ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE IS ขอผมรักคุณได้ไหมคุณเพื่อนรัก [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #2 : LOVE IS ขอผมรักคุณได้ไหมคุณฌพื่อนรัก ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 58


    เรื่อง: LOVE IS ขอผมรักคุณได้ไหมคุณเพื่อนรัก

    ผู้แต่ง: Mammoth (แมมมอธ)

     

    ตอนที่ 1

     

    “ไอ้พัตน์! นายตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันหรอก” คิวกำลังปลุกเพื่อนรักของเขาที่อยู่กินอาศัยมาด้วยกันตั้งแต่สมัย ม.ปลาย แน่ล่ะ ถ้าไปเรียนคลาสนี้ไม่ทัน อาจารย์เปรมชัยได้ให้ F ตัวเบอเร่อติดหัวเขาแน่ คนนี้ยิ่งไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลาอยู่ด้วยสิ

     

    “อืมมม... ขออีกห้านาทีน่า” พัตน์พูดอย่างงัวเงียแล้วหายตัวเข้าไปในผ้าห่ม ให้ตายสิ! ทำไมขี้เซาอย่างนี้นะ

     

    “เออ งั้นฉันจะทิ้งนายไวตรงนี้แหละ อยากเข้าเรียนคลาสของอาจารย์เปรมชัยสายก็ตามใจ หรือจะโดดเรียนเลยก็ได้นะ ถ้าไม่สนว่าจะได้ F มาประดับ...”

     

    พรึบ

     

    ยังไม่ทันที่คิวจะพูดจบ พัตน์ก็เด้งตัวออกจากที่นอนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ถ้ารู้ว่าการเอาอาจารย์เปรมชัยมาขู่เขาแบบนี้แล้วได้ผลดี เขาคงทำไปนานแล้ว

     

    “ฉันนั่งโซฟารอข้างนอกนะ” คิวตะโกนบอกคนที่พึ่งวิ่งเข้าห้องน้ำตะกี้แล้วเดินออกมานั่งที่โซฟาด้านนอก

     

    มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกๆวัน ที่เขาต้องมาคอยดูแลพัตน์อย่างนี้เสมอๆตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ไม่ว่าจะเป็นการปลุกพัตน์ในตอนเช้า ทำอาหารเช้ารวมถึงอาหารเย็น เวลาที่พัตน์มีสอบย่อย เขาก็จะดูแลทุกๆอย่าง หรือต้องคอยหาซื้อวัตถุดิบในการทำกาแฟให้พัตน์ที่เป็นคนชื่นชอบและหลงใหลในการทำกาแฟเอามากๆก็ตาม แม้ว่าจะดูเหนื่อยแต่เขาก็เต็มใจที่จะทำ... เพราะเขารักเพื่อนรักของเขามาตลอดเจ็ดปี... จนบัดนี้ ทั้งสองอยู่ปีสี่แล้ว อีกไม่นานคงจะเรียนจบแล้วมีงานทำกับเขาซักที

     

    “เสร็จแล้วๆ” พัตน์วิ่งออกมาจากห้องนอนในสภาพชุดนักศึกษาพร้อมกับสะพายเป้ข้างเดียว

     

    “อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ” คิวชี้ไปที่เบคอนกับไข่ดาวในจานและนมหนึ่งแก้วที่เตรียมเอาไว้ให้บนเคาน์เตอร์อาหาร

     

    “อ่า ขอบใจๆ” พัตน์รีบยัดคำโตเข้าปากแล้วดื่มนมหมดแก้วในอึกเดียว “ป้ะ เดี๋ยวอาจารย์เปรมชัยแกด่า”

     

    “ด่าแน่ ถ้าไปสายจริงๆ” คิวย้ำอย่างเซ็งๆจนเจ้าตัวรีบลากแขนคิวออกจากห้องแล้วพากันวิ่งไปที่มหาลัยทันที คอนโดที่พวกเขาเช่าอยู่นั้นใกล้กับมหาลัยมาก จึงไม่ต้องนั่งวินมอไซค์ไป

     

    “อ้า สวัสดีครับอาจารย์เปรมชัย” พัตน์ทักอาจารย์เปรมชัยยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าอาจารย์แกกำลังจะเดินเข้าคลาสพอดี

     

    “อืม.. แล้วนี่ไปทำอะไรมา เหงื่อโชกทั้งตัวเลย นายก็เหมือนกัน” อาจารย์แกถามนักศึกษาทั้งสองคนอย่างสงสัย แต่ก็อย่างว่านะ เขาเป็นอาจารย์ ทำไมจะดูไม่ออกล่ะว่าทั้งสองคนพึ่งมาถึง

