คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : การเดินทาง
"นายจะไม่ไปกับฉันจริงๆ หรอแกลแลนท์" เรเวนน่าที่ตอนนี้กำลังตามตื้อองค์ครักษ์และเพื่อนเพียงคนเดียวของตัวเองที่แม้เธอจะเอ่ยปากตื้อเองก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมไปเรียนด้วยกัน
"ฉันฉลาดพอแล้ว" เขาตอบแบบไม่หันหน้ามามองเธอสักนิด เท้าก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะหยุดมองเพื่อนสาว ทำเอาอีกคนทำหน้าบึ้งทันที
"ก็ไปหาเพิ่มอีกไง บางทีถ้านายเก่งกว่านี้อีกอาจจะได้ครองโลกก็ได้นะใครจะรู้หรือไม่ก็คิดเสียว่าไปหาประสบการณ์เพิ่มไง ไปด้วยกันเถอะนะๆๆๆ " ร่างเล็กเดินตามอ้อนเขาสุดฤทธิ์ ถึงเจ้าตัวจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วก็เถอะ หมอนี่เด็ดขาดจะตายไม่ก็คือไม่ แต่ก็เธอไม่อยากไปคนเดียวน่ะสิ
"บอกว่าไม่ก็ไม่ อีกอย่างฉันไม่ได้อยากจะครองโลกสักหน่อย อยากไปก็ไปคนเดียวสิ" เหมือนเขากำลังทำให้เธอดูน่าตลกอยู่เลย 'องค์หญิงแห่งเอนเดลลิออนตามตื้อองค์ครักษ์แบบไม่ยอมห่าง' โห น่าเอาไปพาดหัวข่าวชะมัด
"ถ้าฉันไปคนเดียวนายจะไม่เป็นห่วงฉันหรอ จะไม่คิดถึงกันหรอออ ไปด้วยกันเถอะน้าา" เรเวนน่าอ้อนวอนจนตอนนี้แทบจะก้มลงไปกราบเท้าแกลแลนท์อยู่แล้ว เธอไม่อยากไปคนเดียว มันเหงาจะตายอะ ทำไงดีฮืออออ
"ไม่! " เขาตอบแบบไม่ใยดีก่อนจะเดินหนีไปในที่สุด
"ไม่นะแกลแลนท์อย่าเพิ่งไป" ร่างเล็กทำท่าทรุดลงไปนอนบนพื้นแล้วเอื้อมมือไปข้างหน้าเหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย แกลแลนท์หันมามองนิดๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันกลับไปเดินไปข้างหน้าต่อ บางทีนายก็ใจเเข็งไปนะ ใจอ่อนให้ฉันหน่อยเส้
พึบ!
"ทำอะไรอยู่อะ"ตอนนี้เธอกำลังมองแกลแลนท์ทำงานอยู่ที่สวนภายในวังแบบเป็นภาพกลับหัวอยู่
"เฮ้ย! ไปห้อยหัวบนนั้นทำไม ลงมา! " พอเขาหันมาเห็นคนที่ชาตินี้คงต้องดูแลไปอีกนานกำลังห้อยหัวมองเขาจากบนต้นไม้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงเลย ก่อนจะเรียกให้เธอลงไปคุยดีๆ
"ฮึบ! เห้อไม่ได้ห้อยหัวนาน เวียนหัวดีแฮะ" เรเวนน่าพยายามปัดฝุ่นที่อยู่ติดตามตัวตอนปีนขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึนเบาๆ
"แล้วใครให้ไปห้อยหัวเป็นค้างคาวอยู่บนนั้น เล่นเป็นเด็กไปได้" เขาบ่นแต่ก็เดินมาช่วยเธอปัดฝุ่นตามตัวให้
"นี่ ไปเรียนกับฉันเหอะ" เขาชะงักไปสักพักนึง ก่อนจะทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ทีนึง
"แค่ไปเรียนเองทำไมเธอถึงไม่อยากไปคนเดียว" ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเริ่มอยากจะคุยเรื่องนี้กับเธอจริงจังแล้ว
"ก็ฉันไม่เคยอยู่คนเดียวอะ ก็เลยอยากให้นายไปด้วย" เรเวนน่าทำหน้างอแง
"ฉันไปด้วยไม่ได้ ถ้าฉันไปใครจะดูแลงานส่วนของเธอ ใครจะดูแลดอกวอร์เร็นที่เธอชอบล่ะ" เขาพูดพลางมองไปรอบๆ ตอนนี้เราอยู่ที่สวนดอกวอร์เร็น เธอมองตามเขาไปพลางคิดอะไรบางอย่าง
"ก็ให้คนอื่นดูแลไปสิ ส่วนนายก็มาดูแลฉันไง" พอพูดแบบนี้แกลแลนท์ชะงักไปแถมอยู่ๆ หน้าเขาก็แดงขี้นมา เขาไม่สบายหรอ?
