ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ร้ายจอมบงการ(ซีรีย์ชุดบ่วงร้ายบงการรัก)

    ลำดับตอนที่ #4 : เล่ห์ร้าย 4

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 59








     














                                            kiss like you mean it:



    หมอมธุรินผละจากลินนาเมื่อเคลวินมาขอเจ้าสาวของเขาคืน เวลานี้คงไม่มีใครมีความสุขได้เท่ากับเจ้าบ่าวอีกแล้ว ช่างเป็นคู่ที่น่าอิจฉานัก ระหว่างที่หมอสาวยืนปลื้มใจกับเจ้าบ่าวสาวอยู่นั้น เธอเหลือบไปทางนางมาร์ธาซึ่งกำลังมองมาทางเธอ สายตาเหยียดหยันและเย็นชานั้น ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรู้สาอะไร เพราะความห่างเหินที่มีมานานเสียจนเธอชิน เธอไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้เธอทำอย่างนั้นแน่ แต่แล้วจู่ๆ นางก็เดินมาหา หญิงสาวเลยอดแปลกใจไม่ได้

    “ฉันไม่คิดว่าเธอจะมางานนี้ แถมรู้จักกับทายาทคนรองซะด้วย คงใช้ความพยายามสูงมากสิ”

    หญิงสาวนึกอยู่แล้วว่า นางคงไม่ได้จะมาทักทายตามประสาคนรู้จัก แต่ล่ะคำที่เอ่ยมา ทั้งค่อนแคะเหน็บแนม พร้อมสายตาจงเกลียดจงชัง

    “เรารู้จักกันตอนที่ฉันทำงานอยู่โรงพยาบาลเก่าค่ะ”

    “งั้นหรือ นึกว่ารู้จักกันที่โรงแรมซะอีก ลุกซ์นี่ก็นะ คบไปเรื่อย ไม่เห็นจริงจังสักราย ขอแค่หน้าตาดี เป็นใครมาจากไหนก็ไม่สน ถ้าฉันเป็นคุณลูซินดาคงปวดหัวหน้าดู”

    “ค่ะ” หมอมธุรินไม่ยอมต่อปากต่อคำ แม้รู้แก่ใจว่านางจงใจจะพูดแขวะเธอ

    “เธอคงไม่คิดว่าเขาจะคิดจริงจังกับคนอย่างเธอหรอกใช่ไหม” นางปรายตามองอย่างดูหมิ่น ทำให้หญิงสาวหน้าชาและรู้สึกโกรธกับกิริยาที่นางแสดงต่อตน นางทำเหมือนกับว่าเธอมันน่ารังเกียจ เธอรับปากเมลานีว่า จะไม่โกรธไม่เกลียดพวกนาง เรื่องที่แล้วไปแล้วก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจอีก แต่บางครั้ง พอถูกนางเหยียดหยามมากเข้า มันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

    “ไม่รู้สิคะ อันนี้ต้องถามเจ้าตัวเองแล้วล่ะค่ะ ก็เขาเป็นคนขอร้องให้ฉันมาด้วยนี่คะ” เธอบอก

    “เธอคงคิดว่าตัวเองสำคัญมากใช่ไหม คิดหรือว่าจะมีใครอยากได้คนที่มาจากครอบครัวที่มีประวัติด่างพร้อยอย่างเธอ เธอมันก็คงไม่ต่างจากแม่ของเธอ สันดานงูพิษ”

    “กรุณาอย่าว่าแม่ฉันค่ะ”

    “ทำไม ฟังเรื่องจริงไม่ได้หรือ อย่าคิดนะ ว่าการที่เธอได้เข้ามาทำงาน จะทำให้เธอมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลเหมือนที่แม่เธอเคยมี ถ้ายังมีฉันอยู่ เธอไม่มีทางได้สมหวัง ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบเดียวกับแม่เธอแน่”

    “ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่ายี่สิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นคุณมาร์ธา แต่ฉันเชื่อว่าพ่อกับแม่ฉันบริสุทธิ์ พวกท่านไม่มีทางทำอย่างที่คุณหรือคนอื่นกล่าวหา” หมอมธุรินเถียงแทนผู้เป็นแม่ นางมาร์ธาไม่เคยแสดงความเป็นมิตรต่อเธอเลยสักครั้งเดียว เห็นได้ว่าหลายปีที่ผ่าน ไม่ได้ทำให้ท่าทีของนางอ่อนลงเลย ไม่คิดว่าจะมีพี่น้องที่เกลียดกันได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่นางมาร์ธาและเมลานีต่างก็มีสายเลือดเดียวกันแท้ๆ

