คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เล่ห์ร้าย 10
หมอมธุรินเริ่มงานในฐานะใหม่ กระนั้นไม่ได้ทำให้หลายคนประหลาดใจมากนัก ข่าวการแต่งงานรู้กันจนทั่วถึงแล้ว พร้อมด้วยการซุบซิบนินทา ว่าเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ได้เพราะสามี หญิงสาวทำเฉยเสียไม่สนใจใจคำเหล่านี้ เธอเริ่มโดยเข้าไปตรวจสอบกระบวนการทำงานอย่างละเอียด และตัดทอนบางส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป สร้างความไม่พอใจให้นางมาร์ธาเป็นอย่างมาก
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง” นางก้าวอ้าวๆ เข้ามาในห้องประชุมด้วยสีหน้าบึ้งตึง พร้อมเอาเรื่องหมอสาว “ทำไมเธอถึงตัดงบโดยไม่ปรึกษาฉันก่อน”
“ฉันแจ้งคุณไปแล้วนะคะ”
“ทำแล้วค่อยบอก แบบนี้มันไม่เห็นหัวกันชัดๆ คิดว่าตัวเองเป็นใคร แค่มีสามีถือหุ้นในโรงพยาบาล แล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้งั้นหรือ”
“มันจำเป็นค่ะ อีกอย่างฉันปรึกษาคนอื่นแล้ว ตอนนี้โรงพยาบาลของเรากำลังมีปัญหาอย่างหนัก ฉะนั้นอะไรที่ไม่จำเป็น เราก็ควรตัดทิ้ง” เธออธิบายอย่างใจเย็น
“การบริจาคมูลนิธิการกุศลมันเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องเรียกชื่อเสียงและความเชื่อมั่นกลับคืนมา เพราะฉะนั้นถึงจำเป็นต้องมี แค่มาทำงานไม่ทันไรก็วางอำนาจ ทั้งที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย”
“แต่ฉันไม่คิดแบบคุณนะคะ แทนที่เราจะเรียกความเชื่อมั่นด้วยวิธีแบบนี้ เราควรเอางบประมาณนั่นมาปรับปรุงบุคลากรในโรงพยาบาลเราให้มีคุณภาพมากไม่ดีกว่าหรือ อีกอย่างการบริจาคของคุณมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย” นางมาร์ธาเล่นช่วยเหลือคนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลย เธอไปตรวจสอบมาแล้วพบว่า ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นพวกพ้องของนางทั้งนั้น ความช่วยเหลือนั่นไม่ได้ถึงคนที่ต้องการจริงๆ แต่เข้ากระเป๋าของคนที่ดูแลเอง เธอมองว่ามันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
“เธอคิดว่าเธอจะมารู้ดีกว่าฉันที่บริหารงานมาหลายปีอย่างนั้นหรือ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ฉันจะแก้ไขให้มันดีขึ้น สิ่งที่โรงพยาบาลของเราต้องการ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่เราต้องมีคุณภาพถึงจะทำให้คนอื่นวางใจเราได้ ซึ่งฉันก็คุยกับคุณโรงเบิร์ตและไมเคิลแล้ว จากนี้ไปเราจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของโรงพยาบาลให้มากขึ้น และลดส่วนที่ไม่จำเป็นลงค่ะ”
“พวกคุณก็เห็นดีด้วยหรือ” นางหันไปตวัดเสียงห้วนถามสามีและลูกชาย ทั้งสองต่างพยักหน้ายิ่งทำให้นางเดือดจัด เวลานี้เสียงข้างมากไปตกอยู่ที่มธุริน นางมองไปที่เก้าอี้ว่างใกล้ๆ มิลล่าไม่เข้ามาประชุม ที่แล้วมานางไม่เคยสนใจ แต่ตอนนี้ในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ถ้ามิลล่าอยู่อาจจะช่วยนางได้ นางโมโหมากที่ไม่มีใครเข้าข้าง “เธอมันอวดดีมธุริน ทำเก่งไปเถอะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเธอจะทำได้ดีแค่ไหนเชียว อย่าพลาดก็แล้วกัน เพราะฉันรอซ้ำเธออยู่” นางทิ้งคำอาฆาตเอาไว้
