ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    revenna and the heart of the equilibrium | หัวใจแห่งความสมดุล

    ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องที่น่ายินดี

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 66


    เช้าวันถัดมา

    ณ ห้องอาหาร ในพระราชวังเอนเดลลิออน

    "ว่าไงนะคะ! ท่านพ่อจะให้ลูกไปโรงเรียนหรอ! ให้ไปจริงๆ เหรอ! " ร่างเล็กของทายาทหญิงเพียงคนเดียวของอาณาจักรตะโกนถามผู้เป็นพ่อด้วยตาเป็นประกาย ในที่สุดก็จะได้ไปโรงเรียน จริงๆ เธอเคยขอท่านพ่อมาหลายครั้งแล้ว แต่ท่านไม่ให้ไปเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย แต่ทีท่านพี่ราเมเซสกับท่านพี่แซ็คมิสยังให้ไปง่ายๆ เลย แล้วทำไมคราวนี้อยู่ดีๆ ถึงมาบอกว่าอนุญาตให้ไปกันล่ะ

    "แล้วไม่ดีหรอ เห็นน้องอยากไปหนักหนา จะได้ไปอยู่กับพี่ไง" แซ็คมิส เดอ เจเวล เอนเดลลิออน องค์ชายลำดับที่สอง ผู้มีนัยน์ตาและสีผมสีเดียวกับน้องสาวกล่าวกับน้องสาวของตนด้วยสายตายั่วยุล้อเลียน

    "แหมม ท่านพี่ น้องก็ต้องอยากอยู่แล้วสิเพคะ ได้ไปคอยตามดูการใช้ชีวิตแบบทำตัวไร้ประโยชน์ไปวันๆ ของท่านพี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ" เรเวนน่าพูดแล้วส่งยิ้มกว้างแบบปลอมๆ ไปให้พี่ชายแสนน่ารำคาญ

    "พี่ก็ยินดีอย่างยิ่งเลยที่จะได้คอยแกล้งน้องไปได้อีกหลายปี ฮ่าๆๆๆ " แซ็คมิสพูดแล้วหัวเราะอย่างชั่วร้าย

    "หรอคะ คอยดูเถอะใครจะแกล้งใครกันแน่" เรเวนน่าพูดแหย่พี่ชายแล้วแลบลิ้นล้อเลียน สองพี่น้องส่งสายตาฟาดฟันกันสุดฤทธิ์

    "นี่สองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว พวกเธอนี่มันยังไง โตก็โตมาด้วยกันทำไมถึงได้กัดกันไม่เลิก มีมารยาทบนโต๊ะอาหารหน่อย" นี่ไงโดนไปหนึ่งดอก กับพี่ชายเจ้าระเบียบ ท่านพี่ราเมเซส เดอ เจเวล เอนเดลลิออน องค์ชายลำดับที่หนึ่ง และเป็นองค์รัชทายาทพูดท่าทางดุนิดๆ แต่ก็เพราะนัยน์ตาสีเดียวกันกับเรเวนน่าที่มันมักจะดูอ่อนโยนกับเธออยู่เสมอนั่นแหละเลยไม่ได้ดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ขอบอกเลยนะเวลาโกรธจริงน่ะอย่าไปใกล้เขาเชียว

    "เอาเถอะๆ เอาเป็นว่าลูกจะไปใช่มั้ยเรเวนน่า"ท่านพ่อหรือองค์กษัตริย์แห่งเอนเดลลิออนองค์ปัจจุบัน โจเซฟีน เดอ เจเวล เอนเดลลออน ถามลูกสาวเพียงคนเดียวของตน

    "ลูกไปแน่เพคะ แต่ลูกยังไม่รู้อะไรเลย" ร่างสวยเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีที่เริ่มจริงจังขึ้นมา เธอเองก็อยากไปโรงเรียนมานานแล้ว รู้มาว่าเป็นที่ๆ คนรุ่นราวคราวเดียวกันมารวมตัวกัน ไหนจะมีการเรียนการสอนที่เธอไม่ต้องนั่งเรียนคนเดียว ยังมีหอสมุดที่มีแต่หนังสือหายากเต็มไปหมด สวรรค์ชัดๆ เธอจะได้อยู่ห่างจากกรงทองนี่สักที