    “พูดไปก็เท่านั้น คำพูดเธอไม่อาจลบล้างเรื่องเลวๆ ที่แม่เธอทำไว้หรอก ทรยศแม้แต่พ่อตัวเอง หนำซ้ำยังแอบวางยาคุณพ่อ แม่เธอมันอสรพิษ เลี้ยงไม่เชื่อง” นางเมามันกับการหยิบยกเอาเรื่องเก่ามาพูดว่าร้ายน้องสาว หมอมธุรินโกรธจนตัวสั่น เมื่อถูกพาดพิงถึงบุพการี

    “ไม่จริง! แม่ฉันไม่ทำอย่างนั้นกับคุณท่าน”

    “ทำหรือไม่ หลักฐานมันก็มัดจนดิ้นไม่หลุด”

    “ฉันรู้ตอนนี้พูดอะไรไปก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่เชื่อฉันเถอะค่ะคุณมาร์ธา ว่าสักวันฉันจะต้องหาหลักฐานเพื่อมาพิสูจน์ความจริงให้ได้ ว่าพ่อกับแม่ฉันไม่ผิด” หมอสาวประกาศต่อหน้า เธอจะไม่ให้ยี่สิบปีของความอับอายที่พ่อแม่ต้องแบกรับเสียเปล่าแน่

    “จะมีหรือ” นางมาร์ธายิ้มเยาะ ผ่านมานานขนาดนี้คงจะเหลืออะไรให้อยู่หรอก

    “มีหรือไม่ เดี๋ยวคุณก็คงได้รู้เอง ความลับไม่มีในโลกหรอกนะคะ สักวันคนต้องรู้ ใครก็ตามที่ใส่ร้ายพ่อกับแม่ฉันจะต้องได้รับกรรม”

    “มั่นใจจริงนะ ฉันจะรอดู” นางใช้สายตาปรามาสในความมั่นใจของอีกฝ่าย และไม่ชอบใจความหยิ่งทะนงของเธอด้วย ทั้งที่ไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเหลือแล้ว ถูกตราหน้ากันทั้งครอบครัว ก็ยังไม่รู้จักสำรวมตน กล้ามาท้าทายนาง สักวันนางจะสั่งสอนยายเด็กเมื่อวานซืนคนนี้ คอยดูเถอะ นางสะบัดหน้าเดินออกมา ผ่านใครบางคนซึ่งรีบหลบไปอยู่หลังรูปปั้น

    ลุกซ์บังเอิญมาได้ยินบทสนทนานี้เข้า มันคงไม่ดีแน่ถ้านางรู้ว่าเขาเสียมารยาทมายืนแอบฟัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สนใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก เหมือนสองป้าหลานนี่จะมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่เห็น ไม่แน่ว่าเขาอาจใช้ความไม่ลงรอยนี้ให้เป็นประโยชน์ก็ได้ ชายหนุ่มคิดแล้วยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที

     

    หมอมธุรินออกมาคิดอะไรเงียบๆ ที่ด้านนอก เธอยืนอยู่ใต้ระเบียงชั้นสอง และมองออกไปอย่างเหม่อลอย การดูหมิ่นของนางมาร์ธายิ่งทำให้เธออยากจะพิสูจน์ความจริงให้ได้ แต่เธอจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร หากว่ายังมีสถานะเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งในโรงพยาบาลเท่านั้น อย่างเดียวที่เธอจะสามารถสืบหาความจริง คือเธอต้องได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น ซึ่งนางมาร์ธาคงไม่ยอมง่ายแน่