"อะแฮ่ม! เอ่อ เอาเป็นว่าฉันไปไม่ได้ นี่ก็ถือซะว่าเป็นโอกาสของเธอที่จะได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีฉันคอยยืนคุมอยู่ไง โอเคมั้ย" เขาเอามือขึ้นมาวางบนหัวของเพื่อนสาวแล้วโยกไปมาซ้ายขวาเบาๆ
"อือ" เรเวนน่าทำหน้าหงอยๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ ว่าแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ยอม
"งั้นเดี๋ยวเอาเป็นว่าฉันจะไปส่งแล้วกันแล้วจะอยู่ด้วยจนถึงวันที่เธอจะเข้าเข้าเรียนเลย โอเคมั้ย" ก็โอเคนะ ดีขึ้นหน่อย อย่างน้อย ช่วงก่อนเข้าไปเรียนก็จะได้ไม่เหงา
"ก็ได้ นายพูดแล้วนะ" เขาพยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มให้ ซึ่งฉันก็ฉีกยิ้มกว้างส่งคืนไปให้อีกทีนึง
กลางดึก
แฮ่กๆ
เสียงหายใจหอบเหนื่อยดังระงมอยู่ทั่วห้องนอนหรู ร่างบางที่รู้สึกตัวแล้วลืมตาโพลงพร้อมกับยันกายขึ้นจากที่นอนอย่างไว ความปวดจี๊ดที่โลดแล่นอยู่ในหัวทำให้ภาพภายในห้องที่มองเห็นเบลอไปชั่วขณะ
"มันไม่เคยเป็นแบบนี้หนิ ไม่ปกติแล้ว" มันนานกว่าปกติที่เคยเป็น ร่างบางก้าวลงจากเตียง แล้วพยายามประคองร่างตัวเองเดินไปที่ลิ้นชักที่อยู่ใกล้ๆกับหัวเตียง ข้างในมีขวดยาเม็ดแคปซูนสีฟ้าอ่อนใส่อยู่ มือเรียวหยิบยาออกมาแล้วกลืนลงคออย่างรวดเร็ว อาการปวดหัวก็ค่อยๆทุเลาลง
ตุบ
เรเวนน่าทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน สองมือยกขึ้นลูบหน้าช้าๆ สลัดภาพที่มัวหมองออกไป
เมื่อได้สติอย่างครบถ้วนแล้วร่างเล็กลุกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือที่อยู่อีกฝากของห้องนอน มือเล็กไร้ไปตามสันหนังสือไปเรื่อยๆจนไปหยุดที่หนังสือเล่มหนึ่ง สันทำจากหนังสัตว์ที่ดูเก่าคร่ำครึบ่งบอกว่าเป็นหนังสือที่ทำขึ้นมานานแล้ว เมื่อหยิบออกมาแต่ภายในกับไม่ได้มีหน้ากระดาษอย่างที่คิดแต่เป็นช่องโหว่ระหว่างกลางหน้าหนังสือ ภายในมีกำไลข้อมือเล็กๆ ตัวสายทำจากดิ้นสีน้ำเงินถักอย่างประณีตสลับกับสีทอง มีขนนกขนาดจิ๋วสีขาวสะอาดและลูกแก้วสีฟ้าขุ่นห้อยอยู่
"ว่าไงเจ้าตัวซวย ไม่เจอกันหลายปีเลยนะ" เรเวนน่าหยิบกำไลขึ้นมาไว้ในมือ พร้อมกับเอ่ยทักทายกำไลนำโชคที่ไม่เจ้าตัวคิดว่าไม่ได้นำโชคสมชื่อ
"จะแปดปีแล้วสินะ" ดวงตาสีสวยจ้องมองกำไลอย่างเลือนลอย พร้อมกับภาพความหลังที่ไหลเข้ามาอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นช่วยเรียกสติของเด็กสาวกลับมาได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะดำลึกลงไปในความทรงจำอันโหดร้ายมากไปกว่านี้ มือบางยกขึ้นลูบหน้าลูบตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เกือบแล้วสิเรา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ใคร!"เรเวนน่าตะโกนถามบุคคลปริศนาที่มาเคาะประตูห้องเธอในยามดึก
"ผมเอง" เสียงอันคุ้นเคยดันขึ้น เสียงของคนที่ใกล้จะแตกหนุ่มเต็มทีแล้วจะเป็นใครไปได้ แต่าว่าเขามาทำไมตอนนี้ ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่นอนอีก
ร่างบางในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวยาวถึงเข่าลุกเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าน้องชาย นัยน์ตาสีแดงสดดูง่วงเต็มทน พร้อมกับชุดนอนลายหมีสีน้ำตาลแสนน่ารักที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอจะเป็นคนซื้อให้เขาเอง แขนทั้งสองข้างกอดหมอนใบใหญ่ไว้แล้วพิงหน้าลงบนหมอน