     

    “อ้อ.. พวกผมลืมของไว้ที่ห้องเลยต้องวิ่งกลับไปเอามาใหม่น่ะครับ แฮะๆ” คิวแก้ตัวอย่างข้างๆคูๆ

     

    “วันหลังหัดทำอะไรให้มันรอบคอบกว่านี้ จะได้ไม่ต้องลำบาก เข้าใจไหม” อาจารย์เปรมชัยดุทั้งสองคน “เอาเถอะๆ เข้าห้องเรียนกันได้แล้ว”

     

    “คร้าบ/คร้าบ” ทั้งสองคนขานรับแล้วเดินเข้าไปจับจองที่นั่งหลังห้องทันที

     

    “วันหลังฉันจะปล่อยให้นายหลับไปเลย ไม่ปลุกแล้ว” คิวบ่นพึมพำใส่คนข้างกายอย่างหงุดหงิด

     

    “ฮ่าๆ น่าๆ แต่นายก็ไม่ทำหรอก จริงไหม?” พัตน์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอีกคนแล้วยิ้มจนตาหยี

     

    “เออๆ เอาหน้าไปไกลๆเลย เห็นแล้วขนลุก” คิวผลักหน้าพัตน์ออกไปเบาๆจนเจ้าตัวหัวเราะอย่างชอบใจ

     

    “ทำเป็นๆ จริงๆแล้วก็แอบหวั่นไหวกับพี่อ่ะดิ” พัตน์แซวคิวเล่นๆ แต่เจ้าตัวหันมามองเขาตาเขียวจนพัตน์ยกมือยอมแพ้แล้วเตรียมตัวเรียนทันที

     

    ถ้าฉันตอบว่า เออ นายจะตกใจไหมวะ

     

    “เอ้อนี่” ระหว่างที่อาจารย์เปรมชัยกำลังสอนเนื้อหาวิชาในคลาส พัตน์ก็สะกิดเพื่อนรักเขาให้หันมามอง “เย็นนี้นายว่างหรือเปล่าวะ?”

     

    “ทำไม?” คิวเลือกที่จะถามกลับแทนตอบคำถาม

     

    “ก็น้องหมิงอ่ะดิ เขานัดฉันกินข้าวเย็นนี้” พัตน์บอกอย่างตื่นเต้นโดยไม่ทันสังเกตแววตาตัดพ้อของใครบางคน

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” คิวถามต่อนิ่งๆ พยายามทำเป็นไม่สนใจแต่ภายในใจเขากลับรู้สึกร้อนรุ่มและกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ฉันอยากให้นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย นะๆ ฉันเขินที่จะต้องอยู่กับน้องเขาแบบสองต่อสองอ้ะ”

     

    “ขอโทษที วันนี้ฉันต้องไปทำงานที่ร้านพี่เก้ง” คิวปฎิเสธเช่นนี้ทุกครั้งถ้าพัตน์จะชวนเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงของมัน

     

    “อะไรว้า อย่าบอกนะว่ารับงานร้องเพลงอีกแล้ว” พัตน์โอดครวญอย่างเซ็งๆ “ทำไมชอบรับงานตอนฉันกำลังอินเลิฟ กระจึกดึกดึ๋ยทุกทีเลยว้า” คิวก็อยากจะตอบเพื่อนรักตนเองหรอกนะ ว่าเพราะนายนั่นแหละ

     

    “เลิกบ่นแล้วตั้งใจเรียนซักที เดี๋ยวอาจารย์แกได้ปาแปรงลบกระดานมาใส่หัวนายแล้วฉันจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย” คิวทำเป็นไม่สนใจท่าทีของคนข้างๆแล้วหันมาตั้งใจเรียนต่อ แต่ถึงจะดูเป็นอย่างนั้นก็ตาม เขากลับไม่สามารถรับเนื้อหาวิชาใดๆเข้าสมองได้ เพราะตอนนี้เขาคิดแต่เรื่องผู้หญิงที่ชื่อ หมิง

     

    หวังว่าคราวนี้ คงจะไม่จริงจังเท่าไหร่หรอกนะ...

