโดนดักทางได้หมดเหมือนกัน
‘คุณน้าครับ งานประชุมครั้งนี้ผมว่าคุณน้าให้ยองแจไปแทนดีไหม พอดีช่วงนี้ผมกับยองแจไม่ค่อยได้เจอกันเลยไม่มีโอกาสได้ลองคุยเรื่องธุรกิจสักที’
‘ไปงานประชุมงั้นเหรอ? ยองแจไม่เคยทำอะไรแบบนั้นซะด้วยสิจะไหวรึเปล่า’
‘ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเองก็ไปเหมือนกันให้ยองแจไปกับผมเลยก็ได้จะได้เป็นการเปิดโอกาสให้ยองแจได้เรียรู้การทำงานไงครับ’
‘ไปกับคุณแจ็คสันเหรอคะ? เอ..ฉันจะมองเจตนาคุณไปในทางอื่นได้หรือเปล่านะ’
‘อย่าคิดในแง่ร้ายสิครับ ผมดูเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ’
‘อันนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะ’
‘เอ่อ ผม’
‘ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ เอาเป็นว่าฉันจะให้ยองแจเป็นตัวแทนฉันไปละกันยังไงก็รบกวนคุณแจ็คสันดูแลแกให้ด้วยนะคะ’
‘ด้วยความยินดีครับ’
แจ็คสันนึกทวนไปถึงตอนที่คุยกับแม่ของยองแจ ชเว แจอึน ผู้หญิงที่มักจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาที่คุยกับเขาแต่เขารู้ดีว่าแจอึนเป็นคนที่ฉลาดและน่ากลัวมากเพียงใด
นิสัยเด็ดเดี่ยวไม่ยอมคนของยองแจไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหมือนใคร ขนาดลูกยังร้ายอย่างนี้คนเป็นแม่จะขนาดไหนก็ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย
เขาเปิดระเบียงออกไปด้านนอกแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบเพื่อผ่อนคลายตัวเอง ใช่ว่าเขาจะรู้สึกดีเวลาเห็นยองแจต้องเจ็บตัวเพราะเขาแต่เด็กนั่นมันดื้อและชอบทำให้อารมณ์เสียถึงแม้ยองแจจะไม่ผิดแต่ก็ช่วยไม่ได้สักหน่อย
ถ้ายอมเป็นของเขาตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาเจอด้านร้ายๆของเขาหรอก!!!
แต่ก็นะ…ง่ายไปมันก็ไม่น่าสนใจอยู่ดี
ร้ายแบบนี้แหละ เร้าอารมณ์ดิบมากกว่าเยอะ!
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นด้านในห้อง แจ็คสันจัดการบี้อาวุธร้ายทำลายปอดแล้วหมุนตัวเดินกลับเขาไปด้านใน เขาชะงักเล็กน้อยตอนเห็นยองแจที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ
ใบหน้าขาวใสดูสะอ้านตามากกว่าเดิม ผมที่ยังเช็ดไม่แห้งทำให้ยองแจดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกองแถมตอนนี้เด็กตัวขาวยังอยู่ในเสื้อตัวโครงของเขาอีกยิ่งทำให้น่าหลงใหลเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องสงสัยหรอกเจ้านี่ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาสักตัวแต่ในรถเขามีเสื้อผ้าเยอะเพราะชอบออกไปนอนนอกบ้านบ่อยๆ
แจ็คสันยืนสำรวจอีกคนเงียบๆโดยไม่เข้าไปก่อกวนอย่างที่เคย แต่แล้วสายตาคมก็ไปสะดุดเข้ากับแขนขาวเนียนที่ขึ้นรอยช้ำเพราะฝีมือเขา มันเป็นจ้ำๆแล้วก็ห้อเลือดจนดูน่ากลัว
“เจ็บมากไหม?”