    "โรงเรียนจะเปิดรับสมัครในอีกห้าวัน อีกสามวันน้องต้องเดินทางไปพร้อมพี่" แซ็คมิสกล่าวก่อนจะยื่นกระดาษประมาณสองสามแผ่นให้กับเรเวนน่า ตอนแรกเธอก็มองมันอย่างงงๆ ก่อนจะร้องอ๋อเมื่อผู้เป็นพี่อธิบาย

    "ใบสมัครน่ะแล้วก็กำหนดการ" ผู้เป็นพี่ตอบอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าน้องสาวของตนกำลังสงสัยอะไร

    "ไม่ใช่ว่าต้องไปซื้อหน้าจุดรับสมัครหรอกหรอ" เรเวนน่าถามด้วยสีหน้าสงสัย ปกติถ้าเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้มีการเสนอชื่อเข้าเพื่อเข้ารับการศึกษา โรงเรียนที่ต้องสมัครสอบต้องไปซื้อใบสมัครที่หน้าโรงเรียนเท่านั้นนี่นา

    "มีเส้นสายซะอย่าง จะไปยืนต่อคิวให้มันเสียเวลาทำไมเล่า" แซ็คมิสพูดก่อนจะขยิบตาให้น้องสาวหนึ่งที

    "ท่านพี่จะไปจริงๆ หรอ" วาเลนที่นั่งเงียบมานานถามขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เขาคงไม่อยากให้เธอไป เพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้แปปเดียว มีเรื่องให้ต้องห่างกันอีกแล้ว

    "ก็ต้องไปสิ เอาหน่าห่างกันไม่กี่เดือนเอง ปิดเทอมพี่ก็กลับมา แล้วปีหน้าเราก็ตามพี่ไปก็ได้นี่ ปีหน้าเราก็อายุสิบห้าแล้วไม่ใช่หรอ" เธอพูดปลอบใจน้องชาย นัยน์ตาสีโกเมนจ้องมองเข้าในในนัยน์ตาสีเดียวกันด้วยความอบอุ่น  จนวาเลนไทน์รู้สึกวางใจไปบ้าง

    "แค่ไปเรียนเองน่า อาลัยอย่างกับใครจะไปตายอย่างนั้นแหละ กับอีแค่ไม่กี่เดือนทนหน่อย ขาดยัยนี่แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ซะหน่อยหนิไอลูกหมา" แซ็คมิสพูดปลอบน้องชาย นี่สาบานเลยนะว่าพูดปลอบ ขวานผ่าซากไม่รักษาน้ำใจได้แบบเขานี่หาไม่ได้แล้วล่ะ แต่จะพูดกับใครก็ได้มาว่าน้องชายเธอแบบนี้เธอไม่ยอมหรอกนะ

    "หยุดเลยท่านพี่ถ้าจะปลอบกันแบบนี้ พูดดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง น้องซึมกว่าเดิมอีกนั่น" เธอพูดแล้วถลึงตาใส่ท่านพี่แซ็คมิสพลางทำท่าจะเอาซ้อมทิ่มเขา

    "ก็ฉันปลอบไม่เป็นนี่ คราวหลังจะอยู่เงียบๆ แล้วกัน" แซ็คมิสที่คราวนี้ยอมจะเป็นคนสงบศึกก่อน แล้วนั่งทานอาหารต่ออย่างเงียบๆ

    "อย่าเศร้าไปเลยวาเลน เดี๋ยวให้แอบออกมาบ่อยๆ โอเคมั้ย" ราเมเซสปลอบน้องชายพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ วาเลนพยักหน้า เขาดูมีสีหน้าดีขึ้นนิดๆ นี่สิถึงเรียกว่าปลอบแบบท่านพี่แซ็คมิสนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน

    เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วเธอจึงเลือกที่จะพูดเข้าเรื่องโรงเรียนต่อ

    "แล้วแกลแลนท์ล่ะคะ ให้แกลแลนท์ไปกับลูกด้วยได้หรือเปล่า" เรเวนน่าหันไปถามผู้เป็นพ่อ อย่างคาดหวัง เธออยากให้เขาไปด้วยเพราะเผื่อไม่มีเพื่อนขึ้นมาน่ะสิจะได้ไม่เหงา

     "ได้สิ แต่พ่อว่าถามเจ้าตัวก่อนดีกว่า" ท่านพ่อตอบด้วยสีหน้าใจดีเหมือนเคย กับลูกสาวคนนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่อะไรที่จะนำอันตรายมาหาลูกของเขา เขาก็ยอมให้ลูกๆทุกอย่างนั่นแหละ

     

    “ได้ข่าวว่าทางอเนโมนี่จะส่งเอเซอร์ไปเหมือนกัน น้องไม่ได้เจอกันนานแล้วหนิ มีคนไว้ใจได้อยู่ใกล้ๆด้วยอีกคนพี่จะได้หายห่วงได้หน่อย” ท่านพี่ราเมเซสพูดขึ้นมา พลางมองมาทางเรเวนน่าหน้าด้วยสีหน้าหายห่วง เอเซอร์เป็นเพื่อนอีกคนของเธอ เขาเป็นเจ้าชายลำดับสองจากอาณาจักรอเนโมนี่ มีศักดิ์เป็นญาติกันเนื่องจากแม่ของเธอเองก่อนที่จะมาแต่งงานที่เอนเดลลิออนก็เป็นราชวงศ์เหมือนกัน เอเซอร์กับเธอนานๆทีเราจะได้มาเจอกัน แล้วนี่ก็หลายเดือนมากแล้ว

    “งั้นหรอคะ มีคนให้แกล้งแล้วสิงั้น” เรเวนน่าตอบแล้วยิ้มกว้างให้คนเป็นพี่ชาย ซึ่งคนเป็นพี่ก็ทำท่าอยากจะขยี้แก้มน้องสาว แต่ก็ทำได้แค่อยากเพราะกำลังอยู่ในเวลาอาหาร การเป็นองค์รัชทายาทที่่ต้องเพียบพร้อมทุกอย่างแล้วบางทีก็ต้องอดใจกับความน่ารักของน้องสาวที่มีมากขึ้นทุกวันบ้าง

    "รีบทานกันเถอะ แล้วก็เรเวนน่าทานเสร็จแล้วไปหาพี่ที่ห้องทำงานหน่อย พี่มีเรื่องจะคุยด้วย" ท่านพี่ราเมเซสพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับบเวลาที่เขาจะทำอะไรที่มันจริงจัง ทำเอาร่างเล็กเริ่มกังวลคงไม่ได้จะมีเรื่องอะไรมาให้เธอปวดหัวหรอกใช่มั้ย

    "ค่ะ" พูดจบทุกคนก็เริ่มลงมือทานมื้อเย็นกัน

     

     

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ร่างเล็กของเด็กสาววัยเจริญพันธุ์ที่เริ่มจะมีทรวดทรงแล้วหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของพี่ชายคนโตด้วยท่าทีกังวลนิดๆ เพราะอะไรน่ะหรอ ลางสังหรมันบอกบอกว่าจะมีเรื่องอะไรที่น่าปวดหัวให้เธอต้องมารับผิดชอบเนี่ยสิ แต่หวังว่าจะไม่ใช่อะไรร้ายแรงหรอกนะ

    "เข้ามาสิ"เสียงของราเมเซสดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้องแล้วมือเรียวจึงค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป

    "ท่านพี่มีอะไรจะคุยกับน้องหรอคะ" เรเวนน่าพูดพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาที่มุมรับแขก โดนที่ตัวเจ้าของห้องนั้นนั่งรออยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนแล้ว