     

    “เฮ้ย นายมั่นใจนะว่าจะไม่ให้ฉันไปส่งนายที่ร้านพี่เก้ง?” พัตน์ถามย้ำอีกทีเมื่อทั้งคู่ตกลงกันว่าถ้าเรียนคลาสนี้จบจะแยกกันไปเลย

     

    “เออ ฉันไปคนเดียวได้ นายนั่นแหละ ไปเซอร์ไพรส์รอรับน้องหมิงที่น่าตึกเถอะ น้องมันคงจะดีใจน่าดู” คิวพูดตอกย้ำสถานะของตัวเองแล้วแค่นยิ้ม

     

    “หวังว่าน้องหมิงจะดีใจจริงๆนะ” แต่พัตน์กลับไม่สังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปของคิว

     

    “เออๆ ฉันไปล่ะ” คิวตัดบทสนทนาแล้วเดินกลับหอเพื่อไปเอากีต้าร์ตัวโปรดของตัวเอง แล้วนั่งวินมอไซค์ไปที่ร้านพี่เก้งทันที

     

    “อ้าวๆ เป็นไงมาไงถึงได้มาเช้าขนาดนี้เนี่ย” เก้งทักคิวอย่างเป็นกันเอง “อย่าบอกนะว่าแกมาขอรับงานจนดึกดื่นอีกแล้วน่ะ” พี่แกถามอย่างรู้ทัน

     

    “แล้วได้ไหมล่ะครับ?”

     

    “ได้สิๆ ฮ่าๆ ฉันชอบออกที่นายมารับงาน ก็อย่างที่รู้แฟนคลับนายเยอะแยะไปหมด มันทำให้ร้านฉันเศรษฐกิจดีโว้ย” คิวยิ้มรับแล้วเดินไปที่ห้องเตรียมตัวที่เขามักไปอยู่ที่นั่นทุกครั้งก่อนขึ้นเวที

     

    “พี่คิว! ยุ้ยคิดถึงพี่คิวที่สุดเลย” เด็กน้อยวัยใส อายุแปดปีวิ่งมาหาคิวแล้วกระโดดขึ้นนั่งตักเจ้าตัวทันที จนเจ้าตัวได้แต่ยิ้มรับแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ

     

    “น้องยุ้ยมากับคุณพ่อหรอคะ” คิวถามยิ้มๆพลางหอมแก้มเด็กน้อยอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “ค่ะ ยุ้ยมากับพ่อเก้ง” เด็กน้อยตอบยิ้มๆ ทั้งสองคนนั่งคุยเล่นด้วยกันอยู่นานจนพี่เก้งมาตามลูกตนเองไปกินข้าว ส่วนคิวก็เตรียมตัวขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลง

     

    กรี๊ดดดดด

     

    ทันทีที่ขึ้นเวที ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊ากจากทั่วทุกทิศในร้านอาหารกึ่งผับแห่งนี้ อย่างที่พี่เก้งบอก เขามีแฟนคลับแฟนเพลงเยอะมาก ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลากับเสียงร้องที่ไพเราะ เขามักได้ทิปหนักทุกครั้งที่อยู่ร้องเพลงจนดึกจนดื่น

     

    “อ่า เขินจังเลยครับ กรี๊ดกันซะขนาดนี้” คิวพูดออกไมค์อย่างเคอะเขินแล้วยิ้มหล่อให้ทุกคน เรียกเสียงกรี๊ดได้ดีเป็นเท่าตัว ทั้งหญิงสาว ชะนี เก้ง กวางต่างใจละลายกับท่าทีของคนบนเวที “งั้นวันนี้ผมขออยู่กับทุกคนให้นานที่สุดเท่าที่อยากจะอยู่เลยนครับ” คิวเริ่มบรรเลงนิ้วกดลงบนสายกีต้าร์แล้วเล่นเป็นเพลง ทุกคนต่างเงียบแล้วตั้งใจดูการแสดงบนเวทีและตั้งใจฟังเสียงร้องเพลงของเจ้าตัวที่ทั้งนุ่มหูและแฝงไปด้วยความเศร้าในคราวเดียวกัน...

     

    นานเท่าไหร่ที่เขาหมดไปกับการร้องเพลง เขาก็ไม่อาจรู้ได้ ตอนนี้เขารู้แค่ว่า ยังไม่อยากกลับไปเห็นหน้ามัน... กลัวว่าจะแสดงความอ่อนแอออกไปให้เห็น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบการร้องเพลงจนดึกมากเกินไปก็ตาม

     

    คิวก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตนเองที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานก็จะเที่ยงคืนแล้ว

     

    “วันนี้ก็ดึกมากแล้วสำหรับผม แต่เพื่อเป็นการเอาใจแฟนๆเพลงผมทุกคน ผมจะขอร้องอีกหนึ่งเพลงนะครับ” คิวพูดยิ้มๆ

     

    ทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้
    แต่พูดความจริงไม่ได้ ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน
    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจ
    ได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั้นเธอคงพอเข้าใจ
    สิ่งที่เธอได้มองเห็น คนที่เธอเห็นช้ำไปทั้งใจ

     

    ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นอยู่ข้างในมาตลอดเจ็ดปี....