“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะที่ต้องทำแบบนี้” น้ำเสียงหมอสาวอ่อนลง หลังจากที่นางมาร์ธาโมโหออกไปอย่างฟึดฟัดแล้ว เธอรู้การที่เธอตัดสินใจทำแบบนี้ อาจสร้างความลำบากใจให้นายโรเบิร์ตและไมเคิลเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ยังสนับสนุนเธอ
“อย่าคิดมากเลยมารี เธอทำถูกแล้วล่ะ” นายโรเบิร์ตบอก
“ใช่ ที่ผ่านมา เราไม่เด็ดขาดพอ ก็เลยปล่อยมันบานปลาย คุณแม่ควรจะยอมรับและเข้าใจสถานะของเราในตอนนี้บ้าง เธอทำดีแล้ว” หมอไมเคิลเองก็เห็นด้วยวิธีของเธอ จึงไม่คัดค้าน และยังสนับสนุนเต็มที่ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเป็นคนทำเอง เพราะถึงอย่างไรฝ่ายนั้นก็เป็นแม่
ด้านนายโรเบิร์ต พอประชุมเสร็จเขาก็กลับไปห้องทำงานพร้อมกับความหนักใจ ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยกับหมอสาว แต่ที่เขากังวลคือภรรยาของตน เรื่องนี้ทำให้มาร์ธาโกรธมากเป็นแน่ และที่กลัวที่สุดคือนางอาจทำอะไรที่เลวร้ายอีก เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย โรเบิร์ตเดินไปเลื่อนหนังสือบนชั้นออก ทำให้เห็นช่องที่อยู่หลัง มันเป็นตู้เซฟที่เขาไว้เก็บของสำคัญ รวมถึงเอกสารบางอย่างที่อยู่ข้างใน ที่เขาเก็บมันไว้มานานหลายปี เขารู้เรื่องทุกอย่างแก่ใจดีมาตลอด และเขาเองที่เป็นคนเก็บกวาดสิ่งที่ภรรยาทำ ถึงรู้ว่ามันผิดมาก แต่เพราะความเห็นแก่ตัว เขายอมปกปิดความผิดของนางไว้ และนั่นก็ทำให้เขาอยู่กับความรู้สึกผิดมาตลอดเช่นกัน เขามีหลักฐานอยู่ในมือ แต่ไม่ยอมใช้มันเปิดโปง นั่นเพราะเขารักครอบครัวมาก ไม่อยากให้มันต้องแตกสลายไป แต่มาร์ธาไม่เคยรู้สำนึกในสิ่งที่ทำเลย
ลุกซ์ตวัดปลายปากกาลงบนกระดาษเสร็จ ก็ส่งมันกลับคืนให้เลขาสาว เขาจะเอนหลังลงพักเสียงอนเตอร์คอมหยุดเขาไว้ก่อน หลังจากนั้นเจอริโคก็เดินยิ้มเข้ามา
“นายยังอยู่อีกรึ นึกว่ากลับแล้วเสียอีก” ลุกซ์เอยทัก เจอริโคมีธุรกิจอยู่ที่ทรานซิลเวเนีย ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย หากไม่เพราะมางานแต่งงานเขา คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันแน่
“เฮ้ย จะรีบไล่ทำไมวะ ฉันจะอยู่ต่ออีกสักพัก รอคุยงานอยู่น่ะ ว่าแต่แกดูเพลียๆ นะ เมื่อคืนดึกรึไง” แซวเล่นขำๆ ช่วงใหม่ๆ แบบนี้ มันก็ธรรมดาที่ลุกซ์จะดูอิดโรย
“อืม เกือบเช้า” ลุกซ์ตอบพลางเอนหลังลงพัก ด้วยไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดลึก
“โอ้โห เกือบเช้าเลยหรือ อึดเหมือนกันนี่แก”
“อึดกะผีอะไรล่ะ ฉันนอนตาค้างยันเช้าเลยต่างหาก” จริงๆ เขาก็ไม่อยากบอกหรอก เพราะมันน่าอาย ที่คาสโนว่าอย่างเขา กลับพลาดคืนแรกของวันแต่งงาน เขาไม่น่าไปรับปากเธอเลย เจอริโคฟังแล้วออกอาการงงมาก ตอนแรกลุกซ์ว่าจะไม่เล่า แต่เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท เท่านั้นแหล่ะ เจอริโคหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ จนลุกซ์หมั่นไส้เพื่อนสนิทมาก มันน่าขำอะไรนักหนานะ
“ไม่คิดว่านายจะไร้น้ำยาแบบนี้นะลุกซ์” เจอริโคหัวเราะไม่หยุด ลุกซ์เลยขึงตามองเพราะรับไม่ได้ที่ถูกปรามาส