    พอเห็นองค์รัชทายาทมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาต้องมีเรื่องอะไรที่ค่อนข้างจริงจังจะพูดแน่ เรเวนน่าที่พอจะเดาออกแล้วว่าเรื่องอะไรอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพงตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

    "จำคำทำนายได้ใช่มั้ย" ราเมเซสเงยหน้าขึ้นมาถาม ทันทีที่ได้ยินคำถามสีหน้าของเรเวนน่าก็หมองลงทันทีทันใด ก็นึกว่าจะเรื่องอะไร ไอคำทำนายบ้านี่อีกแล้ว

    "น้องไม่กล้าลืมหรอกค่ะ" ชีวิตที่ผ่านมาเธอโดนฝึกหนักแทบทุกอย่าง ทำเอาไม่มีเวลาแม้แต่จะกินนอน ชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้นแทบจะไม่มีความทรงจำของการเล่นแบบเด็กๆ มีแต่การอ่านตำรา ซ้อมการต่อสู้ ซ้อมเวทย์ไปวันๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกวังจนถึงอายุสิบสาม นับว่าเธอเกิดมาในร่างที่โคตรซวย

    "เอาเถอะ ก็น้องเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ ยิ่งตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องสิ่งมีชีวิตที่จะตื่นขึ้นมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ที่น้องต้องทำตอนนี้คือ ฝึกซ้อมและระวังตัวให้ดี พี่คิดว่ามันไม่น่าจะทำร้ายแค่น้องคนเดียวแน่อยู่แล้ว ทั้งประชาชน ทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัว ตั้งใจให้มากๆ ถ้าตามคำทำนายมีเพียงน้องที่จะปกป้องทุกคนได้" ราเมเซสพูดพลางลุกไปนั่งข้างน้องสาวแล้วกอดร่างบางไว้เบาๆ

    "รู้เเล้วหน่า เลิกย้ำสักทีได้มั้ย แค่นี้ก็มันถึงมันจะทุกวันอยู่แล้ว พูดกรอกหูน้องอยู่ได้" เรเวน่าพูดเสียงงอนๆ เธอได้ยินเรื่องนี้แทบทุกวันจริงๆ จนไม่เข้าใจว่าทำไม

    "พี่ก็ไม่ได้อยากจะย้ำเราจนเราไม่สบายใจแบบนี้ แต่ที่อยากให้ตั้งใจมากๆ เพราะถ้าน้องสู้ไม่ไหว นั่นเท่ากับว่าพี่ต้องเสียน้องไป รู้ใช่มั้ย" ราเมเซสที่ตอนนี้เดินมานั่งข้างเธอผละออกจากอ้อมกอดแล้วเอามือขึ้นมาลูบหัวเบาๆ

    "ยังไม่ทันเริ่มเลยก็รู้สึกเหนื่อยแล้วค่ะ" ร่างเล็กพูดเสียงเหนื่อยอ่อน

    "ไม่ไหวก็บอกนะรู้มั้ย พี่อยู่ข้างเราเสมอ" ผู้เป้นน้องสาวพยักหน้าตอบ เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากพี่ชายคนนี้เสมอ ถึงบางทีเขาจะห่วงมากไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะเขารักและเป็นห่วงเธอ

    "ถ้าหมดเรื่องที่จะคุยแล้วน้องกลับก่อนนะ เดี๋ยวน้องต้องไปข้างนอกกับวาเลนแล้ว" เรเวนน่าบอกกับพี่ชายก่อนกำลังจะลุกยืนขึ้น แต่ก็ถูกพี่ชายคนโตคว้าแขนไว้ก่อน

    "จะออกไปไหน" เอาอีกแล้วอาการแบบนี้ คนที่ถูกยื้อไว้หันไปมองเขาแล้วพูดความจริงไป ไม่อย่างนั้นมีหวังว่าต่อให้อ้อนวอนยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เธอไปหรอก