    เวลานั้นเอง ลุกซ์ซึ่งเดินตามหาหมอสาวไปจนทั่วงาน เขาออกมาเห็นเธอยืนเล่นที่ด้านนอก สีหน้าครุ่นเครียดอย่างหนัก ตามประสาคนมีเรื่องวุ่นวายในใจ หากเป็นเขาก็คงอยู่ไม่สุขเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้กันแน่นะ ฟังจากที่นามาร์ธาว่าร้ายนางเมลานีต่างๆ นาๆ เขาเห็นใจหมอสาว และอยากจะช่วยเธอ หากว่าแม่เธอไม่ผิดจริง คงเป็นอะไรที่เลวร้ายกับการอยู่อย่างมีมลทินมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเบือนสายตาขึ้นไปมองที่ระเบียงชั้นสอง ตรงนั้นเป็นห้องโถงที่ไว้ใช้รับแขกพิเศษ ชายหนุ่มหรี่ตาลงพร้อมขมวดคิ้ว เหมือนว่าเขาเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่หลังผ้าม่านสีทึบ และตอนนั้นเองชายหนุ่มมีอาการตกใจ เพราะเขาเห็นบางอย่าง ลุกซ์รีบพุ่งไปหาหมอสาวอย่างรวดเร็ว

    “คุณหมอ ระวัง!

    เสียงเขาทำให้หมอสาวสะดุ้ง จู่ๆ เขาก็เอาตัวมาบังเธอไว้ ก่อนที่จะมีอะไรร่วงลงมาใส่ทั้งคู่ เสียงกระถางต้นไม้ขนาดเล็กตกกระแทกพื้น ดินที่อยู่ในกระถางกระจายเกลื่อนไปหมด ทว่าสิ่งที่แตกไม่ใช่แต่กระถางต้นไม้เพียงอย่างเดียว หมอมธุรินร้องลั่นและรีบดูชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

    และเวลาต่อมา ลุกซ์ถูกพาขึ้นมายังชั้นสอง หมอมธุรินรีบทำแผลให้ โดยมีคนอื่นตามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง นางลูซินดาหัวเสียมากกับอุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิดในงานเลี้ยงแบบนี้เลย

    “กระถางต้นไม้นั่นร่วงลงมาได้ยังไงกัน ย่าว่า ย่าไม่ได้วางไว้ตรงนั้นเลย”

    “คงมีใครไปย้ายมันออกมามั้งครับ” เคลวินออกความเห็น

    “แย่จริง ใครกันสะเพร่าแบบนี้”

    “ดีนะคะ ที่ไม่โดนคุณหมออีกคน ไม่งั้นแย่แน่เลย” ลินนาเองที่ยืนอยู่ข้างสามีว่าด้วยอีกคน มองหมอสาวใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลให้

    “ก็แค่ถลอกน่า ตอนแรกทำเอาตกใจกันไปหมด” มาคัสว่า นึกหมั่นไส้พี่ชาย เขาทำเหมือนมันเจ็บมาก ทั้งที่แผลเล็กนิดเดียวเท่านั้น

    “ถลอกเหรอ เลือดอาบนี่นายเรียกว่าถลอกหรือมาร์ค” ลุกซ์ถลึงตามองเมื่อถูกน้องชายจ้องเหมือนจับผิด อีกฝ่ายคงรู้ทันที่เขาแกล้งเจ็บเพื่อเรียกร้องความสนใจจากหมอสาว

    “แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ถึงกับตายหรอกน่า แกล้งเจ็บมากกว่ามั้ง” มาคัสยืนกอดอกมอง ลุกซ์ไม่กล้าสบตาแบบนี้ เขาเลยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บมากอย่างที่โอดโอยจริง ยิ่งหมอสาวออกอาการเป็นห่วงเขามาก ลุกซ์ยิ่งเหมือนจะได้ใจ

    “ขอโทษจริงๆ นะคะ คุณต้องเจ็บตัวแทนฉัน” เธอบอกเขาหน้าเศร้า ถ้าไม่ใช่ลุกซ์ ก็เป็นเธอแน่ที่ต้องเจ็บ

    “ไม่เป็นไรครับ เพื่อคุณหมอ ได้อยู่แล้ว” ยังไม่วายทำตาเล็กตาน้อยใส่

    “เอาเถอะ เมื่อไม่เป็นไรมาก เราก็กลับไปที่งานเลี้ยงกันเถอะ” เคลวินพูดพลางหัวเราะกับท่าทางของน้องชาย ในนี้มีใครไม่รู้นิสัยเขาบ้างล่ะ ทุกคนยอมปล่อยให้เขาอยู่กับหมอสาวตามลำพัง ไม่ได้สงสัยอะไรกับอุบัติเหตุนี้ต่อ พอทำแผลให้เขาเสร็จ เธอก็จะตามคนอื่นไป