     

    อยากให้เธอได้ยิน
    เสียงใจหัวใจ ว่ามันรักเธอแค่ไหน
    แต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง ให้เธอได้รับฟัง
    อยากให้เธอได้ยินทุกความรู้สึก
    ส่วนลึกในใจของฉัน ว่ารักเธอ
    รักเธอคนเดียว แต่ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไร

     

    รักนายคนเดียวมาตลอดนะพัตน์ แต่กลัวว่าถ้าพูดไป มันจะไม่เหลือแม้คำว่าเพื่อน

     

    มันจะนานอีกซักเท่าไหร่
    ที่ฉันต้องทนให้หัวใจ มันซ่อนบางคำไม่ได้
    แค่เธอมาค้นใจ จะรู้ว่าเท่าไหร่ที่ฉันรักเธอ
    ได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั้นเธอคงพอเข้าใจ
    สิ่งที่เธอได้มองเห็น คนที่เธอเห็นคิดไปมากมาย

     

    ระหว่างที่คิวร้องเพลง เขาก็สะดุดสายเข้ากับร่างหนาอันคุ้นเคยที่กำลังยืนพิงกำแพงอยู่หน้าร้าน มองมาที่เขา... พัตน์

     

    อยากให้เธอยิน
    เสียงในหัวใจว่ามันรักเธอแค่ไหน
    แต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง ให้เธอได้รับฟัง
    อยากให้เธอได้ยินทุกความรุ้สึก
    ส่วนลึกในใจของฉัน ว่ารักเธอ
    รักเธอคนเดียว แต่ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไร

     

    คิวมองเข้าไปในดวงตาของพัตน์อย่างไม่ปิดบังจนเจ้าตัวได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับแววตาตัดพ้อที่มองมาที่เขา

     

    อยากให้เธอยิน
    เสียงในหัวใจว่ามันรักเธอแค่ไหน
    แต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง ให้เธอได้รับฟัง
    อยากให้เธอได้ยินทุกความรุ้สึก
    ส่วนลึกในใจของฉัน ว่ารักเธอ
    รักเธอคนเดียว แต่ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไร

     

    ทันทีที่คิวร้องเพลงจบ เขาก็กล่าวขอบคุณทุกคนแล้วเดินลงเวทีไปอย่างโซซัดโซเซ วันนี้เขาดื่มเยอะเกินไปอีกแล้วสินะ

     

    “เฮ้ย” เมื่อพัตน์เห็นว่าคิวกำลังจะเซล้ม เขาก็วิ่งไปรับเพื่อนทันที “เมาหนักอีกแล้วสิท่า” พัตน์บ่นอย่างเซ็งๆพลางหยิบกีต้าร์ตัวโปรดของคนข้างกายมาสะพาย

     

    “เฮ้อ ลำบากแกมารับไอ้ขี้เมานี่อีกแล้วสินะ” เก้งเดินมาทักทั้งสอง เพราะมันมักจะเป็นอย่างนี้เป็นประจำ วันไหนที่คิวรับงานจนดึก เขามักจะดื่มอย่างหนัก

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เก้ง งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” พัตน์พาคิวเดินออกมานอกร้านเพื่อมารอโบกแท็กซี่ “ทำไมทุกครั้งที่ฉันมีความรัก นายจะชอบรับงานร้อยเพลงจนดึกดื่นทั้งๆที่นายไม่ชอบ?” พัตน์ถามคนข้างกายอย่างอ่อนใจ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคิวจะตอบได้หรือเปล่า ก็เล่นดื่มหนักซะขนาดนั้น

     

    “แล้วทำไมทุกครั้งที่ฉันร้องเพลงจนดึกดื่น นายจะต้องมารอรับฉันเสมอด้วยวะ?” แต่จริงๆแล้ว เขาสร่างเมาตั้งแต่เห็นพัตน์หน้าร้านแล้วล่ะ

     

    “ก็นายเป็นเพื่อนรักฉันไง ฉันถึงทิ้งนายไว้แบบนี้ไม่ได้” พัตน์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของคิวบีบแน่นจนเจ็บปวด

     

    “หึหึ นั่นสินะ” คิวแค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเอง

     

     

    ฉันมันก็เป็นได้แค่เพื่อนรักของนายสินะ...

     

    เปิดฉากเรื่องนี้กับตอนเเรกซักที ฮ่าๆ

    อย่าลืมติดตามเรื่องนี้ด้วยนะจ้ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×