"ผมนอนไม่หลับอะ" พูดจบวาเลนก็เดินเข้ามาในห้องของเธอทันที เจ้าตัวเดินไปที่เตียงของผู้เป็นพี่พร้อมกับล้มตัวลงนอน แถมห่มผ่าห่มเรียบร้อย แต่ก็เหลือแค่ดวงตาที่แถบจะปิดลงอยู่แล้วยังคงจ้องมองมาที่เธอ
"ดูเหมือนจริงๆก็จะหลับอยู่แล้วนะ" เรเวนน่าเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วเอนตัวพิงหัวเตียง เอื้อมมือไปลูบผมของน้องชายสุดที่รักเบาๆ ผลคือคนขี้อ้อนทำหน้าสบายเชียว เหมือนลูกแมวเชื่องๆเวลาโดนลูบหัวเลย
"พี่ไม่ไปไม่ได้หรอ" วาเลนมองหน้าเธอด้วยสายตาเศร้าๆ
"ที่บอกว่านอนไม่หลับเพราะแบบนี้หรอ หืม" เหตุผลของคนนอนไม่หลับทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูออกไป
"ก็ผมไม่อยากให้พี่ไปนี่ เราไม่เคยห่างกันนานๆเลยนะ แล้วถ้าไปแล้วพี่ชอบคนอื่นมากกว่าผมจะทำยังไง" วาเลนทำหน้ามุ่ย เรเวนน่าหัวเราะเล็กน้อย น้องเล็กยังไงก็คือน้องเล็กสินะ ทั้งๆที่ก็อายุไม่ใช่เด็กแล้วแท้ๆแต่ก็ทำตัวเป็นเด็กเล็กๆไปได้
"เราเป็นน้องพี่นะ น้องคนเดียวของพี่ จะให้ไปชอบใครมากว่าเราได้ไง" เรเวนน่าส่งยิ้มให้วาเลน จนเจ้าตัวตัวจากที่หน้ามุ่ยอยู่ก็ยอมยิ้มตาม
"พี่พูดแล้วนะ" พอได้สิ่งที่พอใจแล้วเขาก็ยิ้มออกมา ไอเจ้าเด็กคนนี้นี่นะ
"นอนได้แล้วน่าวาเลน ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้พี่ไปแต่เช้านะ ระวังจะตื่นไม่ทันเอา" พอได้ยินแบบนั้นน้องชายตัวแสบก็รีบหลับตานอนทันที แต่ไม่นานก็ลืมตาขึ้นมาใหม่
"มีอะไรอีกล่ะ" เธอถามขึ้นพลางขยับตัวขึ้นไปบนเตียง
"ร้องเพลงกล่อมหน่อย" เมื่อก่อนเวลาที่วาเลนนอนไม่หลับเขาจะมาหาเธอเสมอแล้วขอให้ร้องเพลงกล่อมเขา เขาบอกว่าเวลาฟังเพลงที่เธอร้องทำให้หลับสบาย
"งั้นหลับตาซะนะ" วาเลนไทน์ยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย
เสียงฮำเพลงเริ่มดังขึ้น จากเสียงเบาจนถึงดังในระดับที่ฟังแล้วสบายหู น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอหวานราวกับหยดน้ำผึ้ง เสียงเพลงละมุนนุ่มที่คุ้นเคยสำหรับวาเลนไทน์ ที่มักจะขอให้พี่สาวเขาร้องให้ฟังอยู่เสมอ เสียงที่ไม่ว่าจะได้ยินเมื่อไหร่ต่อให้ฝันร้ายอยู่เขาก็จะได้หลับฝันดี
อ้อมแขนของคนเป็นน้องชายเอื้อมเขามากอดที่เอวของเรเวนน่าไว้พร้อมกับใบหน้าที่แนบลงบนตัก มือบางเอื้อมไปลูบผมของน้องชายด้วยความเอ็นดู เสียงฮำเพลงที่หวานหยดย้อยยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หยุดลงเมื่อเจ้าชายน้อยหลับลงสนิทแล้ว
เรเวนน่าจัดท่านอนให้วาเลนดีๆเพื่อให้นอนสบาย พร้อมกับจัดการห่มผ้าห่มให้
"ฝันดีนะเจ้าชายของพี่" ร่างบางก้มลงจุ๊บที่หน้าผากเพื่อเป็นของขวัญก่อนนอนให้น้องชายเบาๆ จากนั้นจึงจัดแจงการนอนของตัวเองบ้าง แล้วสุดท้ายสองร่างของสองพี่น้องก็เข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด
วันก่อนเปิดรับสมัคร
"เดินทางปลอดภัยนะลูก" ผู้เป็นพ่อเดินเค้ามากอดลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของตน ใจนึงก็เป็นห่วงแต่ใจนึงก็อยากให้ลูกได้ออกไปหาความรู้ด้วยตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาเรเวนน่าถูกขังมามากพอแล้ว
"จะไม่ให้ผมไปส่งจริงๆ หรอ" วาเลนคร่ำครวญ ก็เขายังไม่อยากห่างพี่สาวนี่
"เอาหน่า ไว้จะกลับมาหาบ่อยๆ แล้วอีกอย่างเดี๋ยวปีหน้าก็ได้เจอหน้ากันทุกวันแล้ว" เรเวนน่าเข้าไปสวมกอดแล้วลูบหลังน้องชายหัวแก้วหัวแหวนเบาๆ ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชุ่มที่ไหล่ พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ ขี้แงจริงๆ เลยน้องฉัน