    “เดี๋ยวคุณหมอ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิ”

    “ฉันซึ้งใจนะคะที่คุณเจ็บตัวแทนฉัน แต่คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่”

    “ใครว่าล่ะ ผมปวดหัวไปหมดเลย ไม่รู้กระทบกระเทือนถึงสมองด้วยรึเปล่า”

    “ถ้างั้นคุณต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ”

    “แต่ผมอยากให้คุณดูแลผม คุณเป็นหมอนี่ จะไม่ใยดีคนไข้หน่อยหรือ เห็นคนเจ็บกลับไม่อยู่ดูแล ใจร้าย”

    “ก็ได้ค่ะ” เธอยอมรับปากอย่างหงุดหงิด ไม่ได้ขอให้เขาช่วยซะหน่อย เธอหันไปเก็บกล่องเครื่องมือ โดยเวลานั้นชายหนุ่มเหล่มองหมอสาวจากด้านข้าง ที่เขาไม่บอกคนอื่นว่าเห็นอะไร เพราะไม่แน่ใจ แต่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่กระถางต้นไม้นั้นจะร่วงลงมาเองได้แน่ อย่างหนึ่งที่เขารู้ได้คือ มีคนคิดทำร้ายเธอ เงาที่เขาเห็นคือใครกัน

    “คุณหมอ คุณอยากจะมีใครสักคนไหม คนที่จะมาดูแลคุณ” ความคิดนี้อยู่ๆ มันก็มีขึ้นมาเอง เธออาจกำลังมีอันตรายโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้เขาก็อยากทำหน้าที่ปกป้องเธอ ซึ่งมันน่าตลก จู่ๆ เขาก็เป็นห่วงหญิงสาวขึ้นมาเสียอย่างงั้น

    “ใคร คุณหรือ อย่าดีกว่าค่ะ ฉันว่าฉันดูแลตัวเองได้” เธอนึกถึงคำของนางมาร์ธา เขาก็แค่เล่นสนุกไม่คิดจริงจังหรอก

    “ดูแลตัวเองได้ ฮึ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะอย่างนึกขัน มีคนปองร้ายเธอยังไม่รู้เลย “คุณหมอ คุณดูแลตัวเองไม่ได้หรอก และผมยินดีที่จะทำหน้าที่นี้นะ” เขาหยุดคิดไปชั่วครู่ นึกแปลกใจตน นี่เขาคิดทำบ้าอะไรเนี่ย กระนั้นก็พูดมันต่อไป “คุณย่าอยากให้ผมแต่งงาน และท่านก็หาคนมาให้เรียบร้อยแล้ว มิลล่า ญาติคุณไง แต่โชคร้าย ผมไม่ชอบเธอ เอาอย่างงี้ไหม เรามาแต่งงานกันไหมล่ะ”

    “หา พูดเล่นใช่ไหม” หมอสาวหันมาเลิกคิ้วมอง

    “เปล่า”

    “บ้าไปแล้วรึไง วิธีแก้ปัญหาของคุณมันทุเรศมาก ถ้าอยากได้ผู้หญิงมารับบทภรรยาจำเป็น ก็ไปหาผู้หญิงของคุณสิ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วยฮึ”

    “เพราะผมช่วยคุณได้ไง ผมได้ยินที่คุณกับป้าของคุณคุยกัน”

    “คุณ! ทำไมถึงไม่มีมารยาทแบบนี้” หมอสาวมองอย่างขึงโกรธ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอไม่อยากให้คนอื่นมารับรู้

    “ขอโทษด้วย แต่มันบังเอิญไปได้ยิน” เขาไม่ได้มีสีหน้ารู้สึกผิดเลย “ผมยอมรับผิดก็ได้ ยังไงก็ตาม ให้ผมช่วยคุณสิ ผมสามารถทำให้คุณเป็นหุ้นส่วนในโรงพยาบาลนั้นได้อีกครั้ง” เขายื่นข้อเสนอให้

    “ไม่! ฉันไม่ยอมรับความช่วยเหลือของคุณหรอก อย่าคิดมาใช้อุบายกับฉัน ฉันไม่โง่ตามเกมคุณหรอก ฉันรู้คุณหวังอะไร แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหน้าโง่พวกนั้น ที่จะยอมเป็นผู้หญิงของคุณ”