“ไร้น้ำยาอะไร ฉันแค่รักษาสัญญาเท่านั้น มันต่างกันนะเว้ย” คนบอกดูอารมณ์เสีย อุตส่าห์เล่าให้ฟัง ยังมาหัวเราะเยาะอีก
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหล่ะว้า แค่เมียคนเดียว นายยังไม่กล้า อย่าบอกนะว่ากลัวเมีย”
“พูดผิดพูดใหม่นะเจอรี่ ไม่ใช่กลัว ต้องบอกว่ารักษาน้ำใจกันต่างหากล่ะ คนเราอยู่ด้วยกัน ก็ต้องเคารพสิทธิของอีกฝ่ายด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้รีบร้อน ฉันรอได้”
“นายแปลกไปจริงๆ นะลุกซ์ ถ้าเป็นนายคนก่อน คงจะไม่ยอมให้เวลามันเสียเปล่าแน่ แต่นี่นายยอมรอ”
“ฉันไม่อยากทำกับเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่น”
เจอริโคมองการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนอย่างสนใจ เขาคิดว่าลุกซ์น่าจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง เขาไม่เคยแคร์ผู้หญิงคนไหน แต่ครั้งนี้เขาเห็นความเอาใจใส่ที่ไม่เคยมี เพื่อนรักของเขาเปลี่ยนไป แต่มันก็เป็นไปในทางที่ดี ดูเหมือนหมอมธุรินจะมีอิทธิพลต่อลุกซ์มากขึ้นทุกวัน
“เอาเถอะ ก็ขอให้ทนต่อไปให้ได้นะ หวังว่าสักวันเมียนายจะใจอ่อนนะ” อดไม่ได้ที่จะขำ มนต์เสน่ห์ของลุกซ์คงจะเสื่อมฤทธิ์เสียแล้ว เพราะป่านนี้หมอสาวยังใจแข็งอยู่เลย “ไหนๆ ก็ไหนๆ เย็นนี้เราไปดื่มกันหน่อยไหม”
“ไม่ ฉันต้องรีบกลับ”
“โว๊ะ! อะไรกัน นี่นายกลัวเมียขนาดต้องรีบกลับเลยรึ”
“บอกแล้วไงไม่ได้กลัว แต่วันนี้ฉันมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย” คนบอกยิ้มกริ่ม และคิดว่าสิ่งที่เขาเตรียมไว้จะทำให้อีกคนพอใจ
“หนูไม่เคยเข้าประชุมเลย คุณป้าก็รู้นี่” มิลล่านั่งฟังนางมาร์ธาบ่นจนหูชาไปหมด นางอารมณ์เสียมาจากโรงพยาบาลเลยมาลงที่เธอ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันจะไม่ว่าอะไรแกหรอก ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เราต้องช่วยกันนะ ไม่งั้นโรงพยาบาลต้องเป็นของมธุรินเข้าสักวัน มาได้ไม่กี่วันก็เป็นขนาดนี้แล้ว”
“คุณป้าจะให้หนูทำยังไงคะ หนูจะไปทำอะไรมันได้”
“ทำไมจะทำไม่ได้ มธุรินอยู่ตรงนี้ได้เพราะใครล่ะ ถ้าแกทำให้ลุกซ์หันมาหาแกได้”
“โธ่ คุณป้า ขนาดตอนเขายังไม่แต่งงานยังไม่สนใจหนูเลย แล้วนี่คิดว่าหนูจะทำได้เหรอคะ”
“ก็เพราะแกไม่พยายามมากพอน่ะสิ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้มธุรินมาชูคอเป็นอสรพิษใส่ฉันแบบนี้หรอก อาวุธที่ร้ายกาจที่สุด หรือความหวาดระแวง ขนาดพี่น้องยังฆ่ากันเองได้ นับประสาอะไรกับสามีภรรยา” นางรู้ดี เพราะนางเคยใช้มันมาแล้ว แค่สะเก็ดไฟเล็กๆ ก็สามารถกลายเป็นทะเลเพลิงได้อย่างคาดไม่ถึง นางมาร์ธามองออกไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีร้านขายดอกไม้อยู่ มองลุกซ์ยืนรอช่อดอกไม้ที่สั่งทำอย่างอารมณ์ดี
“นั่นไง เป้าหมายเรา” ตอนนี้เขาอาจจะยังหลงมธุรินหัวปักหัวปำ แต่ไม่นานหรอก ถ้าเพียงแต่มีใครไปจุดประเด็น
ด้านหมอมธุริน วันนี้เธอยุ่งทั้งวัน เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ โดยมีหมอไมเคิลคอยประสานงาน หญิงสาวคอยขอความเห็นอีกฝ่ายอยู่ตลอด และหมอหนุ่มรวมถึงคนอื่นๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“ไมค์ นี่ยาส่วนใหญ่เรานำเข้าจากต่างประเทศหรือคะ”