    "ไปซื้อของค่ะ แล้วก็ไปเที่ยวด้วย น้องสัญญากับวาเลนไว้เเล้ว" เรเวนน่าพูดแล้วมองเขาด้วยสายตาพราวระยับหวังจะอ้อน ราเมเซสที่กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างแต่เธอเดาได้ว่าเค้าคงพูดอะไรที่ไม่ต่างไปจากจะให้ทหารตามไปหรอก แต่จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไม่เดินกันเป็นขบวนอย่างกับจะไปรบกันที่ไหน

    "ไม่เอาทหารค่ะ แค่แกลแลนท์คนเดียวก็พอแล้ว" เรเวนน่าพูดดักคอพี่ชายอย่างงรู้ใจว่าต่อจากนี้เขาจะพูดอะไร

    "เห้อ ก็ได้ๆ ดูแลตัวเองด้วยนะ" เขาพูดก่อนจะลุกยืนขึ้นเต็มความสูงเเล้วลูบหัวน้องสาวเบาๆ

     

     

     

    "วาเลนน้องรักกก พี่มาแล้ววว" เรเวนน่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาวาเลนไทน์และแกลแลนท์ที่ยืนรออยู่ที่รถม้าก่อนแล้ว

    "ท่านพี่! ใส่ชุดอะไรเนี่ย เปิดใหล่ทำไม" วาเลนไทน์มองพิจารณาเสื้อผ้าที่พี่สาวของเขาใส่วันนี้ ชุดเดรสที่เธอใส่เป็นสีเหลืองมีลายดอกทานตะวันอยู่ทั่ว บริเวณต้นคอมีเชือกสีขาวผู้ไว้เป็นโบว์เพื่อไม่ให้ชุดหลุด ใหล่เล็กๆถูกปล่อยให้ว่างไว้เพื่อโชว์ผิวขาวเนียน มีโบว์ขนาดไม่ใหญ่มากสีขาวผูกอยู่ที่เอวด้ายซ้าย ชายกระโปรงสั้นพอดีเข่า กับพรอบเล็กๆ น้อยๆ คือสร้อยคอดอกทานตะวันเล็กๆเข้ากับชุด กับทรงผมที่ถักเปียเดี่ยวไว้หลวมๆพร้อมกับมัดโบว์สีเหลืองกับขาวอย่างละเส้น ปล่อยปอยผมเกลี่ยแก้มบางๆ พร้อมกับสร้อยสปิเนลที่ตอนนี้กลายเป็นกำไลข้อมือแบบลวกๆ ไปแล้ว มองรวมๆ แล้วน่ารักน่าหวงสุดๆ

    "ทำไมล่ะ พี่ว่าน่ารักออก" ร่างบางบิดซ้ายบิดขวาเพื่อให้เขาดู ซึ่งจากการแสดงสีหน้าของน้องชายของเธอก็คงจะตอบได้ดีเลยล่ะ

    "ไปกันเถอะพะย่ะค่ะ สายกว่านี้เดี๋ยวตลาดจะวาย" แกลแลนท์หันไปเปิดประตูรถม้า แล้วผายมือเข้าไปข้างใน เขาคงอยากจะแก้สถานการณ์ที่คนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งเจ้านายของเขาจะได้วิ่งแจ้นกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่

    "แต่-" วาเลนที่ทำกำลังจะคัดค้านอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนเรเวนน่าดักไว้ก่อนที่ภัยจะมาหาตัวเธอ

    "ไปเร็วๆ เดี๋ยวไม่ทันนะ" ร่างบางดันหลังน้องชายให้ขึ้นรถม้าไปก่อนเขาจะให้เธอไปเปลี่ยนชุดใหม่จริงๆ

     

     

     