    “เป็นผู้หญิงของผมไม่ดีรึไง คุณจะหาผู้ชายที่ดีพร้อมอย่างผมได้อีกที่ไหน”

    “ผู้ชายที่ควงกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า ฉันไม่คิดว่าจะดีพร้อมนะ” เธอไม่เห็นด้วยจึงแย้งเสียงแข็ง

    “ถ้าเราแต่งงานกัน ผมจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน”

    “คุณไม่ได้มีแค่ฉันเป็นตัวเลือก อยากหาคนช่วย ไม่ยากหรอกค่ะ” เธอไม่มีท่าทีว่าจะสนใจข้อเสนอนี้แม้แต่น้อย “หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์อย่างคุณ มีคนต่อคิวเพียบ”

    “ผมอยากให้หนึ่งในนั้นมีคุณรวมอยู่ด้วย” เขาเผยความปรารถนา แล้วยังส่งสายตาวาววับ

    “เสียใจด้วยนะคะ ที่ไม่มี”

    “บอกเหตุผลผมหน่อยสิคุณหมอ ผมมีอะไรไม่คู่ควรกับคุณตรงไหน” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด ใบหน้าสวยเหลียวมามอง เรียวปากสีชมพูกุหลาบยกขึ้นนิด มันเป็นรอยยิ้มที่คนถูกมองรู้สึกเหมือนถูกเยาะ

    “คุณมีหลายอย่างที่ฉันไม่ชอบ ต่อให้คุณหว่านคำหว่านใส่มากแค่ไหน ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

    ใบหน้าของเธอเฉยชามาก เหมือนยิ่งตอกย้ำคำพูดให้เขาเสียความมั่นใจ ไม่อยากเชื่อว่าเพลย์บอยตัวร้ายอย่างเขาจะถูกผู้หญิงปฏิเสธ ทำให้เขาอยากทดสอบว่า เธอจะไม่รู้สึกอะไรจริงหรือ

    เธอไม่ได้มีอาการตกใจ ที่จู่ๆ ก็ถูกเขาจูบ ไม่โกรธหรือโวยวายที่เขาจาบจ้วงเธอ กระตุ้นยังไงเธอก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเลย เป็นจูบที่เย็นชามากสำหรับคนที่ต้องการความเร่าร้อนอย่างเขา เมื่อลุกซ์ถอนริมฝีปากออก และมองนัยน์ตาหวาน เธอพูดด้วยอาการเรียบเฉยว่า

    “พิสูจน์พอรึยังคะ”

    เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ความรู้สึกจริงๆ นี่เขาหมดเสน่ห์แล้วหรือไร ลุกซ์เคยมองว่าสตรีเพศเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหว อ่อนแอและบอบบาง ทั้งชอบเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เธออยู่เหนือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ และนั่นยิ่งทำให้เขาไม่อยากเป็นฝ่ายแพ้ ลุกซ์โน้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มที่แสนเย็นชืดนั่นอีกครั้ง ถึงมันจะไร้รสชาติอย่างที่เขาต้องการ แต่เขาอยากได้นี่

    “ลุกซ์ อุ้ย!

    เสียงแขกรายใหม่ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุด มิลล่าคงได้ยินว่าเขาบาดเจ็บจึงได้ขึ้นมาดู เธอยืนค้างมองคนทั้งสอง ก่อนจะฝืนยิ้ม หมอมธุรินลุกขึ้นยืน

    “ฉันจะลงไปรอข้างล่าง” เธอเปิดโอกาสให้มิลล่าได้เข้ามาดูชายหนุ่ม เพียงเห็นสีหน้าก็รู้ได้ทันที มิลล่าคงอยากจะเข้ามาบีบคอเธอเป็นแน่ หญิงสาวเดินผ่านนางมาร์ธาที่ตามเข้ามา เธอทำเฉยกับสายตาแข็งขวางของนาง การที่นางทำตัวเป็นปรปักษ์ไม่ได้ทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจ และไม่ได้คิดที่จะทำให้นางญาติดีกับตนด้วย นางจะรู้สึกเช่นไรกับเธอก็ช่าง

     

     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×