"ไม่เอาไม่ร้องสิ ถ้าเป็นแบบนี้พี่จะยิ่งเป็นห่วงเรานะ" เขาก็เป็นแบบนี้ เขาขี้เหงามากเพราะพี่เเซ็คมิสและท่านพี่ราเมเซสอายุค่อนข้างห่างกับเขา ส่วนเธอที่อายุห่างจากเขาแค่ปีเดียว เขาเลยสนิทกับเธอที่เป็นพี่สาวมากที่สุด ตอนเด็กๆ เราจะอยู่ด้วยกับแทบตลอดจนแทบจะเหมือนเป็นแฝดกันจริงๆ ยิ่งหน้าตาที่เหมือนกันอย่างกับแกะ แต่พอช่วงหลังๆ ที่เธอห่างๆ ออกมา เขาเลยกลายเป็นคนซึมๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า แต่พอปรับความเข้าใจกันได้ไม่ทันไรก็ต้องห่างกันอีกแล้ว เธอเองก็ไม่อยากห่างเหมือนกัน แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ
"ฮึก... ฮึบ" พอพูดแบบนั้นเขาก็พยายามหยุดร้องไห้ในทันที พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้คนเป็นพี่
"ดีมาก คนเก่ง" เรเวนน่ายกมือขึ้นลูบหัววาเลนเบาๆ
"ลากันเสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไปถึงค่ำกันพอดี" แซ็คมิสที่นั่งรออยู่บนรถม้านานแล้วโผล่หน้าออกมาบ่นสองพี่น้องที่มัวแสดงละครน้ำเน่าอยู่ในสายตาเขา
"เสร็จแล้วๆ ไปแล้วนะ" ก่อนจะหันหลังเดินไปเรเวนก็จุ๊บแก้มน้องชายไปหนึ่งที
"พี่! ผมโตแล้วนะ" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้าแก้เขินอยู่ดี
ฮ่าๆๆ จ้าๆ ไปจริงๆ แล้วนะ ดูแลตัวเองด้วย" เรเวนน่าพูดแล้วกอดพ่อกับน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าถามว่าท่านพี่ราเมเซสไปไหน รายนั้นมีงานด่วน แต่ก็มาลาเธอตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
ร่างบางหันหลังเดินขึ้นรถมา ก่อนจะเข้าไปข้างในก็หันกลับมาดูวังอีกครั้ง นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกไปที่ไกลๆ เรเวนน่ามองภาพตรงหน้าอยู่สักพักแล้วก็เดินเข้าตัวรถม้าไป
รถม้าเริ่มจะเคลื่อนตัว เด็กสาวมุดออกไปนอกหน้าต่างแล้วโบกมือให้ท่านพ่อกับวาเลนที่ตอนนี้ยังคงยืนอยู่ข้างนอก ทั้งคู่ก็โบกมือกลับ เธอเห็นนะว่าท่านพ่อแอบเช็ดน้ำตาน่ะ ก็นะอย่างว่าแหละ ครั้งแรกที่เธอจะได้ห่างจากท่านนานๆ พอรถม้าออกมาไกลจนทั้งคู่พ้นสายตาของเธอแล้ว ร่างเล็กก็กลับเข้ามานั่งข้างใน
"ตื่นเต้นหรอ" แซ็คมิสเอ่ยถามน้องสาวที่ตอนนี้นั่งมือสั่นเพราะความตื่นเต้นที่จะได้มีอิสระจริงๆ ครั้งแรก ก็แหงสิ ฉันอยู่ในกรงทองมานานถึงมันจะสบายแต่ก็ไม่มีอิสระ พอได้โอกาสมันก็เลยดันตื่นเต้นจนตัวสั่นเลยสิเนี่ย
"น้องออกมาข้างนอกไกลๆ ครั้งแรกนะ ก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้วสิ" เรเวนน่่าตอบกวนๆ ไปเหมือนปกติเวลาคุยกับพี่ชายคนรอง
"อย่าเพิ่งรีบตื่นเต้นเลย ข้างนอกนั่นมีอะไรให้ได้ตื่นเต้นกว่านี้อีกเยอะ" แซ็คมิสพูดแล้วเบนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
"น้องจะไหวหรือเปล่าคะ" เรเวนน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย แต่ถึงจริงๆเธอจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า แต่ก็ยังมีความกลัวอยู่ในใจเล็กน้อยที่คนอยู่ติดบ้านอย่างเธอต้องไปอยู่สถานที่ที่ไม่คุ้นชินนานๆเป็นครั้งแรก
"ไหวสิ มีพี่ช่วยอยู่ทั้งคน" แซ็คมิสตอบ เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้น้องสาวเขาคงทั้งกำลังกลัวและกังวล