“ใช่ เรามีสัมปทานกับบริษัทนี้มานานน่ะ มันค่อนข้างจะแพงหน่อย แต่มันก็เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานที่สุดแล้ว ได้รับการรับรองจากองค์กรที่ดีที่สุด ฉะนั้นยาที่เราใช้ทั้งหมดจึงมาจากที่นี่”
“จะเกิดอะไรถ้าที่นี่หยุดส่งยาให้เรา” เธอแค่ลองถามดูเท่านั้น เพราะอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้
“ก็ลำบากน่ะสิ”
“เหรอคะ แบบนี้ก็น่ากลัวสิ ค่าใช้จ่ายสูงขนาดนี้ มันเป็นภาระหนักสำหรับเรา และถ้าวันหนึ่งเกิดมีปัญหา และถ้าวันหนึ่งเขายกเลิกสัมปทาน” บริษัทใหญ่แบบนั้น ย่อมมีตัวเลือกมากมาย และต้องการผลกำไรที่มากพอ หากจะพึ่งพาบริษัทที่เห็นผลประโยชน์มาเป็นอันดับหนึ่งแบบนี้ที่เดียว อนาคตอาจลำบากแน่
“พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน และเคยเสนอมาหลายหนแล้ว แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วย”
“เราควรมองตัวเลือกอื่นไว้บ้างนะคะ ก็ใช่ว่าจะมีแต่บริษัทใหญ่เท่านั้นที่มีมาตรฐาน”
หมอหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเขาเองก็คิดแบบเดียวกับหมอสาวเหมือนกัน แต่การจะหาที่อื่นมารองรับมันก็ยากใช่เล่น ปัญหานี้จึงยังแก้ไม่ตกมานาน เขาจะกลับไปทำงานต่อ พลันสายตาเหลือบไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ
“ดึกขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย พี่ว่าเราหยุดแค่นี้ดีกว่านะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”
“ฉันอยากตรวจนี่ให้เสร็จก่อน พี่กลับไปก่อนได้นะคะ” เธอบอกโดยไม่เงยมอง
“แต่แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ ลุกซ์จะว่าเอารึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ เพราะเขาบอกเองว่าให้ฉันเป็นคนจัดการทุกอย่างเองได้”
“มารี มันก็ดีนะที่เธอเต็มที่กับงานแบบนี้ แต่เธอต้องไม่ลืมว่ายังมีอีกหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบด้วย หน้าที่ของภรรยา ไม่ว่าเธอสองคนแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไร แต่ยังไงเขาก็เป็นสามีเธอ” หมอไมเคิลเตือนหญิงสาว เขาไม่อยากให้ครอบครัวเธอมีปัญหา หญิงสาวเหมือนหยุดคิด แต่เธอคิดว่าแค่กลับดึกนิดหน่อย ลุกซ์ไม่น่าจะว่าอะไร สุดท้ายเธอทำงานต่อจนเสร็จ โดยไม่รู้เลยมีคนกำลังรอเธออยู่ด้วยความผิดหวัง
ลุกซ์กลับมาที่เพ้นเฮาส์แต่หัววัน สั่งคนเตรียมดินเนอร์สุดหรูเอาไว้ที่ระเบียงดาดฟ้า รอเซอร์ไพรส์ภรรยา เขาบันดาลมื้อค่ำนี้ให้สุดแสนจะโรแมนติก เตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ เข็มนาฬิกาเดินไปอย่างช้าๆ จากนาทีเป็นชั่วโมง ก็ไร้วี่แววหมอสาวจะกลับมา
“เอ่อ คุณลุกซ์ค่ะ คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเลย ดึกแล้วด้วย โทรตามดีไหมคะ”
“ไม่ต้อง” น้ำเสียงเขาฟังดูเหมือนเย็นเยียบ แต่ข้างในกำลังโกรธ
“แล้วอาหารนี่”
“เก็บให้หมด” บอกจบก็ลุกออกไป เธอบอกว่าจะกลับช้า แต่นี่มันเกินไป เขาไม่ยอมบอกเธอก่อนเพราะอยากให้เธอประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอจะบ้างานขนาดนี้
ความคิดเห็น