    ณ ตลาดยาเรตี ใจกลางเมืองหลวงของอาณาจักรเอนเดลลิออน

    "โห ไม่ได้มานานเปลี่ยนไปเยอะนะเนี่ย แถมเจริญขึ้นด้วย" เรเวน่ามองตลาดนี้อย่างสนใจ ครั้งล่าสุดที่มา ก็ตอนอายุสิบสามได้ล่ะมั้ง ตอนนั้นที่นี้ทั้งโทรมทั้งขาดทุนเรียกได้ว่าพังสุดๆ แต่ตัดภาพมาที่ตอนนี้ ภายในเวลาไม่กี่เดือนแต่กลับเจริญสุดๆ ไปเลย ร้านค้ามากมายตั้งอยู่ภายใต้ต้นไม้น้อยใหญ่ที่มีใบไม้สีแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะตอนนี้ที่เพิ่งจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงได้ไม่นานนับได้ว่าเป็นช่วงที่ตลาดจะดูสวยที่สุดในรอบปี ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่ ทำให้บรรยากาศน่าเดินมาก ร่างบางรีบจูงมือน้องชายร่วมสายเลือดเข้าไปทันที

    "วาเลนดูนั่นสิ น่ากินอะ" นิ้วเรียวชี้ไปทางร้านขนมปังที่ทำมีกลิ่นหอมชวนให้เดินเข้าไปเสียตัง แถมหน้าร้านยังมีป้ายรับประกันความอร่อยจากคนมีชื่อเสียงหลายๆคนอีกต่างหาก

    "แต่พี่เพิ่งกินข้าวเช้าไปเองนะ" วาเลนเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว ถึงปกติพี่สาวของเขาจะกินเยอะอยู่แล้วก็เถอะ แต่ว่าก่อนออกมาก็เพิ่งจะกินข้าวเช้ากันไปเองนี่

    "ก็แหม คิดว่าผู้หญิงมีกระเพาะเดียวหรอ" เรเวนน่ามองหน้าน้องชาย

    "ไปซื้อกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ร่างบางเดินไปที่ร้านก่อนจะชี้นู่นชี้นี่แล้วก็ไม่ลืมซื้อเผื่อวาเลนไทน์ด้วย พอได้มาแล้วก็จัดการแบ่งให้อีกคนแล้วตัวเองก็กินไปด้วย เดินดูร้านอื่น ๆ ไปด้วย ระหว่างทางก็ชิมนู้นชิมนี่จนท้องป่องกันเลย

    "โอ้ยอิ่มมากก พุงออกเลยเนี่ย" เรเวนน่าลูบหน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้นูนออกมาเล็กน้อย แต่ก็เล็กน้อยจริงๆ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ดูท้องป่องเลยสักนิด

    "น้ำหนักขึ้นไม่รู้ด้วยนะ ผมห้ามเเล้วนะบอกเลย" เขาพูดก่อนจะหัวเราะพี่สาวตััวเองที่ยืนเอามือข้างนึงยันเอวด้านหลังอีกข้างนึงลูบท้องที่ป่องออกมาอย่างกับคนท้อง

    เดินไปสักพักก็ไปถึงจุดศูนย์กลางของตลาดที่จะมีน้ำพุขอพรตั้งตระหง่านอยู่กลางวงเวียนใหญ่ บริเวณวงเวียนใหญ่นี้จะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาที่สุด แต่ด้วยช่องว่างเหนือน้ำพุที่ไม่ได้มีต้นไม้มาบดบัง ทำให้บริเวณที่ควรจะมืดที่สุดแต่แสงสว่างยังคงส่องลงมาได้มากพอในเวลากลางวัน ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินกันให้ควั่ก บางก็เดินแยกกันไปตามโซนขายของต่างๆ บ้างก็ยืนพักใต้ร่มไม้ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมาขอพรที่นี่ บางส่วนก็มานั่งพักที่ขอบน้ำพุ

    เรเวนน่าเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ กับน้ำพุพร้อมกับหยิบเหรียญทองเหรียญนึงออกมา ก่อนจะเอ่ยขอพรเบาๆ