"ขอบคุณนะคะ แต่ถ้าจะช่วย ช่วยเลิกแย่งขนมน้องด้วยค่ะ ท่านพี่กินจนน้องไม่มีจะกินแล้ว คราวหลังถ้าอยากกินก็ซื้อเองสิ" เรเวนตอบแบบงอนๆ ของโปรดของเรเวนน่าคือขนมนั่นแหละ แต่พักนี้ขนมที่ตุนไว้มันดันเริ่มจะค่อยๆ หายไป พอวางแผนจับตัวคนร้ายผลปรากฏคนที่ขโมยดันเป็นเเซ็คมิส แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร กลับกลายเป็นว่าพอโดนจับได้ดันเปลี่ยนเป็นมาขโมยกันซึ่งๆ หน้าเลยเสียอย่างนั้น
พอพูดแบบนั้นคนเป็นพี่ก็ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เบนสายตาออกไปข้างนอกหน้าต่างซ้ายทีขวาที ทำทีเป็นชมนกชมไม้ไปเรื่อย
"เห้อ....." ร่างเล็กถอนหายใจยาว พร้อมกับส่ายหัวด้วยความหน่ายใจกับพี่ชายคนรองเบาๆ เขาก็เป็นซะแบบนี้
สักพักเมื่อบรรยากาศภายในเริ่มเงียบลง เรเวนน่าที่นั่งดูบรรยากาศและทิวทัศน์ภายนอกอยู่ในตอนแรก พอผ่านป่าผ่านเขาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เสียงนกเสียงใบไม้เสียดสีกัน พร้อมสายลมอ่อนๆ ให้ความเย็นสบายที่พัดผ่านตลอดเวลา ก็ชักจะเริ่มทำให้เธอรู้สึกง่วงเข้าแล้วสิ แถมบรรยากาศยังน่านอนอีก
เสียงลมเสียดสีกับใบไม้น้อยใหญ่ทำให้เกิดเสียงธรรมชาติราวกับเสียงดนตรี คล้ายกับยาคลายเครียดอะไรทำนองนั้น เสียงนกร้องราวกับกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ทั้งหมดนี้เหมือนกับเพลงกล่อมนอนจากธรรมชาติชั้นดี
สายลมบางเบาพัดผ่านใบหน้าของหญิงสาวผู้ที่ครอบครองใบหน้างามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ร่างบางกำลังนอนหลับตาพริ้มเพราะเสียงเพลงจากธรรมชาติที่กล่อมเธอ เด็กสาวในตอนนี้กลับดูไร้ความกวน และดูไม่มีพิษมีภัยกับใคร ดูเหมือนราวกับเด็กสาวไร้เดียงสา น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่ง
แต่อยู่ๆ สีหน้าที่ดูกำลังหลับสบายนั้น ก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน เหงื่อเม็ดน้อยใหญ่ผุดขึ้นตามใบหน้า ราวกับคนกำลังฝันร้าย เธอพยายามตะเกียกตะกายยื่นมือไปข้างหน้าราวกับกำลังคว้าอะไรบางอย่าง หันซ้ายหันขวา ปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างไปด้วย แต่กลับไม่มีเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย
ในความฝัน
"อย่าไป ท่านแม่! ท่านแม่! อย่าทิ้งลูกไป" เด็กสาวผมสีบลอนด์ทองสุกสว่างคนหนึ่งกำลังวิ่งตามคนที่ตนนั้นเรียกว่าแม่ไป ดวงตาสีโกเมนที่กำลังสั่นระริกเลอะเลือนไปด้วยน้ำตาจ้องมองไปยังแผ่นหลังที่ปกคลุมเส้นผมสีทองสว่างราวกับเส้นไหมของคบุคคลตรงหน้า ที่หน้าตาเหมือนกับเธอราวกับแกะ ต่างเพียงแค่สีนัยน์ตาของอีกคนเท่านั้น แต่เหมือนเด็กสาวตัวน้อยจะยิ่งพยายามคว้าไว้เท่าไหร่แผ่นหลังของแม่กลับดูเหมือนไกลออกไปเรื่อย ๆ เธอวิ่งอยู่อย่างนั้น จนขาเล็กๆ สองข้างเริ่มจะหมดแรง จนเธอนั้นค่อยๆ วิ่งช้าลงจนกลายเป็นเดินจากเดินก็กลายเป็นหยุดยืนอยู่เฉยๆ รอบๆ กายมืดสนิทแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนที่อยู่ไกลเกือบสุดสายตา แม้ตอนนี้ตัวเธอจะหยุดเดินแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดินเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าที่เต็มใบด้วยน้ำตาในตอนแรก ตอนนี้ก็ยังคงมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย แต่ใบหน้าที่แสดงอารมณ์ในตอนแรก ตอนนี้กลับดูนิ่งเฉยและเย็นชา ราวกับหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอ ตอนนี้ถูกบดขยี้จนเหลือเพียงเศษซากไปเสียแล้ว เศษซากที่ต่อให้ประกอบขึ้นมาใหม่และใช้ความประณีตเพียงใดมันก็ยังคงเป็นหัวใจดวงเดิม ดวงที่มันได้แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนยากจะประกอบขึ้นมาอีก