ถามเสียงเรียบออกไปก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนนิ่มขึ้นมาสำรวจ ยองแจสะบัดตัวออกแล้วเดินหนีไปอีกทาง สร้างความไม่พอใจในอกให้เขาอยู่ไม่น้อย
“ไกลหัวใจ ไม่ตายง่ายๆหรอกครับ”
“ถามดีๆ ทำไมต้องทำตัวไม่น่ารัก”
“เรื่องของผม” เจ้าเด็กนั่นเดินหนีไปอีกฝากจนเขาเริ่มโมโหขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าถึงตัวยองแจตอนไหนแต่ที่แน่ๆเขาบีบซ้ำรอยเก่าลงไปอีกแล้ว
“อ๊ะ! ผมเจ็บนะ!!”
เสียงของยองแจเรียกสติเขาให้กลับมา แจ็คสันคลายแรงลงทันทีแขนที่ช้ำอยู่แล้วของยองแจทวีความบอบช้ำขึ้นไปอีกจนดูน่ากลัวกว่าเดิม เขาผละออกไปจากตรงนั้นแล้วจัดการค้นหาของบางอย่างในกระเป๋าตัวเองจนเมื่อเจอแล้วจึงหันไปเรียกอีกคน
“มานี่”
เอ่ยเรียกเบาๆแต่นั่นก็มากพอจะทำให้ยองแจยอมเดินมานั่งที่เตียงแต่โดยดีถึงแม้ใบหน้าสวยจะหงิกงอด้วยความโกรธหรือเกลียดอยู่ก็ตาม
“เอาแขนมาดู”
ไม่ต้องให้พูดมากเหมือนเคย ยองแจยื่นแขนข้างที่ช้ำมาให้เขาดู แจ็คสันจับอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆไล้นิ้วไปตามรอยแดง ลองกดดูเบาๆว่าตรงไหนเจ็บมากเจ็บน้อย สำรวจจนแน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรมากก็จัดการเอาเจลประคบอาการฟกช้ำที่ตัวเองพกมาด้วยวางลงไปอย่างเบามือที่สุดพร้อมกับเอาผ้าขนหนูมาพันไว้ลวกๆแเพื่อประคองเจลประคบแทนมือของเขา
“ประคบไว้สักพัก จะนอนเมื่อไหร่ก็ค่อยเอาออก”
บอกเสร็จก็ลุกขึ้นเก็บของเตรียมตัวอาบน้ำ เขาเหนื่อยแล้วก็อยากพักผ่อนมากๆการพายองแจมาวันนี้ทำเอาเขาเหนื่อยพอตัวเลย ฤทธิ์เยอะจนน่าจับกดให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
หลังจากผละออกมาเข้าห้องน้ำ แจ็คสันก็ได้ยินเสียงพึมพำๆของคนด้านนอกดังขึ้นไม่ต้องให้เดาก็พอรู้ได้ ว่ายองแจคงโทรหาไอ้ผู้ชายคนนั้นอยู่
จากที่แอบฟังน้ำเสียงที่ยองแจคุยกับจงฮยอนดูร่าเริงจนรู้สึกอิจฉาไอ้คนทางปลายสายขึ้นมาตงิดๆ ไหนจะคำพูดที่ดูออดอ้อนนั่นอีก พอฟังแล้วรู้สึกอารมณ์ขึ้นจนอยากอาละวาด
เขาอยากเดินออกไปแล้วปิดปากเด็กนั่นด้วยปากของเขาจริงๆ ไอ้ถ้อยคำบอกรักพวกนั้นมันอะไรกัน เสียดแทงความรู้สึกจริงๆ
ยองแจที่ยังคุยโทรศัพท์ไม่ทันจบเขาก็อาบน้ำเสร็จพอดี คนตัวหนาสวมเสื้อผ้าเสร็จก็รีบออกจากห้องน้ำเลยไม่ใช่อะไรหรอกจะไปแหย่ไอ้คนอีกฝากของโทรศัพท์ยองแจเล่น
“พี่ก็รีบๆนอนได้แล้วนะจงฮยอน อย่าหักโหมมากนะครับผมไม่ได้อยู่ด้วยแล้วเอาใหญ่เลยนะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของยองแจยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อออกมาฟังจากนอกห้องน้ำแบบนี้ แจ็คสันขมวดคิ้วอย่างลืมตัวกับไอ้ประโยคน่ารักๆแบบนั้น
อิจฉาจนรู้สึกรับไม่ได้แปลกๆ
“ทำไมนายยังไม่นอนอีก”