    'ข้าพเจ้า ปารถนาที่จะให้ประชาชนของข้าและผู้คนที่ข้าพเจ้ารักอยู่รอดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง ขอพลังแห่งท่านผู้ปกปักรักษาผืนดิน ผืนน้ำ ผืนนภา จงอวยพรให้ข้าพเจ้าก้าวผ่านภาระและหน้าที่อันหนักหนานี้ไปได้ด้วยเถิด' พอขอพรเสร็จ มือบางก็แกว่งกะระยะเบาๆแล้วก็โยนเหรียญขึ้นไปจนถึงบริเวณตรงกลางของน้ำพุ ริมฝีปากสวยยกยิ้มอย่างพอใจกับผลลัพธ์ ที่นี่ก็เหมือนน้ำพุขอพรทั่วไป ที่ยิ่งโยนเหรียญเข้าใกล้จุดสูงสุดได้เท่าไหร่ พรที่ขอก็จะเข้าใกล้ความจริงมากเท่านั้น

    "ยังแม่นเหมือนเดิมเลยนะท่านพี่ แล้วไหนใครบอกว่าน้ำพุขอพรมันหลอกลวงไง" วาเลนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมา

    "ที่ผ่านมาคนอาจจะขอเยอะก็ได้ ลองดูอีกครั้งก็ไม่เสียหาย เผื่อฟลุ๊ค" เรเวนน่าทำหน้าเลิ่กลักทันที ก็มันเคยขอแล้วได้อย่างที่ขอซะที่ไหน ที่ผ่านมาเธอขอให้ชีวิตของเธอไม่เจอเรื่องร้ายๆ มีแต่ความสุขก็ไม่เห็นจะเป็นจริงเลยนี่

    "เอาเถอะ ครั้งนี้ผมก็ขอให้พี่นะ" พูดจบวาเลนไทน์ก็โยนเหรียญไปตกที่จุดสูงสุดเหมือนกับเรเวนน่า

    "จะขอให้พี่ทำไม นานๆ ทีเราจะได้มาขอพรกันที่นี่นี่ น่าจะขอให้ตัวเองนะ" 

    "ผมแค่อยากช่วยพี่บ้าง” เขาพูดแล้วมองหน้าพี่สาวด้วยสายตาเป็นห่วงและรักใคร่ เรเวนน่าไม่ได้พูดอะไรตอบ เพียงแต่ยืนมองหน้าน้องชายด้วยความไม่เข้าใจ “ช่างมันเถอะ ไปกันดีกว่า" วาเลนไทน์เดินนำออกไปก่อนหลังจากพูด นัยน์ตาสีโกเมนสวยของคนอายุมากกว่าหันไปมองน้ำพุเล็กน้อยก่อนจะเดินตามออกไป

    ระหว่างนั้นเราสองคนก็เดินซื้อของนู่นนี่รวมถึงอุปกรณ์การเรียน ที่ต้องเตรียมไปต่างๆ จริงๆ ไปซื้อแถวโงเรียนก็ได้แต่เจ้าน้องชายเอาแต่รบเร้าเธอให้รีบซื้อไว้เพราะกลัวว่าถ้ารอไปซื้อที่นู่นมันจะไม่มีขายเพราะคนต้องการค่อนข้างเยอะ พอใกล้ๆ จะเที่ยงเราก็ไปหาหาอะไรกินกันก่อนจะกลับวังกันในตอนบ่าย

     

    หลังจากวันนั้นเรเวนน่าก็ใช้ชีวิตเรียนแล้วก็ทำงาน แล้วก็อ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบดีที่มีพี่ชายทั้งสองคอยช่วยเกร็งข้อสอบบ้าง พี่ราเมเซสที่เป็นศิษย์เก่าที่เพิ่งจะจบมาหมาดๆ และพี่แซ็คมิสที่ขึ้นเรียนชั้นปีสามในปีการศึกษานี้ เพราะเวลาที่กระชั้นชิดทำให้ไม่สามารถเตรียมตัวได้ทันในเวลาไม่กี่วันได้ พวกเขาเลยต้องมาช่วยเธอทวนความรู้กันสักหน่อย

    เวลาของการที่จะต้องไปสอบเข้าก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และแล้วก็เวลาก็ดำเนินมาถึงวันที่ต้องเดินทาง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×