"นี่ฉันยังพยายามไม่พอ หรือว่าท่านกำลังเดินหนีฉันกันแน่คะ" สุดท้ายความพยายามก็สูญเปล่า สิ่งที่เธอควรทำตอนนี้คืออะไร หนีหรือ หรือวิ่งไขว่คว้ามันอยู่แบบนี้ สิ่งที่เธอต้องทำจริงๆ ตอนนี้คืออะไร
ร่างบางทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วกอดเข่าตัวเองร้องไห้อยู่อย่างนั้น สิ่งที่บ่งบอกได้ถึงบาดแผลภายในจิตใจที่สาหัสเกินกว่าเด็กคนนึงจะรับไหวคือการร้องไห้จนตัวสั่น แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นหรือเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาสักแอะ เธอคนนี้ถูกสอนให้เข้มแข็ง เธอถูกสอนมาว่าอย่าร้องไห้ ต่อให้เจอเรื่องหนักหนาแค่ไหนก็ห้ามแสดงอารมณ์ที่อ่อนไหวออกมาให้ใครเห็น เดาไม่ออกเลยว่าใบหน้าของเด็กสาวในตอนนี้กำลังบูดเบี้ยวและแดงก่ำเพราะการพยายามกลั้นน้ำตาขนาดไหน
เพราะพลังอันมหาศาลของเธอ เพราะหน้าที่อันใหญ่หลวงที่ถูกมอบให้โดยไม่ได้ถามความสมัครใจเธอสักนิด คนเหล่านั้นจะรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้กำลังทำลายชีวิตเด็กคนนึงจนไม่เหลือซาก
"เรเวนน่า! " เสียงเรียกอันคุ้นหูดังขึ้นก่อนจะเหมือนกับมีเเรงอะไรบางอย่างกระชากเธอ
"เฮือก! " เรเวนน่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน ตอนนี้รถม้าหยุดแล้ว ร่างเล็กมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดสายตาของคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าตาร้อนลน พี่แซ็คมิสอยู่ในท่าที่จับไหล่เธอทั้งสองข้าง ใบหน้ากังวลอย่างหนักแถมยังดูเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง มือสองข้างของเขาสั่นจนร่างบางรู้สึกได้ เธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เปียกอยู่บนใบหน้า ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมาแตะดู
"น้ำตา? " เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะร้องไห้ ครั้งล่าสุดที่ร้องไห้ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ท่านพี่คะ..." แซ็คมิสรีบรวบตัวน้องสาวเข้ามากอดทันที เขารู้ดีว่าน้องสาวเขาฝันถึงอะไร รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่ได้เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ทุกครั้งที่เรเวนน่าฝันแบบนี้แล้วเกิดร้องไห้ขึ้นมา เธอจะกลับไปเป็นคนเดิมเหมือนตอนนั้น ซึ่งเขาไม่ชอบเอาซะเลย
"ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่แล้ว " เรเวนน่ากอดพี่ชายของตัวเองแน่น บางทีเธอก็แค่ต้องการใครสักคนที่ดึงเธออกมาจากฝันร้ายนี่สักที
สองร่างกอดกันอยู่สักพัก โดยแซ็คมิสก็พลางลูบหลังของน้องสาวเป็นการปลอบโยนเบาๆ จนตอนนี้ร่างเล็กหายสั่นแล้ว ก็ค่อยๆ ผละออกจากผู้เป็นพี่
"ไปกันเถอะค่ะ ใกล้จะมืดแล้ว"เรเวนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทำหน้าตาให้กลับมาสดใสเหมือนเดิม
"น้องโอเคแล้วหรอ เรานั่งอยู่บนนี้กันสักพักก็ได้นะ" แซ็คมิสท้วง เขาอยากจะรู้ให้แน่ใจว่าน้องสาวเขาโอเคแล้วจริงๆ
"เอาหน่า เดี๋ยวน้องไปยื่นใบสมัครไม่ทันนะ" เรเวนน่าแย้ง
"โอเค เอางั้นก็ได้ งั้นรีบไปดีกว่า ตอนนี้น่าจะใกล้ปิดรับสมัครแล้ว" พอพูดเสร็จแซ็คมิสก็เดินออกไปก่อน เรเวนน่าไม่รอช้ารีบออกตามไปทันที
หน้าโรงเรียนอัลวาโร่