พูดออกไปด้วยเสียงอันดัง ตอนนี้เสียงเขาทะลุไปถึงคนในสายเรียบร้อยแล้ว ยองแจหันหน้ากลับมามองเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะเอามือปิดโทรศัพท์ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงเขาเล็ดลอดเข้าไปอีก
‘มีอะไรยองแจ เสียงใคร’ เสียงจากทางนู้นดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารของผู้ร่วมห้องที่จ้องเขาตาขวางอยู่ แจ็คสันยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
‘ยองแจ อย่าเงียบสิครับ มีอะไรเกิดขึ้น’
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่จงฮยอน เสียงทีวีน่ะ ผมกำลังดูหนังอยู่” ยองแจปฏิเสธเสียงนิ่งถึงแม้หน้าตาจะบูดบึ้งไม่พอใจที่เขาแทรกเสียงขึ้นไปเมื่อกี้ก็ตาม
“พี่ครับ เอาไว้เดี๋ยวผมกลับไปแล้วผมจะไปหาที่ห้องนะ ตอนนี้ผมเริ่มง่วงแปลกๆแล้วสิ” ยองแจที่นั่งสบตากับเขาพยายามจะหาเรื่องวางสายคงเพราะกลัวว่าเขาจะพูดอีกสินะ
ไม่พูดหรอก ทำอย่างอื่นแทนดีกว่า!
คิดอย่างนั้นเขาก็ย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงทันที ยองแจผงะเล็กๆเมื่ออยู่ดีๆเขาก็ปราดเข้าไปถึงตัว ยื่นมือเข้าไปผลักให้คนที่นั่งอยู่แต่แรกหงายหลังลงไปบนเตียงก่อนจะตามขึ้นไปคร่อม
ครั้งนี้ยองแจไม่กล้าส่งเสียงโวยวายใดๆเพราะไม่อยากให้ไอ้จงฮยอนมันรู้ว่าอยู่กับเขา อย่างนี้มันก็โอกาสทองเลยน่ะสิเขากดใบหน้าตัวเองลงไปหาอย่างคุกคามแต่ไม่ให้เกินไปเพราะอยากจะสบตาท้าทายอีกฝ่ายเล่นๆ
ยองแจกัดฟันด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ด่าทอออกมาอยู่ดี ทำเพียงแค่พูดคุยกับคนในสายด้วยน้ำเสียงปกติเท่านั้น ยิ่งเห็นแบบนี้เขายิ่งอยากแกล้งขึ้นไปใหญ่
จากที่ก้มหน้าลงไปใกล้แล้วเขาก็กระชับความสัมพันธ์ด้วยการก้มลงไปใกล้อีกจนปลายจมูกสัมผัสกัน ยองแจนิ่งไปในที่แรกก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไปอีกข้างทำให้เป้าหมายเขาคลาดเคลื่อนจากริมฝีปากสีสวยเป็นแก้มขาวเนียนแทน อุบัติเหตุชัดๆเลยแต่ไหนๆจมูกก็หล่นมาโดนแก้มแล้วขอหอมหน่อยแล้วกัน
“พี่จงฮยอนยังไม่ง่วงอีกเหรอครับ อ๊ะ ผมน่ะเริ่มจะ งื้อ งะ ง่วงนิดๆแล้วจริงๆนะ”
น้ำเสียงนิ่งๆในตอนแรกหายไปกลายเป็นเสียงสั่นเทาหวานๆแทน ยิ่งยองแจทำเสียงแบบนั้นเขายิ่งรู้สึกว่าต้องแกล้งให้แรงกว่าเดิม จากที่แค่หอมเบาๆตอนนี้เขากดสันจมูกลงไปแรงๆจนเกิดรอยแดงเล็กๆที่แก้มนวลขาว
“อึ๊ย! ผมง่วงมากเลยนะ”
ยองแจพยายามจะหันหน้าหนีแต่กลับกลายเป็นว่าเปิดทางให้เขาโจมตีซอกคอขาวแทนซะอย่างนั้น ไม่รอช้าที่จะไล้ริมฝีปากไปตามซอกคอหอมๆของคนใต้ร่าง แจ็คสันเก็บเกี่ยวอย่างเอาแต่ใจตราบใดที่ยองแจยังไม่ขัดขืนก็ถือว่าเวลาเป็นของเขา
“ฝะ ฝันดีนะ อ๊ะ อื้อ ครับ”
‘เป็นอะไรหรือเปล่ายองแจ พี่เป็นห่วงแล้วนะ พูดติดๆขัดๆ’ เสียงของไอ้จงฮยอนที่ดังออกมาจนเขาได้ยิน ทำให้เขาถึงกับต้องลอบยิ้มเล็กๆกับตัวเอง
จะเป็นอะไรได้เล่าไอ้โง่…กำลังจะเป็นเมียกูน่ะสิ!!!!