เสียงของผู้คนดังจ้อกแจ้กไปทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่ที่ยืนกันอยู่ตรงนี้จะเป็นคนที่มาสมัครสอบกันซะส่วนใหญ่ ร่างงามระหงที่กำลังยืนต่อแถวยืนใบสมัครตอนนี้กำลังมองสำรวจบริเวณรอบๆของโรงเรียนอยู่ ถึงจะรู้สึกถึงสายตาของคนแถวนั้นที่จับจ้องมาที่เธอ แต่คนที่สนใจจะความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่โดยรอบมากกว่าก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร
ขอเล่าก่อนว่าที่นี้มีทั้งหมดห้าเมือง โดยทุกเมืองมีข้อตกลงตกลงกันว่าจะยกให้พื้นที่ตรงกลางที่ติดกับทุกเมืองเป็นศูนย์รวมของการค้าขายและแหล่งการศึกษา และตั้งชื่อพื้นที่ตรงนี้ว่าเซนเทรีย โรงเรียนอัลวาโร่จะตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก จากที่ดูก็เหมือนจะกินพื้นที่ประมาณเกือบสามสิบเปอร์เซนของทางฝั่งตะวันออกแล้ว ห่างจากหน้าโรงเรียนไปประมาณสองร้อยเมตรจะเป็นตลาดที่ดูเหมือนว่าจะกว้างจนต่อให้เรียนที่นี่จนจบจะเดินทั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้
หลังจากต่อแถวอยู่นานพลางมองสิ่งก่อสร้างและผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาไปเรื่อย เรเวนน่าก็รู้สึกเหมือนโดนสะกิดที่ไหล่
"พี่ต้องไปแล้วอะสิ โดนเรียกตัวอะ น้องอยู่กับแกลแลนท์สองคนนะ เรื่องที่พักพี่จัดการให้แล้ว ให้แกลแลนท์นำทางไปได้เลย"
"อ่าได้ค่ะ แล้วเจอกันนะ อย่าไปก่อเรื่องที่ไหนล่ะ" แซ็คมิสที่โดนกวนเข้าให้ อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มน้องสาวอย่างหมั่นไส้แรงๆสักที
"พี่สิต้องเป็นคนพูดประโยคนั้น พี่ต้องไปแล้ว เอาเป็นว่าโชคดีแล้วกัน สอบให้ติดล่ะ สู้ๆ" พูดจบ แซ็คมิสก็ขยี้หัวน้องสาวตัวเองด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะรีบเผ่น ถ้าไม่รีบหนีมีหวังได้หลังแอ่นแน่ๆ
เวลาล่วงเลยไปจนตอนนี้ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว เเสงไฟจากบ้านเรือนไปพื้นที่โดยรอบเริ่มส่องสว่าง ผู้คนคับคั่งยิ่งกว่าเดิม แสงสีของที่นี่มีมากมายเต็มไปหมดต่างจากที่เอนเดลลิออน เพราะด้วยความที่เป็นเมืองศูนย์กลางด้วยล่ะมั้ง แถวเริ่มขยับไปเรื่อยๆจนตอนนี้ถึงคิวของเธอแล้ว
เรเวนน่ายื่นใบสมัครไปให้เด็กหนุ่มคนนึงที่มีเส้นผมสีเขียวแก่ใส่ชุดนักเรียนของอัลวาโร่ เขาดูจะอายุมากกว่าเธอหนึ่งหรือสองปีโดยประมาณ
"ปั๊มลายนิ้วมือด้วยครั-" ยังไม่ทันได้พูดจบพอเขาเงยหน้าขึ้นมา อยู่ดีๆก็นิ่งไปเฉยๆซะอย่างนั้น ดวงตาสีทองของผู้พูดเบิกกว้างอย่างกับคนเจอสิ่งน่าสนใจ
ปั้ก!
"มัวเล่นอะไรอยู่ทำงา-" หลังจากทำโทษคนที่โดนคิดว่าแอบอู้งาน เจ้าของผลงานเสียงทุบหลังดังปั้กเมื่อกี้พอจะเงยหน้ามองมาทางเรเวนน่าเด็กหนุ่มผมสีม่วงหยักศกคนนี้ก็งักไปอีกคน
"เอ่อ...... จะให้ปั้มลายนิ้วมือใช่มั้ยคะ" เรเวนน่าพอจะรู้ว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปก็ทำตัวไม่ถูกคิดรีบจะจัดการทุกอย่างแล้วออกจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว
"ไอเมล ไอเพิร์ส เอกสารเรียงเสร็จหรือยัง แล้วมัวทำอะไรอยู่รีบๆสิยะ คนต่อแถวยาวไปยันฝั่งใต้แล้วมั้งนั่นน่ะห้ะ!" รุ่นพี่ผู้หญิง ผมสีส้มนัยน์ตาสีมพู ที่ดูแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เเขนเสื้อพับขึ้นจนถึงศอก กระดุมเสื้อเม็ดบนไม่ได้ติด เนคไทด์ถูกดึงให้ต่ำลงมา เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเท้าสะเอวบ่นรุ่นพี่ผู้ชายสองนี่นั่งนิ่งไม่ยอมทำอะไรเลย