“ปะ ป่าวครับ แค่ง่วงๆ”
“งะ งั้น แค่นี้นะครับ บาย”
ยองแจรีบพูดรัวๆก่อนจะกดตัดสายทิ้งไป พอตัวแปรควบคุมอย่างไอ้จงฮยอนที่ทำให้ยองแจไม่กล้าโวยวายหายไปแล้ว คนที่นอนนิ่งๆอยู่เมื่อกี้ก็เริ่มขัดขืนมือเรียวขาวทั้งผลัก ทั้งดันให้เขาถอยออกไปจากตัวพร้อมกับปากที่เริ่มสบถถ้อยคำด่าทอไม่หยุดหย่อน
“ออกไปจากตัวผมนะคนสารเลว ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วยเล่า????”
“ว๊ากกกก ออกไปนะ!!!!!”
ยองแจตะเบ็งเสียงจนเขารู้สึกแสบแก้วหูขึ้นมาดื้อๆเลยต้องถอยออกมาอย่างที่อีกคนต้องการ แจ็คสันเคาะนิ้วกับหูหลายๆครั้งด้วยอาการหูอื้อที่แล่นลิ่วขึ้นมาพร้อมกับอาการลมออกหู
“เสียงดังจริงๆให้ตายสิ จะโวยวายทำไมบอกดีๆก็ออกแล้ว” บ่นกลับไปบ้างจากที่อารมณ์ดีๆอยู่ยองแจก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้ในทันที
“พีทำอย่างนี้ทำไม”
“ทำอะไร??”
“ยังมีหน้ามาถามผมอีก มันจะมากไปแล้วนะหวัง แจ็คสัน!!”
“อะไร ฉันผิดรึไง? ใครใช้ให้นายตัวหอมเองล่ะ แล้วพอดีฉันก็แค่ชอบอะไรหอมๆก็เลยต้องเข้าไปดมใกล้ๆ ช่วยไม่ได้อยากตัวหอมเอง”
เขาตอบกลับปัดๆแบบตั้งใจกวน ยองแจเงียบเสียงลงด้วยไม่รู้จะเถียงอะไร แก้มขาวที่แดงอยู่แล้วเพราะถูกฟัดหอมขึ้นสีเรื่อๆเหมือนกำลังเขินอาย นั่นทำให้เขาที่เห็นถึงกับต้องอมยิ้มเล็กๆ
เขินหรือไงนะ…ให้ตาย!! อยากจับกดจริงๆ!!!
“ฉันว่าวันนี้เรานอนเถอะ พรุ่งนี้มีประชุมต่อ”
แจ็คสันบอกเรียบๆด้วยเพราะตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เสื้อเขาที่ยองแจใส่มันตัวใหญ่กว่าคนที่อยู่ในเสื้อมากๆ คอเสื้อเลยดูกว้างไปเลยแถมไหล่ขาวๆก็ยังจะโผล่มาวับๆแวมๆให้เขาใจเต้นแรงอีก
“แต่…”
“ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า แต่ถ้านายยังไม่นอนก็ไม่แน่”
เขาพูดจบปุ๊บ ยองแจก็ทิ้งร่างทั้งร่างลงนอนทันที ไม่ค่อยจะกลัวเท่าไหร่เลยแต่เขาก็ต้องคว้าไหล่คู่นั้นให้ลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม ยองแจสะดุ้งเล็กๆตอนเขาสัมผัสถูกตัว
“จะทำอะไรน่ะ????”
ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนเขาสะดุ้งตาม แจ็คสันส่ายหน้าเล็กๆกับความหวาดระแวงในตัวเขาที่ยองแจมี ไม่รู้ว่ากลัวหรือรังเกียจแต่ก็ไม่ได้มีผลกับเขาทั้งสองอย่างนั่นล่ะ
“จะเอาผ้ากับเจลประคบออกให้ จะนอนทั้งอย่างนี้รึไง”
ปากพูดไปมือก็จัดการแก้ผ้าขนหนูที่พันแขนขาวอยู่ออกช้าๆก่อนจะหยิบเจลลงไปวางไว้ข้างเตียงแทนพร้อมกับสำรวจดูรอยฟกช้ำ
“ไม่บวมแล้ว แถมอาการห้อเลือดเมื่อกี้ก็ดีขึ้นมานิดหน่อยต้องประคบอีกหลายวันกว่าจะหายเป็นปกติ”
“เอ่อ..ขอบคุณครับ”
“ช่างเหอะ ฉันเป็นคนทำให้นายเจ็บนี่ นอนซะ”
พอเก็บผ้าขนหนูกับเจลเรียบร้อยเขาก็ย้ายร่างตัวเองออกมาที่ระเบียงอีกครั้ง ก่อนจะทำสิ่งที่เขาถนัดอีกอย่างคืออัดนิโคตินเข้าปอด ไม่ใช่ว่าจะติดอะไรหรอกแต่เขาจะพึ่งพามันเฉพาะตอนที่เครียด ว้าวุ่นหรือรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้น
ถ้าไม่ดูเป็นการเลวร้ายจนเกินไปเขาคงข่มขืนร่างนิ่มๆนั่นให้ยับ แล้วจัดการถ่ายคลิปส่งไปให้ไอ้จงฮยอนดูไปแล้ว แต่พอดีว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้มีแค่ร่างกายของยองแจอย่างเดียว เขาต้องการหัวใจของเด็กนี่ด้วย และเขาต้องได้มันมาแน่นอน
ออกไปแล้วผู้ชายแปลกๆคนนั้น พอจัดการกับแขนเขาเสร็จแจ็คสันก็เดินออกไปสูบบุหรี่อยู่ที่นอกระเบียง ทำให้เขารู้สึกหายใจได้ทั่วท้องขึ้นมาหน่อย ยองแจยกมือขึ้นมากุมที่ข้างแก้มทั้งสองข้างด้วยความร้อนที่วิ่งวนอยู่ในแก้มทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
เป็นบ้าอะไรอีกแล้ว ทำไมต้องมาเขินหน้าแดงแบบนี้ด้วยแถมเมื่อกี้ตอนโดนแกล้งยังทำเสียงแปลกๆออกไปอีก น่าอายจริงๆ...
ไอ้ผู้ชายคนนี้ก็ด้วย อยู่ดีๆมาทำตัวแบบนั้นได้ยังไง บังคับให้มานอนห้องเดียวกัน กระชากเขาทั้งวันจนเขาช้ำไปหมดแต่ก็กลับมานั่งทำแผล มานั่งดูแลซะอย่างนั้น
ปรับอารมณ์ตามไม่ทันหรอกนะ!!!!
แต่ตอนนี้ถึงจะง่วงแค่ไหนก็ไม่กล้านอน เอาจริงๆเขาไม่ไว้ใจแจ็คสันอยู่ดี..ใครจะกล้าไว้ใจคนที่ป่าวประกาศว่าจะแย่งเขาไปจากแฟนอย่างโต้งๆแบบนั้นกัน เขาไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะเชื่อว่าแจ็คสันจะไม่ล่วงเกินเขาตอนหลับ อย่างน้อยนอนหลับพร้อมกันก็ปลอดภัยกว่า แล้วในห้องนี้มีมีดไหมจะเอามาไว้ใต้หมอนสักหน่อย
ไม่ทันได้ลุกไปสำรวจหาอาวุธมาป้องกันตัว แจ็คสันก็เดินกลับเข้ามาด้านใน เขาที่กำลังจะลุกรีบล้มตัวลงนอนลงไปทันที
“ทำไมยังไม่นอน?”เสียงแหบทุ้มทักเมื่อเห็นเขายังนอนลืมตาอยู่
“ผม..ไม่ค่อยง่วงครับ”
“ไม่ง่วงก็ต้องนอน พรุ่งนี้ต้องไปประชุมต่ออีกวันนึง”
“เอ่อ..พี่จะนอนตอนไหนเหรอครับ?”
“ถามทำไม”
“เปล่า ไม่มีอะไรถามเฉยๆ”
“นอนตอนนี้แหละ อย่าถามมาก”
ว่าแล้วแจ็คสันก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆเขา ยองแจเกร็งทันทีที่อีกคนปิดไฟ ในความมืดอย่างนี้จินตนาการด้านมืดของเขายิ่งทำงานหนักเข้าไปใหญ่
หมับ!!!!
ยังไม่ทันขาดคำ แขนแกร่งของคนข้างๆก็คว้าเข้าให้ที่เอวก่อนที่ร่างทั้งร่างของเขาจะถูกดึงเขาไปอยู่ในอ้อมกอดของแจ็คสันทันที
“พี่จะทำอะไรอีกแล้วห๊ะ???”
“หื้อออ ก็แค่จะกอดเฉยๆอย่าบ่นได้ไหมฉันง่วงแล้วนะ”
“แล้วมากอดผมทำไมเล่า??”
“อยากกอด นอนซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะปล้ำนาย!”
จำเป็นต้องเงียบเสียงลงอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก แขนของแจ็คสันที่เกาะเกี่ยวอยู่แถวๆหน้าท้องทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวไปไหน แล้วยิ่งเกร็งมากกว่าเดิมอีกเมื่อคนด้านหลังขยับมาซุกแถวๆซอกคอ ลมหายใจร้อนๆของแจ็คสันเป่ารดอยู่ห่างจากผิวแค่ไม่กี่นิ้วเรียกขนอ่อนให้ลุกชันไปทั่วทั้งตัว
แต่วิตกจริตอยู่ได้ชั่วขณะเท่านั้น ความง่วงก็ถาโถมเข้ามาเล่นงานเขาไม่หยุด ยองแจเริ่มผ่อนคลายร่างกายเองอย่างควบคุมไม่ได้ เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อปรับสรีระให้ลงล็อกกับคนที่กอดอยู่ด้านหลังจนในที่สุดความมืดทั้งหมดก็เข้ามาสู่โสตประสาทพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ดับลง
**********************
ครบแล้วจ๊ะ ครบแล้ว!!!
รีดเดอร์ไม่ comment เลยอ่ะ TT^TT
กำลังจาย จากใครหนอ????? ม่ายมีเลยหรอคร๊าาาาา
ไรท์เจ็บปวดเจรงๆเลย เลิกอัพเลยดีไหมเนี่ย??? (หลบเกิบ)
หุๆๆๆๆ >< ย้อเย่งน้อ ไม่เลิกอัพน้อ
แต่อย่างน้อยคอมเม้นกันสักนิดก็ดีนะคะ จะได้รู้ไงว่าไรท์ทำดีไหม
กากไป หรือ ไม่สมูทไรงี้เนอะ
ยังไงก็ขอบคุณรีดเดอร์ที่ยังแวะเข้ามาอ่านเนอะ ^^
ขอบคุณค่ะ
เอาไว้เจอกันตอนหน้านะจ๊ะ บัยๆๆๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แจต้องระวังตัวดีๆนะลูก ระวังจะไปตกหลุมรักพี่เค้าน๊าาา
//สู้ๆนะคะไรท์ รออ่านตอนต่อไปค่าา
ยองเเจเริ่มหวั่นไหวเเล้วอะ อิเฮียก็อย่ารุนเเรงนักดิ
เเอบสงสารจงฮยอนไว้ก่อนได้ไหมTTTTTT
ไรท์สู้ๆคร้า ฟิคสนุกมากก
ชอบๆ ไรท์มาต่อเร็วๆนะคะ
รอค่าา สู้ๆนะคะ