"โห โคตรสวย" รุ่นพี่ที่มีผมสีเขียวแก่พูดขึ้น พี่คนนี้น่าจะชื่อเมลเพราะระหว่างต่อแถวเห็นหลายๆคนกำลังพูดถึงคนชื่อเมล ที่เค้าว่าหน้าหล่ออย่างกับไอดอลอะไรทำนองนั้นเลย จะว่าไปพี่ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้หน้าตาไม่ธรรมดาสักคนเลยนะ
"ยัยโซเฟียเทียบไม่ติดเลยว่ะ" รุุ่นพี่ผมสีม่วงอีกคนนึงพูด ก่อนรุ่นพี่ผู้หญิงที่มีเส้นผมสีส้มที่น่าจะชื่อว่าโซเฟียก็เกิดอาการเดือดขึ้นเมื่อถูกพาดพิงเข้า
"ไอพวกบ้านี่! จะเอาฉันไปเปรียบทำไมยะ" จะว่าไปรุุ่่นพี่ผู้หญิงคนนี้ก็หน้าตาค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะเกเรของเธอทำให้นอกจากสวยแล้วยังดูเท่ได้อีก
"เลิกทะเลาะกันได้แล้ว หนวกหู" พี่ผู้ชายผมสีฟ้าอ่อนที่นั่งทำงานเงียบอยู่ตอนแรกเหมือนจะทนเสียงรบกวนไม่ไหว
"พ่อด่าแล้วเห้ย น้องคนสวยคร้าบ วันมะรืนจะมีสอบปฏิบัตินะครับ ให้มาถึงก่อนสิบโมงเช้านะ เกินนั้นถือว่าสละสิทธิ์" เรเวนน่าพยักหน้าเชิงจะบอกว่าเข้าใจแล้ว โดยพี่คนที่ผมสีม่วงเป็นคนหันมาบอกเธอ เขาน่าจะชื่อว่าเพิร์ส หรือเปล่านะ
พอจัดการทุกอย่างเสร็จ ร่างบางก็กำลังจะเดินออกมาเพื่อที่จะไปหาแกลแลนท์ แต่ก็ดันไปชนกับคนคนนึงเข้าจนคนที่โดนร่างเล็กชนล้มลงไปกองกับพื้น
"ขอโทษค่ะ พอดีมัวแต่มองบรรยากาศไม่ได้มองทางเลยขอโทษที" พอพูดขอโทษเสร็จ คนที่เป็นฝ่ายเดินไปชนก่อนก็รีบช่วยประคองผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาพร้อมกับปัดฝุ่นปัดดินที่ติดตามตัวขึ้นมาออกให้
"อ่าๆ ไม่เป็นไร ฉันก็มัวแต่มองอย่างอื่น ไม่ได้มองทางเหมือนกัน" เธอพูด เธอมีสีผมสีดำสนิทยาวสลวย นัยน์ตาสีทองอ่อนๆ รูปร่างสูงโปร่งที่พอบวกกับหุ่นที่โค้งเว้าได้สัดส่วนไม่แพ้คนตรงข้าม และการแต่งตัวที่ดูยั่วยวนถึงแม้จะไม่ได้แต่งตัวโป๊แต่เสน่ห์ที่แผ่ออกมาก็ถึงขั้นทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หรือแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังต้องเหลียวมองนั้นยิ่งบอกได้ชัดว่าเธอคนนี้มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามหรือแม้กระทั่งเพศเดียวกันอยู่มาก ใบหน้าทรงเสน่ห์ของเธอตอนนี้กำลังมองมาที่เรเวนน่าอย่างพินิจพิจารณาเหมือนกัน
"ว่าแต่เธอจะมาสมัครสอบหรอ" เรเวนน่าถามผู้หญิงตรงหน้า ชึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบกลับมา
"ฉันเฟียร่าห์ จากอาร์เจนโต้ แล้วเธอ……" เธอเว้นช่วงไว้เหมือนจะรอเรเวนน่าเป็นฝ่ายบอกชื่อตัวเอง
"ฉันเรเวนน่า จากเอนเดลลิออน" เจ้าของชื่อบอกแล้วยิ้มให้ นับเป็นการโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้บอกนามสกุลที่เป็นต้นกำเนิดของตนออกมาก่อน เพราะเธอไม่อยากเปิดเผยตัวเองมากนัก
"เธอมาสมัครเหมือนกันใช่มั้ย " เฟียร่าห์ เจ้าของนัยน์ตาสีทองอ่อนถามพลางมองเรเวนน่าด้วยแววตาสนใจ
"อื้ม แล้วเธอพักอยู่ที่ไหนหรอ" เจ้าของนัยน์ตาสีโกเมนสวยถามขึ้น เผื่ออีกฝ่ายจะอยู่ที่เดียวกันจะได้หาเพื่อนง่ายๆ
" โรงเเรมห้าดาวแถวนี้แหละ" อีกฝ่ายตอบพลางหันหน้าไปทางโรงแรมห้าดาวที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก
"เอาเป็นว่าไว้เจอกันวันสอบแล้วกันนะ พอดีฉันต้องรีบไปแล้ว "
"โอเค ไว้เจอกัน " เฟียร่าห์ยิ้มตอบพร้อมกับพนักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปทางแถวที่เรเวนน่าไปยืนรอยื่นใบสมัครเมื่อกี้ พอแยกกันเสร็จเรียบร้อย ร่างงามก็เดินกลับมาหาองค์ครักษ์ผู้ที่เป็นเพื่อนแล้วขึ้นรถม้าไป
ความคิดเห็น